[SNSD]...Love me Harder like you do...[YULSIC] - [SNSD]...Love me Harder like you do...[YULSIC] นิยาย [SNSD]...Love me Harder like you do...[YULSIC] : Dek-D.com - Writer

    [SNSD]...Love me Harder like you do...[YULSIC]

    โดย ziern

    Update : 100%

    ผู้เข้าชมรวม

    6,001

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    6K

    ความคิดเห็น


    23

    คนติดตาม


    72
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ธ.ค. 60 / 02:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    Love me Harder(Like you do)

    Jessica Side:

     

     

     




    Tell me something, I need to know
    บอกสิ่งที่ฉันควรต้องรู้
    Then take my breath and never let it go
    หลังจากนั้น มาเอาลมหายใจของฉันไปและอย่าปล่อยทิ้งมันนะ
    If you just let me invade your space
    ถ้าหากเธอยอมให้ฉันรุกเข้าไปในที่ว่างของเธอได้
    I’ll take the pleasure, take away the pain
    ฉันจะทำให้เธอมีความเพลิดเพลิน และหยุดความปวดร้าวให้เอง

    And if in the moment I bite my lip
    และถ้าชั่วขณะนั้น ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแล้วล่ะก็
    Baby, in that moment, you’ll know this
    ชั่วขณะนั้น ที่รัก เธอจะรู้ว่า
    Is something bigger than us and beyond bliss
    นี่มันเป็นบางสิ่งที่ใหญ่กว่าเราสองคน และเป็นความสุขล้นดั่งอยู่บนสวรรค์
    Give me a reason to believe it
    ให้เหตุผลที่จะทำให้ฉันศรัทธากับมันที

    ‘Cause if you want to keep me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    เพราะหากเธอต้องการฉุดรั้งฉันไว้ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากกว่าเดิม
    And if you really need me, you gotta gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    และถ้าเธอต้องการฉันจริง ๆ ละก็ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากขึ้น
    (Gotta love me harder)
    จะต้องรักฉันให้มากขึ้น
    Love me, love me, love me
    รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
    Harder, harder, harder
    มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ

    I know your motives and you know mine
    ฉันรู้ว่าจุดมุ่งหมายของเธอคืออะไร และเธอก็รู้จุดมุ่งหมายของฉันดี
    The ones that love me, I tend to leave behind
    คนที่มารักฉันนั้น ฉันจะปล่อยทิ้งไว้ด้านหลัง
    If you know about me and choose to stay
    แต่หากเธอรู้เรื่องนี้แล้ว และยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างฉัน
    Then take this pleasure and take away the pain
    ก็มาสัมผัสกับความเพลิดเพลินนี้ และเอาความปวดร้าวทิ้งไป

    And if in the moment you bite your lip
    และถ้าชั่วขณะนั้น เธอกัดริมฝีปากของเธอเอง
    When I get you moaning you know it’s real
    และเมื่อฉันทำให้เธอส่งเสียงครางออกมา เธอจะรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องจริง
    Can you feel the pressure between your hips?
    เธอได้รับรู้ถึงแรงกดดันระหว่างสะโพกของเธอบ้างหรือเปล่า?
    I’ll make it feel like the first time
    ฉันจะทำมันให้รู้สึกเหมือนกับครั้งแรก

    ‘Cause if you want to keep me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    เพราะหากเธอต้องการฉุดรั้งฉันไว้ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากกว่าเดิม
    (Imma love you harder)
    รักเธอให้มากกว่าเดิม
    And if you really need me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    และถ้าเธอต้องการฉันจริง ๆ ละก็ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากยิ่งขึ้น
    (Love me harder) 
    รักฉันให้มากยิ่งขึ้น
    Love me, love me, love me
    รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
    Harder, harder, harder
    มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ
    Love me, love me, love me
    รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
    Harder, harder, harder
    มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ

    So what do I do if I can’t figure it out?
    แล้ว ถ้าหากฉันคิดอะไรไม่ออก ฉันจะทำยังไงดีนะ
    You got to try, try, try again
    เธอต้องพยายาม พยายามอีกครั้ง 
    So what do I do if I can’t figure it out?
    แล้ว ถ้าหากฉันคิดอะไรไม่ออก ฉันจะทำยังไงดีนะ
    I’m gonna leave, leave, leave
    ฉันจะจากไป ทอดทิ้งไป ลาจากไป

    ‘Cause if you want to keep me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    เพราะหากเธอต้องการฉุดรั้งฉันไว้ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากกว่าเดิม
    (I’ll love you, love you, love you)
    ฉันจะรักเธอ รักเธอ รักเธอ
    And if you really need me, you gotta gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    และถ้าเธอต้องการฉันจริง ๆ ละก็ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากขึ้น
    (Love me, love me, baby)
    รักฉัน รักฉันนะ ที่รัก
    ‘Cause if you want to keep me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    เพราะหากเธอต้องการฉุดรั้งฉันไว้ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากกว่าเดิม
    (Love me harder) 
    รักฉันให้มากกว่าเดิม
    And if you really need me, you gotta gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
    และถ้าเธอต้องการฉันจริง ๆ ละก็ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากขึ้น
    (Imma love you harder)
    รักเธอให้มากกว่าเดิม
    Love me, love me, love me
    รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
    Harder, harder, harder
    มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ
    (Love me, love me, baby)
    รักฉัน รักฉันนะ ที่รัก
    Love me, love me, love me
    รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
    (Just a little bit, just a little bit harder, babe)
    ทีละนิดนะ ให้มากขึ้นทีละนิดนะ ที่รัก
    Harder, harder, harder
    มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ










      คฤหาสน์ปาร์ค

       

      เป็นเวลา 3 เดือนมาแล้วที่เจสสิก้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนยกเว้นมีงาน

      ตั้งแต่กลับมาจากบ้านของควอน ยูริ กาฮีล่ะสงสัยนักว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนายสาวตัวเองที่ตอนออกไปนั้น เหมือนสาวน้อยที่กำลังมีความสุขกับรักแรกพบ ตอนกลับกับเหมือนคนอมทุกข์

       

       

      “คุณคะ” บอดี้การ์ดสาวเดินเข้าไปสะกิดคนที่ฟุบนอนอยู่บนพรมในห้องทำงาน

      “คุณเจสสิก้า”

      “กาฮี” เจสสิก้างัวเงียลุกขึ้น ร่างสูงในชุดสูทสีดำเรียบหรู ยืดตัวขึ้น

      “เช้าแล้วค่ะ ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนห้องคะ”

      “ไม่มีอะไร วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง” หญิงสาวถาม

       

      “วันนี้คุณต้องไปเปิดบ้านเด็กกำพร้าของหมู่บ้านค่ะ” บอดี้การ์ดสาวที่พ่วงตำแหน่งเลขาส่วนตัวเอ่ย

      “ไม่อยากไปเลย”

      “ไม่ได้ค่ะ งานนี้คุณจำเป็นต้องไป”

      “โธ่”

       

      “ดิฉันเตรียมชุดไว้ให้คุณเลือกเรียบร้อยแล้วค่ะ งานจะเริ่มในอีกสองชั่วโมง กรุณาทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อน 30 นาทีนะคะ”

      “อืม”

       

       

       

       

       

      ร่างบางสมส่วนเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวที่มีอยู่รอบทิศ ปล่อยให้น้ำพุ่งลงมากระแทก

       

       

      ครืด

      เสียงบานประตูเลื่อนดังขึ้น

       

       

      “ให้ขัดตัวให้ไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถาม

      “ไม่เป็นไร” หญิงสาวตอบ คนที่เข้ามาก็ล่าถอยไป 

       

       

       

      หลังจากยืนให้สายน้ำชำระล้าง เจสสิก้าก็เดินไปที่อ่างน้ำหินอ่อน ค่อยๆหย่อนขาลงไปในน้ำสีขาวขุ่น งอเข่าขึ้นมากอด

       

      “คุณร้านดอกไม้” พึมพำก่อนจะฟุบหน้าลง

      “คิดถึง”

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

      ก๊อก ก๊อก

       

       

      “คุณคะ ใกล้จะถึงเวลาแล้วค่ะ”

      “อื้อ กำลังจะออกไป” หญิงสาวตอบ ก่อนจะลุกขึ้นจากอ่าง เปิดประตูเดินออกไป กาฮีที่ยืนถือชุดคลุมอาบน้ำรออยู่ก็ขยับเข้ามาสวมให้

       

      “ชุดอยู่ตรงนั้นนะคะ” ผายมือไปที่ราวแขวนแบบมีล้อเลื่อนทางด้านหลัง เจสสิก้าขยับเข้าไปดูก่อนจะเลือกชุดที่ถูกใจออกมา แล้วขยับไปแต่งหน้า

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

      19:00 งานเปิดบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งมีตระกูลปาร์คเป็นผู้บริจาครายใหญ่

       

       

      แม้จะเป็นงานเล็กๆ ในหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มาก แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ธรรมดา ทุกคนต่างมีฐานะที่ดีพอสมควร

      แต่ทำไมในหมู่บ้านที่มีคนรวยต้องสร้างบ้านเด็กกำพร้า?

