NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kage no jitsuryokusha ni naritakute] จักรพรรดิแห่งเงาผู้มาพร้อมกับพลังผลปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #1 : การเกิดใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.47K
      60
      28 เม.ย. 66

     

    ฤดูร้อนครั้งสุดท้ายของ ม.ปลาย เส้นทางในการเป็นเทพเงาและฮีโร่ผู้ลึกลับของผม คาเกโน่ มิโนรุ เหมือนจะถูกตัดขาดไปอย่างกระทันหันซะแล้วสิ

     

     

    (ผู้เสียชีวิต คาเกโน่ มิโนรุ อายุ 18 ปี)

     

     

    แต่แล้วในระหว่างที่ตัวของผมกำลังคิดจะกำลังจะตายไปแล้วนั้นจู่ๆ ก็ได้เกิดแสงบางอย่างขึ้นมาจนทำให้รู้สึกแสบตาสุดๆจนต้องรีบลืมตาตื่นขึ้นมาแทบจะทันที

     

     

    "ฮ่าๆ ก็เพราะว่าแคลร์บอกว่าอยากได้น้องชายนั่นล่ะนะ ลูกคงต้องดีใจมากๆ แน่นอน" 

     

     

    นะ นี่มัน… ตัวของมิโนรุได้คิดขึ้นมาในใจพลางมองไปที่สามีภรรยาตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกใจเป็นอย่างมากว่าที่นี่น่ะมันคือที่ไหนกันแน่น่ะ

     

     

    "แต่ว่าแปลกจังเลยนะ ลูกไม่เห็นจะร้องไห้เลยนะคะ" พอผู้เป็นภรรยาที่กำลังอุ้มมิโนรุอยู่ก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมเด็กทารกแรกเกิดถึงได้ไม่ร้องไห้เลยกันนะ

     

     

    อย่างนี้นี่เองสินะ… มิโนรุที่พอจะเข้าใจแล้วว่าตัวเองนั้นได้เกิดใหม่ในฐานะลูกของทั้งสองนั้นก็รีบแสดงเป็นเด็กทารกแรกเกิดทันที "อุแว้ อุแว้"

     

     

    "เอ๋ ร้องไห้ดีจริงๆ" 

     

     

    "ดูเหมือนว่าจะคิดไปเองนะคะ" 

     

     

    อึก เกือบไปแล้วไงล่ะ…แต่ว่าเรื่องการที่ตัวของผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันแน่นะ แต่ว่าเรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ

     

     

    ยังไงก็ตาม รอบตัวของผมนั้นมีพลังเวทย์อยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ

     

     

    ดังนั้นผมจึงได้พลังเวทย์อันท่วมท้มมาอย่างที่ในชาติก่อนของผมใฝ่ฝันในที่สุดมาครอบครอง แค่นั้นก็ยอดเยี่ยมแล้วล่ะ…..

     

     

    จริงสิ ผมเกิดใหม่ในตระกูลบารอนคาเกโน่ที่เป็นขุนนางในชนบท เป็นตระกูลผลิตอัศวินที่ต่อสู้โดยใช้พลังเวทย์ในการต่อสู้โดยที่เรียกกันว่า นักดาบเวทย์

     

     

    และนามที่ผมได้รับมานั้นก็คือ ซิด คาเกโน่ เพราะผมนั้นเกิดใหม่ในฐานะตัวละครประกอบเอ ที่ไม่ได้ถูกคาดหวังโดยคนในตระกูลเสียซะที่ไหนล่ะ ผมนั้นได้หลบซ่อนอยู่ในเงาของพี่สาวที่แสนอัจฉริยะแต่ว่าเบื้องหลังน่ะเหรอ…

     

     

     

    ตัดมาที่ในเวลากลางคืนเมื่อพระจันทร์ได้ขึ้นอยู่บนท้องฟ้านั่นก็จะเป็นเวลารุ่งอรุณดิ์ของเขา

     

     

    "ให้ตายสิ มาก่อเรื่องน่าสมเพซซะจริงนะ คุณหัวขโมย" ซิดได้กล่าวในขณะที่ได้ทำการจัดการพวกหัวขโมยจนตัวขาดครึ่งไปพร้อมๆ กันสองคนในครั้งเดียว

