คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 บทเรียนแรก
"เฮอร์มิส พาราเบล ผู้รักษาแห่งดิฮอสติ้ง ฝ่ายA ยินดีต้อนรับสู่เอมเมอร์เทียร์ ดินแดนซาตานค่ะ"
เหมือนทุกอย่างรอบตัวรวมถึงสมองเธอจะชะงัก ไอมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตางุนงง กว่าอึดใจที่เธอคิดว่าพอจะเข้าใจอะไรรางๆ ถึงสถานการณ์ตรงหน้า
"นี่เป็นรายการอะไรคะ"
"รายการ?" คนฟังมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะแย้มรอยยิ้มเมื่อเข้าใจถึงคำถาม " นี่ไม่ใช่รายการหรอกค่ะ เป็นโลกของความเป็นจริง เพียงแต่เป็นดินแดนของซาตานเท่านั้น"
"แหมพี่ก็ อย่าล้อเล่นเลยน่า ไหนดูหน่อยซิ ซ่อนกล้องไว้ตรงไหนบ้าง" แล้วทำท่าชะเง้อชะแง้แหงนหน้ามองเพดานมั่งใต้โต๊ะมั่ง
"ไม่มีหรอกค่ะ"
" ต้องมีสิ ต้องให้หาให้เจอก่อนใช่มั๊ยเนี่ย พี่ถึงจะยอมรับ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นเดินสอดส่ายสายตาไปทั่วห้อง แต่เพราะห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น นอกจากชั้นวางหนังสือกับชุดโซฟาที่นั่งแล้ว ภายในห้องไม่มีของตกแต่งอะไรอีก เมื่อไม่มีจุดไหนที่พอจะซ่อนกล้องได้เธอจึงยอมกลับมานั่ง
" ที่ดิฮอสติ้งนี่ไม่ใช้กล้องค่ะ เรามีผู้ปกป้องหรือที่ไอเรียกว่าตำรวจคอยดูแลตลอด"
"โอเคๆ ยอมๆ" ยกมือทำท่ายอมแพ้ "เรามาพูดตรงๆกันดีกว่า ว่านี่เป็นรายการอะไร ขอความจริงนะคะ เพราะหนูไม่ชอบให้ใครมาเล่นตลกแบบนี้"
"นี่คือความจริงค่ะ ที่นี่คือดินแดนซาตาน และที่เรากำลังอยู่กันตอนนี้เรียกว่า ดิฮอสติ้ง เป็นศูนย์พิเศษตั้งอยู่ในเขตโดมค่ะ" เฮอร์มิสพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ ผิดกับอีกคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่อีกฝั่ง
"ไม่ยอมรับใช่มั๊ย เอางั้นก็ได้ ไหนลองบอกมาหน่อยสิว่าดินแดนนี้ตั้งอยู่ที่ไหน หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้วไหนล่ะหลักฐาน"
"เรื่องที่ตั้งเดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ฟังในบทเรียน ส่วนเรื่องที่ไอมาอยู่ที่นี่ได้คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ หลักฐานคงไม่ต้องมีหรอกมั้ง เดี๋ยวอยู่ไปก็จะเรียนรู้เอง"
'เคลียร์มาก!'
