[SNSD] Earned It [YULSIC] - [SNSD] Earned It [YULSIC] นิยาย [SNSD] Earned It [YULSIC] : Dek-D.com - Writer

    [SNSD] Earned It [YULSIC]

    โดย ziern

    โฆษณา Love me harder like you do ลงแล้วค่ะ Complete

    ผู้เข้าชมรวม

    5,184

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    5.18K

    ความคิดเห็น


    37

    คนติดตาม


    61
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 พ.ค. 58 / 19:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้





     

    The Weeknd – Earned It (50 Shades Of Grey Soundtrack)

    You make it look like it’s magic
    คุณทำสิ่งนี้ได้ เหมือนดั่งใช้เวทย์มนต์
    Cause I see nobody, nobody but you, you, you
    เพราะว่าผมไม่เคยเห็นใครทำได้, ไม่มีใครเลย นอกจากคุณ
    I’m never confused
    ผมไม่เคยเลยที่จะรู้สึกสับสน
    Hey, hey

    I’m so used to being used
    ผมเคยชินกับการถูกหลอกใช้
    So I love when you call unexpected
    ดังนั้น ผมจึงรู้สึกชอบมากเวลาที่คุณโทรหาผมโดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน
    Cause I hate when the moment’s expected
    แต่ผมเกลียดช่วงเวลาที่ต้องรอคอยความหวัง
    So I’ma care for you, you, you
    เพราะผมชอบคุณนะ คุณคนเดียวเท่านั้น
    I’ma care for you, you, you, you, yeah
    ผมชอบคุณนะ คุณคนเดียวเท่านั้น
    Cause girl you’re perfect
    เพราะคุณคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ
    You’re always worth it
    คุณมีความหมายมากพอและเป็นเช่นนั้นเสมอมา
    And you deserve it
    และคุณก็คู่ควรที่จะได้รับคำยกย่องเช่นนั้น
    The way you work it
    ในรูปแบบที่คุณทำ
    Cause girl you earned it
    คุณถึงสมควรที่จะได้รับมัน
    Girl you earned it
    คุณสมควรได้รับมันจริง ๆ

    You know our love would be tragic
    คุณรู้ว่าความรักของเราอาจจะเจอความเสียใจ
    So you don’t pay it, don’t pay it no mind
    ดังนั้น คุณอย่าใส่ใจกับมัน, อย่าใส่ใจและอย่ากังวล
    We live with no lies
    เราอยู่ด้วยกัน ด้วยการไม่โกหกกัน
    Hey, hey You’re my favorite kind of night
    คุณคือสิ่งที่ผมชอบที่สุดในยามค่ำคืน

    So I love when you call unexpected
    ดังนั้น ผมจึงรู้สึกชอบมากเวลาที่คุณโทรหาผมโดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน
    Cause I hate when the moment’s expected
    แต่ผมเกลียดช่วงเวลาที่ต้องรอคอยความหวัง
    So I’ma care for you, you, you
    เพราะผมชอบคุณนะ คุณคนเดียวเท่านั้น
    I’ma care for you, you, you, you, yeah
    ผมชอบคุณนะ คุณคนเดียวเท่านั้น
    Cause girl you’re perfect
    เพราะคุณคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ
    You’re always worth it
    คุณมีความหมายมากพอและเป็นเช่นนั้นเสมอมา
    And you deserve it
    และคุณก็คู่ควรที่จะได้รับคำยกย่องเช่นนั้น
    The way you work it
    ในรูปแบบที่คุณทำ
    Cause girl you earned it
    คุณถึงสมควรที่จะได้รับมัน
    Girl you earned it
    คุณสมควรได้รับมันจริง ๆ

    On that lonely night
    ในคืนเหงาคืนนั้น
    You said it wouldn’t be love
    คุณพูดว่ามันไม่ใช่ความรัก
    But we felt the rush
    แต่เราต่างก็รู้สึกได้ว่ามันกะทันหันเหลือเกิน
    It made us believe it there was only us
    ซึ่งในอดีตพวกเราเคยเชื่อว่า ที่แห่งนี้มีเราเพียงสองคน….
    Convinced we were broken inside, inside
    ที่ย้ำชัดว่าได้ถูกทำให้ใจสลายมาจากภายในหัวใจ

    Cause girl you’re perfect
    เพราะคุณคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ
    You’re always worth it
    คุณมีความหมายมากพอและเป็นเช่นนั้นเสมอมา
    And you deserve it
    และคุณก็คู่ควรที่จะได้รับคำยกย่องเช่นนั้น
    The way you work it
    ในรูปแบบที่คุณทำ
    Cause girl you earned it
    คุณถึงสมควรที่จะได้รับมัน
    Girl you earned it
    คุณสมควรได้รับมันจริง ๆ




    ก็ตามเนื้อเพลงค่ะ

     

    No NC But Sexy


    เวลาอ่านกดเพลย์ด้วยนะคะ มันจะได้อารมณ์มาก

    เจอกันวันเกิดสิก้าที่รักค่ะ 


    ปล. พี่ยูลเป็นชายค่ะ 



    แวะคุยกันได้ค่ะ





    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Earned It

       

       

      You make it look like it’s magic
      คุณทำสิ่งนี้ได้ เหมือนดั่งใช้เวทย์มนต์
      Cause I see nobody, nobody but you, you, you
      เพราะว่าผมไม่เคยเห็นใครทำได้, ไม่มีใครเลย นอกจากคุณ
      I’m never confused
      ผมไม่เคยเลยที่จะรู้สึกสับสน
      Hey, hey

       

       

       

      งานเลี้ยงการกุศลประจำหมู่บ้าน

       

       

       

      ทันทีที่ราชินี นางพญา จักรพรรดินี หรืออะไรก็ตามที่ใช้เรียกผู้หญิงที่ไม่ได้ทำอะไรก็สามารถสะกดสายตาคนรอบข้าง ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ต้องจ่อมจมลงในเสน่ห์ที่ยั่วเย้าร้ายกาจ แค่เธอแย้มยิ้ม กรีดสายตามอง คุณก็แทบจะลงไปแดดิ้นกับพื้น เยื้องย่างเข้ามาในงานเลี้ยง เสียงดนตรีหยุดลงกะทันหัน ไร้เสียงพูดคุย ทุกคนจ้องมองไปที่จุดๆเดียว จุดที่เธอคนนั้นนั่งลง

       

       

       

       

      เธอเหมือนแม่มด เธอมีมนต์เสน่ห์ที่สามารถเอ่ยขอทุกอย่างที่ต้องการโดยไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

       

       

       

       

      ทุกๆอย่างมารวมอยู่กับเธอคนนี้เพียงคนเดียว เจสสิก้า จอง สตรีอายุน้อยที่ได้รับทรัพย์สมบัติและอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่จากสามีผู้แก่ชราที่ล่วงลับไปแล้วในเวกัส ใช่ คุณได้ยินไม่ผิด เธอเป็นแม่ม่ายที่อายุน้อย และมีเสน่ห์มากที่สุดในตอนนี้

