คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 ความสงสัย
"ยินดีต้อนรับสู่ โดม ค่ะ"
เสียงหวานไม่คุ้นหูดังขึ้น ทำให้คนที่นอนอยู่เริ่มรู้สึกตัวจากอาการกึ่งฝันกึ่งตื่น ค่อยๆลืมตาช้าๆ เพื่อปรับแสงสว่าง แต่พอจะขยับตัวเท่านั้นกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวอย่างแรง จนเผลอร้องออกมา
"อย่าเพิ่งขยับตัวดีกว่าค่ะ นอนนิ่งๆสักพักเดี๋ยวก็หาย ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้ค่ะ" เสียงหวานเสียงเดิมบอก เธอทำตามแต่โดยดี นอนหลับตานิ่งๆเพื่อข่มความเจ็บ เมื่ออาการเจ็บค่อยๆเบาลง เธอจึงลืมตาขึ้นมาใหม่ แต่ได้เพียงแค่กรอกมองฝ้าเพดานไปมาเท่านั้น
"พี่ ที่นี่โรงบาลไรเหรอ" ไอเอ่ยปากถามเจ้าของเสียงหวาน แม้ได้ยินแค่เสียง แต่เธอคาดว่าน่าจะเป็นนางพยาบาล
"ที่นี่คือ ดิฮอสติ้ง ศูนย์พักฟื้นฝ่าย A ของโดมค่ะ"
"ดิฮอสติ้ง? ศูนย์พักฟื้น?" เธอทวนคำ แต่ยังไม่ทันเอ่ยถามความสงสัย เสียงปิ๊บเบาๆ เหมือนนาฬิกาจับเวลาก็ดังขึ้น
"ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะคะ" ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเบาลงและเสียงปิดประตูตามหลัง
'ศูนย์พักฟื้น ที่นี่ไม่ใช่โรงบาลหรอกเหรอ' พรางกวาดตามองเพดานสีเขียวอ่อนและโคมไฟระย้ากลางห้องอีกรอบ ความรู้สึกบอกว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลจริงๆ 'มันหรูเกินไป'
แต่ในใจก็ค้านน้อยๆ ว่าบางทีที่นี่อาจเป็นโรงบาลเอกชนเกรดเอก็เป็นได้ ถึงได้ตกแต่งเหมือนโรงแรม แทนที่จะใช้นีออนคู่เปลี่ยนมาใช้แชนเดอเลียแทน แต่...เอ๊ะ!
'โรงบาลเอกชนเกรดเอ!'
เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างกายที่พยายามนอนนิ่งแต่ตอนแรกจึงทะลึ่งพรวดลุกขึ้น แต่กลับต้องยกมือกุมหัวลงไปนอนใหม่แทบไม่ทัน เสียงร้องโอดโอยกับอาการดิ้นเร่าๆของคนที่นอนอยู่ ทำให้คนที่เพิ่งถือถาดยาเข้ามาต้องรีบวางถาดยาบนโต๊ะทันที
"ใจเย็นๆค่ะ สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามนอนนิ่งๆค่ะ" พูดพร้อมจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอลง "นั่นแหล่ะค่ะ อยู่นิ่งๆแบบนั้นแหล่ะ เดี๋ยวทานยาแล้วจะรู้สึกดีกว่านี้ค่ะ"
เสียงผู้หญิงที่เธอคิดว่าเป็นพยาบาลปลอบ น้ำเสียงเธอทำให้ไอรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด อาการเจ็บค่อยๆทุเลาจนน่าแปลกใจ แต่ถึงกระนั้นไอก็ยังไม่กล้าแม้จะขยับเปลือกตาเพราะกลัวเจ็บเหมือนถูกผ่ากระโหลกแบบเมื่อกี้อีก
ไอนอนจนเกือบจะเผลอหลับถ้าไม่ได้ยินเสียงพยาบาลคนเดิมปลุกให้ทานยา เธอค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง
"เดี๋ยวฉันช่วยประคองนะคะ" คราวนี้ไม่ได้ยินแค่เสียงแต่ชะโงกหน้ามาด้วย
'ผมสีเขียว ตาสีฟ้า'
พยาบาลเป็นคนต่างชาติเหรอ แต่พูดไทยชัดขนาดนี้หรือจะแค่ทำสีผมกับใส่คอนแทคเลนส์ แล้วทำไมทางโรงบาลถึงยอมให้ทำ ไอได้แต่สงสัยในใจ