       

       

      ก็เพราะที่นี่อยู่ใกล้เวกัส เด็กที่ไม่ได้อยากให้เกิดมาจึงมีเยอะ ทางตระกูลปาร์คในสมัยของยูชอนจึงริเริ่มโครงการ ซึ่งได้รับความสนใจของคนในหมู่บ้าน แน่นอน ถ้าเสือขยับทำไมป่าจะไม่สะเทือน ทุกๆคนอยากจะเกี่ยวข้องกับตระกูลปาร์คทั้งนั้น

       

       

       


       

       

       

      Mercedes-Maybach S600 Pullman แล่นเข้ามาจอดที่หน้างาน เจสสิก้าในชุดเดรสเกาะอกเรียบหรูสีดำ แหวกขา เดินลงมาอย่างมาดมั่น ในตอนนี้เธอคือมาดามปาร์ค นายสูงสุดของธุรกิจในเครือที่เคยเป็นของปาร์คยูชอนทุกอย่าง กาฮี จองอา เดินเข้ามาขนาบข้างเพื่อคอยดูแล ด้านหลังมีบอดี้การ์ดชายร่างใหญ่อีกสี่คนเดินตาม เจสสิก้าโบกมือขึ้น ชายทั้งสี่คนหยุดและก็เดินกลับไปรอที่รถ

       

       

       

      “สายัณห์สวัสดิ์ครับ มาดาม” บาทหลวง กลัท โทนี่ (Glut tony)เดินเข้ามาหา เจสสิก้ายิ้มรับก่อนจะยื่นมือไปให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็จับมาจุมพิต

      “เช่นกันค่ะ หลวงพ่อ”

      “งานในวันนี้คงคึกคักเป็นพิเศษ ที่มาดามยอมให้เกียรติมา”

      “เป็นงานของโบสถ์ ดิฉันเต็มใจค่ะ”

      “รอตรงนี้ก่อนนะ ท่านนายกเทศมนตรีกับทนายฮวังกำลังรออยู่ ทั้งคู่อยากจะพบมาดามเหลือเกิน”

      “ค่ะ” หลวงพ่อกลัทโทนี่เดินหายไปในกลุ่มคน เจสสิก้าทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา กาฮีกับจองอาขยับเข้ามาใกล้

      “ต้องการเครื่องดื่มไหมคะ”

      “ไม่เอา” ตอบเบาๆ ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองผู้เป็นนายอย่างเห็นใจ

       

      ใบหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ใครจะรู้ เจสสิก้ากำลังอึดอัด ที่ต้องถูกผู้ชายทั้งหลายมองด้วยสายตาที่เหมือนจะกระชากเสื้อผ้าให้ขาดตรงนี้

       

       

      หญิงสาวขยับเปลี่ยนท่านั่ง ปากที่ฉาบด้วยลิปติกสีแดงคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นผู้ชายทั้งหลายที่แอบมองอยู่หลบสายตายามเมื่อเธอมองไป

       

       

      ไม่ได้อยากจะทำเหมือนพวกผู้หญิงเจนจัด

      แต่อย่างน้อย เมื่อทำแบบนี้ พวกเขาก็หยุดมอง...

       

       

       

       

      “เฮอะ ทำตัวเด่นเหมือนเคย” ทิฟฟานี่พึมพำ พลางมองไปที่เจสสิก้าอย่างรังเกียจ แทยอนที่ยืนอยู่หันไปมองตามก่อนจะตาวาว

      “นั่นใครเหรอครับ ฟานี่” ชายหนุ่มกระซิบถาม

      “เจสสิก้าค่ะ แม่หม้ายคนดังของที่นี่” ตอบเสียงสะบัด

      “แม่หม้าย? แต่เขายังเด็กอยู่เลยนะ”

      “เด็กสำหรับคุณค่ะ แท แต่เท่ากันกับฟานี่”

      “แสดงว่าอายุ...”

      “25 ค่ะ สามีเธอ เอ่อ ปาร์ค ยูชอนน่ะ ตายมาได้สองปีแล้ว”

      “อ้อ”

      “ที่ถามนี่ คุณสนใจแม่นั่นเหรอคะ?”

      “เปล่าหรอก ผมแค่สงสัยน่ะ” แทยอนตอบก่อนจะจิบแชมเปญ กลบเกลื่อน

      “ให้มันจริงเถอะค่ะ อย่าให้ฉันรู้แล้วกัน คุณพ่อไม่เอาคุณไว้แน่ ถ้าทำฉันเสียใจ” หญิงสาวขู่

      “ฮ่ะฮ่ะ ผมสนใจแค่คุณ ฟานี่ แค่คุณคนเดียว”  ถึงจะพูดแบบนั้น แต่แทยอนก็ไม่ได้ละสายตาไปจากเจสสิก้าเลย

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

      “อ้าว ยูริ” หลวงพ่อโทนี่เอ่ยทักคนที่ยืนอยู่ตรงสวน หลังจากขอตัวมาหยิบไวน์รสเลิศที่เก็บเอาไว้

      “หลวงพ่อ ผมเอาดอกไม้มาส่งครับ” ชายหนุ่มตอบ

      “อ่า งั้นเหรอ รอก่อนได้ไหม พ่อขอเอานี่ไปส่งที่งานก่อน” ถามพลางยกของในมือให้ชายหนุ่มดู
      “ได้ครับ”

      “หิวไหม เข้าไปกินอาหารข้างในสิ” เอ่ยชวน ยูริก้มลงมองสภาพตัวเองก่อนจะส่ายหน้า

      “สารรูปผมตอนนี้คงไม่เหมาะ”

      “งั้น เดี๋ยวพ่อให้คนเอาอาหารมาให้นะ”

      “ขอบคุณครับ” ยูริเดินที่รถกระบะของตัวเองก่อนจะเอนตัวลงนอนที่ฝาหลังที่เอาลงไว้ ตอนขนถ่ายดอกไม้ มองไปบนท้องฟ้าก่อนจะถอนหายใจ

       

       

        [รถยูริ]

       

       

       

       

       

      ในงาน

       

       

      เจสสิก้าลุกขึ้นยืน เมื่อนายกเทศมนตรีเดินเข้ามาหา

      “มาดาม” เบน เดอ ลัท (Ben De Lust)เอ่ย

      “ท่านเทศมนตรี” เจสสิก้ายิ้มรับ

      “ผมดีใจจริงๆ ที่คุณมาในวันนี้ โปรเจคของมิสเตอร์ปาร์คที่ถูกสานต่อนี้ เหมือนการต่อชีวิตของเด็กเหล่านั้น” กาฮีกับจองอาเบ้หน้า ทุกคนรู้ดีเรื่องธุรกิจด้านมืดของชายคนนี้ ขายเนื้อสดส่งตรงไปเวกัส แต่แน่ล่ะ ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ ยกเว้นเจสสิก้า พวกเขาเกื้อหนุนกันและกัน ปีเตอร์ ฮวัง (Peter Hwang) พ่อของทิฟฟานี่ ที่เป็นทนายชื่อดัง เพื่อนรักของเบน หรือ ทอม แพนซัน (Tom Panson) นายตำรวจใหญ่ของ California ที่มีบ้านอยู่ที่นี่ พวกเขาทั้งสามคนคือเพื่อนที่เรียนจบมาจากที่เดียวกัน เมื่อมีเพื่อนทั้งสองคนเป็นผู้ใช้กฎหมาย เบน ลัสสันก็เหมือนเสือติดปีก ไม่มีใครกล้าหือแน่ เมื่อกฎหมายเข้าข้างคนชั่ว

       

       

      แต่เหนือฟ้าก็ย่อมมีฟ้า

       

       

      เบน เดอ ลัทต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าเทียบกับอาณาจักรปาร์ค ก็แค่เศษดิน ทุกคนรู้ดีถึงอำนาจที่เสือชรา ปาร์ค ยูชอน ถืออยู่ และตอนนี้มันก็ถูกส่งมาให้เจสสิก้า ถ้าอยากจะยิ่งใหญ่ ทางลัดเพียงหนึ่งเดียว คือ ครอบครองเจสสิก้า

       

       

      “เบน” ปีเตอร์ ฮวังเดินเข้ามาสมทบ พร้อมๆกับทอม แพนซัน

      “เอช ทอม”

      “มาดาม” ทั้งสองคนพลัดกับจูบมือของเจสสิก้า เป็นที่น่าขัน เมื่อชายแก่คราวพ่อสามคน พลัดกันนอบน้อมกับหญิงสาวคราวลูก แต่ใครจะสน ถ้าได้ครอบครองเจสสิก้า อาณาจักรที่ปาร์ค ยูชอนสร้างมา ก็จะตกเป็นของตน ต่อให้ทำเรื่องน่าอายแค่ไหน แต่ถ้ามันสำเร็จ ผลลัพธ์ มันก็คุ้ม

