ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A Certain Reality of a Girl with Sword (Fate X Index)

    ลำดับตอนที่ #1 : CH 1 A Girl with Swords in Academy city

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 57


                    17 กรกฎาคม โรงเรียนโทกิวะได

                    “เอาล่ะนักเรียนทุกคน ตั้งแต่วันนี้ห้องของเราจะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเยอรมันมาร่วมเรียนด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่าไม่กี่วันก็จะปิดเทอมหน้าร้อนอยู่แล้วทำไมถึงมีนักเรียนใหม่เข้ามาเรียนช่วงนี้ ครูขอแจ้งให้ทราบไว้ว่าเป็นความต้องการของทางโรงเรียนที่ต้องการให้เด็กใหม่ปรับตัวกับคนในชั้นได้เร็วขึ้นก่อนที่จะเริ่มเรียนอย่างจริงจังในเทอมหน้า และก็เพื่อให้เด็กใหม่ได้มีเพื่อนเพื่อช่วยเหลือเธอปรับตัวในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนด้วย ถ้าทุกคนเข้าใจแล้วล่ะก็ ไอซ์เบิร์นซัง เข้ามาแนะนำตัวได้ค่ะ”

                    สิ้นคำพูดของครูประจำชั้น ประตูห้องก็เปิดออก แล้วเด็กสาวร่างเล็กผู้มีผมสีชมพูยาวประบ่าในชุดนักเรียนของโทกิวะไดก็เดินเข้ามาในห้อง เมื่อเดินมาถึงหน้าชั้นเรียน เธอก็หันไปแนะนำตัวกับคนอื่นๆในชั้นเรียนของเธอ

                    “เอมิเลีย ชิโรโกะ วอน ไอซ์เบิร์น ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกสั้นๆว่าเอมิก็ได้ ถึงจะมาจากเยอรมนีแต่พ่อของฉันเป็นคนญี่ปุ่นเพราะฉะนั้นฉันเลยพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่อง ถ้ายังไงจากนี้ไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ...คะ” เด็กสาวแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ในห้องเรียนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร มีเสียงซุบซิบเบาๆดังขึ้นมาเล็กน้อย โอเค ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้โดดเด่นเป็นพิเศษ ยิ่งมีคนสนใจน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ทำตัวให้เป็นธรรมชาติไว้... เด็กสาวคิดในใจ

                    “อ๊ะ เธอมันคนเมื่อตอนนั้นนี่นา!” เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งในห้องดังขึ้นมา เมื่อเอมิหันไปมองเธอก็ถึงกับผงะ ดวงตาสีแดงของเธอจ้องไปยังเด็กสาวคนที่ตะโกนขึ้นมา นั่นเพราะเด็กสาวผมสีน้ำตาลคนดังกล่าวคือคนเดียวกับที่เธอเจอโดยบังเอิญเมื่อวานนี้

                    มิซากะ มิโคโตะ เอสเปอร์เลเวล 5 ลำดับที่ 3 แห่งนครการศึกษา

                    “จะ...เจอกันอีกแล้วนะ มิซากะซัง” เอมิพูดจาละล่ำละลัก สาเหตุเป็นเพราะการเจอกันครั้งล่าสุดของทั้งคู่ถ้าพูดในแง่ดีก็คือมีเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อย ถ้าพูดแบบแง่ร้ายก็คือเธอไปทำให้มิซากะโกรธเธออย่างมาก จนต้องหนีมา แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมาเรียนห้องเดียวกันเนี่ยนะ?

                    มีโชคแรงค์Eนี่มันแย่ชะมัด

                    เอมิคิดหาวิธีแก้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ พลางคิดไปถึงสาเหตุแรกเริ่มที่ผู้ใช้เวทย์มนตร์อย่างเธอต้องเข้ามาอยู่ในเมืองแห่งการศึกษาที่อยู่คนละมิติกับที่เธอเคยอยู่แห่งนี้

    XXXXX

                    หอนาฬิกา ลอนดอน 2 วันก่อนหน้านั้น

                    “เอ๋!!! ท่านจะให้ผมไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับReality Marbleในมิติอื่นอย่างนั้นเหรอ!” เด็กสาว เอมิเลีย ชิโรโกะ วอน ไอซ์เบิร์น ตะโกนขึ้นอย่างไม่กลัวเสียมารยาทต่อชายสูงอายุตรงหน้า

                    “ใช่แล้ว ตามที่พูดนั่นแหละ น่าสนุกดีใช่มั้ยล่ะ?” เซลเรท วิซาร์ดมาร์แชล,1ใน27ชิโดะ,ผู้ใช้True Magicลำดับที่2 และจอมเวทย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องแกล้งคนที่สุดในหอนาฬิกา เอ่ยตอบ “แล้วก็เป็นสาวเป็นนางอย่าใช้คำพูดแทนตัวว่าผมสิ มันฟังดูไม่ดีนะ เอมิจัง” เจ้าตัวพูดพลางฉีกยิ้ม

                    “ขออภัย...ค่ะ” เด็กสาวตอบแกนๆ “ท่านก็รู้นี่นาว่าถึงจะเห็นรูปร่างเป็นอย่างนี้ แต่ข้างในผม...เอ่อ...ฉันก็ยังเป็นผู้ชาย นี่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงปีจะให้ปรับตัวง่ายๆได้ยังไงกันล่ะ...คะ” เด็กสาวที่เคยใช้ชื่อ เอมิยะ ชิโร่ส่งเสียงลงท้ายอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เธอรู้ดีว่าการทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจนั้นจะส่งผลร้ายกับเธอได้แค่ไหน แม้แต่ชุดกระโปรงสั้นที่เธอใส่อยู่ก็เป็นคำขอร้อง(แกมบังคับ)ของคนตรงหน้าให้เธอใส่ โดยอ้างว่าอยากเห็นอะไรที่ดูแล้วรู้สึกสดชื่นบ้าง

                    ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาก่อนหน้า เอมิยะ ชิโร่ ได้เข้าร่วมสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 5 และเอาตัวรอดมาได้อย่างยากลำบาก ในช่วงท้ายของสงครามหลังจากความเสียหายมากมายที่เกิดขึ้น แม้จะสามารถช่วยเหลือสาวคนรัก มาโต้ ซากุระ ให้มีชีวิตรอดมาได้สำเร็จ แต่ร่างกายของเขาเองก็ถูกทำลายจนไม่สามารถใช้การได้อีก แต่ก่อนที่เขาจะตายไปจริงๆนั้น วิญญาณของเขาก็ได้ถูกพี่สาวบุญธรรมของเขา อิริยาสฟิล วอน ไอส์เบิร์น ช่วยเหลือเอาไว้ โดยการมอบร่างกายให้ก่อนที่วิญญาณของเขาจะสลายไป ทำให้เขามีชีวิตรอดมาได้

                    ปัญหาก็คือร่างกายที่ว่านั่นเป็นร่างกายของพี่สาวของเขา หรือก็คือเขาต้องอยู่ในร่างของเด็กผู้หญิงนั่นเอง

                    หลังจากนั้นก็มีปัญหามากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไรเดอร์ที่เป็นเซอร์แวนต์หรือภูตรับใช้ระดับสูงของซากุระ,โทซากะริน พี่สาวของซากุระที่เธอสามารถสร้างอุปกรณ์ที่มีพลังส่วนหนึ่งของTrue Magicอันดับที่2ได้สำเร็จ,ซากุระที่เชื่อมต่อกับจอกศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเวลาหนึ่ง,ชิโร่ที่กลับมามีร่างกายได้ด้วยปาฏิหาริย์ระดับเดียวกับTrue Magic ทั้งหมดนี้ดึงความสนใจอย่างมากจากหอนาฬิกาจนไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ทั้งหมดจะถูกหอนาฬิกาควบคุมตัวเพื่อนำมาค้นคว้าวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรินที่ไม่สามารถคุมสถานการณ์ในเมืองฟุยุกิไม่ให้บานปลายทั้งที่เป็นผู้ดูแลในเขตดังกล่าวก็ต้องได้รับการลงโทษจากหอนาฬิกาด้วย

