ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bad Mafia's ได้โปรดเถอะนาย! ไว้ชีวิตหัวใจฉันที

    ลำดับตอนที่ #7 : เริ่มชอบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      5
      26 ก.ย. 59

          ......
              ฉันนอนขลุกบนเตียงอยู่ยี่สิบนาที ก็ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้จะทำอะไรดี ได้พยายามรวบรวมเรื่องราวต่างๆมากมาย ตั้งแต่เรื่องที่พ่อแม่ฉันเสีย ตอนนั้นเป็นช่วงฉันอายุได้สิบสองปี ฉันกำลังกลับมาจากโรงเรียนเพราะรู้ว่าวันนั้นเป็นวันสำคัญ เพราะมันเป็นวันรวมญาติของฉัน พวกเราจะมาพบเจอญาติทุกๆคนแล้วทักทายกันอย่างเฮฮา มีการกินเลี้ยงสังสรรค์มากมาย พอก้าวเข้ามาที่บ้าน ถอดรองเท้า แล้วเดินไปทักทายญาติ จู่ๆก็มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน เป็นใครฉันก็ไม่รู้ แต่แม่บอกว่าจะออกไปดูให้ หลังจากท่านเดินออกไป ก็มีเสียงปืนดังขึ้น ด้วยความตื่นตัวพ่อจึงวิ่งออกไปดูทันที และก็ถูกยิงเข้าที่กลางหน้าผากตายคาที่ พวกญาติคนอื่นๆเริ่มพากันวิ่งหนี แล้วพวกเขาก็เอาแต่ตะโกนว่า 'มาเฟียมาๆๆ' ทำให้ฉันที่นึกได้รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังครัว สถาณการณ์ที่แสนจะ
    ฉุกละหุกทำให้ฉันทำได้แค่หลบ ทุกคนที่วิ่งหนีถูกฆ่า จนสักพักพวกมันก็เดินมาดูที่ห้องครัว ฉันกลั้นหายใจและเอาตัวรอดสุดชีวิต และมันก็ทำให้ฉันพ้นได้ ก่อนที่พวกมันจะเดินจากไปข้างนอก ขณะนั้นเองฉันเลยเดินออกไปด้วยความไม่รู้ ทำให้แม่ที่มีสติฟื้นขึ้นมาแล้วตะโกนบอกให้ฉันวิ่งหนีไป พวกมันหันมายิงแม่ฉันแล้วดันเจอฉัน ฉันเลยวิ่งไม่คิดชีวิต และเกือบโดนยิง กระสุนที่ไอ้พวกนั้นยิงมามันเฉียดหน้าฉันไปนิดเดียว และสุดท้ายฉันก็รอดมาได้ จนกระทั่งฉันเดินกลับมาที่บ้านที่พ่อกับแม่และญาติๆถูกฆ่า ฉันทำได้แค่ไปกอดศพพ่อกับแม่แล้วร้องไห้ออกมา จัดการเผาศพทุกคนไปพร้อมๆกับบ้านที่ถูกไอ้พวกมาเฟียพวกนั้นรื้อจนเละ ฉันยืนร้องไห้กับกลุ่มควันขนาดใหญ่ตรงหน้า กับใจของฉันที่คิดได้ว่า ทุกสิ่งที่ฉันรักมันถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ทำไมฉันต้องเจออะไรแบบนี้ และฉันก็เลยเกลียดมาเฟียมาก มากถึงมากที่สุด แต่พอมารู้เรื่องแบบนี้แล้ว ฉันก็ทำใจรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ที่ยอมเชื่อฟังพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนๆของพ่อกับแม่ และลูกของเขาก็เป็นเพื่อนกับฉัน ฉันเลยจำใจอยู่ไป 
              ก๊อกๆ
              เสียงเคาะประตูทำให้ฉันตื่นจากห้วงความคิด ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วหันไปมองที่ประตูอย่างสงสัย ใครกันนะที่มาเคาะประตู
              "เข้ามาได้เลย ( ' ' )"
              "ขออณุญาตค่ะคุณเพิร์ล ท่านเอ็ทสั่งให้มาตามท่านไปเจอกันที่สวนหย่อมหลังคฤหาสน์น่ะเจ้าค่ะ :)" 
              เอ็ทเหรอ....ตามไปทำไม เมื่อกี้เพิ่งทิ้งฉันมาหมาดๆเอง หรือว่ามีเรื่องด่วน
              "อ่อ เอ่อ...งั้นช่วยนำทางไปได้มั้ยคะ? พอดียังไม่ค่อยชิน ^^;;"
              "ถ้างั้นตามดิฉันมาเลยเจ้าค่ะ :)"
              ฉันลุกจากเตียงแล้วเดินตามพี่คนใช้ไป พยายามจะมองรอบๆให้ชินว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน แต่ก็คงเกินความสามารถจริงๆนั่นล่ะ พี่คนใช้พาฉันเดินมาจนถึงสวนหย่อมที่อยู่ตรงหลังคฤหาสน์ ที่นี่สวยมาก มีเสียงของธรรมชาติมากมาย ทั้งเสียงน้ำตก เสียงนกและกระรอกต่างๆ นี่แอบคิดนะว่าฉันอยู่กลางป่า และฉันก็เห็นนกแก้วมาคอร์
    ตัวหนึ่งบินว่อน แล้วมาเกาะที่ไหล่ผู้ชายที่เรียกฉันมาคุย อีตานั่นยืนพิงรั้วที่อยู่ขอบสวน ลมเย็นที่พัดมาทำให้เขาดูดีอย่างน่าทึ่ง แต่ฉันก็ต้องหยุดเหม่อลอยเมื่อคิดได้ว่าฉันมาทำอะไร
              "เอ็ท....นายเรียกฉันมาทำไม?"