ช่างเป็นคำตอบที่ทำเอาเธออยากจะทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด มองใบหน้ายิ้มแย้มนั่นตาขวาง
" ขอคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้ได้มั๊ยคะ" พยายามข่มอารมณ์ถาม ถ้าคำตอบรอบนี้ไม่เคลียร์สงสัยเธอคงต้องเป็นคนเคลียร์ตัวเองออกจากห้องนี้แทน
"ได้ค่ะถ้าไอคิดว่าพร้อมจะรับฟัง" คนพูดเว้นจังหวะไปนิดก่อนเอ่ยถาม "ไอรู้จักดินแดนสวรรค์ กับดินแดนนรกไหม"
"เคยได้ยินเหมือนกัน ตอนมีพระมาเทศน์ที่โรงเรียน" พร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย เธอมั่นใจว่านี่ต้องเป็นรายการเรียลลิตี้อะไรสักอย่าง บางทีอาจจะลองเล่นด้วยดูสักหน่อยคงไม่เสียหาย
"ค่ะ ดินแดนซาตานเป็น 1 ในสามภพ ได้แก่ดินแดนสวรรค์ ดินแดนนรก และดินแดนซาตาน "
"แล้วดินแดนมนุษย์ล่ะเอาไปไว้ไหน" ที่ถามไม่ใช่เพราะสงสัยหรือเชื่อคำพูดของเฮอร์มิส เพียงแต่เธออยากรู้นักว่าจะตอบยังไง หึหึ หรือจะบอกว่าโลกมนุษย์เกิดการล่มสลาย ไข้นกระบาด อุกกาบาตโหม่งโลก
"ถ้าเปรียบข้างบนเป็นดินแดนสวรรค์ เปรียบข้างล่างเป็นดินแดนนรก รอบๆตัวเราก็คือดินแดนซาตาน ส่วนดินแดนมนุษย์คือข้างในตัวเรา"
"ดินแดนมนุษย์เล็กจิ๊ดเดียวเองอ่ะ" พร้อมยกนิ้วขึ้นมาทำท่าว่าเล็กจริงๆ เฮอร์มิสดูเหมือนจะไม่รู้หรืออาจจะรู้ว่าไอตั้งใจประชด แต่เธอยังคงอธิบายต่อ
"ใช่ค่ะ ดินแดนมนุษย์ไม่ได้จัดอยู่ใน 3 ภพ เป็นแค่ดินแดนที่ถูกจำลองขึ้นเท่านั้น"
"จำลอง!" ไอขึ้นเสียงสูง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง "จะบอกว่าโลกมนุษย์ไม่มีอยู่จริง แล้วที่นั่งหัวโด่เด่อยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่ใช่มนุษย์เหรอ"
"จำลองไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริงค่ะ แต่เป็นเหมือนสถานที่เล็กๆที่พระเจ้าทดลองสร้าง โลกมนุษย์ถึงแม้จะเล็กแต่ก็ซับซ้อนและวุ่นวาย มีทั้งภพและมิติเยอะไปหมด แต่นั่นก็เป็นต้นกำเนิดของดินแดนซาตานแห่งนี้"
"พอเถอะค่ะ เอาเป็นว่าหนูมาอยู่นี่ได้ยังไง แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้กลับบ้าน" ไอยกมือขึ้นห้าม ฟังพี่เธอพูดแล้วเหมือนแกตั้งใจมาสอนศาสนาไม่มีผิด แค่ศาสนาพุทธเธอยังจำศีล 5 ไม่ได้ นี่เล่นจะเอาศาสนาอื่นเข้ามาเอี่ยว แบบนี้คงทนฟังไม่ไหว
"ได้ค่ะ เรื่องนี้เดี๋ยวไออยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆคงจะเรียนรู้และเข้าใจไปเอง" เฮอร์ยังยิ้ม เธอไม่แสดงท่าทางว่าไม่พอใจที่จู่ๆไอก็บอกปัด "ที่ว่าไอมาอยู่ที่นี่ได้เพราะเหตุบังเอิญ เพราะปกติ ดินแดนนี้มนุษย์จะไม่สามารถเข้ามาได้ง่าย แต่อาจเป็นเพราะตอนไอเกิดอุบัติเหตุทางเชื่อมระหว่างดินแดนเกิดเปิดพอดี ไอจึงสามารถเข้ามาที่นี่ได้"
"อ้อ แล้วนี่คงตายแล้วสินะ" พูดแล้วก็ตบแก้มตัวเองซ้ายขวาไปมาแบบไม่แรงนัก "อืม... ดินแดนนี่ก็ดีใช่เล่นนะ ตายแล้วยังรู้สึกเจ็บ"