พี่พยาบาลส่งยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะสอดมือเข้าท้ายทอยไอค่อยประคองลุกขึ้น มืออีกข้างถือแก้วเซรามิคใบโตไว้ ลักษณะมันเหมือนแก้วนมที่เธอใช้ที่บ้านประจำ เสียแต่แก้วใบนี้เป็นสีน้ำตาลคล้ายๆสีดินเผาแต่แก้วเธอเป็นรูปสนูปปี แต่เมื่อพยาบาลเอาแก้วจ่อปาก เธอกลับต้องชะงัก
"ทำไมน้ำถึงเป็นสีชมพูล่ะ" เมื่อเห็นว่าแก้วนมใบโตที่ไอเข้าใจว่าเป็นแก้วน้ำกลับมีของเหลวใสสีชมพูอยู่
"ยาไงคะ" พยาบาลยิ้ม ไอได้แต่มองของเหลวในแก้วงงๆ 'ยาน้ำ' โตจนป่านนี้ยังต้องกินยาน้ำอีกเหรอ แต่ก็ยอมกินแต่โดยดี
ของเหลวสีชมพูหวานแต่ไม่หวานเหมือนสีค่อยๆไหลลงคอ รสชาตของมันทำเอาไอแทบจะคายทิ้งตั้งแต่หยดแรก แต่นึกเกรงใจพี่พยาบาลใจดีท่าทางแปลกตรงหน้า ยิ่งตอนนี้พอจะมองรอบๆตัวได้ เธอยิ่งแปลกใจมากกว่าเดิม
ภายในห้องนอกจากเตียงที่เธอนอนแล้ว ยังมีโต๊ะกลมที่เหมือนโต๊ะทานข้าวปูด้วยผ้าปูสีครีมอ่อนกับข้าวอี้เข้าชุดอีก 4 ตัวอยู่ตรงปลายเตียง มีตู้เสื้อผ้าขนาดกลางและเคาเตอร์เล็กๆ ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นหน้าต่างบานโตมีผ้าม่านสีครีมพริ้วตามแรงลมเบาๆ
'ที่นี่ไม่ใช่โรงบาลแน่ๆ'
ไอเริ่มขมวดคิ้วมุ่น 'เธอน่าจะมาอยู่โรงบาลสิ ' แล้วไอก็หันไปถามพี่พยาบาลที่เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าใช่พยาบาลหรือเปล่า เพราะเมื่อเห็นเต็มๆ พี่แกไม่ได้แต่งตัวเหมือนพยาบาลทั่วไปสักนิด
"เอ่อ.... พี่ พี่สาว"
"เรียกพี่ว่า เฮอร์มิส ก็ได้ค่ะ" เธอเงยหน้าจากหนังสือตอบ ตาสีฟ้าฉายแววใจดี
" ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลหรอกเหรอ แล้วที่นี่มันที่ไหน"
"ดิฮอสติ้ง ศูนย์พักฟื้นฝ่าย A ของโดมค่ะ" คำตอบนี้เธอได้รับเป็นรอบที่สอง แต่มันกลับยิ่งทำให้งงมากกว่าเดิม
"มันคืออะไร? แล้วอยู่แถวไหน?"
"ก็เหมือนโรงพยาบาลนั่นล่ะค่ะ เพียงแต่คนละหน่วยหน้าที่เท่านั้นเอง" พี่เฮอร์มิสยิ้มให้ก่อนพูดต่อ "ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ถึงที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่ผู้รักษา เอ่อ.. หมายถึงหมอที่นี่ก็เก่งทุกคน ถ้าเปรียบกับโรงพยาบาล ที่นี่ก็จัดเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดเหมือนกัน"
แม้คำพูดของพี่เฮอร์มิสจะฟังดูแปลก แต่ไอกลับไม่สนใจ คำว่า 'โรงพยาบาลที่ดีที่สุด' กระตุ้นความคิดบางอย่างเข้าสู่หัวอีกรอบ รีบเอ่ยถามด้วยอาการร้อนรน
"ค่ารักษาแพงมั๊ย" รู้ตัวว่าถามตรงเกินไป จึงส่งยิ้มเจื่อนๆ "คือ... ถ้าแพงมาก แม่คงไม่ยอมจ่าย จริงสิ! แล้วนี่ที่บ้านหนูรู้รึยัง"
"นอนพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ยังไงเราก็ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ" พี่เฮอร์มิสไม่ตอบ ได้แต่ส่งยิ้มพร้อมกับเดินมาห่มผ้าให้ ไออยากจะแย้งแต่เปลือกตากลับหนักอึ้ง รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ก่อนจะปล่อยสติเข้าสู่นิทรา
กริ๊ง..... กริ๊ง......