       

       

       

       

       

      ไม่ว่าเธอจะขยับไปไหน ล้วนจะเป็นข่าว ผู้ชายทั้งหลายยินดีที่จะอยู่รายล้อมและยอมลงไปนอนกับพื้นเพื่อเป็นเบาะรอง ไม่ให้รองเท้าราคาแพงของเธอเปรอะเปื้อนดินหรือโคลน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยหรือวอนขออะไร ชายเหล่านั้นเต็มใจ

       

       

       

       

       

      นั่นคือเธอ คือเจสสิก้า

       

       

       

       

       

       

      ผู้หญิงที่เพียบพร้อมคนนั้นแทบจะอยู่คนละโลกจากผม ทั้งๆที่เราอาศัยอยู่ร่วมเมือง หมู่บ้านเดียวกัน แต่เธอมักจะอยู่คนเดียวเสมอ เธอไม่มีเพื่อน ไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมเป็นเพื่อนเธอ เพราะพวกหล่อนเหล่านั้นเกรงกลัวว่าผู้ชายของตัวเองจะลุ่มหลงเสน่ห์ของเจสสิก้ากันหมด

       

      พวกหล่อนกล่าวว่าเธอน่ากลัว เธอชอบล้อเล่นกับผู้ชาย เห็นผู้ชายเป็นของเล่น

       

      ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้ว เจสสิก้าเป็นเช่นไร แต่พวกเขาล้วนปักใจเชื่อในสิ่งที่ล่ำลือกันมา ผู้หญิงที่มีแฟนแล้วล้วนกลัวกันทั้งสิ้น ในสายตาผมเธอคือคนที่สมบูรณ์เพียบพร้อม ไม่ว่าใครก็ควรมอบความรักให้แก่เธอ เธอควรได้รับแต่ความรัก ไม่ใช่ความเกลียดชัง แต่จะไปว่าผู้หญิงพวกนั้นไม่ดีก็ไม่ได้ ไม่ว่าใครก็คงกลัวและหวั่นไหว ในเมื่อขณะที่เธอยังไม่ได้ทำอะไร ผู้ชายก็แทบจะล้มลงไปแนบกับพื้นเพราะเธอ และเมื่อเจสสิก้าปรากฏตัว พวกเธอจะกลายเป็นอากาศธาตุทันที

       

      แฟนของผมทิฟฟานี่ก็เช่นกันเมื่อเธอรู้ว่าบ้านของผมอยู่ละแวกเดียวกับเจสสิก้า เธอก็แทบจะเก็บข้าวของมาอาศัยอยู่ที่บ้านผม ผมหัวเราะกับความกลัวบ้าบอของเธอ แต่ทิฟฟานี่ก็คิดถูก ผมไม่เคยคุยกับเธอก็จริง เราไม่เคยได้คุยกัน ทั้งๆที่บ้านอยู่ใกล้กัน แต่ผมกลับหลงใหลในตัวเธอมากขึ้นทุกวัน

       

      ผมหลงใหลในเสน่ห์ของเจสสิก้า

       

      แค่เห็นเธอออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน รายล้อมไปด้วยเหล่าบอดี้การ์ดหญิงในชุดสูทดำสนิท แค่เธอยิ้มกับอาการน่ารักๆของเด็กๆที่วิ่งเล่นอยู่ หรือตอนที่เธอก้มลงไปเล่นกับลูกหมาตัวเล็กของเธอ

       

      เธอคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ

      พระเจ้าช่างร้ายกาจที่สรรสร้างเธอมา แต่ผมก็ขอขอบคุณพระองค์

       

       

       

       

      Cause girl you’re perfect
      เพราะคุณคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ
      You’re always worth it
      คุณมีความหมายมากพอและเป็นเช่นนั้นเสมอมา
      And you deserve it
      และคุณก็คู่ควรที่จะได้รับคำยกย่องเช่นนั้น
      The way you work it
      ในรูปแบบที่คุณทำ
      Cause girl you earned it
      คุณถึงสมควรที่จะได้รับมัน
      Girl you earned it
      คุณสมควรได้รับมันจริง ๆ

       

       

      .

      .

      .

       

      ไม่ว่าใครล้วนอยากจะครอบครองเธอ รวมทั้งผม

       

       

      แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผมกลายเป็นผู้ชายที่บุรุษเพศทุกคนในเมืองนี้ต้องอิจฉา เมื่อจู่ๆ เจสสิก้าก็หันมาสนใจที่จะปลูกดอกไม้ อยากจะจัดสวนขึ้นมา ในเมืองนี้ร้านดอกไม้และรับจัดสวนมีเพียงร้านเดียว

       

      ร้านของผม...

       

       

       

       

      ควอน ยูริคนนี้














       

       

       

      [ต่อตรงนี้]

      ...

      ..

       

      เช้าวันหนึ่งในฤดูที่ร้อนอบอ้าวของเมืองเล็กๆทางใต้ของ California

       

       

       

      K. Florist and Garden

       

      ยูริที่สวมเสื้อกล้ามสีขาวพอดีตัวก้มเงยย้ายต้นไม้ในกระถาง ชายหนุ่มปาดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมา เสื้อนั้นเปียกชุ่มแนบเนื้อจนเห็นกล้ามเนื้อสีแทนที่แน่นสมบูรณ์ ยูริรู้ว่าหลายครั้งตนนั้นถูกหญิงสาวแถวๆนี้หรือแม้กระทั่งสาวแก่แม่บ้านนำไปพูดถึงบ่อยๆเรื่องรูปร่าง ซึ่งทิฟฟานี่นำมาเล่าให้ฟังอย่างภูมิใจ ปนอวดอ้าง ว่าคนที่พวกหล่อนเอ่ยถึงนั้นเป็นคนรักของตัวเอง ซึ่งยูริก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังเอ่ยบอกรักให้หญิงสาวชื่นใจ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

       

       

       

      เขาอยากเป็นของเจสสิก้ามากกว่า...

       

       

       

       

       

      กริ๊ง

       

       

       

      Hello อ๊ะ” ยูริเงยหน้าขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ทักทายภาษาสากลก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

      “คุณนั่นเอง” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะยิ้มหวานออกมา ภาษาเกาหลีถูกพูดออกมาอย่างคล่องแคล่ว

      “อ่า ครับ มีอะไรให้รับใช้ครับมาดามปาร์ค” ยูริถาม หญิงสาวหัวเราะคิกเสียงหวานใส ในวันนี้เจสสิก้ามาในชุดเดรสสั้นเลยเข่าบางเบา ส่วนท่อนบน คอเสื้อกว้างเว้าลงมาจนเปิดเผยเนินหน้าอกขาวแบบพอดี แต่ชวนมองแทบไม่อยากละสายตา ชายหนุ่มมองผ่านๆพลางกลืนน้ำลาย เธอดูอ่อนเยาว์แต่ยั่วยวน...