                    แต่ปัญหาทั้งหมดก็ถูกแก้ไขโดยการกลับมาของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหอนาฬิกา วิซาร์ดมาร์แชล เซ็ลเร็ท ผู้ซึ่งประทับใจกับการที่รินสามารถเข้าถึง True Magicลำดับที่2ได้แม้จะแค่ส่วนหนึ่ง เขาตัดสินใจรับเธอเป็นลูกศิษย์ พร้อมกับให้ความคุ้มครองแก่เธอ รวมถึงคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วย หลังจากนั้นไม่นานพวกเธอทั้งหมดก็ได้เข้ามาศึกษาในหอนาฬิกา แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้จบลงด้วยดีซะทีเดียว เซลเร็ทเองก็มีความสนใจที่จะวิจัยพวกเธอเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับการต้องไปเป็นวัตถุดิบทดลองให้บรรดาจอมเวทย์ส่วนใหญ่ในหอนาฬิกาที่มั่นใจได้เลยว่าต้องจับพวกเธอไปแยกชิ้นส่วนเพื่อทำการวิจัยแล้ว การทำตามความต้องการของเซลเร็ทโดยการให้ร่วมมือในการวิจัยและโดนกลั่นแกล้งนานๆครั้งนั้นถือว่าเล็กน้อยมาก แม้”บางครั้ง”จะอดคิดไม่ได้ว่าตีกับองค์กรจอมเวทย์ให้แตกหักไปเลยจะดีกว่ารึเปล่าก็ตาม

                    เอมิเผลอคิดไปถึงครั้งที่พวกเธอทั้ง 4 คนถูกแกล้งเปลี่ยนชุดที่มีทั้งหมดเป็นชุดเมด ทำให้พวกเธอต้องใส่ชุดเมดทั้งวัน และด้วยสาเหตุบางอย่างเธอรู้สึกว่าวันนั้นคนส่วนใหญ่ที่เธอพบจะสนใจเธอมากกว่าคนอื่นๆ... ไม่ หยุดนึกถึงเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้!

                    “แล้วก็ ฉันไม่ได้แกล้งเธอเฉยๆหรอกนะ” สรุปยอมรับว่าอยากแกล้งสินะ! เอมิคิดในใจ “ในเมืองแห่งการศึกษา...ที่ที่ฉันจะให้เธอไปน่ะนะ มีหมอที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการรักษาอย่างมากอยู่ด้วย เขามีฝีมือระดับที่ว่ากันว่าตราบใดที่คนไข้ยังไม่ตายก่อนมาถึงมือเขาแล้วล่ะก็ ไม่ว่าอาการหนักแค่ไหนเขาก็สามารถรักษาชีวิตคนไข้ไว้ได้ ถ้าฉันบอกว่าหมอคนนั่นจะยอมดูอาการของแม่หนูมาโต้ให้เป็นการแลกเปลี่ยนกับการที่เธอจะไปอาศัยอยู่ในมิตินั้นชั่วคราวเธอจะว่ายังไง?”

                    เอมิตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หมอที่อาจจะสามารถรักษาซากุระให้หายขาดจากอาการที่เป็นอยู่ได้...

                    เนื่องด้วยลักษณะเฉพาะที่ไม่น่าพูดถึงนักของเวทย์มนตร์ที่ใช้ควบคุมหนอนมนตราของตระกูลมาโต้ซึ่งซากุระถูกฝืนบังคับให้เรียน แม้หลังจากสงครามครั้งที่ 5 จบลง หนอนมนตราในร่างซากุระจะถูกเอาออกไปจนเกือบหมดแล้ว แต่ก็ได้แค่”เกือบหมด” ยังมีบางส่วนที่เหลืออยู่ในร่างของซากุระในจุดสำคัญของร่างกายที่พวกเธอไม่สามารถเอาออกได้ แม้จะไม่ส่งผลร้ายโดยตรงกับร่างกายของซากุระ แต่มันก็มีความสามารถกระตุ้นให้สภาพจิตของเธอ... ควบคุมได้ยากเป็นบางครั้ง แม้จะมีทางแก้ไขชั่วคราวที่เธอกับไรเดอร์(และนานๆครั้งริน)ช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้อยู่ แต่วิธีดังกล่าวก็... ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบแต่ว่ามันค่อนข้าง... แถมอาการดังกล่าวยังเกิดโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเลยและต้องรีบแก้ไขทันทีโดยตลอด อย่างครั้งล่าสุดที่เธอเพิ่งใช้พลังเวทย์ในการทดลองอย่างหนักจนแค่ขยับนิดหน่อยร่างกายก็ปวดไปทั้งตัวแล้วได้ยินว่าซากุระอาการกำเริบขึ้นมากะทันหันนั้น กว่าจะแก้ไขอาการดังกล่าวของซากุระได้เธอก็ได้ลิ้มรสชาติของสวรรค์และนรกไปพร้อมๆกันจนหลังจากนั้นเธอต้องนอนพักทั้งวันเลยทีเดียว พอคิดขึ้นมาหน้าของเธอก็เริ่มร้อน ใช่ เธอต้องหาทางรักษาอาการดังกล่าวของซากุระให้ได้! เพื่อความสุขของซากุระและตัวเธอเอง!

                    “แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง...คะ?” เอมิถาม แม้เธอจะเป็นแค่จอมเวทย์เกรด3ที่เรียนรู้เวทย์มาแบบงูๆปลาๆ แต่เธอก็รู้ว่าก่อนจะตกลงอะไรกับจอมเวทย์ต้องฟังรายละเอียดให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ

                    “โดยรวมก็ไม่มีอะไรมาก ดูเหมือนว่าที่มิตินั้นจะมีการเติบโตของวัฒนธรรมไปอีกแบบ มีผู้ใช้ความสามารถที่คอนเซปท์พื้นฐานคล้ายๆกับReality Marble แต่เห็นว่าทางนั้นเรียก Personal Realityแทน โดยที่เรียกผุ้ใช้ความสามารถนั้นว่าเอสเปอร์ เห็นมีแบ่งระดับพลังเป็นเลเวล 0-5 ไว้ด้วยตามระดับความแข็งแกร่ง จะว่าไปจะใกล้เคียงกับMarble Phantasm มากกว่ารึเปล่านะ?” เซ็ลเร็ททำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “ที่เธอต้องทำก็แค่ให้ความร่วมมือกับนักวิจัยของทางโน้นที่ฉันติดต่อไว้แล้ว ทางนั้นจะส่งรายงานมาให้ถึงที่พักของเธอเป็นระยะ แล้วฉันก็อยากให้เธอสรุปความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับความสามารถของพวกเอสเปอร์ทางนั้นไว้ด้วย พอถึงเวลาฉันจะไปรับรายงานเป็นระยะ แล้วก็เธอไม่จำเป็นต้องปกปิดความสามารถของตัวเองมากนัก ถึงฉันจะไปดูมาแค่ไม่นาน แต่ความสามารถของพวกเอสเปอร์ที่ฉันไปเห็นมามันหลากหลายมาก มีทั้งคนที่ควบคุมกระแสไฟฟ้าได้ตามใจ คนที่ยิงเลเซอร์ออกมาจากมือได้ อะไรทำนองนี้แถมใช้กันกลางถนนเลยก็ไม่มีใครตื่นตระหนกเพราะเป็นเรื่องปรกติของที่นั่น ตื่นตาตื่นใจดีเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เจอพวกที่น่ากลัวระดับBLUEล่ะนะ” พอเซ็ลเร็ทพูดถึงจอมเวทย์ที่ใช้True Magic แห่งการทำลายที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน เอมิก็รู้สึกสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ขอเถอะนะถ้าให้ต้องเจอกับคนที่มีพลังทำลายระดับนั้นน่ะ “พอเทียบกับความสามารถพวกนั้นแล้วความสามารถพื้นฐานของเธออย่างเสริมพลังกายหรือเสกของขึ้นมาจากอากาศได้ก็คงไม่โดดเด่นเท่าไหร่ ฉันอนุญาตให้เธอไม่ต้องปกปิดความสามารถด้านเวทย์มนตร์ที่มิตินั้นเพราะถึงจะถูกเปิดเผยขึ้นมาก็พอจะแกล้งบอกว่าเป็นความสามารถเอสเปอร์ได้ แต่ยังไงก็พยายามอย่าใช้พวกNoble Phantasm หรือวงเวทย์ที่เห็นได้ชัดเจนมากว่าเป็นเวทย์มนตร์ก็น่าจะดี คิดว่ามีเท่านั้นแหละ”

