คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หญิงอาภัพ
วิภา ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งกำลังนอนฝันหวานถึงชีวิตที่แสนสุขสบายซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริงของชีวิตเธอโดยสิ้นเชิง ในความฝันที่เธอกลายเป็นเจ้าหญิงที่ประชาชนเคารพรัก ทุกคนมองเธอด้วยความชื่นชมพร้อมกับตะโกนเรีย"เจ้าหญิง ๆ" ด้วยความสรรเสริญ วิภาอยู่ในชุดที่สวยหรูยิ้มพร้อมกับโบกมือให้ประชาชนของเธอ ชีวิตที่แสนสุขในฝันของเธอต้องจบลงพร้อมกับรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ และสัญญาณเตือนก็คือเสียงนาฬิกาปลุกของเธอนั่นเอง หลังจากถูกปลุกขึ้นจากความสุขก็ถึงเวลาที่ต้องประเชิญกับความโหดร้ายของโลกใบนี้ วิภาแต่งตัวออกจาบ้านหลังเก่าๆที่ใกล้พังเต็มที่ ในบ้านหลังนั้นมีคนที่สำคัญในชีวิตเธอมากมาย ทั้งพ่อ แม่ พี่สาว หลานชาย และพี่เขย ทุกอย่างดูเหมือนดีในเมื่อที่บ้านมีแต่ความรักและความอบอุ่น แต่รายได้ของบ้านกลับสวนทางกับสมาชิกอันมากมายของครอบครัวซะเหลือเกิน พี่สาวของวิภาเป็นเพียงพนักงานขายธรรมดาๆของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พี่เขยก็เป็นเพียงช่างไฟของบริษัทเอกชน พ่อกับแม่ของวิภาก็เลิกทำงานตั้งแต่วิภาเรียนจบ ส่วนวิภาเป็นพนักงานบัญชีที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานหลังจากจบการศึกษา
หลังจากเดินออกจาบ้านมาถึงหน้าปากซอยวิภาก็อดไม่ได้ที่จะต้องเหลือบมองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่บริเวณปากซอย ในบ้านหลังนั้นวิภาเห็นชายหนุ่มรูปงามกำลังก้าวเท้าขึ้นรถคันหรูเพื่อออกไปทำงานนอกบ้าน ชายหนุ่มคนนี้คือเมอร์แลน เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่ง วิภาเจอร์เขาครั้งแรกตั้งแตสมัยที่ยังเรียนอยู่ ม.ปลาย ในสายตาของวิภา เมอร์แลนเป็นดุจเทพบุตร เป็นเจ้าชาย เป็นเทวดา หรืออะไรก็ตามเท่าที่วิภาจะคิดออก หลังจากนั้นทุกครั้งที่เดินผ่านวิภามักจะอดเหลือบมองไม่ได้ มันแทบจะกลายเป็นการกระทำที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอไปแล้ว
หมดเวลาเชยชมเทพบุตร วิภาเดินทางมาทำงานที่บริษัทของตนเอง ชีวิตที่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ใช่ทุกตำแหน่งหรอกที่จะได้รับเงินเดือนอันคุ้มค่า สำหรับวิภาเงินเดือนในแต่ละเดือนไม่ส่มารถทำให้เธอกับครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายได้เลย เมื่อนึกถึงสร้อยทองซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของแม่ที่ขายไปเมื่เดือนก่อนเพื่อใช้เป็นค่าเทอมของหลายชายวัย4ขวบ วิภาก็อดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอสามารถทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายได้ วิภามองชีวิตอันวุ่นวายรอบข้างแล้วถอนหายใจด้วยความอนาถในชีวิตก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองเป็นการยอมรับชะตากรรมที่ไม้อาจหลีกเลี่ยงได้
กริ๊งๆ เสียงเรียกเข้าพื้นฐานในโทรศัพท์มือถือของวิภา ดังขึ้นเพื่อเตือนถึงการมีสายเข้า วิภามองซายมองขวา เพื่อให้แน่ในว่าหัวหน้าแผนกของเธอไม่ได้อยู่แถวนี้ก่อนจะกดรับสายที่โทรมาจาก ที่บ้าน
“ฮัล โหล”วิภากรอกเสียงลง โทรศัพท์
“วิหรอลูก วิกลับมาลา งานมาครึ่งวันได้ไหม ครูประจำชั้นของตานัดโทรมาบอกว่าตานัดอาการกำเริบอีกแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล แม่โทรหายัยเวกับตากฤษแล้ว แต่สองคนนั้นลางานไม่ได้ วิกลับมาดูหลานหน่อยนะลูก” แม่ของวิภาโทรมาบอกถึงอาการโรค หัวใจของเวนัสหลายชายคนเดียวของบ้านที่มักจะมีอาการกำเริบขึ้นมาบ่อยๆ ซึ่งมันก็ ทำให้วิภาร้อนใจไม่น้อย หลายครั้งที่หมอเคยแนะนำให้ พาเวนัสไปผ่าตัด แต่ก็ติดอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดที่สูงลิบ ลิ้ว