     

     

     

     

    พร้อมๆกับพวกมันที่ได้หันไปทางซิดที่อยู่ในชุดคลุมสีสนิทพร้อมกับมีผ้าคลุมหัวเอาไว้สำหรับปกปิดใบหน้าและตัวตนของเขาเอาไว้อีกด้วย

     

     

    "แกเป็นใครฟะ!!" พวกมันได้ถามออกไปก่อนที่พวกมันกำลังจะเตรียมจะฆ่าซิดนั้นแต่ทว่าก็ไม่ทันได้ทำอย่างนั้น เมื่อซิดได้เรียกใช้สไลม์สีดำสนิทออกมาจากร่างกาย

     

     

    สไมล์สีดำที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างและกลายเป็นสิ่งของได้ทุกอย่างตามที่ต้องการได้อย่างใจนึก…นี่คือพลังที่เขาได้รับมาตัวของเขานั้นได้เรียกพลังนี้ว่า ยามิ ยามิ 

     

     

    พร้อมกับที่สไมล์นั้นกลายสภาพมีดกีโยตินขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปฟันตัดแขนตัดขาของมันจนขาดอย่างง่ายดายพวกมันก็ต่างกรีดร้องทรมาณด้วยความเจ็บปวด "อ้ากกกกก" 

     

     

    "!!!" พวกโจรเองก็รู้สึกต่างขวัญผวาว่าไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในใจชีวิตพรรคพวกตัวเองถูกฆ่าโดยเด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้เนี่ยนะ

     

     

    "ฉันไม่อยากจะพูดให้มันเสียเวลานักหรอกนะ พวกแกจงส่งของมีค่าทั้งหมดมาซะ" ซิดก็ได้ยื่นข้อเสนอออกไปว่าถ้าเจ้าพวกนี้ยอมส่งของมีค่าทั้งหมดมาก็อาจจะไว้ชีวิตให้สักคนก็ได้ แต่ทว่าดูเหมือนพวกมันจะไม่อยากจะฟังข้อเสนอจากเด็กแบบเขา

     

     

    มันคนนึงชักปืนออกมาพร้อมกับเล็งไปที่ซิดและลั่นไกออกไปในขณะที่มันพูดออกมาว่า "อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย ไอ้เปี๊ยกเวร" กระสุนจากปืนของมันได้ยงพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ซิดแต่ทว่าเขาก็หลบได้สบายๆพร้อมโจมตีสวนพวกมันจนตายเกือบหมดไปแล้ว

     

     

    แต่ทว่าก็มีโจรอีกตัวนึงได้พุ่งเข้าโจมตีจากซิดทางด้านหลัง ซิดที่ไม่ได้แม้แต่จะหันหลังไปมองก็รู้ว่ามีคนคิดจะแทงหลังของตัวเองอยู่แล้ว

     

     

    "หือ…." ซิดได้แต่ทำหน้ารู้สึกเบื่อหน่ายนิดหน่อย

     

     

    "โทษทีนะ แต่ว่าถ้าแกยอมดิ้นรนสักหน่อยชีวิตของแกก็อาจจะอยู่ต่อได้สักสองสามนาทีแท้ๆ" ซิดได้หันไปหามันในขณะที่ดาบของมันพุ่งเข้ามาแทงใส่ท้องซิด

     

     

    แต่ทว่าเลือดจากร่างกายของซิดนั้นกลับไม่ได้ไหลออกมาเลยแม้แต่น้อย แถมดาบนั่นดูเหมือนจะชักดาบไม่ออกอีกด้วยราวกับว่าดาบของมันกำลังถูกดูดเข้าไปเสียอย่างนั้นแหละ

     

     

    "แต่ดูเหมือนว่าชีวิตของแกจะจบลงแล้วล่ะ…" ซิดได้เอ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้มของตัวเองออกมาก่อนที่โจรรายนั้นจะถูกสไมล์ที่กลายสภาพเป็นกรงเล็บฟันใส่ร่างจนขาดเป็นสองซีกทันที