                    “เข้าใจแล้ว....ค่ะ” เอมิตอบ “แล้วฉันจะต้องไปอยู่ที่เมืองแห่งการศึกษานี่ตั้งแต่เมื่อไหร่จนถึงเมื่อไหร่...คะ?” เธอถามเพื่อจะได้เตรียมตัวถูก ยังไงเธอก็ต้องไปบอกพวกซากุระไว้ก่อนด้วย

                    เซ็ลเร็ทไม่ตอบ หากแต่โยนกระเป๋าใบนึงให้กับเอมิที่รับมาแบบงงๆ จากที่เธอสัมผัสโดยใช้เวทย์วิเคราะห์ดูนั้น(ร่างกายเธอทำจนเป็นสัญชาตญานระดับหนึ่งไปแล้ว) ข้างในมีพวกเอกสารหลายๆอย่างแล้วก็ของที่น่าจะเป็นบัตรประจำตัวหรือบัตรเครดิต หรือก็คือของจำเป็นขั้นต่ำสุดสำหรับการแสดงตัวและใช้ชีวิตในต่างแดน จู่ๆเธอก็สังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างแรง

                    รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนหน้าของเซ็ลเร็ท พร้อมกับที่อากาศด้านหลังเอมิปริแตกออกจนกลายเป็นช่องว่าง

                    “ตั้งแต่ตอนนี้เลย กำหนดเวลากลับก็.. ตามใจฉันล่ะนะ”

                    “...!” ยังไม่ทันที่เอมิจะพูดอะไรออกมา แรงดึงดูดมหาศาลจากรอยแยกก็พยายามดึงร่างของเธอเข้าไปในรอยแยกนั้นเสียแล้ว “Trace on Enkidu! เธอตะโกนสุดเสียง

                    โซ่เส้นยาวปรากฏขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่า มือของเอมิจับโซ่ด้านหนึ่งไว้ ส่วนปลายอีกด้านพุ่งเข้าหาเซ็ลเร็ท ทว่าโซ่ดังกล่าวกลับพุ่งผ่านร่างของเซ็ลเร็ทไปราวกับทะลุผ่านอากาศ แต่เธอก็ยังสามารถบังคับให้โซ่ดังกล่าวย้ายไปมัดกับโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าแทนได้ทัน ตอนนี้ร่างของเอมิลอยอยู่กลางอากาศโดยมีโต๊ะตรงหน้าเป็นสมอรั้งตัวเธอไว้ไม่ให้หลุดไปในรอยแยกด้านหลัง ถ้าเธอมีสติพอ เอมิคงสังเกตเห็นว่ารอยแยกนั้นดูดเฉพาะกระเป๋ากับร่างของเธอเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบกับอย่างอื่นในห้องเลยแม้แต่น้อย

                    “จะ...จู่ๆทำบ้าอะไรเนี่ย!” เอมิตะโกนใส่คนตรงหน้า

                    “ฉันต่างหากที่ต้องพูดแบบนั้น จู่ๆฟาดโซ่ใส่คนแก่ที่ไร้ทางสู้ได้ยังไงกัน นี่ถ้าฉันไม่ใช้เวทย์มิติย้ายร่างกายส่วนหนึ่งไปอยู่อีกมิติ เหลือแต่ภาพลวงไว้ล่วงหน้านี่ฉันก็เจ็บตัวไปแล้วนะ!” เสียงของเซ็ลเร็ทบ่งบอกถึงความสุขของเจ้าตัวที่แกล้งคนสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด

                    คนแก่ไร้ทางสู้เรอะ อีกฝ่ายเป็นORTรึไง!

                    “ไม่ต้องห่วงเรื่องทางนี้หรอกนะ สามสาวนั่นนะระหว่างนี้ฉันจะดูแลให้เอง แล้วก็อาจจะให้ไปเยี่ยมทางนั้นบ้างด้วย... ถ้าเธอตั้งใจทำงานดีน่ะนะ”

                    “แทนที่จะทำอย่างนั้น อย่างน้อยให้ผมไปลาเองไม่ได้รึไง!” เอมิพูดพลางพยายามสาวตัวไปตามโซ่ที่ยังยึดกับโต๊ะไว้อยู่ ที่จริงเป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงมากแต่ก็ไม่เกินความสามารถของเธอที่ใช้เวทย์เสริมพลังช่วย

                    “ถ้าทำแบบนั้นฉันก็ไม่ได้เห็นท่าทางดิ้นรนสุดชีวิตของเธอในตอนนี้สิ เอาล่ะ ไปได้แล้ว!” มือของเซลเร็ทสัมผัสกับโซ่ที่มัดโต๊ะไว้อยู่ ในพริบตานั้นเองโซ่ก็กลายเป็นวัตถุที่มือของเอมิไม่สามารถสัมผัสได้ ร่างของเธอถูกดูดเข้าไปในรอยแยกโดยทันที

                    “เซ็ลเร็ททททททททททท” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เอมิพูดออกมาได้ ก่อนที่ช่องว่างในอากาศจะปิดตัวลง

    XXXXX

                    2 วันก่อนหน้านี้ เย็นวันที่ 15 กรกฎาคม เมืองแห่งการศึกษา

                    หลังจากที่ถูกพาข้ามมิติมา เมื่อมาถึงที่นครแห่งการศึกษาก็เป็นเวลาใกล้เย็นแล้ว ยังดีที่พอเช็คในกระเป๋าที่ได้รับมาซึ่งถูกดูดมาด้วยกันก็มีที่อยู่ของที่พัก หลักฐานในการแสดงตัว บัตรเครดิต มือถือสำหรับใช้ในโลกนี้ (ที่ตั้งพื้นหลังหน้าจอไว้เป็นรูปเอมิในชุดเมด ซึ่งเธอรีบเปลี่ยนรูปโดยทันที) แล้วก็เอกสารที่แนะนำว่าของที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง รวมถึงกำหนดการเข้าเรียนของเธอในอีกสองวันให้หลัง (วางแผนไว้หมดแล้วจริงๆสินะ เซ็ลเร็ท)

                    เรื่องที่เซ็ลเร็ทแต่งไว้ให้ก็คือ เอมิเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ถูกพามาจากเยอรมันเพราะถูกพบว่ามีความสามารถเอสเปอร์ระดับสูง ทั้งที่ไม่ได้รับการกระตุ้นจากเทคโนโลยีของนครแห่งการศึกษาเลย โดยหลังจากนี้เธอจะถูกให้เข้าเรียนในโรงเรียนสตรีโทกิวะไดเพื่อให้การศึกษาโดยที่อาศัยของเธอจะอยู่ในหอพักของโรงเรียน และระหว่างนั้นก็จะทำการตรวจสอบระดับพลังของเธอไปด้วย

                    เพราะรู้นิสัยเซ็ลเร็ทดีว่า ตราบใดที่เจ้าตัวไม่คิดจะเธอกลับ ยังไงเธอก็ทำอะไรไม่ได้ เอมิเลยตัดสินใจว่าจะทำตามที่เซ็ลเร็ทต้องการไปก่อน