"ฮัลโหล"
"ไอ้จ๊อ! ฉันลืมสมุดลูกค้าทิ้งไว้ที่บ้าน แกเอามาส่งฉันที่ตลาดที เดี๋ยวนี้เลย! ได้ยินมั๊ยไอ้จ๊อ!"
"อืมๆ ได้ยิน เสียงแม่จะเจาะกะโหลกฉันตายอยู่แล้ว ไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วหล่ะ"
"ก็แกเล่นเงียบแบบนี้ฉันนึกว่ายังไม่ตื่น แกได้ยินก็ดีแล้ว เอามาส่งฉันที่ตลาดด่วนเลยรู้รึเปล่า!"
"เออน่า จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ" ไอวางโทรศัพท์ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาเรืองแสงตรงผนัง 'แม่ง.. เพิ่งจะตีสองกว่า นอนยังไม่อิ่มเลย'
แม้จะอยากนอนต่อสักแค่ไหน แต่ก็ต้องจำใจตื่นแต่โดยดี เพราะจิตใต้สำนึกเตือนว่า 'ขืนนอนต่อคงได้นอนยาวไม่ได้ฟื้นอีกแน่นอน'
หลังจากหาวและบิดขี้เกียจพอเป็นพิธี ไอจึงลุกขึ้นเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดคอกลมตัวหลวมโครกกับกางเกงขาสั้นมาตัวหนึ่ง ก่อนสวมทับเสื้อกล้ามคอกว้างกับบ็อคเซอร์ลายตารางหมากรุกที่ใส่นอน หยิบหนังสติ๊คตรงหน้ากระจกที่ไม่ทันได้มองว่าเป็นยางรัดผมหรือยางรัดถุง แล้วใช้มือสางๆ ผูกรวกๆเอาไว้ข้างหลัง ไม่แม้แต่จะหยิบหวีขึ้นมาช่วย ก่อนจะเปิดประตูห้องเดินออกไป
บ้านหลังนี้เป็นทาวเฮ้าส์เล็กๆ 2 ชั้น ข้างบนมี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ส่วนข้างล่างมีส่วนที่กั้นเป็นห้องรับแขกหรือจะเรียกว่าห้องจิปาถะก็ได้เพราะทั้งทีวี คอมฯ เกมส์ ตู้เก็บของจนไปถึงชั้นวางรองเท้าก็อยู่ในส่วนนี้ ส่วนพื่นที่อื่นๆที่เหลือข้างล่างก็แค่โต๊ะกินข้าวกับห้องครัวและห้องน้ำเล็กๆใต้บันได
ไอมองสมุดสีแดงต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องแหกตาตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่อย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาพร้อมหยิบพวงกุญแจตัวหนอนใบชาสีเขียวมาด้วย
แต่ดๆๆๆๆๆ
เสียง 'ขงเบ้ง' เวสป้าสีแดงคันโปรดทยานออกจากตัวบ้านตรงไปยังตลาด เวลาค่อนเช้าแบบนี้ดูเสียงไอขงเบ้งมันจะดังเป็นพิเศษ เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ส่วนใหญ่สิ เกือบจะทั้งหมดหน่ะแหล่ะ ปิดไฟเข้านอนกันไปนานแล้ว
ถนนในหมู่บ้านตอนนี้ก็แทบจะมืดสนิท มีเพียงแสงจากไฟข้างทางสว่างเป็นจุดๆ ดูแล้วก็รู้สึกหลอนหน่อยๆ ถึงจะออกมาส่งของให้แม่ตอนเช้ามืดแบบนี้บ่อย แต่ให้ตายยังไงไอก็ทำใจให้ชินไม่ได้สักที คอยแต่จะมองกระจกหลังบ่อยๆว่ามีตัวอะไรอาศัยมาด้วยรึเปล่า
จากบ้านมาตลาดใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ไอเลือกที่จะจอดรถอีกฝั่งของตลาดแล้วข้ามสะพานลอยไปเอา เพราะตลาดที่นี่เป็นตลาดขนาดใหญ่ เป็นตลาดขายส่งโดยเฉพาะจึงเปิดแต่เช้าและมีรถค่อนข้างเยอะ อย่างน้อยจอดฝั่งนี้ยังมั่นใจว่ามีที่จอดแน่ๆ