"ทั้ง 3 ดินแดนเป็นเหมือนกันหมดค่ะ แม้จะมาจากโลกมนุษย์แค่พลังวิญญาณ แต่เมื่อมาถึงดินแดนนั้นแล้ว ถือเป็นการเกิดใหม่ จะมีร่างกายและความรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน"
"จะให้ตายจริงๆซะด้วย" น่าขำจริงๆ เธอประชดนะนั่น แต่พี่แกยังรับมุข อธิบายต่อเป็นตุเป็นตะ สงสัยจะท่องสคริปมาดี
"นี่คือข้อสำคัญที่พี่จะบอกไอ" คนที่ยิ้มแย้มมาตลอดเริ่มมีสีหน้ากังวล " ธรรมดากฎของโลกมนุษย์ก็คือพลังวิญญาณดีจะไปดินแดนสวรรค์ พลังวิญญาณร้ายจะไปดินแดนนรก แต่นั่นหมายถึงพลังวิญญาณได้ขาดจากร่างกายโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น แต่กฎของดินแดนซาตานไม่เหมือนกัน ทุกพลังวิญญาณในโลกมนุษย์สามารถเข้ามาที่นี่ได้ ถ้าช่วงเวลาที่พลังวิญญาณนั้นออกจากร่างตรงกับเวลาทางเชื่อมระหว่างดินแดนเปิด ถึงแม้จะไม่ขาดจากร่างกายโดยสมบูรณ์ก็ตาม"
"อืม เข้าใจยากดี " พยักหน้ารับแบบขอไปที สำหรับเธอตอนนี้แค่จะทนฟังจนกว่าคนตรงหน้าจะ เบื่อแล้วเลิกอำเรื่องบ้าบอนี่สักที
เฮอร์มิสมองเด็กสาวตรงหน้าที่มองนู่นมองนี่ไม่สนใจฟังเธอเท่าไหร่ แต่เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่ไอจะเข้าใจและยอมรับในทันที หน้าที่ของเธอตอนนี้คือดูแลและบอกรายละเอียดเท่าที่เธอควรจะบอกเท่านั้น
"ไอจำชื่อและตำแหน่งพี่ได้ใช่ไหม" จู่ๆพี่เฮอร์มิสก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาถามเธอ
"อืม จำได้ คุณเฮอร์มิส พาราเบล ผู้รักษาแห่งดิฮอสติ้ง ฝ่ายA" ไอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เธอจำชื่อและตำแหน่งได้แม่นยำ แต่นั่นคงเพราะว่ามันแปลกเธอจึงจำได้
"ค่ะ ที่นี่เป็นศูนย์พิเศษ มีชื่อเรียกกันว่า ดิฮอสติ้ง มีหน้าที่คล้ายๆโรงพยาบาลที่โลกมนุษย์ มีทั้งหมด 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่าย A เป็นหน่วยงานแรกรับและหน่วยพิเศษ ฝ่าย B หน่วยงานภายใน และฝ่าย C หน่วยงานภายนอก สองฝ่ายหลังจะดูแลเฉพาะคนที่อยู่ในอาณาจักรโดมและอาณาจักรอื่น ส่วน ฝ่าย A ที่จะพูดถึงคือฝ่ายที่ไอกำลังอยู่
หน่วยงานนี้จะมีทั้งหมด 3 ศูนย์ ได้แก่ รักษา พักฟื้น เรียนรู้ ความพิเศษของหน่วยงานนี้คือ จะดูแลเฉพาะพลังวิญญาณที่เพิ่งเข้ามาดินแดนซาตานครั้งแรกเท่านั้น ทุกพลังวิญญาณที่อยู่ในหน่วย A จะมีหมอในความเข้าใจของไอ แต่ที่นี่จะเรียกว่าผู้รักษา เป็นผู้ดูแลส่วนตัวทุกคน"
"แล้วพี่ก็คือผู้รักษาที่ดูแลหนู"
"ใช่ค่ะ พี่เป็นหัวหน้าผู้รักษา ฝ่าย A " เฮอร์มิสพยักหน้าเล็กน้อย
"อ่ะโห หัวหน้าซะด้วย ยังงี้ก็เก่งน่าดูเลยสิ ไหนลองแสดงเวทมนต์ให้ดูทีซิ" ไอแกล้งทำตาโต แสดงสีหน้าตื่นเต้น
"ที่นี่ ไม่มีเวทมนต์ค่ะ" เฮอร์มิสส่ายหน้า
"ว้า เสียดายจังนึกว่าจะได้เห็น ถ้าได้เห็นสักครั้งคงจะเชื่อเลยหล่ะ" ทำหน้าเหมือนเสียดายจริงๆ ยกเว้นในนัยย์ตาที่เต้นระริก "เป็นถึงหัวหน้าทั้งที แถมอยู่ในดินแดนซาตานด้วย ไม่มีเวทมนต์แล้วมาเป็นหัวหน้าได้ยังไง"