              เอ็ทได้ยินเสียงฉันเลยหันมามอง แล้วทำท่าตบที่รั้วข้างๆเขาด้วยสีหน้านิ่ง
              "มายืนนี่สิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย -_-"
              ฉันแปลกใจนิดหน่อย เลยเดินไปหาเขาตามคำสั่ง ในใจก็คิดพลางว่ามีอะไรที่น่ากดดันแน่ๆ แล้วฉันก็เดินไปพิงรั้วข้างเขา
              "นาย...มีอะไร"
              "..."
              "..."
              เขาเงียบไม่พูดอะไร เลยทำให้ฉันเริ่มสนใจนกแก้วที่เกาะอยู่บนไหล่ของเขา เจ้านี่มีสีแดงสลับเขียวฟ้า หางยาวสวยมากๆ มันมองหน้าฉันแล้วเอียงคอ ฉันชักรู้สึกเอ็นดูมันซะเเล้วสิ น่ารักจังเลย ><
              ต่างกับคนที่มันกำลังเกาะอยู่ -_-
              "คือ...ที่เหวี่ยงเธอเข้าห้องน่ะ ขอโทษด้วยนะ -_-"
              เขาพูดแบบไม่มองหน้าฉัน แต่มองออกไปข้างนอก ดูๆแล้ว หมอนี่ก็ไม่ได้ต่างจากตอนเด็กเท่าไหร่เลยนะ เวลาจะพูดอะไรที่เป็นคำขอโทษจะชอบพูดแบบไม่มองหน้า เลยทำให้ฉันชอบจับหน้าอีตานั่นหันกลับมาบ่อยๆ แต่ว่า...โตๆกันแล้ว ถ้าทำแบบนั้นคงจะโกรธกันตายเลย เพราะนี่มันนิสัยอีตานี่นี่นา
              "..."  <<<กำลังอึ้งกับการที่หมอนี่พูดขอโทษใส่
              "ฉันก็แค่ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง เพราะว่าเธอเปลี่ยนไปมาก เอาตรงๆ....ฉันก็แค่ดีใจที่ได้เจอเธอ (_ _)"
              เอ็ทก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกผิด ฉันที่ยืนอึ้งอยู่เลยเริ่มคลี่ยิ้มบางๆออกด้วยความรู้สึกดีที่อยู่ภายในใจ เริ่มคิดได้ว่าอีตานี่เป็นคนที่ทำตัวไม่ถูกกับหลายๆเรื่องมาตั้งแต่ก่อนแล้ว เลยคิดถึงเหตุผลออกว่าทำไมถึงต้องตีหน้านิ่งแล้วทำท่าทางน่ารำคาญ นั่นก็เพราะว่าอีตานี่เป็นคนที่พูดอ้อมไม่เป็น และวางตัวไม่เป็นด้วยเช่นกัน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมต่อหน้าคนอื่นหมอนี่ถึงดูปกติดี แต่ทำไมต่อหน้าฉันดูหมอนี่ไม่ปกติยังไงก็ไม่รู้
              คงเป็นเพราะเพิ่งเจอกันเลยไม่ชินมั่ง =_=
              "อื้ม ก็ไม่ได้เจอกันนานเลยนี่นา ตั้ง 14 ปีแล้วนี่ นายเล่นกับฉันเหมือนเพื่อนตั้งแต่ห้าขวบ แล้วเราก็ไม่ได้เล่นกันอีกเลย นายหายไปนานมาก นานจนครอบครัวฉันเสียไป และฉันก็เลยลืมนายไปเลย เพราะมัวแต่เสียใจกับเรื่องครอบครัว"
              ฉันพูดเสียงอ่อนโยน โดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาเหมือนกัน ฉันออกไปข้างนอกจุดเดียวกับที่เขามอง มันก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่มุมธรรมดาๆที่สามารถเห็นธรรมชาติข้างนอกได้เท่านั้น แต่ว่าลมมันเย็นมาก และเพลินตาดี มิน่าล่ะทำไมเอ็ทถึงไม่ยอมละสายตาไปจากวิว :)
              "ฉัน...เสียใจมากจริงๆ เรื่องครอบครัวเธอ เห็นว่าเธอเผาเองเลยนี่ คงจะเศร้าสุดๆเลยไม่ใช่เหรอ ต้องเผาคนที่รักไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้น"
              "อื้ม...เศร้าสุดๆเลยล่ะ (_ _)"
