คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 100% + special พิธีบูชายัณต์นรกานต์
"ตั้งใจมาอยู่ที่นี่? เธอบอกว่าตั้งใจมาอยู่ที่นี่" ไอทวนเหมือนไม่เชื่อหู สาวฝรั่งหูเบาคนนี้บอกว่าเธอตั้งใจมาอยู่ที่นี่เอง
"จ๊ะ แต่วิธีที่มาอาจไม่เหมือนไอ เท่าที่รู้มา มีหลายวิธีที่จะมาที่นี่ แต่ละพิธีจะไม่เหมือนกันแต่จะคล้ายๆกัน" ฮ่วย! แล้วจะรู้มั๊ยเนี่ย ตกลงยัยนาตาลีนี่พูดภาษาอะไรกันแน่ ทำไมมันวกวนเหมือนเด็กหัดพูดยังงี้!
"เอ่อ.... ไอ้วิธีกับพิธีอะไรเราไม่เข้าใจหรอก ขอเป็นตรงๆเลยได้มั๊ย ว่าตั้งใจมาอยู่แล้วทำไงต่อ กรอกใบสมัครเดินเข้ามายื่นที่นี่ อะไรประมาณเนี่ย"
นาตาลีหันมามองหน้าไอนิ่งๆ แล้วหัวเราะออกมา ทำเอาไอฉุนกึกมองตาขวาง 'ขำแป๊ะไรวะ'
"ฉันว่าครั้งแรกฉันสับสนแล้วนะ สงสัยไอจะเป็นหนักกว่า" นาตาลียังหัวเราะต่อ แม้เสียงหัวเราะจะไม่ส่อแววเยาะเย้ย แต่ ณ ตอนนี้กลับทำให้ไอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก พื้นฐานอารมณ์ขี้เล่นเลยพลันหดหายกลายเป็นฉุนจัด ก่อนจะเค้นเสียงเย็นถามคนข้างตัว
"ฉัน ถาม เธอ ดีๆ นะ"
"ใจเย็นสิไอ" คู่กรณีพยายามปลอบ รอยยิ้มยังแต้มที่มุมปากทั้งสองข้าง "เราไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเยาะนะ เราขอโทษด้วยละกัน" พร้อมส่งสายตาสำนึกผิดมาให้
"ก็ได้ แต่หวังว่าเธอจะตอบคำถามฉันตรงๆ ไม่โยกโย้" น้ำเสียงอ่อนลงมาก แต่ยังเจือความไม่พอใจนิดๆ
"จ๊า ดูท่าทางไอไม่น่าเป็นคนขี้หงุดหงิดนะ สงสัยคงยังไม่ฟื้นตัวดี ตกลงๆ เล่าให้ฟังก็ได้" คนพูดรีบชิงบอก เมื่อเห็นสายตาปรามว่าอย่านอกเรื่อง "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะพิธีบูชายัณต์นรกานต์"
ไอตาโตเป็นเครื่องหมายปรัศนีย์ ทำเธออดขำไม่ได้ รอยเศร้าลึกในแววตาเปลี่ยนเป็นไหวระริก มองเพื่อนใหม่ตรงหน้าจมอยู่กับคำถามร้อยแปด ที่ดูจะไม่สามารถเลือกคำถามไหนมาเป็นคำถามต่อไปได้ในตอนนี้ นาตาลีจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายพูดต่อ