"ทุกคนในดินแดนนี้จะมีพลังวิญญาณค่ะ คล้ายๆเวทมนต์แต่แข็งแกร่งกว่า เวทมนต์อาจจต้องการการฝึกฝน แต่พลังวิญญาณแค่กำหนดจิตเท่านั้น แล้วปกติหน้าที่ของหัวหน้าผู้รักษา จะดูแลและตรวจสอบการทำงานของผู้รักษาในอาณัติเท่านั้น จะลงมาดูแลเป็นครั้งคราว เพียงแต่กรณีของไอพิเศษกว่าพลังวิญญาณดวงอื่น"
"ว้าว หนูสำคัญมากเลยสิเนี่ย ถึงกับต้องลงมาดูแลเอง"
"ใช่ค่ะ แล้วนี่ก็เกี่ยวกับเรื่องที่พี่พูดก่อนหน้านั้น"
"พูดตั้งหลายเรื่องจำไม่ได้หรอก ขี้เกียจจำด้วย " ไอยักไหล่พร้อมเบ้ปาก รู้ดีว่าเป็นมรรยาทที่ไม่ดีนัก แต่ในเมื่อคนตรงหน้ายังทำท่าใจเย็น ไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับกิริยาและคำพูดที่เธอตั้งใจกวน มันก็น่าลองยั่วไปเรื่อยๆ
เฮอร์มิสนิ่งคิดก่อนจะเอ่ย "พลังวิญญาณของไอยังไม่ขาดจากร่างอย่างสมบูรณ์"
"วิญญาณออกจากร่างชั่วคราวงั้นสินะ" ไอใช้นิ้วดีดแขนตัวเองเล่น เหมือนจะทดสอบว่า 'ทำไมวิญญาณมันตันจัง'
"คล้าย แต่ไม่ใช่ พลังวิญญาณที่มายังดินแดนนี้แล้ว จะไม่สามารถกลับไปยังโลกมนุษย์ได้อีก เพียงแต่ว่าเมื่อร่างกายกับพลังวิญญาณยังไม่ขาดจากกันโดยสมบูรณ์ ไอจะยังไม่ถือเป็นคนของดินแดนซาตานอย่างเต็มร้อย แล้วเมื่อมีปฏิกิริยาจากร่างกายที่นู่น ไอจะรับรู้ตามไปด้วย"
"อืม เข้าใจค่ะ แต่ตอนนี้หมดเวลาเล่นแล้ว ที่จริงอยากจะทนฟังต่อนะ แต่ยิ่งพูดยิ่งงง ยิ่งฟังยิ่งน่าเบื่อ เหลือเชื่อเกินไปหน่อย" ก่อนจะลุกขึ้นยืน " เอาเป็นว่าถ้าพี่จะไม่บอกทางออกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูหาทางออกเอง สวัสดีค่ะ" พร้อมยกมือขึ้นไหว้ลวกๆ เตรียมเดินออกจากห้อง
"ไอควรกลับศูนย์พักฟื้นนะคะ ตอนนี้พลังวิญญาณไอยังไม่แข็งแรง" เสียงข้างหลังดังท้วง
ไอกรอกตาไปมา อดนับถือเล็กๆไม่ได้ที่พี่แกพยายามจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ ก่อนจะหันกลับมามอง
"รู้มั๊ยคะ ว่าการกักขังหน่วงเหนี่ยว มีโทษจำคุกกี่ปี" ว่าแล้วก็หันหลังเปิดประตูออกจากห้องทันที ทิ้งให้ผู้อยู่ด้านหลังได้แต่มองด้วยความห่วงใย
"มีไม่ใครกักขังเธอหรอก ไอรดา "
เธอเดินอยู่ระหว่างทางเชื่อมของตึก พยายามนึกถึงรายการเรียลลิตี้ที่ตนเองเคยดู ส่วนใหญ่รายการประเภทนี้จะให้ผู้สมัครเข้าแข่งขัน มีการรับสมัครและคัดเลือกตัว แน่นอนว่าทุกคนต้องให้ความสมัครใจ ไม่เคยได้ยินว่ามีรายการไหนจับคนดูมาขังแล้วอำกันขนาดนี้
พลางเหลียวมองรอบๆตัว 'ฉากสมมติ' หากที่นี่จะเป็นการจัดฉากรายการก็ถือว่าลงทุนอย่างมาก ทั้งการตกแต่งสถานที่และบุคคลากร เธอพยายามนึกถึงรูปแบบรายการยังไงก็นึกไม่ออก จนนึกไปถึงคนสมรู้ร่วมคิด
'แม่กับไอ้เจ๋งจะร่วมมือด้วยรึเปล่า'
ขานั้นยิ่งขี้งกและเห็นแก่เงินอยู่ด้วย ถ้าค่าตอบแทนดีไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนเสนอชื่อเธอลงเล่นรายการนี้ด้วยตัวเองเลยก็ได้
'แล้วพวกนั้นพาเธอมาได้ยังไงล่ะ?'
