รวมคำถามยอดฮิตติดชาร์ตคนอยากเขียน - รวมคำถามยอดฮิตติดชาร์ตคนอยากเขียน นิยาย รวมคำถามยอดฮิตติดชาร์ตคนอยากเขียน : Dek-D.com - Writer

    รวมคำถามยอดฮิตติดชาร์ตคนอยากเขียน

    รวมเอาบรรดาคำถามทั้งหลายที่คนอยากเขียนเขาเอามาถามกันเอาไว้ เลยขอรวบรวมเอาไว้ที่นี่ค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    625

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    625

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 พ.ย. 50 / 20:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      สวัสดีเจ้าค่ะ  เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว G-Gals ทุกท่าน

       

      วันนี้ว่าที่นักเขียนคนใหม่ของสนพ. G-Gals เกิดอารมณ์ดี(หรือเปล่า!?) เลยลองรวบรวมคำถามที่มีน้องๆ เคยถามกันเอาไว้มาลองตอบให้ชาว G-Gals ได้ลองเอาไปศึกษากัน  โดยเฉพาะน้องๆ ที่ต้องจะเขียนงานของตัวเองแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหน ทำยังไง แล้วต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ลองมาดูคำถามที่รวบรวมมานี้ดูว่า จะมีข้อไหนที่ตรงใจทุกคนกันบ้าง

       

       

      Q.เริ่มต้นเขียนนิยายยังไงเหรอ?

       

      A.อันนี้แนะนำเป็นแนวทางได้เฉพาะแฟนตาซีแฮะ  เพราะเขียนเป็นแต่แนวนี้ = =

       

      ในเรื่องการเขียนแฟนตาซีนั้น...เป็นที่รู้ๆ อยู่แล้วว่าตัวเนื้อเรื่องมันต้องมีอะไรที่เหนือธรรมชาติ อย่างเช่นเวทมนต์ สัตว์ประหลาด มังกร อะไรเถือกนั้น

      แต่การมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้มันจะต้องรองเอาไว้ด้วยเหตุผล...เหตุผลที่ว่าก็คือ เหตุผลของการมีอยู่ ทำไมพลังเวทมนต์จึงมีในโลกนี้ จำเป็นหรือเปล่าที่ทุกคนต้องมีเวทมนต์ และทุกคนมีเงื้อนไขในการคงอยู่อย่างไร

      ในการเขียนนิยายทุกประเภททุกรูปแบบ ถ้าหากว่าขาดเหตุผลรองรับไปแล้วมันจะเป็นนิยายที่ลอยคว้างหาแก่นสาร หาความสมเหตุสมเหตุให้แก่มันไม่ได้ แต่ให้เขียนออกมาอย่างเบาสมองหรือพิศดารมากเพียงไหนก็ต้องมีเหตุผลที่มันเกิดขึ้น

      ลำดับต่อมา...การดำเนินเรื่องที่ต้องมีเอกลักษณ์ของความเหนือธรรมดา ไม่ใช่ทุกอย่างมาราบเรียบเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เวทมนต์ไม่เป็นเวทมนต์ แบบนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องคลาสสิคธรรมดา เวทมนต์จะกลายเป็นไสยศาสตร์ธรรมดาไป

      แฟนตาซีตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเว่อร์แต่เสริมสร้างจิตนาการของผู้อ่าน เราจะเขียนออกมายังไงให้คนอ่านจินตนาการเข้าถึงเรื่องของเรา เขียนยังไงให้คนอ่านเห็นภาพอย่างที่เราเห็น นี่คือ ความยากของแฟนตาซี

      อุปสรรคที่น้องต้องผ่านไปให้ได้นั้นก็มี....(คิดเองนะอันนี้)

      1.
      ความแหวกแนวของเนื้อเรื่อง ปัจจุบัน(อดีตก็ด้วยแหละ)นิยายเรื่องไหนดังๆ มันจะมีแฟนฟิค โดจิน นิยายที่มีโครงเรื่องคล้ายกับนิยายดังๆ เหล่าๆ นั้น ถ้าสามารถแยกตัวเองออกมาจากตรงนั้นได้สักหน่อยก็จะดีมาก วางโครงเรื่องให้สนุกเข้าไว้แล้วจะดี