       

       

       

       

      ทั้งสามผลัดกันเยินยอจนเจสสิก้านึกรำคาญ

       

       

       

      จู่ๆ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น

       

      เมื่อมีชายหนุ่มสารรูปดูไม่ได้ เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม หนวดเครารุงรังเดินเข้ามา ทุกคนในห้องนั้นหันไปมองอย่างสนใจ ยูริเดินหน้าตาเฉยไม่ใยดีคนรอบข้างที่กำลังเบ้หน้าหรือเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดจมูกไว้

       

       

      “หลวงพ่อครับ” เดินเข้าไปหากลัท โทนี่ที่กำลังคุยออกรสออกชาติ

      “อ่า ยูริ โทษทีพ่อลืม รอหน่อยได้ไหม” เอ่ยอย่างใจดี

      “นั่น ยูริเหรอ?” ปีเตอร์ ฮวังพึมพำ เมื่อเห็นสภาพของอดีตคนรักลูกสาว

      “ผมคงไม่รอแล้วละครับ เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”

      “แปบเดียว ยูริ แค่แปบเดียว” กลัท โทนี่บอก แววตามีความสนุกแฝงอยู่

       

       

       

      เสียงซุบซิบ วิภาควิจารณ์การแต่งตัวของชายหนุ่มอย่างเย้ยหยัน สายตาดูถูกเหยียดหยามทิ่มแทง ถ้าเป็นเมื่อก่อนยูริไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพเป็นรองแบบนี้แน่ แต่หลังจากวันที่เจสสิก้าปฏิเสธ ยูริก็ไม่มีแก่ใจจะสนอะไรแล้ว

       

       

       

      “ยูริ นั่นคุณเหรอ” ชายหนุ่มหันไปทางด้านหลังก็พบทิฟฟานี่เดินควงมากับแทยอน หญิงสาวมองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเบ้ปาก

      “ทำไมคุณปล่อยตัวเองให้อยู่ในสภาพแบบนี้ หรือว่าตรอมใจที่โดนฉันทิ้งมา”

      “........................”

      “นี่ คุณเสียใจจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอเนี่ย”  ทิฟฟานี่ยังคงพูดต่อ เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างทันที

      “........................”

      “นี่ กินอะไรหน่อยไหม ที่นี่ฟรีนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีปัญญาจ่าย” แทยอนสำทับ ก่อนจะหยิบแซนวิชขึ้นมายื่นไปให้ ยูริยกมือขึ้นมารับตามมารยาท แต่ทว่าทิฟฟานี่กลับปัดมันลง

      “แต่ ต้องเก็บจากพื้นขึ้นมากินนะ” ทุกคนในห้องนั้นหัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงไม่เว้นแม้แต่ หลวงพ่อกลัท โทนี่ มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่ยังนิ่งเฉย กาฮีเหลือบมองเจ้านายของตน แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าเจสสิก้ากำมือตัวเองแน่น

       

      “น่าสงสารเขานะคะ” จองอาเอ่ย

      “นั่นสิ คนพวกนี้นี่ยังไง” กาฮีพึมพำ

       

       

      “ไปกันเถอะ” เจสสิก้าผลุดลุกขึ้น

       

       

       

       

       

      กลุ่มคนแหวกออกเป็นสองทางเมื่อเจสสิก้าเดินออกมาจากที่นั่ง หญิงสาวเดินตรงมาทางพวกทิฟฟานี่ ทุกคนมองตามอย่างสนใจว่าหญิงสาวจะทำอะไร

       

       

      “กินสิยูริ คุณไม่หิวเหรอ” ทิฟฟานี่ถามเสียงเย้ยหยัน แทยอนยิ้มเยาะ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง

      “ไม่กินจริงๆเหรอ อาหารพวกนี้คุณ ไม่มีทางจะได้ลิ้มรสมันหรอกนะ กินสิ” ทิฟฟานี่ยังคงพูดต่อไป คะยั้นคะยอให้ยูริทำตาม

       

       

       

      “จริง คุณไม่มีทางได้ลิ้มรสมันหรอก” ชายหนุ่มหันไปมองคนที่พูด แววตาที่เคยเรียบเฉยก็ไหววูบ

      “เห็นไหม มาดามปาร์คยังเห็นด้วยเลย” แทยอนเอ่ย

      “เขาจะไม่มีทางได้ลิ้มรสอาหารพวกนี้...”

      “.......................”

      “เพราะเขาจะได้กินสิ่งที่ดีกว่านี้ ไปกันเถอะ” เจสสิก้าดึงแขนให้ยูริเดินตามออกไป ทิ้งให้ทุกคนในนั้นตกตะลึง

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

      บนรถ

       

       

      เจสสิก้ากดปิดกระจกที่คั่นระหว่างเบาะหลังกับคนขับ ส่วนยูริก็นั่งอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา จนทั้งคู่เข้ามาถึงบริเวณคฤหาสน์ปาร์ค

       

       

      “พาผมมาที่นี่ทำไม”

      “เราต้องคุยกันค่ะ”

      “เรื่องอะไรล่ะ”

       

       

      “เรื่องของเรา”

       

       

      “เราไม่มีอะไรจะคุยกัน อีกอย่าง คุณบอกว่าจะพาผมมาหาอะไรกินนี่ กินสิ่งที่คุณบอกพวกเขาว่าดีกว่า อะไรล่ะ ที่ผมจะได้กิน” ยูริถามเจสสิก้าเม้มปากก่อนจะคลี่ยิ้ม ขยับตัวเองไปนั่งคร่อมอีกคน

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      “ฉันไง คุณจะได้กินฉัน ดีกว่าใช่ไหม?”

       

       




      [ต่อ]









       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

       

      หลังจากเจสสิก้าพายูริเดินออกจากงานไป ทุกคนในนั้นก็เริ่มพูดคุยสิ่งที่เกิดขึ้น บาทหลวงกลัท โทนี่ นิ่งเงียบจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อพวกนายกเทศมนตรีเดินเข้ามาหา

      “เมื่อกี้มันอะไรกันหลวงพ่อ” เบน เดอ ลัทถาม

      “ใช่ ทำไมมาดามปาร์คถึงรู้จักเจ้าคนชั้นต่ำนั่น” ทอม แพนซันเอ่ย

      “พ่อก็ไม่รู้ ทนายฮวังคิดว่ายังไง เขาเคยเป็นแฟนหนุ่มของลูกสาวคุณนี่”

      “เอช หมายความว่ายังไงว่า เจ้าหมอนั่นกับทิฟฟานี่?”

       

       

      “เอ่อ”

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

      เพนท์เฮ้าส์ของแทยอน

       

      “ผมไม่คิดเลยนะ ว่าแฟนเก่าที่คุณสะบัดทิ้งจะกลายมาเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ กับผู้หญิงที่ฮอตที่สุดในเมืองได้” แทยอนเอ่ยกับทิฟฟานี่ที่กำลังโยกตัวอยู่ด้านบน หญิงสาวชะงักกิจกรรมที่กำลังทำ

      “เฮอะ” ทิฟฟานี่ฟึดฟัด สะบัดทิ้งเหรอ ความจริงโดนเขาออกปากไล่ต่างหากล่ะ แต่ไม่มีทางซะล่ะที่เธอบอกออกไป นี่คือทิฟฟานี่ ลูกสาวคนเดียวของทนายที่เก่งและมีอำนาจที่สุดใน California นะ

      “ไม่พอใจเหรอ?” ยกตัวขึ้นไปหา ก่อนจะกดจูบ
      “ก็แค่ผิดคาดค่ะ ไม่คิดว่าคนอย่างแม่นั่นจะหันมามองคนที่ต่ำกว่าตัวเองแบบนั้น”

      “คุณพูดเหมือนรู้จักเธอดี?”

      “ใครๆในเมืองนี้ก็รู้กิตติศัพท์ของเจ้าหล่อนกันทุกคนแหละค่ะ” ทิฟฟานี่เริ่มขยับต่อ แทยอนครางเบาๆ

      “อ่า แบบไหนเหรอ ผมรู้ได้ไหม?”

      “คุณสนใจเธอเหรอคะ?” ถามอย่างหงุดหงิดออกแรงขยับอย่างร้อนแรง และเร่งเร้า จนถึงฝั่งฝัน

      “ทำไมคุณคิดแบบนั้น?”