"ฉันเจอชื่อพิธีนี้ในหนังสือศาสนาเล่มหนึ่ง เกิดนึกสนใจขึ้นมา เลยไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับพิธีนี้ แล้วก็เจอมันในร้านขายของสำหรับพวกคลั่งลัทธิมืด" เธอนิ่งไปนิด แล้วหัวเราะเบาๆกับความคิดตัวเอง "แต่ก่อนฉันไม่เคยคิดเฉียดใกล้ร้านพวกนี้หรอก แต่ความคิดตอนนั้น ร้านพวกนี้เหมือนแสงสว่างหนึ่งเดียวที่มีอยู่ ฉันพยายามดั้นด้นจนหาร้านเจอ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่นั่นมีหนังสือเล่มนี้จริงๆ"
ไอนิ่งฟังนาตาลีพูดด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เธอพอจะเดาทิศทางได้ว่าเรื่องจะเป็นยังไง คงไม่พ้นวกมาที่ 'ดินแดนซาตาน' บ้าๆนี่เป็นแน่ แล้วนั่นก็เป็นเรื่องเหลวไหลที่เธอไม่อยากได้ยินอีกแล้วในวันนี้ 'วิธีกลับบ้าน' ต่างหากล่ะที่อยากรู้ แต่เรื่องที่นาตาลีกำลังเล่ากลับมีมนต์บางอย่างทำให้เธอตั้งใจฟัง อะไรบางอย่างบอกว่า 'มันไม่ใช่เรื่องโกหก'
"ในหนังสือจะบอกวิธีต่างๆ ที่สามารถมายังดินแดนนี้ แต่วิธีที่ฉันสนใจที่สุดคือพิธีบูชายัณต์นรกานต์ พิธีสังเวยดวงวิญญาณให้กับซาตาน แลกกับการจองจำอีกดวงวิญญาณในนรก"
นาตาลียังคงเล่าต่อ สายตามองเหม่อไปยังภูเขาสูงเบื้องหน้า ไม่สนใจตาที่แทบถลนออกนอกเบ้าของไอ "หนังสือจะบอกวิธีคำนวณเวลาทางเชื่อมดินแดนเปิด พร้อมของที่ต้องใช้บูชายัณต์ทั้งหมด เมื่อถึงเวลาให้ทำการเซ่นของที่บูชายัณต์ทีล่ะอย่าง แล้วอย่างสุดท้ายคือตัวเราเอง กรีดเลือดพร้อมร่ายคาถาจนกว่าจะหมดลมหายใจ"
เกิดอาการเงียบไปชั่วอึดใจ
ใช่! เธอกำลังช็อค!
ขอถอนความคิดทั้งหมด! ตอนนี้ต่อให้มนต์อะไรก็คงฉุดให้อยากนั่งฟังต่อไม่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องจริงหรือเรื่องเล่า บอกได้คำเดียวว่าคนพูด โรคจิต!
"เอ่อ... ระ.. เรากลับห้องก่อนนะ ดะ..เดี๋ยวพี่เฮอร์มิสตามหา" ไอลุกพรวดพราด รู้สึกกลัวจับจิต ขืนอยู่ต่อ ไม่รู้แม่คุณจะจัดการสังเวยเธอด้วยรึเปล่า
"เดี๋ยวสิ ไอรังเกียจฉันเหรอ" เสียงเรียกพร้อมกับแรงรั้งที่ข้อมือเบาๆ ทำเธอสะดุ้ง! หันมามองแววตาละห้อยของอีกฝ่ายหนึ่ง 'อยากสงสารเหมือนกันนะ' แต่ความกลัวมันมีมากกว่า
"อ่ะ.. เอ่อ.." อะไรวะ! ปากเชี้ยนี่จะมาหนักอะไรเอาตอนนี้!
"ไอรังเกียจเราตรงไหน รังเกียจที่เราใช้พิธีบูชายัณต์นรกานต์เหรอ รังเกียจที่เราใช้พิธีโหดร้ายนั่นใช่มั๊ย" น้ำเสียงส่อแววเจ็บปวดและไม่เข้าใจ
"อ่ะ.. เอ่อ.. ป่ะป่าว" จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ 'กลัว!'