     

     

    ซิดได้หันไปอีกทางนึงก่อนจะเห็นว่ามีผู้คนหลายกำลังนอนจมกองเลือดจากการโดนฟันและบางคนก็ถูกแขวนคอ "พ่อค้าทุกท่าน ผมแก้แค้นให้แล้วนะ" 

     

     

    "หลับให้สบายเถอะ…"

     

     

    "นี่สินะ ของดูต่างหน้าน่ะถึงจะรู้สึกไม่ดีที่ใช้ของมีค่าของพวกเค้าก็เถอะนะ" ซิดหันไปพูดกับพวกเค้าก่อนที่จะเดินไปยังลังไม้มากมายที่กองรวมกันเต็มไปหมดเลยล่ะ ก่อนที่ซิดจะเปิดกล่องลังนั้นขึ้นมาก็พบว่าเป็นเหรียญเงินจำนวนมากอยู่เต็มไปหมดเลยด้วย "เอาเถอะ ถ้างั้นผมเองก็ขอใช้ประโยชน์จนถึงที่สุดก็แล้วกันนะ" 

     

     

    ตึก ตึก ตึก

     

     

    "กรงขังทาสใช่มั้ย…นะ" ซิดได้เดินเข้าไปพร้อมกับดึงผ้าที่คลุมกรงอยู่นั้นทำให้ตัวของเขาเองก็รู้สึกแอบตกใจขึ้นมาด้วย "นี่มันเกิดคาดเลยแฮะ…" 

     

     

    เพราะตรงหน้านี้ก็คือ ก้อนเนื้อสีดำขนาดใหญ่พอสมควรที่รูปลักษณ์ไม่แน่ชัดว่ามันคือตัวอะไรกันแน่นะ "นี่คือสิ่งมีชีวิตต้องสาป หรือเปล่านะ" ซิดได้แต่สงสัยขึ้นมาก่อนที่เขาจะครุ่นคิดอยู่แปปนึง…ก่อนจะสังเกตุเห็นว่าตัวของมันนั้นมีความปั่นป่วนของพลังเวทย์อยู่เต็มไปหมดเลย

     

     

    "เอาเถอะ จะขอลองช่วยดูก็แล้วกัน" ซิดเองก็คิดว่าถ้าลองดูอย่างน้อยแล้วสามารถจัดการคำสาปนี้ได้ซิดได้อุ้มมันขึ้นมาขึ้นไหล่ของตัวเอง ก่อนจะเดินไปยังบ้านร้างแห่งนึงที่อยู่ใกล้ๆ ซิดได้วางก้อนเนื้อนั้นลงไปก่อนที่เขาจะยืดเส้นยืดสายตัวเองไปมาเล็กน้อยเป็นการวอร์มร่างกายเล็กน้อย

     

     

    "งั้นก็ได้เวลาแล้วล่ะ…" ซิดได้ถกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นพร้อมๆกับชูมือซ้ายขึ้นมา "ไฟมา…"

     

     

    ฟึบ

     

     

    เมื่อไฟสีฟ้าครามได้ลุกขึ้นในมือ ก่อนที่ตัวซิดจะยื่นเพลิงสีฟ้านั้นสัมผัสกับก้อนเนื้อนั้น เพลิงสีฟ้าก็เริ่มค่อยๆลามไปทั่วร่างของก้อนเนื้อนั้นไปด้วย แต่ทว่าซิดเองก็พอจะมองออกอยู่ว่าก้อนเนื้อที่ไหลออกมา

     

     

    หลังจากนั้นซิดก็คอยใช้เพลิงสีฟ้าทำการรักษาสภาพร่างกายที่เป็นก้อนเนื้อเหลวไปด้วยตลอด พร้อมๆกับศึกษาและดูหลักการทำงานของพลังเวทย์ในตัวไปด้วยเพื่อจะได้จัดการพลังเวทย์ที่ปั่นป่วนแบบนี้ ซิดเองก็ได้ทำไปเรื่อยๆ

     

     

     

    จนพ้นไปทั้งหมด 1 เดือนต่อมา….