                    หลังจากสอบถามเส้นทาง(และแวะหาอะไรกินก่อนมาถึงเรียบร้อย อย่างน้อยเซ็ลเร็ทก็เตรียมเงินในบัญชีไว้ให้เธอเยอะพอที่จะอยู่เป็นปีได้อย่างสบาย) เธอก็มาถึงหอพักของโทกิวะไดในช่วงค่ำ คนที่ออกมารับเธอเป็นอาจารย์ประจำหอพักที่เอมิรู้สึกว่ามีความคุกคามแปลกๆคล้ายกับฟุจิมุระ ไทกะ อดีตอาจารย์ของเธอ หลังจากโดนต่อว่านิดหน่อยที่มาหอพักในช่วงดึก เธอก็ยื่นเอกสารแสดงตนให้แล้วเธอก็ถูกพาไปยังห้องพักที่ว่างอยู่ ซึ่งเธอได้ห้องคู่แต่พักคนเดียวเพราะยังไม่มีคนที่จะมาใช้ห้องร่วมกัน หลังจากที่อาจารย์คนดังกล่าวอธิบายเรื่องกฎระเบียบในหอพักให้เธอฟังคร่าวๆแล้วเธอก็ปล่อยให้เอมิพักผ่อนคนเดียวในห้อง เอมิที่รู้สึกเหนื่อยใจกับเรื่องที่เจอมาทั้งหมดก็ได้แต่วางแผนสิ่งที่ต้องทำคร่าวๆ ก่อนจะเตรียมอาบน้ำแล้วถึงรู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอไม่มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนหรืออุปกรณ์ของใช้จำเป็นพื้นฐานเลย เมื่อดูเวลาแล้วเห็นว่าดึกมากแล้วบวกกับหอพักโรงเรียนมีกฎไม่ให้ออกจากหอในช่วงค่ำ เธอก็ได้แต่ทำใจ และตัดสินใจว่าจะใช้เวทย์มนตร์สำหรับสร้างชุดนอนชั่วคราวขึ้นมาก่อน (ตอนนี้เธอสามารถเทรซสิ่งของอื่นๆที่ไม่ใช่ดาบให้อยู่บนโลกได้นานขึ้นแล้ว ทั้งนี้เป็นผลจากวงจรเวทย์ระดับสูงของร่างอิลิยา) ก่อนจะไปซื้อเสื้อผ้าและของจำเป็นใหม่พรุ่งนี้ หลังจากมั่นใจว่าชุดนอนที่สร้างขึ้นด้วยเวทย์มนตร์จะไม่สลายไปก่อนที่เธอจะตื่นนอนแล้ว เธอจึงนอนหลับได้เสียที

    XXXXX

                    1 วันก่อนหน้า 16 กรกฎาคม เมืองแห่งการศึกษา             

                    เอมิตื่นนอนแต่เช้า หลังจากจากเปลี่ยนเป็นชุดเมื่อวานที่เธอใส่มาแล้ว (เนื่องจากยังไม่มีชุดเปลี่ยน และเธอก็ไม่อยากเทรซชุดเพื่อใส่เดินในเมือง เพราะมีความเป็นไปได้ที่ชุดที่สร้างจากเวทย์มนตร์จะสลายกลางคันด้วยสาเหตุหลายๆอย่าง เช่นไปปะทะกับข่ายมนตร์ของจอมเวทย์คนอื่น) เนื่องจากวันนี้ยังไม่ใช่วันที่เธอจะต้องเข้าเรียนในโทกิวะได เธอจึงตัดสินใจเดินสำรวจในเมืองพร้อมกับหาซื้อของที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตที่นี่ไปด้วย

                    เอมิรู้ตัวอยู่ว่าเธอไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีนัก แต่เธอก็เป็นคนที่มีความสามารถซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ แถมยังพูดได้เต็มปากว่าเธอเป็นจอมเวทย์ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมากที่สุดคนหนึ่งในหอนาฬิกาเลยทีเดียว คนที่มีความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่พอจะคุยกับเธอได้ในหอนาฬิกาคงจะมีแต่ลอร์ดเอลเมรอยที่2เท่านั้น แต่เมื่อดูจากมุมมองของจอมเวทย์ส่วนใหญ่ที่มักจะดูถูกวิทยาศาสตร์แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอวดซักเท่าไหร่

                    กระนั้นเธอก็ต้องยอมรับว่าเมืองแห่งการศึกษานี้มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าที่ไหนๆที่เธอเคยเห็นมาก่อนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกำจัดขยะอัตโนมัติที่มีอยู่ทั่วเมือง ระบบการเดินทางที่ทำให้ไปถึงที่ไหนๆก็ตามในเมืองได้อย่างรวดเร็วหลากหลายแบบ เป็นต้น แค่มาอยู่ที่นี่ได้วันเดียวเธอก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเมืองฟุยุกิที่เธอเคยอยู่ดูเหมือนจะล้าหลังไปเป็น 10 ปีเลยทีเดียว

                    แถมอาหารที่มีให้กินที่เมืองนี้ก็ยังหลากหลายอย่างที่เธอไม่เคยเห็น จนเธอคิดว่ากว่าจะขโมยสูตร...ลองชิมอาหารในเมืองนี้จนครบก็คงต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว แต่นั่นเป็นแค่เป้าหมายเสริมส่วนตัวของเธอล่ะนะ

                    เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ของช่วงเช้าไปกับการซื้อของที่จำเป็นต่างๆเช่น เสื้อผ้าทั่วไป ชุดชั้นใน ชุดนักเรียน ของใช้ต่างๆ  หลังจากที่ได้ของที่จำเป็นมาจนครบและเอาไปเก็บในห้องเรียบร้อยแล้ว (พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมา) ช่วงบ่ายเธอจึงออกจากห้องไปยังศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งในเมืองซึ่งเซ็ลเร็ทได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า เพื่อทำการวัดระดับพลังของเธอเพื่อเปรียบเทียบกับพลังของเอสเปอร์ในโลกนี้ และจะเป็นสถานที่ติดต่อหลักของงานที่เซ็ลเร็ทมอบหมายให้เธอมานับจากนี้ไปด้วย

                    พอเข้ามาในพื้นที่สำหรับทำการทดสอบแล้ว เริ่มแรกเธอได้แสดงพื้นฐานความสามารถเทรซซิ่งให้นักวิจัยที่นั่นดู โดยการสร้างดาบแบบง่ายๆ และสิ่งของอื่นๆขึ้นมา เพื่อให้นักวิจัยตรวจสอบคุณสมบัติของสิ่งของที่เธอสร้างขึ้นมา จากนั้นนักวิจัยก็ถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของเธอเช่น สามารถสร้างของได้ห่างจากตัวเองกี่เมตร มีความสามารถในการควบคุมของที่สร้างได้ระดับไหน เงื่อนไขในการสร้างสิ่งของแต่ละชิ้นคืออะไรบ้าง สามารถสร้างได้มากสุดกี่ชิ้นพร้อมๆกัน เป็นต้น แต่เอมิก็ไม่ได้แสดงขอบเขตความสามารถของเธอตามจริงไปทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องการเก็บความสามารถในการต่อสู้ของเธอไว้ในคราวที่จำเป็นหากต้องป้องกันตัว ข้อมูลที่นักวิจัยได้ไปจึงเป็นเฉพาะข้อมูลของความสามารถเทรซซิ่งในระดับที่ไม่ถึงครึ่งของพลังจริงๆที่เธอมีอยู่เท่านั้น กระนั้นความสามารถเท่าที่เธอแสดงไปก็ดูจะน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักวิจัยพอสมควร เมื่อดูจากปฏิกิริยาของพวกเขา เธอได้ยินคำพูดเกี่ยวกับ “จินตภาพ” “ทฤษฎี 11มิติ” “เทเลพอร์ต” “เทเลคิเนซิส” หลายๆอย่างที่เธอไม่ได้เข้าใจไปทั้งหมด หลังจากนั้นเธอก็ถูกขอให้เข้าไปในเครื่องมือรูปทรงแคปซูลที่เรียกว่าเทสตาเมนท์ซึ่งชวนให้นึกถึงแคปซูลในหนังไซไฟที่เธอเคยดูมาก่อน หลังจากอธิบายให้เธอฟังว่ามันเป็นเครื่องมือสำหรับการวัดข้อมูลร่างกายรูปแบบหนึ่งแล้ว เธอจึงเข้าไปในเทสตาเมนท์และสวมอุปกรณ์ทรงหมวกกันน็อกที่อยู่ข้างในนั้นและนอนลงตามที่นักวิจัยบอก ระหว่างนั้นเธอรู้สึกว่าเครื่องจักรดังกล่าวทำให้วงจรเวทย์ในร่างของเธอมีปฏิกิริยาอ่อนๆขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ หลังจากเก็บข้อมูลเสร็จนักวิจัยก็อนุญาตให้เธอกลับได้ ด้วยสาเหตุบางอย่าง ผลจะส่งมาให้เธอทีหลังแทนที่จะรู้ผลทันที