       

      “เรียกเจสสิก้าเถอะค่ะ” ชายหนุ่มลอบยิ้มกับความสนิทสนมที่อีกคนหยิบยื่นให้   อา... เจสสิก้า

      “ฉันกำลังอยากจะทำสวนใหม่ค่ะ แล้วที่นี่ก็เป็นร้านเดียวในละแวกนี้ รับจัดสวนด้วยใช่ไหมคะ”
      “ครับเราทำ”

      “คิดราคาอย่างไรคะ”

      “เราคิด 30$ ต่อตารางเมตรครับ ส่วนอุปกรณ์ ค่าขนส่งเราคิดแยก”

      “ถือว่าไม่แพงเลย ตกลงค่ะ ฉันขอจ้างคุณ”

      “นั่งก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมน้ำให้ จะได้คุยกันเรื่องแบบ” ชายหนุ่มถาม หญิงสาวมองก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้า

      “วันนี้ฉันไม่ว่างแล้วค่ะ ต้องไปธุระต่อ คุณสะดวกวันไหนคะ”

      “ผมแล้วแต่ลูกค้าครับ”

      “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ฉันจะโทรแจ้งเวลานะคะ ไปดูที่แล้วเรามาประเมินราคากัน”

      “อ่า ครับ”
      “ไม่ทราบว่ามีนามบัตรไหมคะ”

      “อ่าๆ ขอโทษครับ นี่นามบัตร” ยูริรีบคว้าเจ้ากระดาษแผ่นเล็กขึ้นมายื่นให้ เจสสิก้ารับก่อนจะยิ้มหวาน

       

       

      “แล้วฉันจะโทรหานะคะ คุณร้านดอกไม้”  

       

       

       

      เธอจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอม และอาการปวดหนึบตรงส่วนนั้นของชายหนุ่ม

       

       

       

      ให้ตาย เจสสิก้าคุณนี่มัน...

       

       

       

       

       

       

       

       

      I’m so used to being used
      ผมเคยชินกับการถูกหลอกใช้
      So I love when you call unexpected
      ดังนั้น ผมจึงรู้สึกชอบมากเวลาที่คุณโทรหาผมโดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน
      Cause I hate when the moment’s expected
      แต่ผมเกลียดช่วงเวลาที่ต้องรอคอยความหวัง

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ตอนเย็น

       

       

      ผมนั่งนิ่งอยู่ในเคาเตอร์ร้านใกล้ๆมีโทรศัพท์วางอยู่ ผมกำลังรอให้เจสสิก้าโทรหา

      ให้ตาย...

       

      ผมเกลียดช่วงเวลานี้ชะมัด ผมแทบไม่ได้ทำอะไร เพราะกลัวว่าถ้าออกห่างจากโทรศัพท์ไป แล้วเมื่อเจสสิก้าโทรมา เราจะคลาดกัน ถึงจะพูดอย่างนั้น ผมก็ยังรอ

       

       

       

       

       

      กริ๊ง

       

      Hello อ้าว ฟานี่” ยูริละสายตาจากโทรศัพท์ เงยหน้าอย่างหงุดหงิด เขายังไม่อยากจะลุกไปไหน เป็นครั้งแรกที่ตั้งแต่เปิดร้านมาที่ยูริไม่อยากให้มีลูกค้าโผล่มา แล้วยิ่งเห็นว่าคนที่มาเป็นใคร เขาก็ห่อเหี่ยวแล้ว

       

       

      “ยูลลล วันนี้จริงหรือเปล่า” ทิฟฟานี่วิ่งเข้ามากอดแขนชายหนุ่มดึงรั้งไปนั่งที่ม้านั่ง ยูริมองไปที่โทรศัพท์อย่างโหยหา แต่อีกคนก็แฟน เขาจะละเลยเธอไม่ได้

      “อะไรเหรอ?”

      “ผู้หญิงคนนั้น เจสสิก้าคนนั้นมาที่นี่จริงๆเหรอ”

      “อื้อ เขาจะทำสวนใหม่น่ะ เลยมาที่ร้านทำไมเหรอ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะลุกขึ้นไปคว้ากล่องเครื่องมือเดินกลับที่เคาเตอร์อีกครั้ง

      “แล้วยูลตกลงไหม” ทิฟฟานี่ลุกขึ้นเดินตาม
      “แน่นอนสิ งานดีขนาดนี้ทำไมจะไม่ทำล่ะ”

      “ไม่ได้นะ ฟานี่ไม่ให้ทำนะ ปฏิเสธงานไปซะ” หญิงสาวเอ่ย ยูริหยุดมือที่กำลังทำความสะอาดเครื่องมือลง

      “มีเหตุผลหน่อยฟานี่ คิดดูสิ สวนที่บ้านเขากว้างแค่ไหน เงินก็ต้องเยอะมาก ผมไม่โง่ที่จะปฏิเสธหรอก”

      “ไม่ยอม ฟานี่ไม่ยอมนะ ห้ามทำนะ”

      “อย่างี่เง่าฟานี่ แยกแยะบ้างสิ”

      “หึ อยากไปมากเลยสิ ก็ยัยนั่นมันสวยมากเลยนี่ หลงเสน่ห์มันแล้วสินะ นังแม่มดนั่น”

       

      “หยุด...ว่าคนอื่นซะที ผมไปทำงาน คุณอย่ามาดูถูกผมนะ” ยูริเอ่ยอย่างโกรธๆ

      “ย ยูล ฟานี่ขอโทษ” ทิฟฟานี่หน้าเสีย

      “กลับไปซะ เอาไว้ใจเย็นลงกว่านี้เราค่อยมาเจอกัน”

      “ย ยูล”

      “เดี๋ยวนี้ ฟานี่”
      “ข เข้าใจแล้ว ฟานี่ขอโทษ”

       

       

       

      ทิฟฟานี่กลับไปแล้ว ผมไม่ได้โกรธที่เธอดูถูกผม เพราะมันเป็นเรื่องจริง ผมหลงเสน่ห์เจสสิก้าไปแล้ว แต่ที่ผมโกรธคือ เธอว่าเจสสิก้าต่างหากล่ะ

       

       

       

      เธอควรค่ากับคำชื่นชม ไม่ใช่คำร้ายกาจแบบนั้น

       

       

       

      Cause girl you’re perfect
      เพราะคุณคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ
      You’re always worth it
      คุณมีความหมายมากพอและเป็นเช่นนั้นเสมอมา
      And you deserve it
      และคุณก็คู่ควรที่จะได้รับคำยกย่องเช่นนั้น
      The way you work it
      ในรูปแบบที่คุณทำ
      Cause girl you earned it
      คุณถึงสมควรที่จะได้รับมัน
      Girl you earned it
      คุณสมควรได้รับมันจริง ๆ