      2.
      เหตุผลที่รองรับความเว่อร์ในจินตนาการของแฟนตาซี อย่างที่บอกไปแล้วว่าแฟนตาซีมันเป็นนิยายที่ค่อนข้างเน้นความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา หรือเว่อร์ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเรื่องจริง เราต้องหาเหตุผลมารองรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่นิยายแนวแฟนตาซีจะมีพลังเวทมนต์ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัว เราจะถ่ายทอดเหตุผลและบรรยายสร้างอารมณ์อย่างไรให้เวทมนต์ไม่กลายเป็ยไสยศาสตร์ หรือสัตว์ประหลาดน่ากลัวเป็นตัวพิลึกกึกกือน่าขยะแขยง

      3.
      แรงกดดัน...เมื่อเขียนไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าเรื่องดังหรือว่างานยุ่งมันจะเริ่มมีแรงกดดันเกิดขึ้น เราจะสามารถทนต่อแรงกดดันที่เกิดขึ้นได้มั้ย

      4.
      ความท้อแท้...หนึ่งในอารมณ์ที่นักเขียนทุกคนต้องเจอ ไม่มีใครไม่เคยท้อแท้ในงานของตัวเอง หรือเครียดในเวลาที่ไม่ทีใครสนใจงานของเรา เกิดอารมณ์อย่างแข่งขันกับนิยายเรื่องอื่นแต่เราไม่สามารถทำได้ดีอย่างเขา เราจะสามารถปรับเปลี่ยนความท้อแท้เหล่านี้ได้มั้ย ปรับเปลี่ยนให้มันเป็นแรงใจในการเขียนงานต่อไป

      5.
      ลอก....อย่าลอกใครเลยนะคะ จะอิดีทนั่นนิดเอานี่มาวางหน่อยเป็นเรื่องที่ต่างออกไป แต่ก็ลบความเนียนความเหมือนไม่ได้หรอกค่ะ

      6.
      สำนวน...สำนวนที่ดีต้องอ่านง่าย แม้จะเป็นสำนวนเก่าแต่ต้องสื่อความชัดเจน บรรยายมองเห็นภาพไม่ก่อความสงสัยในส่วนที่ไม่ใช่ปริศนาที่เราผูกปมเอาไว้

      7.
      หัวใจ...ที่ตัดสินใจเอาข้อนี้มาไว้เป็นข้อสุดท้าย เพราะอยากให้ทบทวนว่าแท้จริงแล้วต้องการเขียนเพราะอะไร เพราะรักหรือเพราะนึกสนุกหรือเพื่อเงินตรา ลองถามตัวเองให้ดีๆ ถ้าถามตัวเองดีแล้วทำเพราะรักเพราะเงินตราเราจะต้องทำให้นิยายของเรามีคุณค่าสมกับที่ใจของเรารักหรือเหมาะสมกับจำนวนเงินที่คนอ่านต้องซื้อ ใครจะบอกว่านักเขียนเขียนเพราะรักนั้น...เคย์เซย์เห็นนักเขียนหลายคนที่เขียนงานเพื่อเงินตราเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่เริ่มต้นของพวกเขาไม่ใช่นักเขียนไม่ได้รักงานเขียน เพียงแต่อยากเผยแพร่อะไรบางอย่างเท่านั้น และสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมามันก็สมค่ากับราคาที่เราลงทุนไป

       

       

       

      Q.จะต้องวางโครงเรื่องอย่างไร?