"ว่างายอาจ๊อ วังนี้มาช่วยแม่ลื้อเชือกไก่หรอ" แปะเป๋งร้านขายกาแฟหน้าตลาดทักขึ้น แกยังส่งยิ้มสดใสจนตาหยีเหมือนเดิม ดูเผินๆแกก็เหมือนอาแปะขายกาแฟทั่วไป แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่านี่แหล่ะ 'เจ้าของตลาด'
"ป่าวหรอกแปะ แม่ลืมของหน่ะ เลยเอามาส่งให้ "
"อ้อ งั้งลื้อรีบปายเลย เดี๋ยวอีโมโหง้างอีโต้เข้าให้ร็อก" แปะบอกพร้อมหัวเราะไปด้วย ดูท่าฉายาแม่จะใช่ย่อยแฮะ รู้สึกตั้งแต่เปิดศึกกับเขียงหมูตรงข้าม ชื่อเสียงแม่ดังขึ้นเป็นกอง
"จ้าแปะ เดี๋ยวหนูกลับมากินกาแฟฟรีนา อย่าขายหมดก่อนล่ะ"
"ล่ายๆ เหลียวอั๊วะรอ"
ระหว่างทางไอทักพ่อค้าแม่ค้าไปตลอดทาง ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเธอวิ่งเล่นที่นี่มาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่จึงรู้จักกันดี จนมาถึงแผงขายไก่ของแม่ โดยมีแม่หรือที่รู้จักกันในนาม 'เจ๊จิ๋ว' กำลังนั่งปาดแขนปาดขาไก่ออกเป็นส่วนๆ
"อ่ะแม่ สมุด" ไอยื่นสมุดสีแดงให้ พร้อมกับที่แม่โยนน่องไก่ผ่านหน้าลงกระบะริมสุด 'อะโห่ ยังแม่นเหมือนเดิมแฮะ'
"วางไว้ตรงนั้นแหล่ะ แกไม่เห็นเหรอว่ามือฉันเปื้อน" อ้าว...แม่ อุตส่าห์เอามาส่ง ไหงพูดงี้อ่ะ
"ไอ้เจ๋งอยู่ท้ายตลาดเหรอ" ไอถามถึงพี่ชายร่วมท้องที่ห่างถึง 4 ปี แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าทำไมถึงไม่เรียกมันว่าพี่
"เออ มันยังเชือดไก่ไม่เสร็จ ไหนๆก็มาแล้ว แกไปช่วยมันหน่อยก็ดี" แม่พูดโดยที่มือยังไม่ละจากอุปกรณ์เชือด ไอมองแม่โยนคอไก่ลงกระบะอีกอันก่อนจะหันหลังเดินไปทางท้ายตลาด
ท้ายตลาดที่พูดถึงเป็นลานกว้าง ใช้เป็นจุดจอดรถขนของที่ส่งตรงจากสวนหรือฟาร์ม และยังเป็นจุดแปรรูปของพวกนี้ด้วย ซึ่งตอนนี้ไอ้เจ๋งพี่ชายสุดที่รักคงกำลังจัดการแปรรูปไก่เป็นๆตีปีกพั่บๆให้กลายเป็นศพไก่่ไร้ขนอยู่
ปกติสถานที่นี้เวลานี้เธอควรจะอยู่ช่วยไอเจ๋งถอนขนไก่ แต่เพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายของชีวิตม.ปลาย ทั้งไอเจ๋งและแม่เลยลงความเห็น อนุญาตให้เตรียมตัวเอนท์อย่างเดียวพอ ดูแล้วที่บ้านเธอก็ดีไม่ใช่น้อย ถ้าไม่ติดว่าที่จริงลึกๆแล้ว 'กลัวเสียค่าเทอมแพงมากกว่า' ก็ถ้าเอนท์ไม่ติดมาเอกชนค่าเรียนถูกซะที่ไหนล่ะ
ไอเดินไปจุดเชือดไก่ วันนี้รถค่อนข้างเยอะพอสมควร ทั้งรถกระบะและรถหกล้อ เสียงโหวกเหวกโวยวายจึงดังมาตลอดทาง
" ว่างๆ ถอยมาๆ โล่งโว้ยโล่ง เฮ้ย! หยุดโว้ย หยุด มีคนอยู่ท้ายรถ บอกให้หยุด เฮ้ย! อีหนูระวัง!"