นั่นเป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ วางยาสลบเธองั้นเหรอ? แต่สำนึกสุดท้ายของเธอคือภาพรางเลือนของท้ายรถหกล้อขนผักและเสียงโวยวายแว่วๆว่ารถชน รึความจริงเธอไม่ได้รถชน? แต่โดนโป๊ะยาสลบ
ความคิดทั้งหลายตีกันยุ่งวุ่นวายไปหมดจนนึกปวดหัว เมื่อสังเกตรอบตัวอีกทีทางเชื่อมระหว่างตึกที่เธอเคยเดิน กลับเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ ภาพวิวภูเขากับทะเลสาบสีเขียวระยับข้างหน้า บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นจุดเดียวกับที่เห็นจากในห้องเมื่อกี้
ไอเลือกที่จะนั่งพักตรงม้าหินอ่อนริมทะเลสาบ ก่อนที่จะเดินหาทางออกต่อไป จากการสำรวจคร่าวๆดูเมื่อกี้ ไอต้องยอมรับว่าที่นี่กว้างขวางมาก ออกจะกว้างขวางจนน่าแปลกใจ เธอมองไม่เห็นแม้กระทั่งรั้วที่ใช้บ่งบอกอาณาเขต เหมือนสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกหรือกลางทุ่งกว้าง
"สวัสดีจ๊ะ ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ" เสียงทักจากข้างหลัง ทำให้ไอต้องเหลียวไปมอง
'ฝรั่ง?'
หญิงสาวรูปร่างสูงแต่เจ้าเนื้อนิดๆ ผมสีทองนัยย์ตาสีน้ำทะเล กับพี่เฮอร์มิสเธอดูเหมือนพวกลูกครึ่งหาเชื้อชาติไม่เจอ แต่กับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ หน้าตาเหมือนพวกฝรั่งอเมริกันอังกฤษที่เคยเจอทั่วไป
สาวต่างชาติที่อายุไม่น่าแก่กว่าเธอเกิน 5 ปี ยืนยิ้มอย่างเป็นมิตร จากการแต่งกายที่เหมือนเธอแล้ว คงเป็นสมาชิกคนนึงในเกมส์นี้เหมือนกัน บางทีถ้าลองได้คุยกับคนๆนี้อาจจะรู้ทางออกก็เป็นได้ ความคิดเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นในหัว
"อ่ะ สวัสดี นั่งด้วยกันมั๊ย" ไอเอ่ยชวน
"อืม ได้" เธอจึงนั่งลงตรงข้างๆ ที่ไอเพิ่งขยับให้ "เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อนาตาลี "
"ไอ... เราชื่อไอ "
"ชื่อแปลกเนอะ" นาตาลีหัวเราะ ก็แหงล่ะ ภาษาอังกฤษ 'ไอ' ใช้เป็นสรรพนามแทนตัวเอง ใช้ตั้งชื่อซะที่ไหน
"นาตาลีมาอยู่ที่นี่นานรึยัง" ไอเริ่มตั้งคำถาม
"ได้อาทิตย์นึงแล้วล่ะจ๊ะ แล้วไอล่ะ" คำตอบที่ได้ทำไอใจชื้น มาอยู่เป็นอาทิตย์ ต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อยล่ะ
"เพิ่งวันนี้วันแรก แล้วนาตาลีมาจากไหน ดูแล้วไม่น่าใช่คนไทยแต่ทำไมพูดไทยชัดจัง"
"ไอบอกว่าวันนี้วันแรก งั้นก็เพิ่งฟื้นสินะ ร่างกายยังไม่น่าปรับตัวได้ ทำไมมาเดินเล่นคนเดียวล่ะ" นาตาลีไม่ตอบ กลับย้อนถามเธอกลับ ทั้งแสดงสีหน้าเป็นห่วง
"ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ตอนนี้ก็แข็งแรงดี ว่าแต่ทำไมถึงรู้ว่าเราเพิ่งฟื้นล่ะ "
"เป็นธรรมดานี่นา วันแรกที่ฉันมาอยู่ที่นี่ ก็คือวันที่ฉันฟื้นเหมือนกัน " สิ่งที่นาตาลีพูดทำเอาเธอชาไปทั้งตัว 'พอฟื้นก็มาอยู่ที่นี่แล้ว' อย่าบอกนะว่าเธอถูกลักพาตัว!
