ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิภพซาตาน

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 บทเรียนแรก

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 50





    "เฮอร์มิส  พาราเบล ผู้รักษาแห่งดิฮอสติ้ง ฝ่ายA   ยินดีต้อนรับสู่เอมเมอร์เทียร์ ดินแดนซาตานค่ะ"

    เหมือนทุกอย่างรอบตัวรวมถึงสมองเธอจะชะงัก ไอมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตางุนงง กว่าอึดใจที่เธอคิดว่าพอจะเข้าใจอะไรรางๆ ถึงสถานการณ์ตรงหน้า

    "นี่เป็นรายการอะไรคะ" 


    "รายการ?"  คนฟังมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย  ก่อนจะแย้มรอยยิ้มเมื่อเข้าใจถึงคำถาม " นี่ไม่ใช่รายการหรอกค่ะ  เป็นโลกของความเป็นจริง  เพียงแต่เป็นดินแดนของซาตานเท่านั้น"

    "แหมพี่ก็ อย่าล้อเล่นเลยน่า ไหนดูหน่อยซิ ซ่อนกล้องไว้ตรงไหนบ้าง" แล้วทำท่าชะเง้อชะแง้แหงนหน้ามองเพดานมั่งใต้โต๊ะมั่ง


    "ไม่มีหรอกค่ะ"

    " ต้องมีสิ ต้องให้หาให้เจอก่อนใช่มั๊ยเนี่ย พี่ถึงจะยอมรับ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นเดินสอดส่ายสายตาไปทั่วห้อง แต่เพราะห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น นอกจากชั้นวางหนังสือกับชุดโซฟาที่นั่งแล้ว ภายในห้องไม่มีของตกแต่งอะไรอีก เมื่อไม่มีจุดไหนที่พอจะซ่อนกล้องได้เธอจึงยอมกลับมานั่ง


    " ที่ดิฮอสติ้งนี่ไม่ใช้กล้องค่ะ  เรามีผู้ปกป้องหรือที่ไอเรียกว่าตำรวจคอยดูแลตลอด"

    "โอเคๆ ยอมๆ" ยกมือทำท่ายอมแพ้  "เรามาพูดตรงๆกันดีกว่า ว่านี่เป็นรายการอะไร ขอความจริงนะคะ  เพราะหนูไม่ชอบให้ใครมาเล่นตลกแบบนี้"

    "นี่คือความจริงค่ะ ที่นี่คือดินแดนซาตาน และที่เรากำลังอยู่กันตอนนี้เรียกว่า ดิฮอสติ้ง เป็นศูนย์พิเศษตั้งอยู่ในเขตโดมค่ะ" เฮอร์มิสพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ ผิดกับอีกคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่อีกฝั่ง


    "ไม่ยอมรับใช่มั๊ย เอางั้นก็ได้ ไหนลองบอกมาหน่อยสิว่าดินแดนนี้ตั้งอยู่ที่ไหน หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้วไหนล่ะหลักฐาน"


    "เรื่องที่ตั้งเดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ฟังในบทเรียน  ส่วนเรื่องที่ไอมาอยู่ที่นี่ได้คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ  หลักฐานคงไม่ต้องมีหรอกมั้ง เดี๋ยวอยู่ไปก็จะเรียนรู้เอง"


    'เคลียร์มาก!'

    ช่างเป็นคำตอบที่ทำเอาเธออยากจะทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด มองใบหน้ายิ้มแย้มนั่นตาขวาง


    " ขอคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้ได้มั๊ยคะ" พยายามข่มอารมณ์ถาม ถ้าคำตอบรอบนี้ไม่เคลียร์สงสัยเธอคงต้องเป็นคนเคลียร์ตัวเองออกจากห้องนี้แทน


    "ได้ค่ะถ้าไอคิดว่าพร้อมจะรับฟัง" คนพูดเว้นจังหวะไปนิดก่อนเอ่ยถาม "ไอรู้จักดินแดนสวรรค์ กับดินแดนนรกไหม"