      “ก็เพราะตั้งแต่ออกมาจากงาน จนเรา Make love กันเสร็จเป็นรอบที่สอง คุณก็เอาแต่ถามเรื่องของเธอ อย่าแม้แต่จะคิดนะคะ แทยอน เรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่ ถ้าคุณคิดจะหักหลังฉัน คุณไม่มีที่อยู่กับหมดอนาคตในอาชีพคุณแน่ๆ”

      “อ่า ผมไม่มีทางไปสนใจใครหรอก ผมรักคุณจะตาย” แทยอนขยับเข้าไปกอดพร้อมกดจูบที่ขมับของหญิงสาว ที่นอนหันหลังอยู่ ถึงจะพ่นคำหวานออกมา แต่แววตาของแทยอนกลับเจือไปด้วยความกรุ่นโกรธ

       

       

      “นี่” แทยอนจับพลิกตัวหญิงสาวให้หันมาหา

      “อะไร” ทิฟฟานี่ถามเสียงแข็ง

      “ต่อกันเถอะ” ถึงจะพูดออกแนวถาม แต่แทยอนก็ไม่ได้รอคำตอบอะไร ลงมือปฏิบัติอย่างร้อนแรง ทิฟฟานี่ยิ้มกริ่มที่อีกคนหมือนจะลุ่มหลงในตัวเธอ ถึงแม้แทยอนจะร้อนแรง ดุดัน แต่เขาก็ไม่เก่งเท่ายูริ ที่แม้จะอ่อนโยนแต่ร้อนแรงจนแทบจะเผาไหม้ ทิฟฟานี่ชอบแบบยูริมากกว่าอีกทั้งเรื่องขนาดที่ยูริกินขาด ไม่ได้หมายความว่าของแทยอนนั้น เล็ก แต่ของยูริมันเกินกว่าคนทั่วไปแค่นั้น

       

       

      อยาก Make love กับยูริอีกจัง...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

      หลังจากที่เจสสิก้าพูดประโยคนั้นออกมา บรรยากาศก็เงียบกริบราวกับอยู่ในป่าช้า จากที่ทำใจกล้าขึ้นคร่อมอีกคน ก็กระดากอาย และขยับจะกลับมานั่งที่เดิม เพราะยูริยังคงทำหน้านิ่งเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร

       

       

      อ๊ะ

       

      “........................” เจสสิก้าจ้องหน้าคนที่จับเอวตัวเองไว้

       

       

      “ทำไม?”
      “อ อะไร” ถามกลับเสียงสั่น เพราะอยู่ในท่าที่ล่อแหลม ทั้งๆที่ตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ

      “ทำแบบนี้ทำไม ล้อผมเล่นเหรอ?”

      “........................”

      “เพราะผมจนงั้นเหรอ พวกคุณที่อยู่สูงๆถึงชอบล้อเล่น กับความรู้สึกกันแบบนี้”

      “......................”

      “บอกผมมาสิ เจสสิก้า วันนั้นคุณบอกผมว่าเราไม่ได้รักกัน วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมคุณต้องเข้ามายุ่ง”

      “บอกผมมา หรือเพราะตอนนี้คุณเหงา และเห็นผมเป็นทางออก ที่จะช่วยคุณระบาย..”

       

       

       

      “ตอบผม/ ตอบฉันมาก่อน” หญิงสาวสวนกลับ

      “ตอบอะไร ผมถามคุณสิต้องตอบ”

       

       

       

      “ที่คุณบอกว่ารักฉัน มันจริงใช่ไหม ไม่ได้โกหกกันใช่ไหม”

       

       

       

       

       

       

       

      Tell me something, I need to know
      บอกสิ่งที่ฉันควรต้องรู้
      Then take my breath and never let it go
      หลังจากนั้น มาเอาลมหายใจของฉันไปและอย่าปล่อยทิ้งมันนะ
      If you just let me invade your space
      ถ้าหากเธอยอมให้ฉันรุกเข้าไปในที่ว่างของเธอได้
      I’ll take the pleasure, take away the pain
      ฉันจะทำให้เธอมีความเพลิดเพลิน และหยุดความปวดร้าวให้เอง

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

       

       

       

      ในที่สุดทั้งคู่ก็ลงมาจากรถ และเข้ามาอยู่ในห้องทำงาน ห้องเดิมในคืนวันนั้น ยูรินั่งลงที่โซฟา ทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไร ต่างกับเจสสิก้าที่พยายามจะเลี่ยงไม่เดินไปที่พรมหรือเฉียดไปใกล้โซฟาที่ยูรินั่งอยู่อย่างเห็นได้ชัด

       

       

       

      And if in the moment I bite my lip
      และถ้าชั่วขณะนั้น ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแล้วล่ะก็
      Baby, in that moment, you’ll know this
      ชั่วขณะนั้น ที่รัก เธอจะรู้ว่า
      Is something bigger than us and beyond bliss
      นี่มันเป็นบางสิ่งที่ใหญ่กว่าเราสองคน และเป็นความสุขล้นดั่งอยู่บนสวรรค์
      Give me a reason to believe it
      ให้เหตุผลที่จะทำให้ฉันศรัทธากับมันที

       

       

       

       

      ชายหนุ่มลอบยิ้มก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่หญิงสาวเอากาแฟมาวางตรงหน้า ดึงเจสสิก้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

      “เด็กน้อย คุณกำลังกลัวอะไรอยู่” กระซิบถามพร้อมกอดรัดแน่นๆ สมกับที่ห่างมา 3 เดือน เจสสิก้าไม่ดิ้นหนี แถมยังทิ้งตัวไปพิงอีกคน

       

      “การหลอกลวง”

      “หืม”
      “นั่นคือสิ่งที่ฉันกลัว”

      “หลอกลวง?”

      “เอาจริงๆนะคะ ผู้ชายทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตของฉัน พวกเขาต้องการแค่ ร่างกาย ทรัพย์สิน และอำนาจที่มีฉันมีอยู่ทั้งนั้น ไม่มีใครรักฉันจริงๆเลย”

      “เพราะผมไม่มีอะไรงั้นเหรอ คุณถึง...”
      “นั่นก็ส่วนหนึ่งค่ะ แต่คุณแตกต่าง”

      “แตกต่าง?”

      “ค่ะ ในขณะที่ผู้ชายในเมืองมองฉันด้วยสายตาละโมบ จ้องแต่เงินและอำนาจของฉัน ป้อยอด้วยคำหวานชวนรำคาญ แต่คุณ คุณที่เราไม่เคยได้คุยกัน กลับมองฉันด้วยสายตาที่ต่างออกไป”  

      “สายตา?”

      “สายตาของคุณมัน.. ถ้าฉันไม่ได้หลงตัวเอง คุณมองฉันเหมือนหลงรักฉัน แต่คุณยังมีทิฟฟานี่คนรักของคุณ เลยทำให้ฉันไม่ค่อยมั่นใจ”

       

       

       

       

       

       

       

       

      ยูริยิ้มก่อนจะจับอีกคนให้หันหน้ามา ทำให้เจสสิก้านั่งคร่อมหน้าตักชายหนุ่ม

       

      “คุณเข้าใจถูกแล้ว ผมหลงใหลในตัวคุณ”

      “.............”

      “แต่อย่าเหมารวมผมกับผู้ชายคนอื่น ผมหลงใหลคุณในตอนที่คุณไม่ได้เป็นมาดามเจสสิก้า หรือมาดามปาร์ค แต่เป็นเจสสิก้าที่เป็นธรรมชาติ ที่เป็นเด็กสาว ไม่ใช่คุณตอนที่เป็นผู้หญิงทรงเสน่ห์ ผมชอบรอยยิ้มยามเผลอของคุณ รอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ ผมรักมัน”

      “ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมเป็นมันผิดกับทิฟฟานี่ แต่ผมไม่สามารถเลิกหลงใหลคุณได้ นานวันเข้าผมก็หลงรักคุณจนถอนตัวไม่ขึ้น”

      “.................”

      “ตลกใช่ไหม ทั้งๆที่เราไม่เคยได้คุยกันมาก่อน แล้วเมื่อคุณเดินเข้ามาที่ร้านของผม เสนองานสวนของคุณ ทั้งๆที่ทิฟฟานี่คัดค้านอย่างหนัก แต่ผมก็ไม่สนใจ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดคุณสักครั้ง ผมยินดีทำ และเมื่อคืนนั้นของเรา...” ยูริหยุดเมื่อหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ เจสสิก้าหันไปอีกทางเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดง

       

       

      จุ๊บ

       

       

       

      ยูริจูบมือที่ปิดปากไว้ ก่อนจะรั้งเอวบางให้เข้ามาชิดอีก

       

       

       

       

      “ผมดีใจนะที่คุณมอบครั้งแรกของคุณให้ผม มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของผม เพราะอย่างนั้นผมถึงกล้าที่จะบอกรักคุณไป”

      “..............” ยิ่งยูริพูดออกมา หน้าของเจสสิก้าก็ยิ่งร้อนแดงจนน่ากลัวว่าจะมีควันออกมา ซึ่งยูริคิดว่ามันน่ารักมากๆ

      “แต่ไม่นึกว่าคุณจะเข้าใจผิด จนทิ้งผมไป คุณน่ะใจร้ายมากเลยนะ”

      “ใจร้าย?”