ไอหันไปตามเสียง พร้อมๆกับรู้สึกชาไปทั้งตัว ก่อนจะ..........
ช่วยด้วย! มีเด็กถูกรถชน
"ตื่นแล้วเหรอคะ" เสียงพี่เฮอร์มิสเรียกสติไอให้หลุดจากความคิด หันไปมองทางประตูที่พี่แกเพิ่งถือถาดอาหารเดินเข้ามา
"ค่ะ"
"ทานข้าวได้แล้วค่ะ อาจจะยังรู้สึกเคล็ดนิดหน่อย เดี๋ยวพี่ช่วยประคองค่ะ" พร้อมเดินมาช่วยพยุงจนถึงโต๊ะกลมตรงปลายเตียง ก่อนจะจัดแจงเปิดฝาครอบอาหารออก แล้วนั่งฝั่งตรงข้าม
"ซุปซีไบร กับขนมปังข้าวรัมม์ค่ะ" พี่เฮอร์มิสบอก ทำเอามือที่กำลังจะตักซุปอะไรนี่เข้าปากถึงกับค้างกลางอากาศ
"ซุปกับขนมปังอะไรนะคะ?" เธอว่าเธอฟังไม่ผิดนะ พี่เฮอร์มิสเรียกของเหลวๆ ในถ้วยที่เธอคิดว่าเป็นโจ๊กนี่ ว่าซุปอะไรซักอย่าง รวมถึงครัวซองค์นั่นด้วย
"ซุปซีไบร กับขนมปังข้าวรัมม์ค่ะ เอาไว้พี่จะบอกส่วนประกอบกับสรรพคุณให้ฟังแล้วกันนะคะ"
"คะ...ค่ะ" ไอพยักหน้ารับงงๆ ตักซุปเข้าปาก อืม.. รสชาตเหมือนเห็ด คงเป็นซุปเห็ดแหล่ะ
"อร่อยมั๊ยคะ"
"อะ..อร่อยค่ะ เอ่อ... พี่เฮอร์มิส แล้วนี่ที่บ้านหนูรู้รึยังอ่ะ" แม้จะมีเรื่องติดใจสงสัยอยู่มาก แต่ไอคิดว่านี่ควรเป็นคำถามแรกที่เธอควรจะถาม
"ทานให้หมดก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวทานเสร็จพี่จะพาไปอาบน้ำ เราจะเริ่มศึกษาพาทแรกกัน รับรองว่าพี่จะตอบทุกคำถามที่ไอสงสัยจ๊ะ"
เธอจึงได้แต่พยักหน้าแกนๆ ที่นี่ดูลึกลับยังไงชอบกล คำพูดพี่เฮอร์มิสก็ดูแปลกๆ พยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามเธอตลอด ตกลงที่นี่คือที่ไหนแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
'ชุดบ้าอะไรกันเนี่ย'
ไอได้แต่บ่นในใจ เมื่อมองชุดแปลกๆบนตัว ชุดที่ครั้งแรกเธอคิดว่าเป็นชุดคนไข้ แต่ชุดคนไข้ที่ไหนเป็นกระโปรงแถมบานเป็นสุ่ม ดีหน่อยที่เป็นสีเหลืองยาวแค่คลุมเข่า ถ้าเป็นสีขาวแล้วยาวลากพื้นคงเหมือนชุดเจ้าสาวเป็นแน่ แล้วเสื้อนี่ก็อีกติดกระดุมจนถึงคอแขนรึก็ยาวจนถึงข้อมือ อยากจะตะโกนบอกจริงๆว่า 'ที่นี่เมืองไทยนะพี่ไม่ใช่เมืองนอก จำไรผิดรึเปล่า' แล้วพอพี่เฮอร์มิสยื่นบางสิ่งให้มา ทำเอาไอถึงกับตาค้าง
"ใส่เสื้อคลุมนี่ด้วยค่ะ"
พระเจ้า! พี่แกเข้าใจผิดจริงๆด้วย อย่าบอกนะว่าเธอหลุดเข้ามาในฮอกวอตก์เรื่องแฮร์รี่พ็อตเตอร์ ต้องสวมเสื้อคลุมแล้วมีไม้กายสิทธิ์!