    "เคยได้ยินเหมือนกัน ตอนมีพระมาเทศน์ที่โรงเรียน" พร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย เธอมั่นใจว่านี่ต้องเป็นรายการเรียลลิตี้อะไรสักอย่าง บางทีอาจจะลองเล่นด้วยดูสักหน่อยคงไม่เสียหาย


    "ค่ะ ดินแดนซาตานเป็น 1 ในสามภพ ได้แก่ดินแดนสวรรค์ ดินแดนนรก และดินแดนซาตาน "

    "แล้วดินแดนมนุษย์ล่ะเอาไปไว้ไหน" ที่ถามไม่ใช่เพราะสงสัยหรือเชื่อคำพูดของเฮอร์มิส เพียงแต่เธออยากรู้นักว่าจะตอบยังไง  หึหึ หรือจะบอกว่าโลกมนุษย์เกิดการล่มสลาย ไข้นกระบาด อุกกาบาตโหม่งโลก

    "ถ้าเปรียบข้างบนเป็นดินแดนสวรรค์ เปรียบข้างล่างเป็นดินแดนนรก รอบๆตัวเราก็คือดินแดนซาตาน  ส่วนดินแดนมนุษย์คือข้างในตัวเรา"

    "ดินแดนมนุษย์เล็กจิ๊ดเดียวเองอ่ะ" พร้อมยกนิ้วขึ้นมาทำท่าว่าเล็กจริงๆ  เฮอร์มิสดูเหมือนจะไม่รู้หรืออาจจะรู้ว่าไอตั้งใจประชด แต่เธอยังคงอธิบายต่อ


    "ใช่ค่ะ ดินแดนมนุษย์ไม่ได้จัดอยู่ใน 3 ภพ เป็นแค่ดินแดนที่ถูกจำลองขึ้นเท่านั้น"


    "จำลอง!" ไอขึ้นเสียงสูง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง "จะบอกว่าโลกมนุษย์ไม่มีอยู่จริง แล้วที่นั่งหัวโด่เด่อยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่ใช่มนุษย์เหรอ"

    "จำลองไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริงค่ะ แต่เป็นเหมือนสถานที่เล็กๆที่พระเจ้าทดลองสร้าง โลกมนุษย์ถึงแม้จะเล็กแต่ก็ซับซ้อนและวุ่นวาย มีทั้งภพและมิติเยอะไปหมด แต่นั่นก็เป็นต้นกำเนิดของดินแดนซาตานแห่งนี้"

    "พอเถอะค่ะ  เอาเป็นว่าหนูมาอยู่นี่ได้ยังไง แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้กลับบ้าน" ไอยกมือขึ้นห้าม ฟังพี่เธอพูดแล้วเหมือนแกตั้งใจมาสอนศาสนาไม่มีผิด แค่ศาสนาพุทธเธอยังจำศีล 5 ไม่ได้  นี่เล่นจะเอาศาสนาอื่นเข้ามาเอี่ยว แบบนี้คงทนฟังไม่ไหว


    "ได้ค่ะ เรื่องนี้เดี๋ยวไออยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆคงจะเรียนรู้และเข้าใจไปเอง" เฮอร์ยังยิ้ม เธอไม่แสดงท่าทางว่าไม่พอใจที่จู่ๆไอก็บอกปัด "ที่ว่าไอมาอยู่ที่นี่ได้เพราะเหตุบังเอิญ เพราะปกติ ดินแดนนี้มนุษย์จะไม่สามารถเข้ามาได้ง่าย แต่อาจเป็นเพราะตอนไอเกิดอุบัติเหตุทางเชื่อมระหว่างดินแดนเกิดเปิดพอดี  ไอจึงสามารถเข้ามาที่นี่ได้"