      “ใช่ คุณน่ะ ฟันผมแล้วทิ้งน่ะสิ”

      “นี่! อย่ามาพูดแบบนี้นะ”

      “หรือไม่จริงล่ะ แถมครั้งล่าสุดคุณทำผมค้างอีกต่างหาก”

      “ยูริ หยุดนะ!”

      “เฮ้ ผมเป็นพี่คุณตั้ง 2 ปีเลยนะ คนเกาหลีเขาถือเรื่องอาวุโสนะ”

      “ที่นี่ อเมริกาค่ะ ฉันไม่สนใจหรอก” หญิงสาวตอบ ก่อนจะก้มลงไปจูบอีกคน อย่างร้อนแรง เพราะห่างกันไปนาน ความคิดถึงเลยมีมาก    

       

       

      แรงขบเม้มที่ตอนแรกเหมือนตัวเองจะเป็นคนคอยควบคุม แต่พอยูริรุกกลับบ้าง ก็ต้องอ่อนแรงลง เมื่ออีกคนมีประสบการณ์มากกว่า ยูริผละออกเมื่อเจสสิก้าทำท่าจะหายใจไม่ทัน

      “หึ เด็กน้อยของผม” เอ่ยจบก็เชยคางของอีกคนขึ้น ประกบจูบลงไปอีกครั้ง ค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปลิ้มความหวานที่ห่างหายมาหลายเดือน มือข้างที่ว่างเริ่มลากไล้ไปตามปลีน่อง เจสสิก้าจับมือเอาไว้แล้วผละออก ส่งยิ้มหวานเพื่อให้อีกคนหยุด

       

       

      “อยากได้ฉันไหม?”

      “......................”

      “อยากเป็นเจ้าของฉันหรือเปล่า?”

      “.......................” ยูรินั่งนิ่ง มองรอยยิ้มหวานของเจสสิก้า จนหญิงสาวก้มตัวลงมากระซิบ

      If you want to keep me you got to love me harder

       

       

       

       

       

       

      ‘Cause if you want to keep me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
      เพราะหากเธอต้องการฉุดรั้งฉันไว้ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากกว่าเดิม
      And if you really need me, you gotta gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
      และถ้าเธอต้องการฉันจริง ๆ ละก็ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากขึ้น
      (Gotta love me harder)
      จะต้องรักฉันให้มากขึ้น
      Love me, love me, love me
      รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
      Harder, harder, harder
      มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ

       

       

       

      Yes  My love, I will love you harder

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

       

       

       

      กริ๊ก

       

       

      ทิฟฟานี่ไขกุญแจเข้ามาในบ้านของยูริ ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ กระป๋องเบียร์เปล่าๆ กลิ้งเกลื่อนบนพื้น เสื้อผ้าที่ถอดทิ้งกระจายพาดตามโซฟาหรือชั้นหนังสือ

       

      “นี่ คุณเฮิร์ตเพราะฉันจริงๆเหรอ ยูริ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเดินหาชายหนุ่มไปทั่วบ้าน

       

       

      “สงสัยออกไปข้างนอก”

      “อาบน้ำรอดีกว่า”

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ตอนเย็น

      “นี่ บ้านผมมันรกนะ ผมไม่อยากให้คุณเห็นเลย” ยูริบอกหญิงสาวที่นั่งกอดอกนิ่งเงียบ เมื่อบทรักที่ร้อนแรงจบลง เจสสิก้าก็บอกออกมาว่าอยากจะไปที่บ้านของชายหนุ่ม ไม่ว่ายูริจะหว่านล้อมเพื่อให้เปลี่ยนใจแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะเจสสิก้าได้

      “เจสสิก้า พูดอะไรหน่อยสิ”

      “บ้านคุณรก ฉันยิ่งต้องไปค่ะ”

      “เอ๋”

      “ไม่รู้ล่ะ กาฮี ไปได้แล้ว” เจสสิก้ากดอินเตอร์โฟนภายในรถบอกเลขาคนสนิท

      “ทราบแล้วค่ะ”

       

       

      รถเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ พร้อมๆกับจิตใจที่ห่อเหี่ยวของยูริ

       

       

       

       

       

       

      ใช้เวลาไม่นาน รถหรูก็จอดลงที่หน้าร้านของยูริ

      “ลงที่นี่แหละ กาฮีกลับไปก่อนเลยนะ”

      “ทราบแล้วค่ะ”

       

       

       

       

       

       

       

      แกร่ก

       

       

      ทั้งคู่เดินเข้ามาในส่วนที่เป็นร้าน ถึงจะเศร้าซึมเป็นเวลาสามเดือน แต่ยูริก็ไม่เคยที่จะละเลยต้นไม้ ดอกไม้ของตัวเอง แม้จะไม่ได้เปิดร้าน แต่เขาก็ยังมาดูแลอยู่ทุกวัน

       

      “สวยจัง” เจสสิก้าเอ่ยออกมาเมื่อเห็น

      “มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมหายบ้าไปได้บ้าง” ชายหนุ่มตอบ

      “คุณเป็นคนที่เยี่ยมมากเลยค่ะ ยูริ” เจสสิก้าโผเข้าไปกอด พร้อมกับหอมแก้มให้รางวัล

      “อ่า ผมชอบจังเลย” ยูริกอดรัด ก่อนจะอุ้มเจสสิก้าไปที่เตียงโซฟาด้านในเรือนกระจก

       

       

      “ที่นี่” เจสสิก้าหันไปมาอย่างงุนงง

      “ผมชอบมานอนงีบที่นี่น่ะ ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป นอนบ่อยๆเข้าเลยไปซื้อเตียงโซฟามาไว้ ไม่คิดว่าคราวนี้มันจะได้ทำงานสมกับเงินที่เสียไปซะที” พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้เจสสิก้ารู้ว่า คงจะต้องเหนื่อยแน่นอน

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ทางด้านทิฟฟานี่

       

       

      “ให้ตายสิ ยูริ หายไปไหนของเขานะ คนเขาอุตส่าห์มาหาทั้งที ไม่รงไม่รอมันแล้ว” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ทิฟฟานี่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นจากโซฟาเลย

       

       

       

       

      Rrrrr Rrrr

       

       

      “ฮัลโหล... แทยอน” เพราะกดรับโดยไม่ได้ดูชื่อเมื่อได้ยินเสียงทิฟฟานี่ก็ผลุดลุกขึ้นยืนทันที

      ...[คุณอยู่ไหนน่ะ ทิฟฟานี่]...

      “ข้างนอก ฉันมาทำธุระน่ะ ทำไมเหรอ”

      ...[ผมคิดถึงคุณไม่ได้เหรอ]...

      “ปากหวานเหลือเกินนะคะ”

      ...[ก็เพราะกับคุณคนเดียวแหละ นี่ ผมจองร้านอาหารไว้ คนสวยให้เกียรติผมได้ไหมครับ]...

      “แน่นอนสิคะ กี่โมงคะ”

      ...[อีกสองชั่วโมงครับ]...

      “งั้น ฉันจะรอที่บ้านนะคะ แทยอน”

      ...[ครับ คนสวยของผม]...

       

       

       

      “แห้งเหี่ยวตายซะเถอะ ยูริ ฉันไม่ได้มีเวลารอคุณตลอดไปหรอกนะ ตัวเลือกฉันเยอะ คนเขาอุตส่าห์มารอแท้ๆ” บ่นพึมพำก่อนจะเดินออกไป เพื่อกลับไปเตรียมตัวรอแทยอนมารับไปดินเนอร์

       

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

       

       

      เรือนกระจก

       

       

      ยูริค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปหาคนที่นอนอยู่ เจสสิก้ายิ้มก่อนจะเบี่ยงหน้าหนี ชายหนุ่มเลยเปลี่ยนไปซุกที่ซอกคอขาวแทน

      “ผมชอบตรงนี้ของคุณ มันดูเซ็กซี่มาก”

      “แค่ตรงนั้นเหรอ”
      “ใครว่า ตรงนี้ด้วย” ยูริลากจมูกไปที่ไหปลาร้า พรมจูบเบาๆ จนเจสสิก้าหัวเราะ

      “ตรงนี้” เลื่อนลงมาที่เนินอก เจสสิก้าหยุดหัวเราะ มองการกระทำอีกคนอย่างตื่นเต้น ยูริเงยหน้ามองก่อนจะยิ้มแล้วขยับขึ้นมาจูบเบาๆ

      “ผมชอบคุณไปทั้งตัว”
      “แค่ตัวเหรอ”

      “ใครบอก”

      “ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ”

       

       

       

      I know your motives and you know mine
      ฉันรู้ว่าจุดมุ่งหมายของเธอคืออะไร และเธอก็รู้จุดมุ่งหมายของฉันดี
      The ones that love me, I tend to leave behind
      คนที่มารักฉันนั้น ฉันจะปล่อยทิ้งไว้ด้านหลัง
      If you know about me and choose to stay
      แต่หากเธอรู้เรื่องนี้แล้ว และยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างฉัน
      Then take this pleasure and take away the pain
      ก็มาสัมผัสกับความเพลิดเพลินนี้ และเอาความปวดร้าวทิ้งไป

       

       

       

       

      พูดแบบนั้นไป ยูริก็พลิกตัวอีกคนให้นอนคว่ำ ขยับตัวเองไปคร่อมเอาไว้ โน้มใบหน้าซุกซบลงที่ท้ายทอยของเจสสิก้า สัมผัสวาบหวามที่ลากไล้ไปมา ทำให้หญิงสาวหยุดเสียงครางของตัวเองไม่ได้

       

       

      “อื้อ ย ยูริ”

      Let’s get it on..