              ฉันพูดเสียงสั่นเครือ และเริ่มก้มหน้าลงทันทีเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ พยายามสะกดก้อนสะอื้นไว้ไม่ให้ร้องออกมาต่อหน้าหมอนี่ เขาที่ได้ยินว่าเสียงฉันเริ่มสั่น เลยละสายตาจากวิวแล้วมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขามองฉันด้วยสายตาเห็นใจ ซึ่งเริ่มทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไม่ไหว
              "เพิร์ล...เธอไม่เป็นไรนะ"
              "อะ...อื้ม ไม่เป็นไรหรอก มะ...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน มะ...มันกลั้น....กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลย ทั้งๆที่ ฮึก ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะร้องไห้แท้ๆ ฮืออ TOT"
              ฉันร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา ฉันก้มหน้าเอามือปาดน้ำตาอย่างน่าสมเพช เหมือนฉันกำลังเป็นเด็กที่งอแงเลย ฉันไม่ได้อยากร้องสักหน่อย ทำไมมันต้องร้องออกมาตลอดเลยนะ
              "..."
              "ฮึก ฉันขอโทษนะ ที่ต้องให้นายมาเห็นฉัน ฮึก ในสภาพที่แย่แบบนี้ ฮืออ"
              ฟึ่บ
              เขาสวมกอดฉัน แล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน
              "อยากจะร้อง ก็ร้องออกมาให้หมดเถอะ เธอคงผ่านอะไรด้วยตัวคนเดียวมามาก"
              ประโยคนี้ของเขา เป็นเหมือนมนต์สะกดจิตเรียกน้ำตาของฉันให่มันพรั่งพรู หนักกว่าเก่า ฉันเลยซบอกของเขาแล้วร้องไห้ออกมาโฮใหญ่ ฉันร้องไห้อยู่นานมาก ยิ่งร้องก็ยิ่งทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองผ่านมันมา จนฉันเริ่มหยุดร้องและผละออกจากอ้อมกอดของเขาจากนั้นก็เช็ดน้ำตาตัวเอง เอ็ทก็ยื่นมือมาช่วยปาดน้ำตาด้วยเหมือนกัน
              "ขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณที่เป็นที่ระบายให้ =_="
              "เอาถอะ แล้วนี่เธอจะมากินมื้อเย็นด้วยกันมั้ย"
              "มื้อเย็น? o_o"
              ฉันพูดเสียงหลงทันที นี่แก๊งค์มาเฟียแบบนี้มีทานมื้อเย็นกันด้วยเหรอ หรูหราเป็นบ้าเลยอ่ะ นี่ถ้าไม่บอกกันก่อนว่าเป็นมาเฟียฉันคงจะนึกว่าเป็นคุณชายไปซะแล้ว
              "ใช่ วันนี้มีอาหารญี่ปุ่นซะด้วย ของโปรดเธอไม่ใช่เหรอ"
              "กินด้วยยย :D"
              ฉันออกท่าทางมีความสุขทันที แต่ฉันก็คิดอะไรบางอย่างได้เลยถามเขาออกไป
              "แล้วพวกนายเป็นมาเฟียเนี่ย ทำไมทำตัวเหมือนคนชั้นสูงจังเลย"
              "ก็มาเฟียเป็นคนชั้นสูงนี่ -_-"
              "อะไรนะ! o_o"
              ฉันได้ยินปุ๊บก็อยากจะเอากิ่งไม้ข้างๆมาแคะขี้หูให้แน่ใจว่าฉันฟังไม่ผิด นี่เขาแกล้งหรือล้อฉันอยู่หรือเปล่า มาเฟียเนี่ยนะคนชั้นสูง ตลกละ =_=
              "ก็มาเฟียเดิมทีเป็นคนชั้นสูงอยู่แล้ว และเป็นคนชั้นสูงที่มีการต่อสู้ที่ดีด้วย แต่ว่ามันมีพวกคนที่นิสัยพล่อยๆเอาคำว่ามาเฟียไปใช้อ้าง แล้วเที่ยวไปขโมยของตามตึกราบ้านช่อง หรือใช้กำลังกับคนอื่นไปทั่ว พวกเราเลยถูกมองว่าเป็นสถุลไปโดยปริยาย"
              เขาอธิบายหน้าตาย ฉันชักเริ่มอยากจะค้นหาไอ้คำว่ามาเฟียซะแล้วสิ ว่ามันจะน่าค้นหาขนาดไหนกันนะ ลึกลับชะมัด
              "อ่อ แล้ว...ไอ้นกแก้วตัวนี้.."