       

       

       

      ผมถอนหายใจเมื่อทิฟฟานี่กลับไป ก่อนจะดึงโทรศัพท์มาใกล้ๆ แต่เธอก็ยังไม่โทรมา จนถึงเวลาปิดร้าน ผมต้องกลับบ้านที่อยู่ด้านหลัง ต้องตัดใจ เจสสิก้าคงโทรมาพรุ่งนี้ คิดอย่างนั้นก็ปิดร้านเก็บของเดินออกไปทางด้านหลัง แต่จู่ๆ มือถือของผมก็ดัง มันเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย

       

       

      Hello...” ผมกรอกเสียงลงไปอย่างเหนื่อยหน่าย

      “คุณร้านดอกไม้ใช่ไหมคะ” สุ้มเสียงหวานมีแววเกรงใจดังขึ้น เสียงที่ผมจำได้ดี

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

      ช่วงสายวันต่อมา

       

      ผมขับรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่มาจอดที่หน้าประตูทางเข้าของคฤหาสน์ปาร์ค

       

       

      สามีของเจสสิก้าคือเจ้าพ่อมาเฟียที่มีคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในเวกัส แม้ว่าปาร์คยูชอนจะบอกว่าตัวเองล้างมือมานานแล้ว แต่ชื่อของเขาก็ยิ่งใหญ่มาก ไม่มีใครกล้าที่จะแหยมกับเขา เพราะเสือไม่เคยทิ้งลาย หรือถอดเขี้ยวเล็บ เขามีอำนาจ มีเงิน มีทุกอย่างที่อยากได้ รวมทั้งได้ครอบครองผู้หญิงที่สมบูรณ์พร้อมอย่างเจสสิก้า แต่ก็เพราะวัยที่ต่างกันมาก หลังจากแต่งงานกันได้ 3 เดือน ปาร์คยูชอนก็ตายในวัย 78 ปี ทิ้งมรดกนับหมื่นล้านดอลล่าร์กับธุรกิจคาสิโนที่มีมูลค่าวันละหลายร้อยล้านให้ภรรยาม่ายอายุ 23 ปี เพราะอายุยังน้อย ร่ำรวยมหาศาลและรูปลักษณ์ที่งดงาม ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มใน California

       

      บอดี้การ์ดชายร่างใหญ่ยักษ์เดินเข้ามา ผมยังไม่ทันที่จะได้บอก เขาก็ถามว่าใช่ร้านดอกไม้ไหม ผมพยักหน้าเขาก็โทรศัพท์ทันที

       

       

      รอได้ไม่นานประตูของคฤหาสน์ก็เปิดออก ผมค่อยๆเหยียบคันเร่ง เพราะพื้นที่กว้างใหญ่ ผมมองไปรอบๆ ก็เห็นบริเวณที่คิดว่าน่าจะเป็นส่วนที่เจสสิก้าอยากจะทำ ดูความกว้างของมันผมก็ยิ้มอย่างอดไม่ไหว ไม่ใช่เพราะจะได้ค่าตอบแทนเยอะ ผมเลิกสนเรื่องนั้นไปแล้ว แต่เป็นระยะเวลาต่างหาก ยิ่งกว้างผมก็ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอนานมากขึ้น

       

       

       

       

       

       

      ผมจอดรถตรงลานด้านหน้า ก่อนจะมีเมดเดินมาหาผม

      “คุณยูริใช่ไหมคะ มาดามให้คุณไปรอที่เรือนกระจกค่ะ” เธอเอ่ยแบบนั้นแล้วเดินนำผมไปทางด้านหลังของบ้าน สู่เรือนกระจกหลังใหญ่

       

       

       

      ตรงกลางเรือนกระจกเป็นบ่อน้ำร้อนหินอ่อน ไอควันสีขาวลอยเอื่อยๆ ไม่ไกลจากตรงนั้น ยูริพบกับโต๊ะเล็กๆ พร้อมชุดชา เมดสาวผายมือให้ชายหนุ่มนั่ง ก่อนจะรินชาให้

       

       

       

      “อีกสักครู่มาดามจะมาพบคุณค่ะ” พูดจบเธอก็เดินออกไป ทิ้งผมไว้กับความเลิศหรูของสถาปัตยกรรมที่ไม่เข้ากับชุดทำงานที่เปื้อนดินและปุ๋ยของผมเลย

       

       

       

       

       

       

      “ต้องขอโทษที่เอาแต่ใจนะคะ” กำลังจิบชาพลางมองบรรยากาศโดยรอบ ผมก็ต้องสำลักเมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากด้านตรงข้าม เจสสิก้าในชุดลำลองเสื้อเชิร์ตสีชมพูอ่อน กับกางเกงสีขาวขาสั้นเลยเข่า

      “ม ไม่เป็นไรครับ”

      “ฉันพึ่งเล่นเทนนิสเสร็จ ยังไงขอนั่งพักก่อนนะคะ”

      “ครับ” ผมรับคำพลางลอบมองการเช็ดเหงื่อของเธอ ยั่วยวน ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจไหม หรือยังไง แต่ผมก็ต้องยอมแพ้กับเสน่ห์ของเธอ

       

       

      ให้ตาย ผมกำลังจะหน้ามืด คว้าผู้หญิงตรงหน้ามากอดแรงๆสักที

       

       

       

       

       

       

       

      หลังจากเจสสิก้านั่งพักจนหายเหนื่อย เธอก็พาผมไปดูส่วนที่จะทำ ผมลองกะดูคร่าวๆ มันกินเวลาไปประมาณ 2 อาทิตย์ เพราะผมไม่มีลูกจ้าง ร้านของผมไม่มีกำลังมากขนาดนั้น

       

       

       

      แต่...

       

       

      เธอก็เข้าใจ และบอกว่ายินดีที่จะให้คนงานในบ้านมาช่วย

      แน่นอน ผมปฏิเสธ อ้างนั่นนี่เพื่อโน้มน้าวเธอ ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้

       

       

       

       

      ถ้าให้คนงานมาช่วยมันจะเสร็จเร็ว ผมไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นหรอก ไม่มีทาง

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

      เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียว งานที่ผมภาวนาไม่ให้มันเสร็จเร็วก็จะสิ้นสุดลง ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากไป ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของผมกับเจสสิก้าดูมีหวังยังไงไม่รู้

       

       

      ทุกๆ 10 นาฬิกา เธอจะเดินสวมหมวกปีกกว้าง พร้อมตะกร้าใส่ของว่างและชุดน้ำชามาหาผมที่นั่งพักหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

      ทั้งที่ความจริงเธอไม่ต้องทำมันก็ได้

       

       