                    กว่าเธอจะออกมาจากศูนย์วิจัยดังกล่าวได้ก็เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ที่โรงเรียนส่วนใหญ่ในนครแห่งการศึกษาเลิกเรียนแล้ว สังเกตได้จากที่เธอเห็นเด็กในชุดนักเรียนเดินเต็มถนนไปหมด

                    เอมิตัดสินใจว่าเธอจะเดินดูสภาพพื้นที่บริเวณใกล้ๆซักหน่อย พร้อมกับหาอาหารเย็นกินข้างนอกเลยก่อนจะกลับหอพักเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนในวันพรุ่งนี้

                    ระหว่างทางนั้นเอง เสียงระเบิดก็ดังขึ้น

                    แม้เอมิจะเปลี่ยนไปมากจากเด็กหนุ่มที่เคยคิดจะเป็นฮีโร่ที่ปกป้องทุกคนในอดีต (ทั้งจิตใจและร่างกาย) แต่เธอก็ยังเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ดี ทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิดดังกล่าว เอมิก็รีบใช้เวทย์เสริมพลังแล้วรีบมุ่งไปยังที่มาของเสียงทันที

                    เมื่อไปถึงที่มาของเสียงดังกล่าว สิ่งที่เอมิเห็นคือกลุ่มชาย 3คนที่เดินออกมาจากธนาคารที่ทางเข้ามีร่องรอยของการถูกทำลาย แต่งตัวแบบที่เหมือนจะพยายามปกปิดสถานะตัวเอง ดูแล้วน่าจะเป็นโจรปล้นธนาคารล่ะมั้ง? แต่ว่าข้างหน้าของชาย 3 คนนั้นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขวางไว้อยู่

                    เธอคนนั้นมีผมสีน้ำตาล รวบเป็นหางม้าสองข้าง ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นเด็กมัธยมต้น ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดของโทกิวะไดแบบเดียวกับที่เอมิเพิ่งไปซื้อมาเช้าวันนี้ แต่ตรงแขนขวาของเธอมีปลอกแขนบางอย่างสวมอยู่ ท่ายืนอย่างมั่นใจเต็มที่ของเธอประกอบกับรูปร่างหน้าตาทำให้เอมิอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็น โทซากะ ริน ของมิตินี้หรือเปล่า? แต่นอกจากนั้นท่าทางนั้นยังบ่งบอกอีกด้วยว่าเธอมีความสามารถด้านการต่อสู้

                    และเอมิก็รู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิด เมื่อชายร่างใหญ่ 1 ใน 3 คนร้ายที่ตรงเข้าไปหมายจะเล่นงานเด็กสาวตรงหน้า กลับถูกเด็กสาวเล่นงานกลับด้วยมือเปล่าจนลงไปนอนกับพื้นในพริบตา

                    ชายอีกคนในกลุ่มที่รู้สึกถึงอันตรายตรงหน้ายกมือขึ้นมา จากนั้นลูกไฟก็ก่อตัวขึ้นในมือของเขา

                    เอมิรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพลังของเอสเปอร์ในโลกนี้ต่อหน้าต่อตา แต่ไม่ว่าจะมองยังไงลูกไฟนั้นก็เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างแน่นอน เธอคิดจะเข้าไปขัดขวางไม่ให้ผู้ชายคนนั้นใช้พลังได้ แต่ความคิดนั้นก็ถูกหยุดไว้จากท่าทีของเด็กสาวผมน้ำตาลที่แม้จะตึงเครียดขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีทีท่ากังวลอะไร

                    เปลวไฟถูกปล่อยออกมาจากมือของคนร้ายหมายเลข2 เปลวเพลิงที่เอมิประเมินว่าหากโดนเข้าไปคงบาดเจ็บไม่ใช่น้อย ระดับความรุนแรงไม่แพ้เวทย์ของจอมเวทย์ทั่วไปในโลกที่เอมิจากมา พุ่งเข้าใส่เด็กสาวที่พยายามจะหลบ แต่ก่อนที่ไฟจะไปถึง เด็กสาวก็...หายตัวไป?

                    เป็นไปได้ยังไง? เอมิมั่นใจในดวงตาที่เสริมพลังของเธอว่าสามารถมองทันแม้แต่ความเคลื่อนไหวของไรเดอร์ที่เป็นเซอร์แวนต์ แต่เธอกลับมองการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของเด็กสาวคนนั้นไม่ทัน

                    พริบตาต่อมา เด็กสาวก็ไปโผล่ข้างๆชายผู้ใช้ไฟพร้อมกับเล่นงานเขาด้วยลูกเตะอย่างจัง

                    อย่าบอกนะว่ารินในโลกนี้เชี่ยวชาญ True Magic ลำดับที่ 2 Kaleidoscope จนสามารถเคลื่อนย้ายผ่านมิติได้แล้วน่ะ! เอมิคิดในใจ แต่ก็สบายใจขึ้นเมื่อเห็นว่าแทนที่จะเล่นงานชายคนดังกล่าวด้วยการย้ายชายคนนั้นไปอยู่มิติอื่นหรือสลับบุคลิคของชายคนนั้นกับบุคลิดที่น่าอายเช่นมิติที่เขาเป็นกระเทยที่แสดงในคณะละครสัตว์(อย่างที่เซลเร็ทเคยพูดเล่นบ่อยๆ) เด็กสาวทวินเทลกลับหยิบวัตถุทรงเข็มออกมา จากนั้นวัตถุเหล่านั้นก็หายไปจากมือและย้ายไปปรากฏบนเสื้อผ้าของชายผู้ใช้ไฟ ตรึงเขาไว้กับพื้นไม่ให้ขยับไปไหน อย่างน้อยถ้าเธอใช้Kaleidoscopeได้จริงๆ เซ็ลเร็ทก็ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยเธอให้บ้าเหมือนกับเขาล่ะนะ

                “หลีกไป!” เสียงของคนร้ายที่เหลือดังขึ้น เอมิหันไปมองก็พบว่าคนร้ายใช้มือผลักเด็กสาวผมสั้นสีน้ำตาลในชุดโทกิวะไดอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆจนไอติมที่เธอถืออยู่จนหล่นจากมือเลอะเสื้อที่เธอใส่อยู่ คนร้ายดังกล่าวพยายามที่จะวิ่งไปที่รถที่น่าจะเป็นพาหนะที่ใช้ในการหลบหนี เอมิตัดสินใจว่าจะเข้าไปขัดขวางแต่...