"ช่างเถอะ ฉันแค่อยากมีเพื่อนก่อนถูกส่งไปอยู่ที่อื่น" นาตาลียิ้มเศร้า ปล่อยมือจากแขนไอ "ไอไปเถอะ อ้อ ฉันลืมบอกไป สร้อยข้อมือที่ใส่อยู่นี่ถือเป็นรหัสตามตัว สามารถติดต่อกับผู้ดูแลผ่านทางนี้ได้" ยกแขนซ้ายชู เผยให้เห็นสร้อยข้อมือลูกปัดหลากสี เธอจึงมองที่ข้อมือตัวเองบ้าง พบสร้อยลักษณะเดียวกัน
"มะ..มันใช้ยังไง" ไม่รู้ทำไมเธอถึงถามออกไป ทั้งที่คิดจะรีบชิ่งไปแล้วแท้ๆ อาจเป็นเพราะแววตาเศร้าๆคู่นั้นก็ได้ เอาวะ! ยังไงตอนนี้ก็ยืนอยู่ เกิดเจ๊แกของขึ้น คงพอหนีทัน
"ยื่นแขนมาสิ" เธอยังยืนยิ้มแหยๆ ไม่กล้ายื่นแขนให้ตามคำบอก จนอีกฝ่ายต้องย้ำว่าไม่ทำอะไร เธอถึงยอมยื่นให้ทั้งกล้าๆกลัวๆ
นาตาลีถอดสร้อยข้อมือที่แขนเธอออก แล้วถอดของตัวเองตาม 'กลัวก็กลัว' แต่ก็อดชะโงกมองไม่ได้ เห็นคนตรงหน้าถอดลูกปัดเม็ดนึงออก จัดการสลับกับลูกปัดบนสร้อยของเธอ
"อ๊ะ เสร็จแล้ว" ไอรับสร้อย พลิกดูไปมา " จะสื่อสารกันได้ ต้องทำการแลกลูกปัดกันซะก่อน ส่วนวิธีสื่อสารก็แค่นึกหน้าคนที่ต้องการติดต่อแล้วเอ่ยชื่อ ลองทำดูสิ"
ไอลังเล ใจก็อยากลองทำอยู่หรอก แต่มันมหัศจรรย์พันลึกไปหน่อย เกิดแท้จริงแล้วยัยนี่เป็นคนไม่เต็ม เธอไม่ถูกหาว่าบ้าจี้ตามคนบ้าหรอกเหรอ ไม่น่าภูมิใจหรอกนะ 'ว่าครั้งนึงเคยโดนคนบ้าหลอก'
"ละ.. ลองทำให้ดูก่อนสิ" นี่แหล่ะวิธีที่ดีที่สุด
"ได้สิ" นาตาลีเงยหน้าสบตาเธอ เปร่งเสียงเรียกชื่อเบาๆ "ไอ"
'ไอ'
แปลก! มันไม่ใช่เสียงที่ได้ยินผ่านหู แต่มันเหมือนเสียงที่ดังก้องจากข้างใน เธอยกแขนข้างที่มีสร้อยข้อมือขึ้น ลูกปัดเม็ดนึงกำลังส่องแสงเล็กๆ ราวกับมันใส่แบตเตอรี่ไว้ข้างใน
"กำลังแปลกใจใช่มั๊ย" เสียงนาตาลีดังก้องอีกรอบ บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังสื่อสารผ่านไอ้สร้อยที่ว่านี่!
"ทำได้ไงอ่ะ!" เธอตะลึง สายตายังไม่ละจากสร้อยข้อมือเรืองแสง
"มันคือสร้อยสื่อสาร ลูกปัดเม็ดเล็กๆพวกนี้คือหินคอมมู เป็นหินที่มีคุณสมบัติใช้สำหรับการสื่อสาร ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำอะไรกับมันมาก่อนรึเปล่า พอดีผู้ดูแลของฉันเป็นคนให้ รู้แค่ว่าถ้าต้องการจะติดต่อกับใคร เราจะต้องทำการแลกหินคอมมูของคนๆนั้นก่อน"
'งั้นคงเหมือนกับการแลกเบอร์โทรศัพท์สินะ'
ไอจดๆจ้องๆสร้อยข้อมือไม่วางตา ดวงตาฉายแววตื่นเต้นจนปิดไม่มิดเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ ผิดกับอาการตื่นกลัวเมื่อกี้ลิบลับ
"ไม่เคยเห็นเลย ไม่น่าเชื่อจะมีของแบบนี้อยู่ด้วย"
"ถ้าบนโลกมนุษย์มันคงแปลก แต่สำหรับที่นี่มันคงเป็นเรื่องธรรมดา"