    "อ้อ แล้วนี่คงตายแล้วสินะ" พูดแล้วก็ตบแก้มตัวเองซ้ายขวาไปมาแบบไม่แรงนัก  "อืม... ดินแดนนี่ก็ดีใช่เล่นนะ ตายแล้วยังรู้สึกเจ็บ"


    "ทั้ง 3 ดินแดนเป็นเหมือนกันหมดค่ะ แม้จะมาจากโลกมนุษย์แค่พลังวิญญาณ แต่เมื่อมาถึงดินแดนนั้นแล้ว ถือเป็นการเกิดใหม่  จะมีร่างกายและความรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน"

    "จะให้ตายจริงๆซะด้วย" น่าขำจริงๆ เธอประชดนะนั่น แต่พี่แกยังรับมุข อธิบายต่อเป็นตุเป็นตะ สงสัยจะท่องสคริปมาดี


    "นี่คือข้อสำคัญที่พี่จะบอกไอ"  คนที่ยิ้มแย้มมาตลอดเริ่มมีสีหน้ากังวล  " ธรรมดากฎของโลกมนุษย์ก็คือพลังวิญญาณดีจะไปดินแดนสวรรค์ พลังวิญญาณร้ายจะไปดินแดนนรก แต่นั่นหมายถึงพลังวิญญาณได้ขาดจากร่างกายโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น แต่กฎของดินแดนซาตานไม่เหมือนกัน  ทุกพลังวิญญาณในโลกมนุษย์สามารถเข้ามาที่นี่ได้ ถ้าช่วงเวลาที่พลังวิญญาณนั้นออกจากร่างตรงกับเวลาทางเชื่อมระหว่างดินแดนเปิด  ถึงแม้จะไม่ขาดจากร่างกายโดยสมบูรณ์ก็ตาม"

    "อืม  เข้าใจยากดี " พยักหน้ารับแบบขอไปที   สำหรับเธอตอนนี้แค่จะทนฟังจนกว่าคนตรงหน้าจะ เบื่อแล้วเลิกอำเรื่องบ้าบอนี่สักที


    เฮอร์มิสมองเด็กสาวตรงหน้าที่มองนู่นมองนี่ไม่สนใจฟังเธอเท่าไหร่  แต่เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่ไอจะเข้าใจและยอมรับในทันที  หน้าที่ของเธอตอนนี้คือดูแลและบอกรายละเอียดเท่าที่เธอควรจะบอกเท่านั้น


    "ไอจำชื่อและตำแหน่งพี่ได้ใช่ไหม" จู่ๆพี่เฮอร์มิสก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาถามเธอ

    "อืม จำได้  คุณเฮอร์มิส  พาราเบล ผู้รักษาแห่งดิฮอสติ้ง ฝ่ายA" ไอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เธอจำชื่อและตำแหน่งได้แม่นยำ แต่นั่นคงเพราะว่ามันแปลกเธอจึงจำได้


    "ค่ะ  ที่นี่เป็นศูนย์พิเศษ มีชื่อเรียกกันว่า ดิฮอสติ้ง มีหน้าที่คล้ายๆโรงพยาบาลที่โลกมนุษย์  มีทั้งหมด 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่าย A  เป็นหน่วยงานแรกรับและหน่วยพิเศษ  ฝ่าย B หน่วยงานภายใน และฝ่าย C หน่วยงานภายนอก สองฝ่ายหลังจะดูแลเฉพาะคนที่อยู่ในอาณาจักรโดมและอาณาจักรอื่น  ส่วน ฝ่าย A ที่จะพูดถึงคือฝ่ายที่ไอกำลังอยู่


    หน่วยงานนี้จะมีทั้งหมด 3 ศูนย์ ได้แก่ รักษา พักฟื้น เรียนรู้  ความพิเศษของหน่วยงานนี้คือ จะดูแลเฉพาะพลังวิญญาณที่เพิ่งเข้ามาดินแดนซาตานครั้งแรกเท่านั้น  ทุกพลังวิญญาณที่อยู่ในหน่วย
    A จะมีหมอในความเข้าใจของไอ แต่ที่นี่จะเรียกว่าผู้รักษา  เป็นผู้ดูแลส่วนตัวทุกคน"