                    “คุโรโกะ!” เด็กสาวผมสั้นตะโกนขึ้นมาเสียก่อน

                    “ค...ค่ะ!” เด็กสาวผมสีน้ำตาลที่ถูกเรียกว่าคุโรโกะตอบ ท่าทางของเธอดูเหมือนจะหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

                    “เจ้านั่นหาเรื่องฉัน เพราะฉะนั้น..ฉันตอบโต้กลับได้ใช่มั้ย?” เด็กสาวผมสั้นพูดน้ำเสียงเย็นเยียบ เอมิรู้สึกเหมือนกับบริเวณรอบๆตัวของเด็กสาวมีกระแสไฟฟ้ารุนแรงก่อตัวขึ้นจนได้ยินเสียงดัง บิริบิริ สัญชาตญานของเอมิบอกเธอว่าเด็กผมสั้นคนนี้อันตราย!

                    “อะ..เอ่อ...” คุโรโกะพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง

                    “จะ...จำได้แล้ว!” เสียงที่ตะโกนขัดขึ้นคือเสียงของผู้ใช้ไฟที่ตอนนี้ถูกตรึงกับพื้น “ฉันเคยได้ยินมาว่าในจัดจ์เมนท์มีผู้มีความสามารถเทเลพอร์ตเตอร์ที่ไร้ความปราณีและชั่วร้ายที่สุดอยู่ เธอจะเล่นงานศัตรูทั้งร่างกายและจิตใจจนหมดสภาพจากนั้นก็ปล่อยทิ้งเอาไว้...”

                    “นี่พูดถึงฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย?” คุโรโกะทำสีหน้าหน่าย เอมิอดจะคิดไม่ได้ว่าคำบรรยายเมื่อครู่นี้ดูไม่เข้ากับเด็กสาวเอาซะเลย จนกระทั่งเธอคิดได้ว่าถ้าหากเด็กคนนี้มีนิสัยอย่างริน... เอมิรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา แต่อย่างน้อยเธอก็รู้แล้วว่าความสามารถของเด็กสาวที่ชื่อคุโรโกะไม่ใช่True Magic

                    ระหว่างนั้นคนร้ายคนที่3ก็ได้ขึ้นรถเตรียมที่จะขับหนีแล้ว

                    “...ไม่ใช่แค่นั้น!” คนร้ายหมายเลข2พูดต่อ “เทเลพอร์ตเตอร์คนนั้นยังมอบความจงรักภักดีทั้งหมดให้กับเอสเปอร์คนหนึ่ง สุดยอดผู้ใช้ความสามารถด้านไฟฟ้าอันดับหนึ่งแห่งเมืองแห่งการศึกษา!

                    รถของคนร้ายเริ่มออกตัวเพื่อจะหลบหนี เด็กสาวผมสั้นหยิบเหรียญโลหะขึ้นมาจากกระเป๋า

                    เอมิสัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าที่ก่อตัวรุนแรงยิ่งขึ้น พร้อมกับเสียง บิริบิริ ที่ดังยิ่งขึ้น

                    “ใช่แล้วค่ะ ท่านผุ้นั้นคือผู้อยู่จุดสูงสุดของเมืองแห่งการศึกษา 1 ในผู้มีพลังจิตเลเวล 5 ที่มีเพียง 7 คนในนครแห่งการศึกษาที่มีประชากร 2.3 ล้านคนแห่งนี้ สุดยอดเอสเปอร์ลำดับที่ 3..”
                    รถของคนร้ายพุ่งออกไป เด็กสาวผมสั้นดีดเหรียญขึ้นฟ้าหนึ่งครั้ง จากนั้นเมื่อเหรียญหล่นกลับมาที่มือของเธอ...

                    ลำแสงก็พุ่งออกไปใส่ใต้พื้นรถที่กำลังหลบหนีจนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้รถคันนั้นลอยสูงขึ้นฟ้า จากนั้นก็ตกลงมาแล้วหยุดการเคลื่อนไหวทันที

                    เอมิกระพริบตา ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น เด็กสาวคนนั้นเปลี่ยนเหรียญโลหะธรรมดาให้เป็นอาวุธที่มีความรุนแรงระดับNoble Phantasmได้!

                    “…Railgun ท่านพี่มิซากะ มิโคโตะ” คุโรโกะพูดต่อ “เจ้าหญิงสายฟ้าที่น่าภูมิใจของโรงเรียนของเรา”

                    “สัตว์ประหลาดชัดๆ” เอมิกับคนร้ายเบอร์2พูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

                    ทันใดนั้นเอง จู่ๆเอมิก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมารัดที่คอจนหายใจไม่ถนัด

                    “เฮ้ย! ยัยประหลาดสองคนนั้นน่ะ ถ้าไม่อยากให้ยัยเด็กประถมนี่เป็นอะไรไปล่ะก็ ส่งกระเป๋าเงินมา ปล่อยตัวเพื่อนฉัน แล้วก็ห้ามทำอะไรเด็ดขาดเลยนะ เข้าใจมั้ย!" เสียงผู้ชายดังขึ้นข้างหูของเอมิ พร้อมกับที่มีดเล่มหนึ่งถูกจ่อมาที่คอของเธอ

                    “ละ...ลูกพี่! รอดไปที...” คนร้ายหมายเลข2พูดขึ้น

                    เอมิกระพริบตา ดูเหมือนระหว่างที่เธอมัวแต่ตกใจกับสิ่งที่เกิดตรงหน้า พอรู้ตัวอีกทีเธอก็กลายเป็นตัวประกันเพื่อแลกตัวกับคนร้ายที่ถูกจับเสียแล้ว

                    มีโชคแรงค์Eนี่มันแย่ชะมัด

                    “อย่าทำอะไรเด็กคนนั้นนะ!” คุโรโกะพูดเสียงเครียด ดูเหมือนความสามารถของเธอจะไม่สารพัดประโยชน์อย่างที่เอมิคิด หรือไม่เธอก็คงจะเป็นห่วงว่าจะลงมือพลาดจนเอมิได้รับบาดเจ็บอย่างใดอย่างหนึ่งเธอถึงไม่เข้ามาจัดการคนร้ายในทันที ท่าทางเหมือนเธอจะตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องช่วยเอมิที่เป็นผู้บริสุทธิ์ให้ได้ก่อน ดูเหมือนมิโคโตะที่อยู่ข้างๆก็คิดแบบเดียวกัน

                    เอมิถอนหายใจเบาๆ ในเมื่อเธอพลาดท่าโดนจับเอง เธอก็คงต้องลงมือช่วยตัวเองซะหน่อย อีกอย่างถึงเธอจะไม่สูงขึ้นเลยนับตั้งแต่ได้ร่างกายนี้มา แม้แต่ตอนนี้ส่วนสูงของเธอก็ยังแค่136 ซม. จะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กประถมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกก็จริง แต่เธอก็ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกว่าตัวเองเป็นเด็กอยู่ดี!