ไอชะงัก เหมือนเพิ่งนึกเรื่องสำคัญได้ จริงสินะ! ก่อนหน้านี้เธอกลัวผู้หญิงคนนี้อยู่นี่นา เป็นเพราะมัวตื่นเต้นกับสร้อยประหลาด ทำเธอลืมซะสนิท แต่หากตอนนี้เมื่อนึกได้ เธอกลับไม่รู้สึกกลัวแบบเมื่อกี้อีก มีเพียงความหวาดหวั่นเข้ามาแทนที่
ไอสลัดความคิด 'เป็นไปไม่ได้' แค่สร้อยประหลาดเส้นเดียว เธอจะคล้อยตามไม่ได้ นี่อาจเป็นอุปกรณ์อย่างนึงในเกมส์นี่ เธอห้ามหลงเชื่อเด็ดขาด มันต้องเป็นแผนแน่นอน
"ทำไมถึงมั่นใจนักว่าที่นี่คือดินแดนซาตาน" เธอถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ฉันเล่าให้ไอฟังไปแล้ว"
"เอ่อ.. บางทีเธออาจยังไม่ตาย ถูกพาส่งโรงพยาบาลทัน แล้วคนพวกนี้เลยจัดฉาก สวมรอยว่าเรามาอยู่ในดินแดนสมมตินี่" เธอตอบแบบไม่มั่นใจเท่าไหร่
"แล้วเค้าจะทำเพื่ออะไร"
"เป็นรายการเรียลลิตี้ไง สร้างฉากสมมติมาให้คนเล่น พอฉายแล้วคนชอบก็รวยอื้อซ่า"
"แล้วทำไมไอถึงมั่นใจว่าที่นี่เป็นแค่ฉากสมมติ ไม่ใช่ดินแดนซาตานล่ะ" นาตาลีย้อนถาม
"มันเหลือเชื่อเกินไป" เธอตอบเสียงเบา "แล้วมันก็ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันด้วยว่าที่นี่คือดินแดนซาตานจริงๆ" ถึงแม้สร้อยข้อมือนั่นจะทำเธอหวั่นๆก็เถอะ แต่น้ำหนักมันก็น้อยเกินไป
"ถ้าไอจะถามถึงหลักฐาน งั้นไอเคยสังเกตมั่งมั๊ย ว่าทำไมถึงไม่มีรอยแผลจากโลกมนุษย์ติดตัวเรามาเลย" คำพูดของนาตาลี ทำเธอรีบสำรวจตัวเองทันที แล้วก็จริง! เธอไม่มีรอยแผลติดตัวเลย ไม่ว่าจะเป็นแผลจากที่เข้าใจว่ารถชนหรือรอยแผลเป็นอื่นๆ
"ไม่จริง" เธอพึมพำเบาๆ มองดูแขนขาเกลี้ยงเกลา ไม่มีแม้รอยขีดข่วน!
"มันคือความจริง" นาตาลียื่นแขนออกมา "แขนข้างนี้คือข้างที่ถูกกรีดบูชายัณต์ ดูสิ มันไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นใช่ไหมล่ะ"
"มันอาจถูกรักษาก็ได้" เธอเถียงข้างๆคูๆ มองดูแขนที่ยื่นมาตรงหน้า มันไม่มีแม้รอยขีดข่วนเหมือนกัน นาตาลีส่ายหน้ากับความดื้อแพ่งของไอ
"งั้นลองดูนี่" ว่าแล้วเธอจึงยกแขนอีกข้างขึ้นมา ก่อนจะใช้เล็บกรีดลงไปแรงๆ
"ทำอะไรหน่ะ!" ไอตกใจกับการกระทำของเพื่อนใหม่ มองดูแผลเหมือนรอยแมวข่วนนั้นสลับกับมองหน้าเจ้าของแขน
"ไออยากได้หลักฐานไม่ใช่เหรอ นี่แหล่ะคือหลักฐาน"
"เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ฉันต้องการหลักฐานจริงๆ ไม่ใช่ให้เธอทำแบบนี้!"
"งั้นลองดูอีกทีสิ" นาตาลีชี้ให้ดูที่แขนอีกรอบ รอยข่วนที่เคยเห็นค่อยๆจางหายจนเผยแขนเนียนเรียบเช่นเดิม
"เป็นไปได้ยังไง!"
"นั่งก่อนสิ" หญิงสาววัยประมาณ 26-27 ปี เอ่ยพร้อมรอยยิ้มบนสีหน้าอ่อนโยน ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์
ของเธอในสายตาไอไปซะแล้ว
ใช่! เธอคือพี่เฮอร์มิส!