    "แล้วพี่ก็คือผู้รักษาที่ดูแลหนู"


    "ใช่ค่ะ พี่เป็นหัวหน้าผู้รักษา ฝ่าย A " เฮอร์มิสพยักหน้าเล็กน้อย


    "อ่ะโห หัวหน้าซะด้วย ยังงี้ก็เก่งน่าดูเลยสิ  ไหนลองแสดงเวทมนต์ให้ดูทีซิ" ไอแกล้งทำตาโต แสดงสีหน้าตื่นเต้น


    "ที่นี่ ไม่มีเวทมนต์ค่ะ" เฮอร์มิสส่ายหน้า


    "ว้า เสียดายจังนึกว่าจะได้เห็น  ถ้าได้เห็นสักครั้งคงจะเชื่อเลยหล่ะ"  ทำหน้าเหมือนเสียดายจริงๆ ยกเว้นในนัยย์ตาที่เต้นระริก "เป็นถึงหัวหน้าทั้งที แถมอยู่ในดินแดนซาตานด้วย  ไม่มีเวทมนต์แล้วมาเป็นหัวหน้าได้ยังไง"

    "ทุกคนในดินแดนนี้จะมีพลังวิญญาณค่ะ  คล้ายๆเวทมนต์แต่แข็งแกร่งกว่า  เวทมนต์อาจจต้องการการฝึกฝน แต่พลังวิญญาณแค่กำหนดจิตเท่านั้น  แล้วปกติหน้าที่ของหัวหน้าผู้รักษา จะดูแลและตรวจสอบการทำงานของผู้รักษาในอาณัติเท่านั้น จะลงมาดูแลเป็นครั้งคราว  เพียงแต่กรณีของไอพิเศษกว่าพลังวิญญาณดวงอื่น"

    "ว้าว  หนูสำคัญมากเลยสิเนี่ย ถึงกับต้องลงมาดูแลเอง"


    "ใช่ค่ะ แล้วนี่ก็เกี่ยวกับเรื่องที่พี่พูดก่อนหน้านั้น"

    "พูดตั้งหลายเรื่องจำไม่ได้หรอก ขี้เกียจจำด้วย " ไอยักไหล่พร้อมเบ้ปาก  รู้ดีว่าเป็นมรรยาทที่ไม่ดีนัก แต่ในเมื่อคนตรงหน้ายังทำท่าใจเย็น ไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับกิริยาและคำพูดที่เธอตั้งใจกวน มันก็น่าลองยั่วไปเรื่อยๆ


    เฮอร์มิสนิ่งคิดก่อนจะเอ่ย  
    "พลังวิญญาณของไอยังไม่ขาดจากร่างอย่างสมบูรณ์" 


    "วิญญาณออกจากร่างชั่วคราวงั้นสินะ" ไอใช้นิ้วดีดแขนตัวเองเล่น  เหมือนจะทดสอบว่า 'ทำไมวิญญาณมันตันจัง'

    "คล้าย แต่ไม่ใช่  พลังวิญญาณที่มายังดินแดนนี้แล้ว จะไม่สามารถกลับไปยังโลกมนุษย์ได้อีก เพียงแต่ว่าเมื่อร่างกายกับพลังวิญญาณยังไม่ขาดจากกันโดยสมบูรณ์   ไอจะยังไม่ถือเป็นคนของดินแดนซาตานอย่างเต็มร้อย แล้วเมื่อมีปฏิกิริยาจากร่างกายที่นู่น ไอจะรับรู้ตามไปด้วย"