                    “Trace on”

                    สิ้นเสียงคาถา ดาบโลหะพุ่งลงมาจากฟ้าปะทะเข้ากับมีดในมือของคนร้ายหมายเลข 4 ดัง”เคล้ง” จนมีดดังกล่าวแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ในขณะที่ดาบโลหะปักลงไปกับพื้น

                    “อะไร!” คนร้ายอุทาน แขนขวาที่ล็อคคอเอมิอยู่ผ่อนแรงลงด้วยความตกใจ

                    “ฉันไม่ใช่...” เอมิอาศัยจังหวะดังกล่าวเทรซดาบอีกเล่มหนึ่งขึ้นมาในมือในสภาพจับกลับข้างด้วยสองมือ มันเป็นดาบที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันน่ากลัวทั้งที่เป็นดาบไม้ ส่วนกระบังดาบมีที่ห้อยมือถือรูปสิงโตประดับอยู่ มันคือของจำลองของดาบต้องสาปโทระชิไนที่พยัคฆ์แห่งเมืองฟุยุกิถือครองอยู่ “เด็กประถม!” เธอพูด จากนั้นก็แทงไปข้างลำตัวของเธอคล้ายกับท่าฮาราคีรีจนส่วนปลายของดาบไม้กระแทกส่วนท้องคนร้ายที่อยู่ด้านหลังอย่างจัง แขนของคนร้ายคลายออกจากความเจ็บปวดจนร่างของเธอหลุดออกมา พร้อมกับที่คนร้ายทรุดลงไปเอามือกุมท้อง เอมิหันหลังกลับไปหาคนร้ายพร้อมกับเปลี่ยนท่าถือดาบเป็นแบบข้างลำตัวแทน

                    “หนอย.. นังเด็กนี่!” คนร้ายที่อึดกว่าที่เอมิคาดไว้ พยายามลุกขึ้นมาเพื่อจะเล่นงานเธอ แต่ก็ต้องชะงัก

                    เพราะขาของเอมิเตะเข้าไปที่”จุดยุทธศาสตร์”ของคนร้ายอย่างจังเสียก่อน คนร้ายหมายหมายเลข4ล้มลงกับพื้นไม่ไหวติงในทันที

                    “ลูกพี่!” เสียงของคนร้ายหมายเลข2ตะโกนขึ้นมา ราวกับว่าตัวเองก็ได้รับความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปด้วย

                    ในฐานะอดีตผู้ชาย ที่จริงแล้วเอมิก็ไม่ได้อยากเล่นงานจุดสำคัญของผู้ชายอย่างนั้น แต่เธอรู้สึกว่าจิตสังหารของโทระชิไนนั้นน่ากลัวมากกว่าที่คิด ถ้าเมื่อครู่เธอวาดดาบไปเพื่อป้องกันตัว เธออาจจะเผลอใส่เต็มแรงจนอีกฝ่ายเจ็บหนักก็เป็นได้

    เมื่อเห็นว่าสถานการณ์สงบลงแล้วเธอจึงสลายดาบที่อยู่ในมือกับดาบที่ปักอยู่บนพื้นให้หายไป

    “เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” จู่ๆคุโรโกะก็มาเทเลพอร์ตมาโผล่ตรงหน้าของเอมิ น้ำเสียงของเธอแสดงความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไร ขอบใจนะที่เป็นห่วง” เอมิตอบกลับไป

    “เก่งเกินคาดนี่นาแม่เด็กประถม” มิโคโตะเดินเข้ามาหา “ความสามารถนั่นอะไรน่ะ เสกดาบขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ”

    “...ความสามารถที่เรียกว่า Tracing น่ะ สร้างแบบจำลองของสิ่งที่เคยเห็นขึ้นมาได้” ตอนแรกเอมิคิดว่าจะปกปิดความสามารถไว้ก่อนแต่เปลี่ยนใจ ยังไงเซลเร็ทก็อนุญาตให้เธอเปิดเผยความสามารถได้อยู่แล้ว “แล้วก็ฉันไม่ใช่เด็กประถม เห็นอย่างนี้ฉันอายุ15ปีแล้วนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย แน่นอนว่าเอมิโกหกตามประวัติที่เตรียมไว้ แต่ถึงอย่างนั้นที่จริงอายุเธอก็คงประมาณ 16-17 ปีเท่านั้นแหละ

    “โกหกน่า ตัวแค่นี้เนี่ยนะอายุมากกว่าฉันอีกเรอะ!” มิโคโตะพูดด้วยน้ำเสียงตกใจจริงจัง ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ตั้งใจดูถูกอะไร

    แต่เพราะอย่างนั้นนั่นแหละเอมิถึงได้หงุดหงิดขึ้นไปอีก ตั้งแต่ที่ร่างกายของเธอกลายเป็นแบบนี้ก็ทำให้คนรู้จักของเธอเป็นห่วงเธอมากจนเกินเหตุ ทั้งที่เธอฝึกฝนจนความสามารถในการต่อสู้ของเธอเหนือกว่าจอมเวทย์ทั่วไปแล้วด้วยซ้ำ ขนาดไรเดอร์ยังเอาชนะเธอในตอนนี้ไม่ได้ง่ายๆเลย เธอไม่ได้อยากถูกปกป้อง เธออยากเป็นฝ่ายที่ปกป้องต่างหาก! เรื่องนี้กลายเป็นปมในใจเธอมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

    “ฉันน่ะอายุมากกว่าเธอ แล้วก็เก่งกว่าเธอด้วย รู้ไว้ซะ!

    เพราะอย่างนั้นกว่าที่เอมิจะรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปก็สายไปเสียแล้ว

    มิโคโตะกระพริบตา ก่อนที่จู่ๆเธอจะยิ้มกริ่มขึ้นมา

    “เห... มั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะแม่หนูน้อย” มิโคโตะพูด ถ้ามีเรื่องอะไรที่เธอยอมไม่ได้ นั่นก็คือเรื่องคนที่บอกว่าเก่งกว่าตัวเธอ คนที่เธอยอมรับว่าเหนือกว่าตัวเธอในตอนนี้มีแค่อันดับ 1 กับอันดับ 2 แห่งเมืองแห่งการศึกษา แล้วก็ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เธอยังเอาชนะไม่ได้เท่านั้น

    กระแสไฟฟ้ารุนแรงก่อตัวขึ้นจนได้ยินเสียงดัง บิริบิริ

    “เอ๊ะ? เอ่อ คือว่า...” เอมิที่รู้สึกตัวแล้วว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยดีหน้าซีด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพยายามขอโทษ...

    “อย่ามาดูถูกเลเวล 5 ให้มันมากเกินไปนะ!” กระแสไฟฟ้าถูกปล่อยมาจากร่างของมิซากะพุ่งตรงไปยังเด็กสาวผมสีชมพู แต่ว่ามีโล่ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาขวางไว้เสียก่อน

    “ท่านพี่ทำอะไร!... เอ๋?” คุโรโกะที่พยายามจะห้ามตกใจกับโล่ที่จู่ๆก็โผล่มากันการโจมตีไว้

    “เธอคิดจะฆ่ากันรึไงเฮอะ! ยัยบิริบิริ” เอมิตะโกนจากหลังโล่ห์ ถ้าเมื่อครู่เธอเทรซโล่มากันการโจมตีไม่ทันเธอก็คงโดนช็อตไปแล้ว โชคดีที่ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอได้ไอเดียใหม่ๆสำหรับการสร้างอุปกรณ์ป้องกันมาเยอะพอตัว อย่างโล่ที่เธอเพิ่งเทรซขึ้นมาแม้ประสิทธิภาพจะเทียบกับRho Aias ไม่ได้เลย แต่ก็สามารถสร้างได้ง่ายกว่ามาก รวมถึงใส่ลูกเล่นบางอย่างเข้าไปได้ด้วย กระนั้นRho Aias กับAvalon ก็ยังเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ดีที่สุดของเธออยู่ดี

    “อย่ามาเรียกฉันว่าบิริบิรินะ!” มิซากะเองก็โกรธที่มีคนอื่นนอกจากผู้ชายคนนั้นมาเรียกเธออย่างนี้ เธอปล่อยสายฟ้าอีกรอบโดยควบคุมให้อ้อมโล่อันแรกไป แต่ก็มีโล่อีกอันโผล่มากันการโจมตีไว้ได้ แต่พอเธอคิดจะใช้การโจมตีรูปแบบอื่น ก็มีใครบางคนจับตัวเธอจากข้างหลังไว้เสียก่อน

    “รีบหนีไป!” คุโรโกะตะโกน เธอไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าเธอต้องมาทำหน้าที่ขัดขวางท่านพี่ของเธอ แต่เธอก็ไม่อยากให้คนบริสุทธ์ต้องบาดเจ็บนี่นา!