หลังจากแยกกับนาตาลี ไอจึงตรงดิ่งกลับมายังตึก "ศูนย์การเรียนรู้" ตึกที่อยู่กับพี่เฮอร์มิสครั้งล่าสุด แต่เพราะครั้งแรกเธอเอาแต่เดินเหม่อ จึงไม่ได้สังเกตว่าตึกสีเขียวสไตล์โมเดิร์นที่เห็นแต่แรกนั้นไม่ได้มีแค่เพียงตึกเดียว แต่มันกลับมีอยู่มากมายไม่ต่ำกว่า 20 ตึก แถมทุกตึกต่างมีป้ายสีเขียวใสติดคำว่า "ศูนย์การเรียนรู้" ไม่ก็ "ศูนย์พักฟื้น" เหมือนกันแทบทั้งสิ้น
จนมาหยุดอยู่หน้าตึกนี้ ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าตึกนี้คือตึกที่เธอมาก่อนหน้านั้น ทั้งๆที่หน้าตาหรือแม้แต่ป้ายไม่ได้แตกต่างจากตึกที่ผ่านมาเลยสักนิด แล้วความคิดนึงก็ฉุกขึ้น เมื่อเหลือบมองสร้อยข้อมือตรงแขน
'ทำไมไม่ลองใช้มันดูล่ะ?'
แล้วมันก็ใช้ได้จริงๆ! เมื่อเสียงที่พี่เฮอร์มิสตอบกลับดังก้องเหมือนเสียงนาตาลีเมื่อกี้ไม่มีผิด! และเหตุนี้ ตอนนี้เธอจึงกลับมายังที่นี่ ห้องเดิมที่เธอเพิ่งเดินออกไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
"พี่..เอ่อ..คุณ ช่วยเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้ฟังใหม่ได้มั้ย" ไอเริ่มถามข้อข้องใจทันทีเมื่อนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม
"เรียกพี่ก็ได้ค่ะ อืม...แล้วไออยากให้พี่เริ่มเล่าตรงไหนล่ะ"
" ก็... ทุกเรื่อง..." เธอบอกเสียงเบา ความกลัวลึกๆเริ่มทำให้ไม่มั่นใจนัก ว่าเธออยากรู้ 'ทุกเรื่อง' จริงหรือเปล่า
"ได้จ๊ะ แต่คงจะไม่ทุกเรื่องหรอกนะ เรายังมีเวลาคุยกันอีกนาน เอาเป็นว่าพี่จะค่อยๆเล่าแล้วกัน ดีไหม" เมื่อเห็นเธอพยักหน้า พี่เฮอร์มิสจึงยิ้มให้แล้วพูดต่อ "ไอเริ่มเชื่อแล้วใช่ไหมว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ไอจากมา"
แม้จะพยายามเผื่อใจ แต่คำว่า'ไม่ใช่ที่ไอจากมา' กลับทำให้ใจแกว่งๆหวิวๆยังไงชอบกล
"ก่อนอื่น พี่อยากรู้ว่า อะไรทำให้ไอเปลี่ยนใจเชื่อเรื่องพวกนี้ขึ้นมา หรือเพราะสร้อยเส้นนี้ " แล้วยกมือชูสร้อยของตัวเองที่เหมือนกับของเธอและนาตาลีไม่มีผิดให้ดู
"ปะ เปล่า ที่จริงก็มีส่วนอ่ะนะ แต่ก็มีเรื่องอื่นด้วย" เมื่อพี่เฮอร์มิสยังเอียงคอมองสงสัย เธอจึงขยายความต่อ "หมายถึงเรื่องรอยแผลเป็นด้วยค่ะ"
"อืม คงหมายถึงบาดแผลที่สมานตัวกันเองใช่ไหม นั่นเป็นธรรมดาของคนในดินแดนนี้ค่ะ อย่างที่พี่บอก ที่นี่คือดินแดนซาตาน หรืออีกชื่อว่า เอมเมอร์เทียร์ ดินแดนนี้จะใกล้เคียงกับโลกมนุษย์มากที่สุด เรียกว่าแทบจะเหมือนกันเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ความเป็นอมตะ เอมเมอร์เทียร์หมายถึงอมตะ"