"ตะ.. ต้องสวมด้วยหรือคะ" ไอใช้สายตาประเมินผ้าสีเหลืองสดในมือพี่เฮอร์มิส เธอไม่กล้าเอื้อมมือหยิบเหมือนกลัวว่าข้างในจะซุกซ่อนสัตว์ประหลาดเอาไว้
"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ แต่เดี๋ยวเราจะไปคุยกันอีกห้องนึง อากาศจะเย็นกว่าที่นี่เยอะค่ะ" พี่เฮอร์มิสจัดแจงคลี่เสื้อคลุมออก "เดี๋ยวพี่ใส่ให้ค่ะ"
เสื้อคลุมที่พี่เฮอร์มิสกำลังใส่ให้อยู่นี่ จะเรียกว่าเสื้อคลุมก็คงไม่ถูกนัก หน้าตามันเหมือนผ้าธรรมดามากกว่า ไม่มีแขนเสื้อหรือปกเสื้อแม้แต่น้อย มีแต่เชือกสองเส้นไว้ผูกด้านหน้ากันหลุดเท่านั้น เสียแต่ยาวแค่เอว ไม่งั้นเธอจะขอเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง จะได้เหมือนซุปเปอร์แมนตอนแปลงร่าง
"อ่ะ เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวเราไปศูนย์เรียนรู้กัน" แล้วพี่เฮอร์มิสจึงเปิดประตูเดินนำออกไป
ข้างนอกดูไม่ต่างโรงพยาบาลทั่วไปนัก มีห้องถัดไปอีกหลายห้อง แต่กลับไม่มีห้องฝั่งตรงข้าม เป็นกระจกบานโตจรดเพดานตลอดทางเดินแทน จึงมองเห็นส่วนหย่อมขนาดไม่เล็กเขียวชะอุ่มอยู่ภายนอก
'ศูนย์การเรียนรู้' ป้ายตัวอักษรสีเขียวใสเด่นหราอยู่หน้าตึกๆหนึ่ง ตึกนี้เป็นตึกสไตล์โมเดิร์นชั้นเดียวสีเขียวอ่อนลักษณะเหมือนตึกที่เธอเพิ่งออกมาไม่ผิดเพี้ยน ตลอดทางเดินมีคนเดินผ่านไปมาและส่งยิ้มให้พี่เฮอร์มิสตลอด แต่น่าแปลกที่ทุกคนจะต้องมาเป็นคู่และแต่งตัวเหมือนพี่เฮอร์มิสกับเธอไม่ผิดเพี้ยน
"ถึงแล้วจ๊ะ" พี่เฮอร์มิสเปิดประตูเข้าไปก่อนแล้ว เธอจึงเดินตามเข้าไป
"สุดยอด!" ไอถึงกับอุทานเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง
ข้างหน้าเธอตอนนี้คือผนังด้านนึงของห้องที่ว่างโล่งไม่มีอะไรกีดขวาง มองเห็นทะเลสาบสีเขียวระยิบระยับไกลสุดลูกหูลูกตา สุดปลายสายตาคือภูเขาใหญ่สีเขียวปลายยอดเป็นสีขาว เหมือนภูเขาไฟฟูจิที่เคยเห็นในภาพไม่ผิดเพี้ยน
"นั่งก่อนสิจ๊ะ" เสียงพี่เฮอร์มิสปลุกเธอตื่นจากภวังค์
ไอจึงเหลียวมองรอบๆห้องที่เธอไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรกเพราะมัวตะลึงกับทิวทัศน์ตรงหน้า ภายในห้องไม่มีของตกแต่งอะไรเลย มีเพียงชุดรับแขกโซฟา 2 ตัวกับชั้นวางหนังสือ1 ชั้นเท่านั้น ไอจึงเลือกนั่งโซฟาตัวที่เหลือตรงข้ามกับพี่เฮอร์มิส
"เอาล่ะ ถึงเวลาที่พี่จะตอบคำถามที่ไอข้องใจได้แล้ว แต่ก่อนอื่นพี่คงต้องแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อน" พี่เฮอร์มิสส่งยิ้มให้เล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล
"เฮอร์มิส พาราเบล ผู้รักษาแห่งดิฮอสติ้ง ฝ่ายA ยินดีต้อนรับสู่เอมเมอร์เทียร์ ดินแดนซาตานค่ะ"
ความคิดเห็น