"ตกลงที่นี่คือที่ไหน เป็นรายการอะไร คนพวกนั้นพาตัวเรามาได้ยังไง แล้วทำอย่างไรถึงจะได้ออกไป" จากที่ตั้งใจจะค่อยๆหลอกถาม กลับกลายเป็นว่าเธอไม่สามารถปกปิดความร้อนรนเอาไว้ได้
"ใจเย็นๆจ๊ะ ไอกำลังสับสนใช่มั๊ย ฉันก็เคยเป็นเหมือนกัน ฉันเข้าใจดี" สายตาที่ส่งมาให้มีแววเห็นใจ " แล้วไอได้คุยกับผู้ดูแลรึยัง"
"ผู้กล่อมประสาทนั่นหน่ะเหรอ" เธอเค้นเสียงหัวเราะเมื่อคิดถึงหน้าพี่เฮอร์มิส " คุยแล้ว บอกว่านี่เป็นดินแดนบ้าบออะไรไม่รู้ ประสาท"
"เอมเมอร์เทียร์ ดินแดนซาตานจ๊ะ " นาตาลีท้วง
"นั่นแหล่ะๆ ดินแดนซาตานอะไรหน่ะแหล่ะ พูดเป็นนิยายไปได้ ใครเชื่อก็โง่แล้ว"
"แล้วถ้าที่นี่เป็นดินแดนซาตานจริงๆล่ะ" คำพูดของคนข้างตัวทำให้ต้องหันขวับมามอง เบิ่งตาโต
'อย่าบอกนะว่าเชื่อ'
อยู่แค่อาทิตย์เดียวโดนปั่นหัวขนาดนี้แล้วเหรอ? เอ...หรือว่าความจริงแล้วผู้หญิงคนนี้เป็นทีมงานคนนึงปลอมตัวมา แกล้งเป็นพวกเดียวกันแล้วหว่านล้อม แล้วดูเหมือนความคิดนี้จะส่งไปถึงคนข้างๆ
"อย่ามองฉันด้วยสายตาหวาดระแวงแบบนั้นสิ" นาตาลีตัดพ้อ "ฉันรู้ว่าไอไม่เชื่อว่าที่นี่คือดินแดนซาตานจริงๆ ครั้งแรกฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ใครจะไปคิดว่ามันจะน่าอยู่ขนาดนี้จริงมั๊ย" เธอหัวเราะเบาๆ
"คนพวกนั้นทำอะไร ทำไมเธอถึงยอมเชื่อ" ความหวังว่าคนๆนี้จะช่วยไขข้อข้องใจมลายหายไปทันที คำถามที่คิดจะถามทั้งหลายแหล่เป็นอันต้องพับเก็บ เหลือแค่ความสงสัยเท่านั้น ว่าคนพวกนั้น 'ทำยังไง'
"เอ๋ ? ไม่เห็นต้องทำอะไรนี่นา แค่ทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้ดูแลบอก แค่นั้นเอง"
"แค่เนี้ยะ!" ไอร้องเสียงสูง
"อืม" นาตาลีพยักหน้ารับตาแป๋ว
โอย..... อยากจะบ้าตาย แค่พูดแค่นั้นก็เชื่อ หล่อนเป็นคุณหนูหัวอ่อนบ้านไหนหลงมากันแน่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนประเภทนี้หลงเหลืออยู่
"เธอเชื่อคนง่ายไปรึเปล่า" เธอถามด้วยน้ำเสียงล่ะเหี่ยใจ ไม่ได้คิดจะชักจูงให้นาตาลีมาเป็นพวก เพราะจากท่าทางหล่อนแล้ว 'คงเชื่อสนิทใจ'
"เปล่านี่ ผู้ดูแลแค่อธิบายสภาพความเป็นจริงแค่นั้น ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะยอมรับได้แค่ไหน" นาตาลีหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่แววตากลับฉายแววเศร้า
" ในเมื่อฉันเป็นคนตั้งใจจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง ถึงความเป็นจริงกับจินตนาการณ์จะขัดแย้งกันไปบ้าง ก็ไม่เห็นแปลกหนิ่ ใช่มั๊ย"
----------------------------------------------------------------------------------------
Talk
ขอโทษด้วยค่ะ ที่จริงจะอัพหลายวันแล้ว แต่เน็ตโดนตัด (T T) แถมไอ้เนเน่มันยังบังคับให้แต่งนิยายให้อีก รู้งี้ไม่รับอาสาช่วยตั้งแต่แรกก็ดี ......เซ็ง
ความคิดเห็น