"อมตะ! งั้นทุกคนที่นี่ก็ไม่ตายล่ะสิ" ไอโพล่งอย่างลืมตัว ในหัวเริ่มคำนวณอายุของผู้ดูแลสาวตรงหน้าโดยอัตโนมัติ
"ถ้าหมายถึงพลังวิญญาณและความทรงจำแล้วล่ะก็ ใช่ค่ะ"
"หมายความว่าไงคะ"
"เอ... จะเริ่มตรงไหนดีล่ะ พี่ก็ไม่ได้มาดูแลใครนานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าต้องอธิบายไหนก่อนไหนหลังด้วยสิ เดี๋ยวรอแปบนะ" พี่เฮอร์มิสหัวเราะเก้อๆ พร้อมกับลุกไปหยิบหนังสือเล่มนึงจากชั้นหนังสือข้างหลัง ทิ้งเธอได้แต่มองตาปริบๆ นึกไม่มั่นใจกับผู้ดูแลคนนี้ขึ้นมาตะหงิดๆ
"ขอโทษทีนะ อ่ะนี่จ้ะ พี่ว่าไอดูไปด้วยน่าจะเข้าใจนะ" หนังสือเล่มไม่หนานักถูกยื่นมาตรงหน้า ไอรับมามองงงๆ ปกหนังสือเป็นผ้ากำมะหยี่สีเขียวอ่อนสะท้อนตัวหนังสือหวัดสวยสีแดงว่า 'เอมเมอร์เทียร์'
เมื่อลองเปิดดู เธอพบว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงหนังสือธรรมดา มีคำนำ สารบัญและเนื้อหาพร้อมรูปภาพประกอบเหมือนหนังสือทั่วๆไปที่เธอเคยอ่าน โธ่...เสียดาย นึกว่าจะมีภาพประกอบเหมือนจริงแบบในเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ซะอีก
"เปิดไปที่หน้า 5 สิ" ไอเปิดหนังสือตามที่บอก 'การแบ่งชั้น' หัวข้อนี้เด่นหราอยู่กลางหนังสือด้านบน ถัดมาเป็น หัวข้อต่างๆที่แบ่งย่อยและย่อยๆไปอีกหลายหน้าจนเธอตาลาย
"พี่จะให้หนูอ่านหมดนี่เลยเหรอ" เธอท้วง มองตัวหนังสือเหล่านี้ด้วยอาการสยดสยอง
"ปล่าวค่ะ พี่แค่จะให้ไอเปิดควบคู่ไปด้วย ส่วนเนื้อหาข้างในพี่จะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ แต่ถ้าอยากรู้ให้ละเอียด ไอจะอ่านเพิ่มเองก็ได้นะ ถือเป็นความรู้เพิ่มเติม"
"ค่อยยังชั่ว" ไอแอบผ่อนลมหายใจดังฟู่
"เอาล่ะ ต่อจากเมื่อกี้นะ ที่พี่บอกว่าที่นี่ต่างจากโลกมนุษย์ตรงความเป็นอมตะ ทุกคนที่นี่จะเป็นอมตะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ขอบเขตของความเป็นอมตะจะอยู่ที่ชนชั้น ดินแดนซาตานจะแบ่งชนชั้นออกเป็น 3 ชนชั้นใหญ่ๆ คือ เดมส์ จินเนอร์ และรูท
เดมส์จัดเป็นชนชั้นสูงสุด คนพวกนี้จะมีพลังวิญญาณและร่างกายสูงมากเพราะมีสายเลือดโดยตรงของเทพซาตานทั้ง 6 ถัดมาคือจินเนอร์ ชนชั้นนี้จัดเป็นชนชั้นประปราย คืออาจเป็นลูกหลานของเดมส์ชั้นปลายแถวที่พลังวิญญาณและพลังร่างกายไม่แข็งแกร่งพอให้อยู่ชั้นเดมส์อีกต่อไป
หรืออาจเป็นชนชั้นรูทที่มีพลังวิญญาณและพลังร่างกายแกร่งเกินกว่าจะเป็นชนชั้นรูท แล้วสุดท้ายคือชนชั้นรูท ชนชั้นนี้มักเป็นชนชั้นที่เกิดใหม่ ไม่ก็เป็นชนชั้นรูทมาตั้งแต่เดิม จะมีพลังวิญญาณและร่างกายใกล้เคียงกับมนุษย์ในโลกไอมากที่สุด"