     

     

    ซิดก็เริ่มก็เริ่มที่รักษาและควบคุมวงเวทย์ที่ปั่นป่วนไปทั่วได้ในที่สุด แต่ทว่า…

     

     

    สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดนั้นก็คือ สภาพของก้อนเนื้อภายในนั้นกลับกลายเป็นเอลฟ์สาวผมสีทองอร่ามไปเสียอย่างนั้นได้ และเมื่อร่างของเอลฟ์คนนั้นได้ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าซิดกำลังนั่งอยู่บนลังไม้ตรงหน้า

     

     

    "ตื่นแล้วอย่างนั้นเหรอ" ซิดได้ถามเธอออกไปเพราะเห็นว่าร่างกายของเธอได้ตื่นขึ้นมา

     

     

    "อ๊ะ ร่างกายของฉันไม่น่าเชื่อ" เอลฟ์สาวคนนั้นได้ดูร่างของตัวเองกลับมาดังเดิมได้ราวกับปฏิหารเลยล่ะ ก่อนที่ซิดที่นั่งจะได้เอ่ยขึ้นมา "คำสาปที่เธอถูกกัดกินเธอถูกถอนไปแล้วล่ะ เธอเป็นอิสระแล้วนะ" 

     

     

    "คุณ ช่วยฉันเอาไว้สินะคะ แล้วคำสาปที่ว่า…" เอลฟ์สาวที่ได้ยินว่าคำสาปขึ้นมาเธอเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่ามันคือคำสาปอะไรกันแน่นะ ที่สาปตัวเธอเป็นแบบนั้น

     

     

    ซิดที่ได้ยินเข้าก็ถึงกับเหงื่อตกแทบจะในทันที เพราะว่าคำสาปนั่นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่แหละนะ แต่ว่าก็ขอตอบอะไรพอที่จะน่าเชื่อถือนิดหน่อยก็แล้วกัน "คะ คำสาปน่ารังเกียจที่ลูกหลานของวีรชนอย่างพวกเธอถูกร่ายใส่ไงล่ะ ไม่แปลกใจที่เธอจะรู้สึกประหลาดใจ" 

     

     

    "แต่ว่าเธอก็คงจะรู้อยู่แล้วใช่ไหม" ซิดเอ่ยจบก่อนจะรีบไปหยิบหนังสือเล่มนึงจากลังไม้ด้านหลังขึ้นมาให้เธอคนนั้นได้เห็นยังดีที่ซิดยังพอที่จะแถเรื่องราวพวกนี้ได้อยู่บ้างล่ะนะ "หนังสือเทพนิยายเกี่ยวกับวีรชนทั้งสามอยู่ในพระคัมภีร์ ผู้ปราบเทพมารเดียโบรอสและกอบกู้โลกเอาไว้…..นั่นน่ะเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดนะ" 

     

     

    "!!!" เมื่อเธอได้ยินเรื่องราวกับก็ถึงกับรู้สึกช็อคเป็นอย่างมากตอนที่ได้ยินเรื่องราวความจริง(เดา)จากซิด 

     

     

    "เทพมารก็เลยสาปแช่งไว้ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่ว่าก็เลยมีคนบางคนได้บิดเบือนประวัติศาสตร์นั้นไปและทำให้พวกเธอโดนดูหมิ่นว่าถูกปีศาจสิงสู่ ตัวจริงของผู้บงการก็คือ…" ซิดที่อุตส่าห์พอที่จะแถไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปสะดุดกับผู้บงการเข้าเสียแล้ว

     

     

    "นะ นั่นสินะ คนบงการก็คือ" ซิดได้แต่ครุ่นคิดไปชั่วครู่ "ยังบอกไม่ได้หรอก ถ้าเธอรู้จะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ" ก่อนที่เขาจะรีบตัดบทไปในทันทีเผื่อกรณีความแตกขึ้นมา

     

     

    "ฉันไม่สนหรอกค่ะ" 

     

     

    "เอ๊ะ?" ซิดได้ทำหน้าเหวอขึ้นพร้อมๆอุทานออกมา

     

     