       

       

      ฮึก

       

      เสียงครางหวานของหญิงสาวดังขึ้น เจสสิก้าพยายามที่จะเม้มปากเพื่อกลั้นมันเอาไว้ แต่ยูริกลับยิ่งยั่วเย้าให้เธอต้องยอมแพ้

      ด้วยการลากจมูกไปทั่วแผ่นหลังสลับกับการดูดเม้ม จนเจสสิก้าสะท้านไปทั้งตัว

       

       

       

       

       

       

      And if in the moment you bite your lip
      และถ้าชั่วขณะนั้น เธอกัดริมฝีปากของเธอเอง
      When I get you moaning you know it’s real
      และเมื่อฉันทำให้เธอส่งเสียงครางออกมา เธอจะรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องจริง
      Can you feel the pressure between your hips?
      เธอได้รับรู้ถึงแรงกดดันระหว่างสะโพกของเธอบ้างหรือเปล่า?
      I’ll make it feel like the first time
      ฉันจะทำมันให้รู้สึกเหมือนกับครั้งแรก

       

       

       

      “รู้สึกไหม?” ถามเบาๆ เจสสิก้าหน้าแดงเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่บริเวณสะโพก

      “ผมจะทำกับคุณเหมือนคืนนั้น ให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นครั้งแรกของคุณ ยอดรัก” กระซิบแล้วก็ขบเม้มที่ใบหู ก่อนจะเริ่มขยับท่อนล่างของตัวเอง

       

       

       

      ฮึก.. ย ยูริ

       

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

      ตอนเช้า

       

       

      ยูริลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน ควานหายีนส์ที่ถอดทิ้งเมื่อคืนเพื่อหามือถือ เมื่อเจอก็มองเวลา

       

       

      9:00

       

       

      “สายขนาดนี้เชียว” พึมพำก่อนจะลูบหน้าตัวเองแรงๆ หยิบบ๊อกเซอร์มาใส่ ลุกขึ้นยืนไปคว้าเอาสายยางขึ้นมา

       

       

       

      เสียงน้ำที่พุ่งไปปะทะกับต้นไม้ ดอกไม้ พร้อมละอองเย็นๆที่ลอยมากระทบ ทำให้เจสสิก้าตื่น หญิงสาวขยับลุกก่อนจะกวาดตาไปรอบๆเพื่อมองหาคนที่ทำให้เธอแทบสำลักความสุขตายเมื่อคืน ก็พบเขากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่

       

       

       

      “ยิ้มอะไร” ยูริถาม เมื่อหันมาเจอเจสสิก้ากำลังค้ำคางอมยิ้มมองอยู่ ชายหนุ่มทิ้งสายยางเข้าพุ่มไม้ใกล้ๆ ก่อนจะเดินมาหา เมื่อมาถึงก็ย่อตัวโน้มใบหน้าเข้าไปจูบที่ปากบางสวยแรงๆหนึ่งที พร้อมกับหอมแก้มอีกหนึ่งฟอดใหญ่

       

       

       

      “หิวรึยังครับ”

      “ไม่เท่าไหร่ค่ะ ทำไมคะ จะทำให้กินเหรอ”

      “เปล่า ถ้าหิวมากผมจะให้กินผมไปก่อน”

      “คนบ้า”

       

       

       

      “นี่ เล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ” ยูริเอ่ยขึ้น หลังจากเมื่อคืนเขาเล่าเรื่องตัวเองให้เธอฟัง ชายหนุ่มนั่งลงที่ขอบเตียง

      “เอาสิคะ อยากฟังเรื่องไหนก่อน” เจสสิก้าขยับมานอนคว่ำข้างๆ ถามเสียงหวาน

      “เรื่องของคุณกับปาร์ค ยูชอน”  

       

       

       

       

       

       

      เรื่องราวที่เจสสิก้าเล่ามาทำให้ยูริรู้สึกอึ้ง พร้อมทั้งสงสารหญิงสาว

       

      “ฉันเป็นลูกสาวของปาร์คยูชอนค่ะ”

      “ฮ๊ะ! แล้วทำไมคุณถึงแต่งงานกับเขาล่ะ”

      “ในตอนแรกฉันเป็นลูกสาวบุญธรรมของ จอง ยุนโฮ เจ้าพ่อการเงินของ California

      “คนที่โดนลอบยิงคนนั้นน่ะเหรอ” ยูรินึกถึงข่าวดังเมื่อ 3 ปีก่อน

      “ค่ะ คุณพ่อยุนโฮโดนมาเฟียอิตาลี่โจมตีเพราะไปขวางทางของพวกนั้น และปฏิเสธการเกี่ยวดอง ด้วยการให้ฉันกับทายาทของพวกเขาแต่งงานกัน”

      “.....................”

      “ในวันฝังศพของคุณพ่อยุนโฮ รอบนอกของโบสถ์เต็มไปด้วยพวกมาเฟียอิตาลี่ ซึ่งถ้าฉันก้าวออกไปเมื่อไหร่ พวกมันจะพาฉันไปทันที แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเมื่อปาร์ค ยูชอนเขาเข้ามา”

      “เขาเดินเข้ามาหาฉัน แววตาของเขามองมาอย่างเมตตา”

      “ฉันเป็นเพื่อนของยุนโฮ เป็นคนที่มีหนี้กับเขา เขาบอกอย่างนั้น”

      “หนี้?”

      “ค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง เพราะเขาก็ร่ำรวยมากๆอยู่แล้ว”

       

      “เขาอาสาช่วยฉันด้วยการส่งคน ส่งทุกอย่างที่เป็นของปาร์ค ยูชอนมา ไม่นานหลังจากนั้นฉันก็ได้รู้ข่าวของพวกมาเฟียอิตาลี่ที่ถล่มคุณพ่อยุนโฮว่า โดนกวาดล้าง”

      “.......................”

      “เขามาหาฉันบ่อยขึ้น ทั้งเมืองต่างลือกันว่าเขาต้องการฉัน แต่ฉันรู้นะคะ ว่าเขาไม่เคยคิดอะไรไปมากกว่าเอ็นดูฉัน ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็รู้ว่าตัวเองป่วยหนัก และอยู่ได้ไม่นาน จึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟัง”

       

       

      “ฉันเป็นลูกสาวของเขากับ จอง ซูจิน ลูกสาวของ จอง ยุนโฮ”

      “ฮ๊ะ!”

       

      “ท่านบอกว่าตอนที่คุณพ่อยุนโฮรู้เรื่อง ท่านโกรธมากที่ลูกสาวคนเดียวปลงใจกับคนแก่คราวพ่อ แถมยังเป็นมาเฟียอีก แต่ก็ขัดอะไรไม่ได้เพราะคุณแม่ยืนยันที่จะอยู่กินกับคุณป๋า แต่ท่านก็ขอไว้ว่าเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ งานแต่งจะต้องเงียบที่สุด เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่า ปาร์ค ยูชอนมีภรรยาแล้ว แต่ความลับนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่คุณแม่คลอดฉันได้ 2 อาทิตย์ คุณพ่อยุนโฮกับคุณป๋าเดินทางไปนิวยอร์ค โรงพยาบาลก็โดนถล่ม คุณแม่โดนฆ่าตาย ส่วนฉันรอดเพราะพี่เลี้ยงของคุณแม่ อุ้มฉันหนีไปได้ซะก่อน คุณพ่อยุนโฮ จึงบอกกับคุณป๋าว่าฉันตายไปแล้ว และรับฉันมาเป็นลูกบุญธรรม”

      “อ้าวแล้ว ปาร์ค ยูชอน รู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นลูกของเขา”

      “คุณพ่อยุนโฮเขียนพินัยกรรมไว้ค่ะ ว่าหลังจากท่านตายให้ทนายส่งจดหมายที่เขียนเรื่องทุกอย่างไว้ไปให้คุณป๋า”

       

      “อ๋อ”