“ค่ะ เดี๋ยววิจะไป เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”วิภารับปากแม่ก่อนจะวางสายโดยไม่ได้คิด เลยว่าหัวหน้าจะอนุญาตรึปล่าวเธอคว้ากระเป๋าถือของตัวเองและลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน ทันที
“นี่ๆ วิภาเธอจะไปไหน น่ะ”เสียงนฤนาทหัวหน้าแผนกฝ่ายบัญชีที่เดินผ่านมาพอดีร้อง ทักขึ้นในขณะที่วิภากำลังลุกจากโต๊ะทำงาน
“พี่นาทค่ะ วันนี้วิขอลาหยุดวันนึงนะ หลานวิไม่สบาย ตอนนี้อยู่โรง พยาบาล วิขอกลับไปดูหลานหน่อยนะค่ะพี่นาท” วิภา วิงวอน
“เอาเถอะๆ คราวนี้พี่จะให้ลาไปก่อน แต่คราวหน้าไม่ได้แล้วนะ บริษัทมี บัญชีที่ต้องทำเยอะแยะ ถ้าลาหยุดบ่อยๆ การเงินบริษัทก็ล่มกันหมดพอ ดี”
“ขอบคุณค่ะ”ด้วยความเป็นห่วงหลานทำให้วิภาแทบจะ เหาะออกจากบริษัทเลยทีเดียว ด้วยความเร่งรีบ วิภาเดินข้ามถนนโดยไม่ทันได้มอง ซ้ายมองขวาให้ดีก่อน รถยนต์หรูคันหนึ่งแล่นตรงมายังวิภาด้วยความเร็ว คนขับ เหยียบแบรกกระทันหัน รถหยุดก่อนที่จะชนวิภาไม่เกิน 1 เซนติเมตร ทำให้เธอไม่ได้ รับบาทเจ็บ แต่ด้วยความตกใจทำให้วิภาสะดุดขาตัวเองล้มลง คนขับรถลงมาจากรถแล้ว ช่วยประคองวิภาลุกขึ้น คนๆนั้นก็คือเอเมอร์ เจ้าชายรูปงานที่วิภาแอบปลื้มอยู่ นั่นเอง
“เป็นอะไรมากไหมครับ บาทเจ็บตรงไหนรึปล่าว” เอ เมอร์ถามวิภาด้วยความสุภาพในขณะที่ผู้หญิงอีกคนลงมาจากรถด้วยท่าทางไม่พอ ใจ
“หัดดูตาม้าตาเรือซะบ้างสิ อยากตายนักรึไง” หล่อน เริ่มโวยวาย
“เชอร์รี่! อย่าพูดอย่างนี้สิครับ คุณเองไม่ใช่หรอ ที่บอกให้ผมขับรถเร็วๆเพราะกลัวจะไปถึงร้านอาหารช้า” เอ เมอร์ปราม
“แต่มอสค่ะ คุณก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เอง”
“เชอร์รี่! ผมบอกให้พอไง ถ้าคุณยังไม่หยุดพูด จาหยาบคายคราวหน้าผมคงจะไปทานข้าวที่ไหนกลับคุณไม่ได้อีก” เอเมอร์ส่งสายตาไม่พอใจไปที่เชอร์รี่จนเธอต้องหยุด พูด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แฟนคุณพูดถูก ฉันกำลังรีบเลยไม่ทันได้ดูว่ามีรถมา ขอ โทษด้วยนะค่ะ”
“เอ่อคือไม่ใช่นะครับคือเราไม่ได้เป็น....” เอ เมอร์กำลังจะอธิบายต่อว่าเขากับเชอร์รี่ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่วิภากลับเดินหนีไป ซะแล้ว เธอรีบขึ้นแท็กซี่คันที่ใกล้ที่สุดไปโรงพยาบาล ระหว่างทางก็อดคินไม่ได้ ว่าภาพที่เธอเจอบ่งบอกได้อย่างเดียวว่าเจ้าชายที่เธอใฝ่ฝัน บัดนี้กลับมีเจ้า หญิงที่เพียบพร้อมเคียงข้างซะแล้ว
ที่โรงพยาบาลวิภามีโอกาสได้คุย กับหมอที่รักษาอาการของเวนิสหลานชาย
“ผมว่าคุณควรจะรีบพาเขาไปผ่าตัดได้แล้วนะครับ ยิ่งปล่อยไว้นานโอกาสรอดก็ ยิ่งมีน้อย”หมอกล่าวแนะนำกับ วิภา
“ค่ะ แล้วฉันจะพยายามนะค่ะ”วิภาเองก็อยากพาหลานไป ผ่าตัดให้เร็วที่สุดเหมือนกัน แต่ก็ติดเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดที่มากมาย เกินกว่าที่เธอจะหามาให้หลานชายได้ ครั้น จะไปกู้เงินมาผ่าตัด หนี้สินที่เคยกู้ ยืมมารัษาตัวเวนิสที่มีมากมายของเดิมก็ยังใช้ไม่หมด วิภาทอดสายตามองหลานชายที่ นอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้และอดเสียใจไม่ได้ถ้าหากจะต้องสูญเสียหลานชายคนนี้ไป เว นิสเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน จะมีทางไหนบ้างไหมที่เธอจะช่วยชีวิตดวงใจของ ครอบครัวดวงนี้ไว้ได้ วิภายินดีจะแลกกับทุกสิ่งทุกอย่างในของเธอเพื่อหลานชาย ทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของเธอเอง
ความคิดเห็น