              "อ๋อ อะมอเร่ น่ะ มันเป็นนกเชื่อง มาคอว์จากอเมริกา ฉันบังเอิญไปเจอมันเข้าน่ะ ตอนนั้นมันยังเล็ก เลยเก็บมาเลี้ยง โดยรังของพ่อแม่มันอยู่อีกสวนหนึ่ง -_-"
              ฉันมองไปที่นกแก้วตัวสีแดงตัวนี้แล้วก็นึกสงสัยขึ้นมาทำไมชื่ออะมอเร่ มันแปลว่าอะไรกันนะ เจ้านกนี่มีลำตัวสีแดงไปจนถึงโคนปีก และเป็นสีเชียวตรงช่วงกลางปีกและเป็นสีฟ้าไล่ไปจนถึงปลายปีก ตัวค่อนข้างจะใหญ่ สีพวกนี้จะมีความหมายอะไรรึเปล่านะ -_-
               "สีบนตัวมันนี่ มีความหมายอะไรรึเปล่า ( ' ' )"
               "อ๋อ มีสิ สีฟ้าหมายถึงความใจกว้าง มีเขียวหมายถึงความรอบคอบน่ะ"
              "แล้ว...สีแดงล่ะ"
              "เอ่อ..."
              "หมายถึงอะไรๆ *O*"
              "หมายถึง..."
              "เจ้านายย!! ทานข้าวคร้าบบบ ^O^"
              พอร์ชตะโกนมาจากทางเข้าสวน ทำให้เราต้องจบบทสนทนาเท่านี้ เอาเป็นว่าฉันค่อยไปถามเขาทีหลังก็แล้วกันเนอะ
              "มา...ไปกินข้าวกัน"
              เขายื่นมือมาจะให้ฉันจับ ฉันเลยจับมือเขาแล้วเดินไปพร้อมๆกับเขา จังหวะนั้นเองที่เริ่มรู้ตัวว่ามือเขาเนี่ยใหญ่เป็นบ้า แถมอุ่นมากอีกต่างหาก ทำไมโตมาแล้วหมอนี่ดูอบอุ่นขึ้นมากเลยเนอะ แล้วทำไมฉันต้องเขินด้วยนะ นี่หรือว่า...
              ฉันจะเริ่มชอบเขาแล้วอ่ะ -//////-


    [โปรดติดตามตอนต่อไป]
    เป็นกำลังใจให้กันน้าค้าาาา โหวดเม้นกันได้เลยยย^^

    เกร็ดความรู้เล็กๆ ^^

    นี่เป็นนกแก้วของพระเอก อะมอเร่ ค่ะ เห็นมั้ยคะว่ามีลำตัวสีแดงจนถึงโคนปีกไล่เป็นสีเขียวและฟ้าไปจนถึงปลายปีกค่ะ เป็นนกที่มีถิ่นกำเนิดบริเวณอเมริกาใต้หรือแม็กซิโก นกแก้วมาคอว์จัดเป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเหล่านกแก้วนะคะ แต่ว่าถึงถิ่นกำเนิดจริงๆจะอยู่ที่อเมริกาใต้หรือว่าแม็กซิโก ในประเทศบราซิลก็มีนกแก้วด้วยนะคะ จะสามารถระบุพันธุ์ได้เพียงแค่ดูจากสีเท่านั้นเองอีกด้วย
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×