      “อีกอย่างคนอื่นเขาไม่รู้เรื่องแบบนี้ นอกจากคนในบ้าน เราทั้งสองจึงตัดสินใจว่า จะแต่งงานกันในนาม และเพราะชื่อของปาร์ค ยูชอน ซึ่งถึงแม้จะตายไปแล้วก็ยังมีอำนาจอยู่”

      “เป็นไงคะ ชีวิตของฉัน” เจสสิก้าถาม ยูริขยับดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอด

       

      “ผมสาบานเลย จะปกป้องคุณเอง”

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

      สองวันต่อมา

       

      ทั่วทั้งเมืองก็มีข่าวครึกโครม เมื่อเจสสิก้าควงยูริในสภาพที่ไร้ที่ติ ไม่ใช่ชายหนุ่มซ่อมซ่อคนเดิมออกสู่สาธารณะครั้งแรก ผู้หญิงในเมืองหลายคนมีอาการโล่งใจที่เจสสิก้ามีคนข้างกาย จะได้เลิกระแวงคนของตนเอง ส่วนพวกผู้ชายบางคนก็เลิกการคาดหวัง แต่ส่วนมากก็ยังไม่ยอมแพ้

       

      โดยทั้งสองคน ออกไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารที่ไม่ได้หรูมากมาย แต่มันกลับทำให้เจสสิก้ามีความสุขมาก ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มประดับตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน จนถึงเวลากลับ ยูริทำให้เธอมีความสุข ทำให้เธอยิ้มได้

       

       

       

       

       

      คฤหาสน์ปาร์ค

       

       

      “เรียนให้คุณทั้งสองทราบนะคะ ในวันนี้เราจะไปทำการเปิดบ้านเด็กกำพร้าที่โบสถ์กันค่ะ ชุดของคุณยูริกับคุณเจสสิก้า ดิฉันเตรียมมาให้เลือก อยู่ทางนั้นนะคะ” จองอาเอ่ย เจสสิก้าพยักหน้าก่อนจะจูงมือยูริไปเลือก

       

       

      “ดูคุณมีความสุข” ยูริเอ่ยเมื่อเห็นเจสสิก้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางฮัมเพลงเวลาเลือกชุดให้

      “ค่ะ ฉันมีความสุขมากเลย”

      “ดีแล้ว ที่คุณมีความสุข เพราะเมื่อคุณสุข คุณจะยิ้ม ผมชอบ”

      “ดีใจที่คุณชอบค่ะ ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ”

      “ผมชอบ”

      “ชุดเหรอคะ”

      “เปล่า คุณต่างหาก”

      “เลิกปากหวานได้แล้วค่ะ ลองชุดนี้ซิ”

      “ครับผม” ยูริรับชุดมาก่อนจะถอดเสื้อผ้าทันที

       

       

      “ไม่อายเลยรึไงนะ” บ่นเบาๆ

      “อายทำไม” ยูริตอบก่อนจะสวมกางเกง

       

      “เป็นไงครับ” หลังจากใส่เรียบร้อยก็ยืนให้เจสสิก้าดู

      “ใช้ได้ค่ะ เอาชุดนี้แหละ งั้นเดี๋ยวฉันไปแต่งตัวนะคะ”

      “อื้อ”   

       

       

       

       

       

       

       

       

      ที่โบสถ์

      หลังจากเจสสิก้าแต่งตัวเสร็จกาฮีก็ถอยรถออกมาพอดี ซึ่งคราวนี้ยูริบอกว่าจะขับเอง ซึ่งเลขาคนสนิททั้งสองก็ไม่ขัด ขยับไปที่รถอีกคันแทน

       

       

       

      รถหรูที่เป็นของเจสสิก้าวิ่งเข้ามาจอด ทุกคนในงานมองอย่างสนใจ และเมื่อยูริเปิดประตูลงมา เดินไปอีกทางเพื่อเปิดประตูให้หญิงสาว

       

       

       

      ข่าวลือก็ได้รับการยืนยัน

       

       

       

       

       

      ทั้งคู่เดินเข้ามาในงาน ทุกคนที่อยู่ในนั้นพากับซุบซิบ บางคนมีอาการอิจฉา ส่วนทิฟฟานี่ที่ยืนอยู่กับแทยอนมีอาการหนักกว่าใคร เพราะยูริในวันนี้ดูดีมาก มากจนเธอเสียดายที่ทิ้งคนคนนี้มา

       

       

       

      “มาดาม แล้วก็ อ่า ยูริ” หลวงพ่อกลัท โทนี่ เดินเข้ามาหาเอ่ยพลางยิ้มให้ที่ยูริดูยังไงก็เหมือนการเสแสร้ง

      “สวัสดีค่ะ หลวงพ่อ” เจสสิก้าทักกลับ

      “สบายดีนะครับ” ยูริถาม

      “พ่อสบายดี ยูริคงจะสบายดีมากสินะ”

      “ครับ ได้ยาใจที่ดีที่สุดน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะหันยิ้มให้กับเจสสิก้า ซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มตอบ

       

       

       

      “ชิ” ทิฟฟานี่สบถ เมื่อมองทั้งสองคนหวานกัน

      “หน้าไม่อาย” หญิงสาวพึมพำ

      “คุณเป็นอะไรน่ะ ฟานี่” แทยอนถามหลังจากเห็นหญิงสาวมีอาการเหมือนกำลังหงุดหงิด และเมื่อมองตามไปก็เข้าใจ

      “อ้อ มาดามปาร์คกับอดีตของคุณนั่นเอง คุณหงุดหงิดพวกเขาเหรอ”

       

       

      “รู้แล้วจะถามทำไมล่ะ แทยอน”

      “ก็อยากให้มันชัดเจน” ชายหนุ่มตอบก่อนจะจิบไวน์ในมือ มองไปที่เจสสิก้าอย่างหลงใหล

      “อย่าเชียวนะแทยอน” ทิฟฟานี่ขู่เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม เธอแพ้เจสสิก้าอีกครั้งไม่ได้

       

       

      “อาหารตาฟานี่ อาหารตา” ตอบก่อนจะเดินหนีไป ทิ้งหญิงสาวให้หงุดหงิดใจคนเดียว

       

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

       

      “มาดาม” เบน เดอลัท เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม

      “ท่านนายกเทศมนตรี”

      “วันนี้ก็สวยอีกแล้วนะครับ”

      “ขอบคุณค่ะ”

      “จะรังเกียจไหม ผมอยากจะเชิญไปที่โต๊ะของผมหน่อย พอดีอยากจะคุยเรื่องธุรกิจ”

      “ได้สิคะ” เจสสิก้ารับคำ ก่อนจะควงแขนยูริตามไป

       

       

       

      เมื่อทั้งคู่มาถึงโต๊ะ ยูริก็ตกเป็นเป้าสายตา เพราะที่โต๊ะมีทั้ง ปีเตอร์ ฮวัง พ่อของทิฟฟานี่ ทอม แพนซัน นายตำรวจใหญ่ ทิฟฟานี่ และก็แทยอนด้วย

       

      “ขอบคุณค่ะ” เจสสิก้าพึมพำเมื่อยูริเลื่อนเก้าอี้ให้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะนั่งลงข้างๆ

      “ขอแนะนำนะคะ ทุกคนคงจะได้ยินกันมาบ้างแล้ว นี่ยูริ คนรักของฉันค่ะ” เจสสิก้าแนะนำ

      “ย ยูริเหรอ” ปีเตอร์ฮวังทวน

      “ฟานี่...” หันไปหาลูกสาวตัวเองที่นั่งหน้าบึ้งอยู่
      “ค่ะ ยูริคนที่เคยเป็นแฟนลูกสาวคุณคนนั้นแหละค่ะ” เจสสิก้าตอบก่อนจะส่งยิ้มหวาน

       

       

       

       

      บรรยากาศบนโต๊ะเงียบทันทีที่เจสสิก้าพูดจบ ยูริมอง กาฮีกับจองอาที่ยืนอยู่ด้านหลังลอบยิ้ม เมื่อเจสสิก้าเอาคืนตอนที่คนพวกนี้รุมยูริในคราวนั้น

       

      “อ่า ค ครับ จริงสิ มาดามเรื่องที่ผมได้เสนอผ่านเลขาของคุณไป” เบน เด ลัทถามเบาๆ หลังจากหาเสียงตัวเองเจอเป็นคนแรก

      “อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอคะ” เจสสิก้าปรับมาจริงจังวางมาดนางพญาทันที

      “ครับ ไม่ทราบว่า” รอคอยอย่างมีความหวัง

      “เห็นทีจะตอบไม่ได้ เพราะว่าฉันกำลังจะวางมือจากส่วนนั้นน่ะค่ะ”
      “ว วางมือ” คนในโต๊ะอุทานออกมา

      “ค่ะ ฉันไม่อยากทำส่วนนั้นแล้ว ฉันชอบทำร้านดอกไม้มากกว่า” ยูริยิ้มเมื่อได้ยินที่หญิงสาวเอ่ย