      เราคุยกันถูกคอ หลังจากอาทิตย์แรก จากตอนแรกผมรักษาระยะห่างจากเธอ แต่เพียงแค่สองวันผมก็สลัดทุกอย่างทิ้งไป

      เมื่อมีโอกาสก็ต้องคว้าไว้

       

      ผมมีความสุขที่ได้ไปทำงาน และไม่อยากจะกลับมาที่ร้านหรือบ้าน ที่มีทิฟฟานี่รออยู่ด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดและจับผิด

       

       

      ผมกับทิฟฟานี่เราทะเลาะกันอย่างรุนแรงเมื่อผมไม่มีเวลาว่างให้เธอ หลังจากที่ผมเริ่มทำงานได้ 6 วัน

      “คุณเอาแต่ไปขลุกอยู่ที่นั่น ทำไมกัน มันมีอะไรดี”

      “ผมต้องทำงาน คุณไม่เข้าใจรึไง”
      “ฉันเข้าใจ แต่ทำไมคุณต้องทำคนเดียว”

      “คุณก็เห็น ร้านผมไม่มีลูกจ้าง”

      “จ้างยุนอา เหมือนตอนที่คุณรับงานของคุณนายมอร์แกนสิ”

      “ผมไม่มีกำลังจะจ้าง”

      “โกหก คุณไม่อยากจ้างซะมากกว่า”

      “ผมไม่ได้โกหก ร้านผมไม่มีเงิน งานของเจสสิก้าคือการต่อชีวิต” มันคือความจริงบัญชีของร้านมันแดงมาได้ 3 เดือนแล้ว

      “แล้วทำไมคุณไม่บอกฉัน คุณต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันมีให้ แค่คุณเอ่ยปาก”

      “ไม่มีทาง ผมไม่มีทางรับเงินของคุณหรอก”

      “คุณจะมาห่วงศักดิ์ศรีอะไรตอนนี้ ฉันเป็นแฟนคุณ ฉันต้องช่วยคุณสิ”

      “ฟังชัดๆนะ ผมไม่รับเงินของแฟนหรอก”

      “ฉันไม่เข้าใจคุณเลย ร้านของคุณกำลังจะเจ๊ง คุณก็มัวแต่ห่วงศักดิ์ศรี ฉันบอกแล้วเรื่องร้านดอกไม้น่ะ มันไปไม่รอดหรอก ให้คุณมาทำงานกับคุณพ่อของฉันหมดเรื่อง คุณจบทนายมาด้วยเกียรตินิยมจากฮาร์วาร์ดนะ”

      “แล้วยังไง?”

      “แล้วยังไง คุณคิดแค่นี้เหรอ ถ้าคุณยังย่ำอยู่แบบนี้ คุณพ่อของฉันท่านจะว่ายังไง”
      “แล้วพ่อของคุณมาเกี่ยวอะไร”

      “เกี่ยวสิ ที่ท่านยอมให้ฉันคบกับคุณก็เพราะว่าคุณจบด้วยเกียรตินิยมจากฮาร์วาร์ด คุณไม่รู้หรอกว่าทุกวันนี้ฉันเจอกับคำเหน็บแนมจากบรรดาญาติๆของฉันยังไงบ้าง พวกเขาเอาแต่ถามว่า กิจการของคุณเป็นยังไงบ้าง พ่อของฉันท่านเสียหน้ามากนะ ท่านกำลังเปรยๆว่าจะหาคนมาให้ฉันรู้จักด้วย”

      “ก็เอาสิ ผมคงไม่เลิกทำร้านนี่หรอก ถ้าคุณขี้เกียจจะรอก็ไปได้นะ ผมไม่โกรธหรอก” ทิฟฟานี่หันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างตกใจ

      “ยูล คุณพูดแบบนี้มาได้ยังไงกัน”

      “ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าที่คุณคบกับผมเพราะตัวผม หรือว่าเพราะไอ้วุฒิการศึกษาบ้าบอนั่น”

      “คุณกำลังดูถูกฉัน”

      “คุณดูถูกผมก่อน ทิฟฟานี่”

      “ดี! เยี่ยม! ขอให้เจริญนะ กับร้านเฮงซวยนี่”

       

       

      เธอเดินปึงปังออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้รับรู้ว่าเธอไปออกเดทกับคนที่พ่อของเธอหามาให้ เป็นหมอหนุ่มอนาคตไกล ที่โด่งดังในสังคมเชื้อสายเกาหลีของที่นี่ คิมแทยอน

       

       

       

      เหมือนว่าก้อนหินที่ทับหน้าอกของผม ที่ขวางการหายใจถูกยกออก

      ผมโล่งใจ และมั่นใจที่จะเดินหน้าเข้าพุ่งชนเป้าหมายในป้อมปราการเหล็กอย่างเจสสิก้าแล้ว

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

      วันนี้ผมจะเริ่มลงดอกไม้ หลังจากเตรียมดิน ปุ๋ย และทำแปลงเสร็จ ซึ่งความจริงมันควรจะเสร็จตั้งแต่ 3 วันแรกสำหรับที่กว้างๆแบบนี้ แต่เจสสิก้าเธออยากจะเปลี่ยน ซึ่งเปลี่ยนเรื่อยๆตามใจของเธอ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงเหวี่ยงไปแล้ว แต่นี่คือเธอที่ผมหลงใหล จะบอกให้กลบดินปลูกหญ้าใส่กลับเหมือนเดิมผมก็ไม่โกรธ

       

       

       

      เรือนร่างบอบบางยั่วยวนเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าผมที่ตอนนี้เปลือยท่อนบน เพราะอากาศร้อน เธอยิ้มหวานให้ ผมยิ้มกลับและทำเมินไม่สนใจก้มลงไปสนใจพวกดอกไม้ในมือแทน ทั้งที่ความจริงใจผมมันสั่นจนแทบจะระเบิด

       

      “ฉันได้ยินเรื่องของคุณมา” เธอเปรยออกมา แน่นอนชานเมืองเล็กๆแบบนี้ ข่าวลือมักแพร่ไปได้เร็วเสมอ

      “อ่อ งั้นเหรอ”

      “คุณไม่เป็นไรนะคะ” น้ำเสียงหวานเจือด้วยความห่วงใย

      “ครับ ผมไม่เป็นไร ความจริงเราก็มีปัญหามาได้สักพักแล้ว” ผมยืดตัวขึ้น ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเมื่อกี้เธอมองหุ่นผม แล้วหน้าแดง

      “เพราะฉันหรือเปล่าคะ”

      “ทำไมคุณคิดแบบนั้น”

      “ฉันรู้นะคะ ว่าข้างนอกเขาว่ายังไงเกี่ยวกับฉัน”

      “ไม่เลย ไม่ใช่เพราะคุณ” ผมตอบ แต่เหมือนเจสสิก้าจะไม่ชอบใจ ดวงตาหวานที่มักจะส่งมาอย่างซุกซนวันนี้มันกลับเฉยชา