    "มันเป็นใครงั้นเหรอ" ดูจากสายตาของเธอแล้วดูจะรู้สึกจริงจังแถมยังแรงกล้าเอาซะมากๆด้วยเซ่

     

     

    "นั่นสินะ" ซิดที่ได้ชำเลืองมองไปรอบๆก่อนจะสังเกตุเห็นขวดเหล้าแก้วด้านหลังอยู่พอดิบพอดีเลยล่ะ "ถ้างั้นฉันจะบอกก็แล้วกัน…ลัทธิเดียโบรอส ซึ่งเป็นพวกที่วางแผนที่จะฟื้นคืนชีพเทพมารเดียโบรอส แต่พวกมันกลับไม่โผล่หัวมาเบื้องหน้าเลย" 

     

    ก่อนที่ซิดก็เริ่มปล่อยออร่าสีดำออกมารอบร่างกายของเขาและแล้วสไลม์ก็คลุมร่างของซิดกลายเป็นผ้าคลุมสีดำไปด้วยในขณะนั้นซิดก็ได้เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับคุกเข่าตรงหน้าของเธอ

     

     

    "ภารกิจของพวกเราเลยต้องหยุดยั้งความทะเยอทะยานนั่นอยู่ในเงา ใช่แล้วล่ะ"

     

    "พวกเราคือชาโดว์ผู้ที่ซ่อนเร้นเงาและไล่ล่าในเงา"

     

    "ลูกหลานของวีรชนเอ๋ยพร้อมที่จะก้าวไปกับพวกเราหรือไม่"

     

     

    ให้ตายสิ รู้สึกอายชะมัดที่ต้องพูดอะไรจูนิเบียวแบบนี้น้าาา ซิดได้แต่บ่นออกไปในใจ แต่ว่าเอาเถอะยอมทำแบบนี้แค่ครั้งเดียวก็พอแล้วล่ะ

     

     

    "ฉันน่ะตั้งแต่วันนั้นที่ถูกสาป ฉันก็สูญเสียทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ผู้ที่ช่วยฉันที่ต้องตกอยู่ในสภาพเน่าป่วยนั่นก็คือคุณค่ะ" เอลฟ์สาวตอบอย่างไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่น้อย "เพราะฉะนั้นหากนั่นเป็นความต้องการของคุณ ฉันก็ขอถวายชีวิตให้กับคุณค่ะและต้องลงโทษผู้กระทำผิดให้จงได้"

     

     

    "นั่นถือว่าเป็นคำตอบของเธอสินะ" ซิดได้ยินคำตอบนั้นแล้วล่ะ

     

     

    "งั้นก็ขอฝากด้วยล่ะ เงาของผม" ซิดได้ยื่นมือมาให้เธอก่อนที่สไลม์นั้นจะคลุมร่างของเธอให้กลายเป็นผ้าคลุมเอาไว้ไม่ให้ดูอนาจารเกินไป แต่ทว่าเมื่อเธอยืนเท่านั้นแหละ

     

     

    "พวกเราต้องตามหาและปกป้องลูกหลานวีรชนคนอื่นๆ ด้วยใช่ไหม" เอลฟ์สาวคนนั้นก็เริ่มพูดเข้าประเด็นแทบจะในทันที จนซิดเจอก็ถึงกับเหวอทำอะไรไม่ถูก "เอ๋ ก็ใช่แหละ" 

     

     

    "เราต้องปรับปรุงฐานที่มั่นควบคู่กับการขยายองค์กรแล้วล่ะค่ะ เราต้องรวบรวมเงินทุนด้วยนะคะ" 

     

     

    "อื้ม ก็เอาแบบพอดีๆนะ" แย่ล่ะสิ ดันเป็นประเภทจริงจังแบบสุดกู่จริงๆแฮะ ซิดได้แต่คิดก่อนจะเดินออกไปก่อนจะหันหลังไปบอกกับเธอเอาไว้ 

     

     

    "ถ้างั้นองค์กรของพวกเราน่ะ มีชื่อว่า ชาโดว์กาเด้น ส่วนชื่อของเธอก็คือ….อัลฟ่า

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×