      “ร ร้านดอกไม้” เบน เดอ ลัทครางออกมา

      “ล แล้วคาสิโนล่ะ” ทอม แพนซันถาม นัยน์ตาฉายแววโลภออกมา

      “ก็ทำอยู่แหล่ะค่ะ แต่ที่บอกว่าจะไม่ยุ่งคงเป็น ส่วนนั้น” หญิงสาวเน้นเสียงเพื่อที่จะสื่อให้เข้าใจ

      “ขอทราบคนที่เข้ารับต่อได้ไหมครับ”

      “ค่ะ ฉันแต่งตั้งเลขาส่วนตัวของฉันสองคนนั้น กาฮีกับจองอาดูแล” ตอบสบายๆไม่ได้สนใจใบหน้าของสองเลขาเลยที่ตอนนี้ตกใจแบบสุดๆ

      “ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ฉัน ไม่ได้วางมือ แค่ไปทำอย่างอื่นมากกว่า ยังไงก็ฝากอุดหนุน KJ Florist and Garden ด้วยนะคะ วันนี้คงต้องขอตัวแล้ว ไว้เจอกันโอกาสหน้าค่ะ” เอ่ยเน้นย้ำ เพราะอาณาจักรที่ยูชอน พ่อของเธอสร้างมา คนที่เป็นลูกควรสานต่อ ไม่ให้มันพัง หรือให้ใครหน้าไหน ขึ้นมามีอำนาจเท่าเทียมได้

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      เจสสิก้ากลับไปแล้ว ทิ้งบรรยากาศหนักอึ้งเอาไว้ ทุกคนในโต๊ะไม่มีใครพูดอะไรออกมา

       

       

      “นังเด็กนั่น” ทอม แพนซันสบถออกมา

      “เคี้ยวยากซะจริง” เบน เดอ ลัทเอ่ย

      “สู้ไม่ได้เลยสินะ เฮ้อ”

      “ทำไมพวกคุณพ่อต้องนอบน้อมกับยัยนั่นนักละคะ” ทิฟฟานี่ถามออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

       

      “เงียบซะ ทิฟฟานี่” ปีเตอร์ฮวัง เอ่ยเสียงดุ

      “นี่มันเป็นเรื่องผู้ใหญ่ แกอย่ามายุ่ง”

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

       

       

      ฮึก

      อ อา

       

       

      ทิฟฟานี่ทิ้งตัวข้างๆแทยอน หลังจากเสร็จกิจกรรมเรียกเหงื่อ

      “คุณดูหงุดหงิดนะ” แทยอนขยับหันมาหา ก่อนจะจูบเข้าที่ไหล่เปลือย

      “นิดหน่อยค่ะ ฉันเบื่อที่จะเห็นใครต่อใครนอบน้อมให้ยัยนั่น ยิ่งเป็นคุณพ่อแล้วด้วย มันเหมือนไม่ว่ายังไง ฉันก็แพ้” ทิฟฟานี่ตอบ

      “คุณนี่ เป็นผู้หญิงที่น่ารักซะจริง” แทยอนหัวเราะ

      “หมายความว่ายังไงคะ? แท”

      “ผมชอบผู้หญิงที่ชอบเอาชนะน่ะ” ตอบก่อนจะจับตัวหญิงสาวให้นอนหงาย แล้วตัวเองขยับขึ้นคร่อม

       

       

      “เพราะผู้หญิงที่ชอบเอาชนะ จะร้อนแรงยามมี Sex” พูดจบก็เริ่มบทรักอีกครั้ง ทิฟฟานี่ตอบสนองอย่างร้อนแรง

       

       

      ชอบเอาชนะ นั่นสินะ เธอจะไม่ยอมแพ้

      คอยดูเถอะเจสสิก้า...

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

      “ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นเลยนี่นา ไปหักหน้าพวกเขาเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก” ยูริเอ่ยพลางใช้ฟองน้ำถูเบาๆที่แผ่นหลังบาง

      “ไม่สนหรอกค่ะ เพราะคุณสาบานว่าจะปกป้องนี่นา”

      “แน่นอนอยู่แล้วนี่นา ก็คุณเป็นคนสำคัญของผมนี่นา”

      “ลองไม่ทำสิคะ”

      “ทำไมเหรอ”

      “ฉันจะหนีไปจากคุณ”

      “โห แบบนั้น ฆ่าผมเลยดีกว่า สามเดือนนี่ก็มากพอแล้วนะ”

      “คิก ถ้าไม่อยากให้ฉันหาย ก็รักฉันมากๆสิคะ”

       

       

       

       

      So what do I do if I can’t figure it out?
      แล้ว ถ้าหากฉันคิดอะไรไม่ออก ฉันจะทำยังไงดีนะ
      You got to try, try, try again
      เธอต้องพยายาม พยายามอีกครั้ง 
      So what do I do if I can’t figure it out?
      แล้ว ถ้าหากฉันคิดอะไรไม่ออก ฉันจะทำยังไงดีนะ
      I’m gonna leave, leave, leave
      ฉันจะจากไป ทอดทิ้งไป ลาจากไป

       

       

       ‘Cause if you want to keep me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
      เพราะหากเธอต้องการฉุดรั้งฉันไว้ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากกว่าเดิม
      (I’ll love you, love you, love you)
      ฉันจะรักเธอ รักเธอ รักเธอ
      And if you really need me, you gotta gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
      และถ้าเธอต้องการฉันจริง ๆ ละก็ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากขึ้น
      (Love me, love me, baby)
      รักฉัน รักฉันนะ ที่รัก
      ‘Cause if you want to keep me, you gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
      เพราะหากเธอต้องการฉุดรั้งฉันไว้ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากกว่าเดิม
      (Love me harder) 
      รักฉันให้มากกว่าเดิม
      And if you really need me, you gotta gotta gotta gotta gotta gotta got to love me harder
      และถ้าเธอต้องการฉันจริง ๆ ละก็ เธอจะต้อง จะต้อง จะต้อง รักฉันให้มากขึ้น
      (Imma love you harder)
      รักเธอให้มากกว่าเดิม
      Love me, love me, love me
      รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
      Harder, harder, harder
      มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ
      (Love me, love me, baby)
      รักฉัน รักฉันนะ ที่รัก
      Love me, love me, love me
      รักฉัน รักฉัน รักฉันสิ
      (Just a little bit, just a little bit harder, babe)
      ทีละนิดนะ ให้มากขึ้นทีละนิดนะ ที่รัก
      Harder, harder, harder
      มากขึ้น มากขึ้นอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ

       

       

       

       

       

      “ผมเหรอ? ไม่เคยรักคุณ ผมรักคุณมากเลยนะ” พูดพลางเอาคางไปเกยที่ไหล่บาง

      “ถ้ารักฉันก็ทำมันสิ”

      “ทำ?”

       

       

       

       

      Yes, do it

      Huh?

      Lead me to the Heaven

      What do you mean, Honey?

       

       

      Just love me harder like you do Yuri, Get it?

       

        

       

       

       

      I’ll let you set the pace
      ฉันจะปล่อยให้เธอเป็นผู้กำหนดจังหวะการเดิน
      ‘Cause I’m not thinking straight
      เพราะฉันไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างมีสติ ในตอนนี้
      My head’s spinning around I can’t see clear no more
      หัวฉันหมุนไปหมดแล้ว และไม่สามารถมองอะไร ๆ ได้ชัดนัก
      What are you waiting for?
      เธอจะมัวรีรออะไรอยู่ล่ะ

       

      Love me like you do, lo-lo-love me like you do (like you do)
      Love me like you do, lo-lo-love me like you do

      เธอช่วยรักฉัน เหมือนที่เคยเป็น
      รักฉัน เหมือนที่เคยเป็น
      Touch me like you do, to-to-touch me like you do
      สัมผัสฉัน เหมือนอย่างเคย
      What are you waiting for?
      เธอจะมัวรีรออะไรอยู่ล่ะ

       

       

       

      Now Yuri

      What are you waiting for?”

       

       

       

       

       

       

      END 









      __________________________________

      จบแล้ว เย้
      ตกลงสุดท้ายสิก้าก็เป็นลูกสาวเจ้าพ่อมาเฟียนั่นเอง
      ซับซ้อนค่ะ ซับซ้อน

      ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตาม
      และมีทวงเข้ามาประปราย 555555

      แต่วันช็อตคงไม่ไหวแล้วค่ะ
      เพราะจำกัดให้มันสั้นไม่ได้เลย
      พิมพ์ทีไร ยาวตลอด 5555555

      ปล. ลองสังเกตุชื่อของตัวละครบางตัวดูนะคะ
      ถึงหน้าที่การงานดี แต่ชื่อนี่ บ่งบอกมากเลย
      ไว้เจอกันค่ะ คราวนี้จะยุ่งอยู่กับ Once อย่างเดียวแล้ว

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×