    "อืม  เข้าใจค่ะ  แต่ตอนนี้หมดเวลาเล่นแล้ว  ที่จริงอยากจะทนฟังต่อนะ  แต่ยิ่งพูดยิ่งงง ยิ่งฟังยิ่งน่าเบื่อ เหลือเชื่อเกินไปหน่อย"  ก่อนจะลุกขึ้นยืน " เอาเป็นว่าถ้าพี่จะไม่บอกทางออกก็ไม่เป็นไร  เดี๋ยวหนูหาทางออกเอง สวัสดีค่ะ" พร้อมยกมือขึ้นไหว้ลวกๆ เตรียมเดินออกจากห้อง


    "ไอควรกลับศูนย์พักฟื้นนะคะ  ตอนนี้พลังวิญญาณไอยังไม่แข็งแรง"  เสียงข้างหลังดังท้วง

    ไอกรอกตาไปมา อดนับถือเล็กๆไม่ได้ที่พี่แกพยายามจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ ก่อนจะหันกลับมามอง


    "รู้มั๊ยคะ ว่าการกักขังหน่วงเหนี่ยว มีโทษจำคุกกี่ปี" ว่าแล้วก็หันหลังเปิดประตูออกจากห้องทันที ทิ้งให้ผู้อยู่ด้านหลังได้แต่มองด้วยความห่วงใย


    "มีไม่ใครกักขังเธอหรอก  ไอรดา "





    เธอเดินอยู่ระหว่างทางเชื่อมของตึก  พยายามนึกถึงรายการเรียลลิตี้ที่ตนเองเคยดู  ส่วนใหญ่รายการประเภทนี้จะให้ผู้สมัครเข้าแข่งขัน มีการรับสมัครและคัดเลือกตัว แน่นอนว่าทุกคนต้องให้ความสมัครใจ ไม่เคยได้ยินว่ามีรายการไหนจับคนดูมาขังแล้วอำกันขนาดนี้


    พลางเหลียวมองรอบๆตัว
    'ฉากสมมติ' หากที่นี่จะเป็นการจัดฉากรายการก็ถือว่าลงทุนอย่างมาก  ทั้งการตกแต่งสถานที่และบุคคลากร เธอพยายามนึกถึงรูปแบบรายการยังไงก็นึกไม่ออก จนนึกไปถึงคนสมรู้ร่วมคิด


    'แม่กับไอ้เจ๋งจะร่วมมือด้วยรึเปล่า'

    ขานั้นยิ่งขี้งกและเห็นแก่เงินอยู่ด้วย  ถ้าค่าตอบแทนดีไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนเสนอชื่อเธอลงเล่นรายการนี้ด้วยตัวเองเลยก็ได้   


    'แล้วพวกนั้นพาเธอมาได้ยังไงล่ะ?'

     นั่นเป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้  วางยาสลบเธองั้นเหรอ?  แต่สำนึกสุดท้ายของเธอคือภาพรางเลือนของท้ายรถหกล้อขนผักและเสียงโวยวายแว่วๆว่ารถชน  รึความจริงเธอไม่ได้รถชน?  แต่โดนโป๊ะยาสลบ


    ความคิดทั้งหลายตีกันยุ่งวุ่นวายไปหมดจนนึกปวดหัว  เมื่อสังเกตรอบตัวอีกทีทางเชื่อมระหว่างตึกที่เธอเคยเดิน กลับเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่  ภาพวิวภูเขากับทะเลสาบสีเขียวระยับข้างหน้า บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นจุดเดียวกับที่เห็นจากในห้องเมื่อกี้


    ไอเลือกที่จะนั่งพักตรงม้าหินอ่อนริมทะเลสาบ ก่อนที่จะเดินหาทางออกต่อไป  จากการสำรวจคร่าวๆดูเมื่อกี้  ไอต้องยอมรับว่าที่นี่กว้างขวางมาก ออกจะกว้างขวางจนน่าแปลกใจ  เธอมองไม่เห็นแม้กระทั่งรั้วที่ใช้บ่งบอกอาณาเขต เหมือนสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกหรือกลางทุ่งกว้าง


    "สวัสดีจ๊ะ ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ" เสียงทักจากข้างหลัง ทำให้ไอต้องเหลียวไปมอง


    'ฝรั่ง?'