       

       

      “คุณก็ไม่ต่างจากคนข้างนอก ไม่ต่างจากผู้ชายพวกนั้น ยูริ”

       

       

       

       

      เจสสิก้าเดินจากไป พร้อมๆกับความรู้สึกโหวงในท้องของผม

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

      สองวันแล้วที่เจสสิก้ามึนตึงใส่ผม แต่เธอก็ไม่ได้ละเลย พอ 10 โมงเช้าเธอจะสวมหมวกใบเดิม ถือตะกร้าใบเดิมเดินมาหาผม แต่คราวนี้เธอไม่ได้พูดอะไร นั่งรอให้ผมกินเสร็จ เก็บของแล้วเดินจากไป ผมไม่ชอบเลย

       

       

      ผมเหลือโอกาสที่จะปรับความเข้าใจกับเธอแค่อาทิตย์เดียว

      ผมรู้สึกได้ ถ้าผมพลาดครั้งนี้ไป มันจะไม่มีอีกในคราวหน้า

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ช่วงเย็น

       

       

      ยูริกำลังยืนรีรออยู่ที่หน้าห้องทำงานของหญิงสาว ชายหนุ่มอ้างกับเมดในบ้านว่าจะเข้ามาคุยเรื่องเงินตอบแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมให้ผ่านไปง่ายๆ แถมยังเดินนำมาที่ห้องนี้ด้วยตัวเอง

       

       

       

       

       

      ก๊อก ก๊อก

       

       

      หลังจากเรียกกำลังใจตัวเองอยู่นาน ชายหนุ่มก็เคาะประตูห้อง

       

       

      “เชิญค่ะ”

       

       

      ผมเปิดประตูเข้าไป ความเย็นของแอร์คอนดิชั่นพุ่งเข้าปะทะตัวจนรู้สึกหนาว

       

      เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ข้างหลังของเธอคือรูปขนาดใหญ่ของปาร์คยูชอน ผมรู้สึกเหมือนโดนตรึงด้วยสายตาที่แข็งกร้าวคู่นั้น

       

       

      “มีอะไรรึเปล่าคะ คุณยูริ” ผมหลุดจากภวังค์ รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่แผ่ออกมา

      “ผมมีเรื่องจะถามคุณครับ”

      “ถาม?”

      “ครับ”

      “อะไรคะ” เธอวางปากกาในมือลง ประสานสองมือเข้าหากันแล้วเอาคางวางลง มันดูยั่วยวนจริงๆ

       

       

      “คุณไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า?”

      “เปล่านี่คะ ฉันไม่ได้ไม่พอใจอะไรคุณ”

      “แต่คุณแปลกไป”

       

       

       

       

      ครืด

       

       

       

      “แล้วคุณคิดว่าฉันเป็นแบบนั้นเพราะอะไรคะ” เจสสิก้าลุกจากเก้าอี้เดินมาตรงหน้าหย่อนสะโพกลงพิงกับขอบโต๊ะ ให้ตายมันดูยั่วยวนชะมัด ผมกลืนน้ำลาย

      “ผมไม่รู้ครับ” ชั่วขณะนั้นผมเห็นแววขบขันในดวงตาเธอ

       

       

      กึก

       

      กึก

       

      กึก

       

       

      เสียงส้นสูงดังก้อง เจสสิก้าเดินเข้ามาหาผมที่ยืนนิ่งอยู่

       

       

       

      “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะบอกคุณก็ได้ค่ะ ว่าฉันไม่พอใจอะไร” เธอผลักผมให้ลงไปนั่งที่โซฟาด้านหลัง แล้วขึ้นคร่อมนั่งทับตักของผม

       

      โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ สองมืออ่อนนุ่มของเธอสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดสีขาว ชุ่มไปด้วยเหงื่อของผม เธอลูบไล้หน้าท้อง ก่อนจะไต่ขึ้นมาที่หน้าอกของผม แล้วประกบปากเข้ากับส่วนเดียวกันของผม

       

       

      เธอจูบผม ขบเม้มริมฝีปากของผมอย่างร้อนแรง ผมก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ไม่ประสา ไม่นานผมก็ตอบสนองเธอ เราแลกลิ้นกันอย่างร้อนแรง เมื่อเธอผละออกพร้อมๆกับหัวใจของผมที่ติดปลายลิ้นของเธอออกไป

       

       

      ผมกลายเป็นทาสรักของเธออย่างสมบูรณ์ 



      [ต่อครั้งสุดท้าย]

       

      ...

      ..

       

       

      วันต่อมา

       

       

       

      ผมเดินเหม่อ ออกมาหยิบหนังสือพิมพ์ที่หน้าบ้าน จนลืมสังเกตุว่าตัวเองใส่บ็อกเซอร์แค่ตัวเดียว   แล้วยังลืมไปอีกว่าวันนี้ผมตั้งให้สปริงเกอร์ทำงาน ยังไม่ทันได้ขยับไปไหน สายน้ำรอบทิศก็พุ่งขึ้น มันหมุนมาปะทะผมเต็มแรง จนหนังสือพิมพ์เปียกไปหมด

       

       

      “บ้าเอ้ย” ผมสบถ พลางสะบัดหน้าไปมา

       

       

      คิก คิก

       

       

      เสียงหัวเราะดังขึ้น ผมหยีตามองเพราะยังแสบตาจากน้ำ ก็พบเจสสิก้าพิงสะโพกกับรถคันสวยของเธอ

       

       

      อา... เจสสิก้า

       

       

      ห๊ะ เจสสิก้า

       

       

       

       

      เรือนร่างของเธอ ในชุดที่แสนเซ็กซี่นั่น ผมรีบเอามือตะครุบเป้ากางเกงหลังจากรู้ว่าอยู่ในสภาพที่เข้าขั้นอนาจาร 

      มาเกิดอารมณ์บ้าอะไรตอนนี้วะ

      “เล่นน้ำเหรอคะ?” เธอถามรอยยิ้มพราวเต็มใบหน้า

      “ป เปล่า ผมแค่ลืมว่าตั้งเวลาเอาไว้”

      “งั้นเหรอคะ” เธอยิ้ม ริมฝีปากสีแดงนั่น ผมอยากจะจูบให้ลิปสติกบ้าๆนั่นเลือนออก แล้วจูบแรงๆจนปากของเธอแดงด้วยตัวผมเองจริงๆ ให้ตาย

       

       

       

       

       

      “มาแต่เช้ามีอะไรเหรอครับ” ผมถามเมื่อเดินไปปิดสปริงเกอร์แล้ว เพราะเราไม่ได้เจอกันมา 3 วันแล้ว

       

      อ่า จริงสิ

      ผมทำสวนให้เธอเสร็จแล้ว ด้วยความไม่เต็มใจ แต่ยังไงล่ะ ผมก็ต้องเดินหน้าต่อแม้ว่ายังเสียดายอยู่ก็ตาม

       

       

       

      “ต้องมีธุระด้วยเหรอคะ” เธอยู่คิ้ว น่ารักชะมัด

      “ก็ไม่..”