    เอมิที่ได้ยินที่คุโรโกะบอก ตัดสินใจรีบหนีออกจากพื้นที่ดังกล่าวเพื่อกลับไปที่หอพัก โดยมีเสียงโวยวายของมิซากะ กับเสียงคุโรโกะที่พยายามห้ามดังตามหลังมา เธอแอบคิดในใจว่าหลังจากนี้ต้องพยายามอย่าไปเจอหน้ามิซากะ มิโคโตะอีกเป็นอันขาด

    “สัตว์ประหลาดจริงๆด้วย” คนร้ายหมายเลข 2 พึมพำเบาๆกับตัวเอง
    XXXXX

    17 กรกฎาคม โรงเรียนโทกิวะได

    เอมิไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ที่เจออยู่ สถานการณ์ที่ว่าคนที่เธอจะพยายามหลบหน้าระหว่างที่เรียนที่นี่ กลับกลายเป็นเพื่อนร่วมห้องซะงั้น

    “เอ๋ ทั้งสองคนรู้จักกันอยู่แล้วเหรอ?” อาจารย์ประจำชั้นพูดขึ้น

    “...ค่ะ” เอมิตอบสั้นๆ

    “บังเอิญเจอกันเมื่อวานน่ะค่ะ คุยกันนิดหน่อย แต่เมื่อวานเธอไม่ได้บอกชื่อไว้” มิโคโตะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่เอมิรู้สึกว่าน่ากลัวยิ่งกว่าใบหน้าตอนโกรธเมื่อวานเสียอีก ก่อนจะก้มตัวลงเล็กน้อย “ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ ไอซ์เบิร์นซัง หลังจากนี้เราคงได้มีอะไรคุยกันอีกเยอะเลย

    “ทะ...ทางนี้ก็ขอฝากตัวเช่นกันค่ะ มิซากะซัง” เอมิตอบพร้อมก้มตัวลงตามมารยาท

    “มิซากะซังเป็นความภูมิใจของโรงเรียนของเราเลยนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้เธอช่วยได้เลยนะ ไอซ์เบิร์นซัง” อาจารย์ประจำชั้นพูด “แล้วก็เห็นอย่างนี้ไอซ์เบิร์นซังก็เป็นเอสเปอร์ระดับสูงคนนึงที่ถูกเชิญตัวมาจากเยอรมนีเลยเชียวนะ”

    ที่จริงมาจากต่างมิติเลยล่ะ ส่วนเรื่องเชิญตัวที่ว่านั่นเซ็ลเร็ทคงเป็นคนไปคุยกับคนใหญ่คนโตของที่นี่ไว้สินะ

    “เอ๋... แล้วไอซ์เบิร์นซังมีความสามารถอะไรอย่างนั้นเหรอคะ แล้วก็เลเวลเท่าไหร่น่ะคะ?” มิโคโตะถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามฝืนทำให้อินโนเซนต์ที่สุด แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพยายามข่มอีกฝ่าย

    เอมิต้องพยายามที่จะไม่ตอบไปว่า ”ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เรอะ” แต่เธอไม่อยากเป็นจุดเด่นมากไปกว่านี้ก็เลยตอบไปพยายามให้เป็นธรรมชาติที่สุด

    “ฉันเรียกว่า Tracing น่ะ สามารถสร้างของจำลองที่ใช้งานได้ของสิ่งที่เคยเห็นได้ ตัวอย่างเช่น...” เอมิมองไปที่สายห้อยมือถือรูปกบที่ห้อยออกมาจากกระเป๋ากระโปรงของมิโคโตะ จากนั้นก็เทรซสร้างของจำลองขึ้นมาในมือขวา “สายห้อยมือถืออันนี้ที่มิซากะซังใช้” มิซากะตาโตคว้ามือถือขึ้นมาดูว่าสายห้อยมือถือยังอยู่กับตัวเองรึเปล่า จากนั้นก็หันไปมองสายห้อยมือถือในมือเอมิแล้วก็สังเกตว่าแม้แต่รอยตำหนิเล็กๆที่หัวเกโคตะก็ยังเหมือนกัน “แต่ว่าของที่สร้างจะอยู่ได้ไม่นาน ยิ่งถ้าเป็นของชิ้นใหญ่หรือกลไกซับซ้อนมากๆ ก็จะยิ่งสลายไปเร็วขึ้น เอาไปขายหาเงินไม่ได้หรอกนะ” มีเสียงเสียดายดังมาจากหลายคนในห้อง “และก็ฉันสามารถทำให้แบบจำลองสลายไปเองได้ตามต้องการด้วย” พริบตาต่อมาเธอก็สลายของจำลองในมือให้หายไป “ส่วนเรื่องเลเวล... ฉันเพิ่งได้ไปตรวจวัดระดับเมื่อวาน แต่ดูเหมือนจะติดปัญหาบางอย่าง ยังไม่ทราบผลเหมือนกัน” เธอได้ยินมาทีหลังว่าโดยปรกติการตรวจระดับเลเวลจะรู้ผลในทันที แต่ในกรณีของเธอนักวิจัยแจ้งว่าเกิดการขัดข้องบางอย่าง ตอนนั้นก็เลยยังไม่ทราบผล

    จังหวะนั้นเอง อาจารย์คนหนึ่งก็เปิดประตูหน้าชั้นเรียน ยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้อาจารย์ประจำชั้น จากนั้นก็เดินออกไป อาจารย์ประจำชั้นเอาเอกสารมาอ่านพลางพูดขึ้น “ดูเหมือนข้อมูลความสามารถของไอซ์เบิร์นซังจะวิเคราะห์เสร็จแล้วน่ะ ไหนดูซิ...!” พอสายตาของเธอมองไปที่เนื้อหาในกระดาษ สีหน้าของเธอตกใจอย่างเห็นได้ชัด เธอยืนนิ่งแล้วกระพริบตาหลายครั้งราวกับคิดว่าเห็นภาพหลอน ทำเอาบรรยากาศในห้องเงียบลงโดยทันที “เป็นไปไม่ได้...”

    “มีอะไรเหรอคะอาจารย์?” เอมิถามด้วยน้ำเสียงกังวล เธอจำได้ว่าเงื่อนไขอย่างหนึ่งของการเข้าเรียนที่นี่คือมีความสามารถระดับเลเวล 3 ขึ้นไป ใจนึงเธอก็คิดว่าความสามารถของเธอเป็นเวทย์มนตร์ เครื่องวัดระดับพลังอาจจะประเมินค่าออกมาว่าเธอไม่มีความสามารถ เป็นเอสเปอร์เลเวล 0 ก็เป็นได้ แต่ถ้าอย่างนั้นเธอต้องคิดหาวิธีกลบเกลื่อนอีกว่าความสามารถTracingของเธอเป็นไปได้ยังไง แต่ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงได้แต่บ่ายเบี่ยงไปว่าเครื่องวัดประเมินผลผิดพลาดล่ะนะ

    “ไอซ์เบิร์นซัง เลเวลของเธอ...” อาจารย์พูดตระกุกตระกัก ก่อนจะหันเอกสารมาให้เธอดู ข้างบนสุดเขียนข้อความเป็นตัวหนาภาษาอังกฤษเอาไว้ว่า 

    Ability Name : Tracing    Power Level : 5

    “เธอเป็นเลเวล 5... เลเวล 5 คนที่ 8 ของนครแห่งการศึกษา...” อาจารย์ประจำชั้นพูดเสียงสั่นด้วยระดับเสียงเบากว่าปรกติ แต่เพราะความเงียบของชั้นเรียนทำให้ได้ยินกันทั่วทั้งห้อง

    “เอ๋!” เสียงตกใจดังมาจากทั่วห้อง

    มิซากะ มิโคโตะ เบิกตาโตด้วยความตกใจ

    เอมิเลีย ชิโรโกะ ฟอน ไอซ์เบิร์น รู้ทันทีว่าความที่จะพยายามทำตัวให้ไม่เป็นจุดเด่นของเธอล้มเหลวไปเสียแล้ว

                    มีโชคแรงค์Eนี่มันแย่ชะมัด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×