    หญิงสาวรูปร่างสูงแต่เจ้าเนื้อนิดๆ ผมสีทองนัยย์ตาสีน้ำทะเล  กับพี่เฮอร์มิสเธอดูเหมือนพวกลูกครึ่งหาเชื้อชาติไม่เจอ แต่กับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ หน้าตาเหมือนพวกฝรั่งอเมริกันอังกฤษที่เคยเจอทั่วไป


    สาวต่างชาติที่อายุไม่น่าแก่กว่าเธอเกิน 5 ปี  ยืนยิ้มอย่างเป็นมิตร จากการแต่งกายที่เหมือนเธอแล้ว คงเป็นสมาชิกคนนึงในเกมส์นี้เหมือนกัน บางทีถ้าลองได้คุยกับคนๆนี้อาจจะรู้ทางออกก็เป็นได้  ความคิดเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นในหัว


    "อ่ะ  สวัสดี นั่งด้วยกันมั๊ย" ไอเอ่ยชวน  


    "อืม ได้" เธอจึงนั่งลงตรงข้างๆ ที่ไอเพิ่งขยับให้  "เธอชื่ออะไรเหรอ  เราชื่อนาตาลี "

    "ไอ...  เราชื่อไอ "


    "ชื่อแปลกเนอะ"  นาตาลีหัวเราะ  ก็แหงล่ะ ภาษาอังกฤษ 'ไอ' ใช้เป็นสรรพนามแทนตัวเอง ใช้ตั้งชื่อซะที่ไหน


    "นาตาลีมาอยู่ที่นี่นานรึยัง" ไอเริ่มตั้งคำถาม


    "ได้อาทิตย์นึงแล้วล่ะจ๊ะ  แล้วไอล่ะ" คำตอบที่ได้ทำไอใจชื้น  มาอยู่เป็นอาทิตย์ ต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อยล่ะ


    "เพิ่งวันนี้วันแรก  แล้วนาตาลีมาจากไหน  ดูแล้วไม่น่าใช่คนไทยแต่ทำไมพูดไทยชัดจัง

    "ไอบอกว่าวันนี้วันแรก  งั้นก็เพิ่งฟื้นสินะ ร่างกายยังไม่น่าปรับตัวได้ ทำไมมาเดินเล่นคนเดียวล่ะ" นาตาลีไม่ตอบ กลับย้อนถามเธอกลับ ทั้งแสดงสีหน้าเป็นห่วง

    "ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่  ตอนนี้ก็แข็งแรงดี ว่าแต่ทำไมถึงรู้ว่าเราเพิ่งฟื้นล่ะ  " 


    "เป็นธรรมดานี่นา  วันแรกที่ฉันมาอยู่ที่นี่ ก็คือวันที่ฉันฟื้นเหมือนกัน " สิ่งที่นาตาลีพูดทำเอาเธอชาไปทั้งตัว 'พอฟื้นก็มาอยู่ที่นี่แล้ว' อย่าบอกนะว่าเธอถูกลักพาตัว!

    "ตกลงที่นี่คือที่ไหน  เป็นรายการอะไร คนพวกนั้นพาตัวเรามาได้ยังไง แล้วทำอย่างไรถึงจะได้ออกไป" จากที่ตั้งใจจะค่อยๆหลอกถาม กลับกลายเป็นว่าเธอไม่สามารถปกปิดความร้อนรนเอาไว้ได้

    "ใจเย็นๆจ๊ะ ไอกำลังสับสนใช่มั๊ย ฉันก็เคยเป็นเหมือนกัน ฉันเข้าใจดี"  สายตาที่ส่งมาให้มีแววเห็นใจ " แล้วไอได้คุยกับผู้ดูแลรึยัง"