      “ฉันคิดถึงคุณค่ะ” เธอเอ่ยออกมา ก่อนจะหันหน้าไปเพื่อซ่อนความเขินอาย

      “ผมก็เหมือนกัน”

       

       

       

      ผมเดินจูงมือเจสสิก้าเข้ามาในบ้านก่อนจะบอกว่า จะเอาชามาให้ ปล่อยให้เธอเดินสำรวจบ้านของผม

       

       

       

      บ้านของผมหลังไม่ใหญ่มาก ห้องครัวกับห้องนั่งเล่นเปิดโล่งมองทะลุได้ แม้จะอายอยู่หน่อยๆ ที่อยู่ในสภาพที่ไม่ดีเท่าไหร่ (บ็อกเซอร์เปียกโชกแนบเนื้อ) แต่ผมก็อยากจะเทคแคร์กับแขกก่อนแล้วค่อยไปเปลี่ยนชุด

       

       

       

       

      “ชาครับ” ผมเดินไปวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ยืนมองเจสสิก้าที่กำลังสนใจไม้กระถางเล็กๆริมหน้าต่าง

      “ขอบคุณค่ะ” เธอหันมาแล้วส่งยิ้มให้

       

       

      “ถ้าอย่างนั้น ผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”

      “ตามสบายค่ะ”

       

       

       

       

       

      ใช้เวลาไม่นานผมก็แต่งตัวเสร็จ

      คงไม่มีใครอยากให้ผู้หญิงที่ตัวเองชอบรอนานหรอกใช่ไหม

       

       

       

       

      ฟุบ!

       

       

      ผมนั่งลงข้างๆเธอ เจสสิก้ากำลังจิบชาอยู่ ใบหน้าสวยยิ้มหวานออกมา

      “ชอบเหรอ”

      “ค่ะ ชาคุณอร่อย”

      “ดีจังที่คุณชอบ” ผมยิ้มออกมา ก็เพราะผมไม่ดื่มกาแฟ เวลากินแล้วจะคลื่นไส้ แล้วก็อ้วก ปวดหัวมาก ทางเลือกก็เหลือชานี่แหละ แต่ทิฟฟานี่ไม่ชอบ เธอบอกว่าเหมือนกินน้ำเปล่า

       

       

      ไลฟ์สไตล์เราไม่เคยเข้ากัน...

       

       

       

       

       

      ผมขยับตัวยุกยิกเหมือนอยากจะทำอะไรบางอย่างจนเจสสิก้าสังเกตเห็น เธอหัวเราะเบาๆ แล้ววางแก้วชาลง ผมยิ้มแล้วค่อยๆโน้มใบหน้าไปหาเธอ แตะปากลงไปที่ปากแดงนั้น ทั้งบดขยี้และขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ เสียงครางของเธอดังอื้ออึงในลำคอ ยิ่งทำให้ผมคึกคะนอง เธอผลักผมออก ดันผมนอนลง ขยับมาขึ้นคร่อมหน้าท้องของผม แล้วค่อยๆขยับตัวเสียดสีอย่างเนิบช้า ผมเอื้อมมือไปทางด้านหลังเพื่อที่จะรูดซิป

       

       

      เรือนร่างสวยกำลังจะเผยออกมา

      แค่คิดก็...

       

       

      “คิก ใจร้อนจังนะคะ” เธอเอ่ยเมื่อสะโพกรู้สึกได้ว่ามีอะไรมาดุนดันอยู่

      “ผมเป็นแบบนี้กับคุณเท่านั้น”

      “ปากหวาน”

      “คุณคงไม่รู้ ผมพูดจริงๆ ทุกครั้งที่คิดถึงคุณ มันก็เป็นแบบนี้” ผมจับมือเธอไปแตะกับสิ่งนั้น เธอยิ้มอย่างพึงพอใจ

       

       

      “พูดแบบนี้ฉันพอใจมากเลยนะคะ”

      “ผมยินดีที่คุณพอใจ”

       

       

      คงเพราะคำพูดของผมถูกใจเธอ

      เจสสิก้าถึงได้โน้มตัวลงมาจูบผม

       

       

       

      บทรักของเรากำลังจะเริ่มอีกครั้ง

       

       

       

       

      อีกครั้ง?

       

       

      แน่นอน นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

       

       

       

       

      ครั้งแรกของเราคือ ในวันนั้นที่เธอจูบผม

       

       

       

       

       

      วันนั้น

       

       

      หลังจากที่เธอทำให้ผมกลายเป็นทาสรักของเธออย่างสมบูรณ์

       

       

      เราก็จูบกันอีกครั้ง ผมลุกขึ้นยืน โอบเอวของเธอให้เดิน ค่อยๆประคองให้นอนลงบนพรมหน้าเตาผิง เรือนร่างของเธอนั้นสวยงาม ผิวนวลเนียนนิ่มมือ ผมแกะกระดุมเสื้อเชิร์ทของเธอออกอย่างตื่นเต้น เหมือนเด็กที่กำลังแกะของขวัญวันคริสมาสต์

       

       

      เนินอกสวย อวบอิ่มในบราเซียสีดำสนิท ผมก้มลงไปซุกส่วนนั้น ก่อนจะเริ่มเล้าโลมเธอ สูดหอมไปทั่วทั้งเนินอก ก่อนจะอ้าปากดูดดึงเบาๆ เจสสิก้าตัวสั่นจนผิดสังเกต

       

       

      “ทำต่อสิ” เธอเอ่ยเมื่อผมหยุด

      “คุณตัวสั่น”

      “ฉันแค่ตื่นเต้น.. อ๊ะ” เธอหลับตาเมื่อผมเลื่อนตัวลงไปข้างล่าง ลมหายใจปะทะเข้ากับกึ่งกลางลำตัวของเธอ

      “อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่เคย” ผมถามออกไป ใจสั่นรัวรอคำตอบ

      “ค่ะ ฉันยังไม่เคย” และเมื่อเธอตอบ ผมก็เปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนแทน ผมค่อยๆจูบเธอเบาๆ เนิบช้า สอดลิ้นเข้าไปหาความหวาน ส่วนมือก็ค่อยๆ ลูบไล้เพื่อปลุกเร้าอารมณ์อีกครั้ง ผมจะทำให้เธอประทับใจ

       

       

      I will love you tender

       

       

       

      เราเมคเลิฟกันในห้องนั้น บนพรมหน้าเตาผิง ใกล้กับรูปของปาร์คยูชอน เจ้าพ่อที่ยิ่งใหญ่ใน California และ Vegas มันทำให้ผมสะใจ ที่ได้หยามเจ้าพ่อ ผมกำลังครอบครองในสิ่งที่เขายังไม่เคยได้สัมผัส

       

       

      เสียงครางหวานดังก้องยิ่งทำให้ฮึกเหิม

      สองมือที่ปะป่าย ขีดข่วนบนแผ่นหลังของผม จากอารมณ์ที่พุ่งสูง

      เธอหอมหวานไปทั้งตัว

       

      เจสสิก้าของผม...