"แล้วเป็นอมตะต่างกันตรงไหน อมตะหมายถึงไม่ตาย ถ้าเป็นอมตะแล้วก็น่าจะเป็นอมตะเลยสิ รึจะมีอมตะซ้อนอมตะ อมตะยกกำลังสอง สามไปเรื่อยๆ" สาบานเลยว่าเธอไม่ได้ตั้งใจกวนตรีน! แต่ความสงสัยมันพาให้รูปประโยคมันจัดออกมาแบบนี้ไปเอง
"อมตะไม่ได้หมายถึงไม่ตาย แต่หมายถึงไม่สูญสลายค่ะ แล้วไอรู้มั๊ย ว่าทำไมมนุษย์ถึงกลัวความตาย"
"กลัวเจ็บ มั้ง" ก็ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงกลัวเจ็บก่อนตายหน่ะแหล่ะ
"ไม่ใช่ค่ะ นั่นแค่เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ สิ่งที่มนุษย์กลัวที่จริงไม่ใช่ความเจ็บ แต่เป็นความไม่รู้ต่างหากค่ะ"
"ความไม่รู้งั้นเหรอ?"
"ค่ะ ความไม่รู้ กลัวว่าตายแล้วจะไปไหน อยู่ที่ไหน จะอยู่คนเดียวหรือเปล่า ใครจะจำตัวเองได้มั่ง รึเราจะจำใครได้หรือเปล่า จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่กลัวคือความไม่รู้แทบทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นอมตะอย่างแรกสำหรับทุกคนที่นี่คือ ความทรงจำ"
"ที่ว่าเป็นอมตะหมายถึงความทรงจำหรอกเหรอ"
"ค่ะ ทุกคนทุกชนชั้นที่นี่จะมีความทรงจำเป็นอมตะ แต่สำหรับพลังร่างกายและพลังวิญญาณที่จะเป็นอมตะได้นั้น ต้องขึ้นอยู่กับชนชั้นด้วย"
"ไอ้พลังร่างกายกับพลังวิญญาณพูดๆมานี่หมายถึงร่างกายกับวิญญาณใช่มั้ย" ไอถามกลับ
"ค่ะ" เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้ารับ เธอถึงกับอดด่าในใจไม่ได้ 'แล้วจะพูดให้ยาวทำเพื่อ?'
"และถ้าให้เดาอีกอย่าง คนที่เป็นอมตะอยู่ยงคงกระพันไม่ตายทั้งร่างกาย วิญญาณ ความทรงจำนี่ คงเป็นพวกชนชั้นเดมส์ใช่มั้ย"
เมื่อพี่เฮอร์มิสยิ้มแล้วพยักหน้าอีกรอบ ไอเริ่มทำหน้าเบื่อ ก็ไอ้ที่ฟังๆมานอกจากจะเหมือนนิยายแฟนตาซีแล้ว มันยังเป็นเป็นนิยายแฟนตาซีอินเดียโบราณด้วยสิ มีระบบชนชั้นวรรณะซะด้วย หลังจากที่ลองไล่ดูแล้ว เธอคงหนีไม่พ้นชนชั้นสุดท้าย หวังแต่ว่ามันคงไม่ใช่ชนชั้น 'ขี้ข้า'
"เพราะเหตุนี้มนุษย์ที่รู้เรื่องดินแดนซาตานถึงอยากเข้ามาอยู่ดินแดนแห่งนี้กันไงคะ"
"พี่รู้อะไรมาผิดๆรึเปล่า" ไอแย้ง ไม่เคยได้ยินว่ามีใครอยากมาอยู่เมืองซาตาน มีแต่คนเค้าอยากขึ้นสวรรค์กันทั้งนั้น
"จริงค่ะ อยากที่บอก ดินแดนนี้ใกล้เคียงกับโลกมนุษย์มากที่สุด แต่เพราะความเป็นอมตะและลักษณะพิเศษของที่นี่ จึงทำให้ที่นี่น่าอยู่กว่าดินแดนสวรรค์และดินแดนนรก"
"พี่พูดยังกับสวรรค์ไม่น่าน่าอยู่งั้นแหล่ะ" ส่วนนรกคงไม่ต้องพูดถึงล่ะมั้ง
"แล้วแต่คนชอบค่ะ ถึงมีคำเปรียบเทียบ 3 ดินแดนนี้ไว้ว่า ดินแดนสวรรค์มีแต่ความจืดชืด ดินแดนนรกมีแต่ความมืดมิด ดินแดนซาตานมีแต่ความตื่นเต้นและเร้าใจ"
ห๊ะ! มีแต่ความตื่นเต้นและเร้าใจ!