    "ผู้กล่อมประสาทนั่นหน่ะเหรอ"  เธอเค้นเสียงหัวเราะเมื่อคิดถึงหน้าพี่เฮอร์มิส " คุยแล้ว บอกว่านี่เป็นดินแดนบ้าบออะไรไม่รู้  ประสาท"


    "เอมเมอร์เทียร์  ดินแดนซาตานจ๊ะ " นาตาลีท้วง


    "นั่นแหล่ะๆ ดินแดนซาตานอะไรหน่ะแหล่ะ พูดเป็นนิยายไปได้ ใครเชื่อก็โง่แล้ว"

    "แล้วถ้าที่นี่เป็นดินแดนซาตานจริงๆล่ะ" คำพูดของคนข้างตัวทำให้ต้องหันขวับมามอง เบิ่งตาโต


    'อย่าบอกนะว่าเชื่อ'

    อยู่แค่อาทิตย์เดียวโดนปั่นหัวขนาดนี้แล้วเหรอ?  เอ...หรือว่าความจริงแล้วผู้หญิงคนนี้เป็นทีมงานคนนึงปลอมตัวมา แกล้งเป็นพวกเดียวกันแล้วหว่านล้อม  แล้วดูเหมือนความคิดนี้จะส่งไปถึงคนข้างๆ


    "อย่ามองฉันด้วยสายตาหวาดระแวงแบบนั้นสิ" นาตาลีตัดพ้อ "ฉันรู้ว่าไอไม่เชื่อว่าที่นี่คือดินแดนซาตานจริงๆ ครั้งแรกฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ใครจะไปคิดว่ามันจะน่าอยู่ขนาดนี้จริงมั๊ย" เธอหัวเราะเบาๆ


    "คนพวกนั้นทำอะไร ทำไมเธอถึงยอมเชื่อ"  ความหวังว่าคนๆนี้จะช่วยไขข้อข้องใจมลายหายไปทันที  คำถามที่คิดจะถามทั้งหลายแหล่เป็นอันต้องพับเก็บ เหลือแค่ความสงสัยเท่านั้น ว่าคนพวกนั้น 'ทำยังไง'

    "เอ๋ ?  ไม่เห็นต้องทำอะไรนี่นา  แค่ทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้ดูแลบอก แค่นั้นเอง"

    "แค่เนี้ยะ!" ไอร้องเสียงสูง

    "อืม" นาตาลีพยักหน้ารับตาแป๋ว 


    โอย..... อยากจะบ้าตาย แค่พูดแค่นั้นก็เชื่อ หล่อนเป็นคุณหนูหัวอ่อนบ้านไหนหลงมากันแน่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนประเภทนี้หลงเหลืออยู่ 


    "เธอเชื่อคนง่ายไปรึเปล่า" เธอถามด้วยน้ำเสียงล่ะเหี่ยใจ ไม่ได้คิดจะชักจูงให้นาตาลีมาเป็นพวก เพราะจากท่าทางหล่อนแล้ว 'คงเชื่อสนิทใจ'

    "เปล่านี่  ผู้ดูแลแค่อธิบายสภาพความเป็นจริงแค่นั้น  ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะยอมรับได้แค่ไหน" นาตาลีหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่แววตากลับฉายแววเศร้า


    " ในเมื่อฉันเป็นคนตั้งใจจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง  ถึงความเป็นจริงกับจินตนาการณ์จะขัดแย้งกันไปบ้าง  ก็ไม่เห็นแปลกหนิ่   ใช่มั๊ย"





    ----------------------------------------------------------------------------------------

    Talk

    ขอโทษด้วยค่ะ ที่จริงจะอัพหลายวันแล้ว แต่เน็ตโดนตัด (T T) แถมไอ้เนเน่มันยังบังคับให้แต่งนิยายให้อีก  รู้งี้ไม่รับอาสาช่วยตั้งแต่แรกก็ดี ......เซ็ง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×