       

       

       

       

       

      เธอเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังในระหว่างที่เรายังเชื่อมต่อกัน เรือนร่างของเธอหอมกรุ่น นิ่ม นวลเนียน ไม่ว่าจะสัมผัสตรงไหน ส่วนไหนก็ทำให้ผมแทบคลั่ง

       

       

      ให้ตาย... ผมจะตายเพราะเธอ

       

       

       

      ...บอกผมว่าเธอเจอกับยูชอนยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่

      มันทำให้ผมโกรธ ผมไม่ได้อยากจะรับรู้เรื่องของเธอกับเขา

       

       

      ในตอนนี้มีแค่เราไม่ใช่เหรอ?

      ถ้ามันจะเป็นแค่คืนเดียวที่มี ผมอยากให้มันมีแค่เราสองคนเท่านั้น

       

       

      ผมโหมแรงใส่ เพื่อให้เธอหยุดพูดถึงมัน

      ในตอนนี้เธอเป็นของผม เป็นเจสสิก้าของผมเพียงคนเดียว

       

       

       

      ผมพาเธอไปแตะสวรรค์นับครั้งไม่ถ้วน จนค่อนคืนเธอผล็อยหลับไป ผมอุ้มเธอไปที่โซฟาวางเธอลงบนตัวผมแล้วเอนตัวลงนอน

       

      โอบกอดเธอทั้งคืนด้วยความรัก

      ผมรักเจสสิก้า

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      กลับมาปัจจุบัน

       

       

       

      พระเจ้า...

       

      ในตอนนี้ผู้หญิงที่ชายหนุ่มทุกคนหลงใหลกำลังขยับอย่างร้อนแรงบนตัวผม มันเหมือนฝันเลย เป็นฝันที่ดี จนผมไม่อยากจะตื่น

      “เจสสิก้า” ผมเรียกเธอ

      “คะ” เธอหยุดขยับตัว เอียงใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมา เธอจูบผมเบาๆ

      “ผมรักคุณ” ผมกระซิบ

      “.........................” เธอเงียบและก็หยุดทุกอย่างลง

      “ทำไม” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

      “มันไม่ใช่ความรักหรอกค่ะ เราก็แค่เหงา” เธอเอ่ย ลุกขึ้นจากตัวผม แต่งตัว

       

       

       

       

      On that lonely night
      ในคืนเหงาคืนนั้น
      You said it wouldn’t be love
      คุณพูดว่ามันไม่ใช่ความรัก
      But we felt the rush
      แต่เราต่างก็รู้สึกได้ว่ามันกะทันหันเหลือเกิน
      It made us believe it there was only us
      ซึ่งในอดีตพวกเราเคยเชื่อว่า ที่แห่งนี้มีเราเพียงสองคน….
      Convinced we were broken inside, inside
      ที่ย้ำชัดว่าได้ถูกทำให้ใจสลายมาจากภายในหัวใจ

       

       

       

       

       

       

       

       

      เจสสิก้ากลับไปแล้ว

      พร้อมๆกับหัวใจของผมถูกกระชากจนขาดวิ่น ไม่เหลือซาก

       

       

       

       

       

       

      มันจบลงแล้ว

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

      ..

       

       

      3 เดือนต่อมา

       

       

       

      ผมเปิดประตูบ้าน ถอดรองเท้า โยนถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตไปที่โซฟา ถอดเสื้อผ้าเหลือแต่บ็อกเซอร์ เอนตัวลงดูทีวี ตั้งแต่วันนั้นผมไม่ได้ไปทำงาน ไม่เปิดร้าน ไม่คุยหรือเจอกับใคร

       

       

      ผมอกหัก ทั้งๆที่บอกตัวเองแล้วว่าอย่าหวังเยอะ

      แต่พอทุกอย่างมันเกิดขึ้นผมกลับรับมันไม่ได้

       

       

      งี่เง่า ควอน ยูริ แกมันโคตรงี่เง่า

       

       

       

       

      ยกมือลูบหน้าก่อนจะพบว่าผมไม่ได้โกนหนวดเลย

      ให้ตายสิ

       

       

       

      แต่ก็ไม่ได้ลุกไปไหน คว้าถุงที่โยนมาเอาเบียร์ออกมาซด แล้วหลับตา

       

       

       

       

      You make it look like it’s magic
      คุณทำสิ่งนี้ได้ เหมือนดั่งใช้เวทย์มนต์
      Cause I see nobody, nobody but you, you, you
      เพราะว่าผมไม่เคยเห็นใครทำได้, ไม่มีใครเลย นอกจากคุณ
      I’m never confused
      ผมไม่เคยเลยที่จะรู้สึกสับสน
      Hey, hey

       

       

       

       

       

      So I love when you call unexpected
      ดังนั้น ผมจึงรู้สึกชอบมากเวลาที่คุณโทรหาผมโดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน
      Cause I hate when the moment’s expected
      แต่ผมเกลียดช่วงเวลาที่ต้องรอคอยความหวัง
      So I’ma care for you, you, you
      เพราะผมชอบคุณนะ คุณคนเดียวเท่านั้น
      I’ma care for you, you, you, you, yeah
      ผมชอบคุณนะ คุณคนเดียวเท่านั้น

       

       

       

       

      ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา รออย่างมีความหวังว่าเจสสิก้าจะโทรหาบ้าง

       

       

       

      แต่เบอร์ที่ผมต้องการให้โทรมา มันหายไป 3 เดือนแล้ว พร้อมๆกับหัวใจของผม

      ทั้งๆที่เธอทำร้ายกันแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงไม่โกรธหรือเกลียดเธอเลย

       

       

      เจสสิก้าเกิดมาเพื่อเป็นที่รักจริงๆ

       

       

       

       

      Cause girl you’re perfect
      เพราะคุณคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ
      You’re always worth it
      คุณมีความหมายมากพอและเป็นเช่นนั้นเสมอมา
      And you deserve it
      และคุณก็คู่ควรที่จะได้รับคำยกย่องเช่นนั้น
      The way you work it
      ในรูปแบบที่คุณทำ
      Cause girl you earned it
      คุณถึงสมควรที่จะได้รับมัน
      Girl you earned it
      คุณสมควรได้รับมันจริง ๆ

       

       

       

       

       

       

       

      End…

       

       

       

      _____________________________
      จบแล้วค่ะ 
       

       เจอกันอีกทีที่ 
       

      Love me harder 

      Jessica Side:

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×