ใครวะที่เป็นคนเปรียบเทียบ!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
special
ตามคำเรียกร้องของ BoBea รายละเอียดของพิธีบูชายัณต์นรกานต์ แต่ออกตัวไว้เลยนะว่าข้อนี้ฮับคิดเอง ไม่ได้ไปเอามาจากหนังสือไหนจริงๆ และห้าม ทำตามอย่างเด็ดขาด
พิธีบูชายัณต์นรกาณต์ :
พิธีสังเวยดวงวิญญาณให้กับซาตาน แลกกับการจองจำอีกดวงวิญญาณในนรก เป็นพิธีหนึ่งในหลายๆวิธีในการเข้ามาดินแดนซาตาน จัดอยู่พิธีโหดร้ายอันดับต้นๆ แต่ถ้าเทียบกับพิธีที่โหดร้าย(มากๆ) อื่นๆแล้วถือว่าไม่โหดร้ายเลยสักนิด
วิธี (ขอเซ็นต์เซอร์ไว้บางส่วนเดี๋ยวโดนแบน)
เมื่อทราบวันเชื่อมดินแดนเปิดคือวันศุกร์ 13 จะมีเพียงเสี้ยวเวลาเท่านั้นที่เป็นจุดเชื่อม ดังนั้นในหนังสือ (เช่นหนังสือของนาตาลี) จะมีตารางบอกเวลาทางเชื่อมเปิดของในแต่ละศุกร์ 13 ซึ่งในแต่ล่ะครั้งมักจะไม่เหมือนกัน
เมื่อได้เวลา (ต้องเป๊ะ) จะทำการสวดวิงวอน (ตามบทสวดในหนังสือ) แล้วทำการเซ่นของบูชายัณต์ทั้ง 6 ชนิดที่เตรียมไว้ (สัตว์ 5 ชนิด 5 ตัว) นำเลือดที่ได้มาเขียนรูปวงแหวนดาวหกแฉกขนาดใหญ่ โดยมีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง (ต้องเป็นรูปตามในหนังสือเท่านั้น ไม่ใช่หกแฉกทั่วไป) แล้วอย่างสุดท้ายคือการเซ่นของบูชายัณต์ชนิดที่ 6 คือตัวเราเอง กรีดเลือด พร่ำร่ายคาถาจนกว่าจะหมดลมหายใจ โดยตลอดเวลาหากแม้ทุรนทุรายทรมาณขนาดไหน ห้ามให้ร่างกายออกจากวงแหวนเด็ดขาด
ผลลัพท์ที่ได้
บาป....(- -) สามารถมายังดินแดนซาตานนี้ และได้รับการดูแลเฉกคนอื่นๆ แต่เมื่อถึงเวลา พันธะจากพิธีจะเป็นผู้กำหนดทางเดิน ไม่มีสิทธิเรียกร้องทีหลัง (เดี๋ยวในนิยายมีบอก)
เฮ้อ...... จบแล้วพิธีนรกานต์ แต่งยากจังฮู้! แต่งไปลบไป แต่งไปลบไป กลัวโหดเกิน แต่เป็นที่สัญญากันแล้วนะว่ามันเป็นเรื่องสมมติ ห้ามลืม!
Talk
ขอโทษด้วยค่ะที่อัพช้า ตอนนี้แขนหัก ใส่เฝือกอยู่เลย หมอนัดถอดอาทิตย์หน้า เอ๋.. อาทิตย์นี้สิ วันศุกร์นี่แหล่ะ ตอนนี้พึ่งเนเน่อยู่ อย่าพึ่งนินทามันเลยเนอะ
ความคิดเห็น