       

      A.การเริ่มต้นเขียนนิยายทุกเรื่องมันต้องมาจากความคิดก่อนอยู่แล้วค่ะ  แต่ปัญหาของเราอยู่ที่การจัดระเบียบความคิดของเรา  เพราะยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ความยุ่งเหยิ่งของเรื่องมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น  เมื่อถึงตอนนั้นปัญหาที่ตามมาก็คือ ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนที่ไหน  ตอนนั้นล่ะค่ะที่โครงเรื่องจะเข้ามามีบทบาท

       

      โครงเรื่อง คืออะไร

       

      โครงเรื่องคือ แผนผังความคิดอย่างง่ายๆ ที่เราเขียนขึ้นเพื่อกำหนดการเริ่มต้นเรื่อง  กำหนดตัวละคร  และกำหนดปม  โดยส่วนใหญ่แล้วนักเขียนมักวางเอาไว้ในรูปแบบของเรื่องย่ออย่างสั้นๆ  เก็บรายละเอียดปมและแก่นเรื่องสำคัญเอาไว้มากกว่า  เป็นการจำกัดกรอบอย่างง่ายๆ  เพื่อมิให้เนื้อเรื่องออกทะเลมากจนเกินไป  จากนั้นจึงค่อยไปเก็บรายละเอียดของแต่ละตอนว่า จะเอาปมใดเข้ามาเป็นแก่นของตอน  ถึงตอนนั้นก็จะมีการกำหนดโครงเรื่องของตอนแยกย่อยออกไปอีก

       

      หากจะอธิบายให้ง่ายกว่านี้สำหรับการวางโครงเรื่อง...วางโครงอย่างหยาบที่เราสามารถดิ้นในเนื้อเรื่องได้  และอย่ายึดติดกับของเก่าที่ร่างเอาไว้แต่เริ่มต้น  หากของใหม่ดีกว่าให้นำมาปรับใช้  ก่อนจะสมองจะตันไปในที่สุด

       

      การวางโครงเรื่องหรือ Plot ที่ดี อันดับแรกต้องวางพล็อตโดยรวมก่อนว่าทั้งเรื่องจะดำเนินไปยังไง นี่เป็นการช่วยกำหนดแนวทางการดำเนินเรื่องคร่าวๆ ของเรา

      อันดับที่สอง มาวางเจาะว่าแต่ละตอนเราจะเขียนถึงอะไรบ้าง ฉากไหน อะไร อย่างไร เป็นการเจาะและวางกรอบในการเขียนของเราไปในตัว(กันออกทะเลว่างั้นเถอะ) ตรงนี้ไม่ต้องซีเรียสกับมันมากหรอก ไม่จำเป็นเสมอไปว่ามันจะต้องเปะๆ ตามที่วางไว้ ถ้าเราเห็นควรเอาตอนนั้นขึ้นก่อนก็เอาขึ้น อะไรน่าแทรก(แล้วไม่ออกทะเล)ก็จับแทรกเข้ามา ปรับอันนี้มาบน จับอันนั้นมาล่าง (วางแบบนี้แล้วสนุกมาก กลับมาดูพล็อตแต่ละตอนอีกทีหลังๆ สลับกันเยอะเลย แถมจำนวนตอนเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วย 555)

      พล็อตตัวที่สองนี่แล้วแต่ว่าจะเขียนสั้นเขียนยาวแต่ไหน ถือเป็นเพียงกรอบของเราเฉยๆ (แม้แต่คนเขียนสดมันยังต้องมีพล็อตนำทางเลยนะเออ)

      อันดับที่สาม พล็อตตัวละคร ทำเป็นไฟล์เอาไว้สักนิดก็ดีค่ะ เพราะมันจะช่วยให้เราปิ๊งไอเดียได้อีกทางหนึ่ง (เป็นบ่อย ไม่มีไรทำเอาตัวละครมาย้ำยีในภาคพิเศษแบบสุขๆ โศกๆ ไปตามเรื่อง สนุกอีกครับท่าน) เขียนประวัติของมันเอาไว้คร่าวๆ ว่า เป็นใครมาจากไหน ชื่อเสียงเรียงใด ลูกของใคร มีเหตุอะไรให้มาเกี่ยวพันกับเนื้อเรื่องหลักของเรา

      สามอันนี้ถือเป็นพื้นฐานที่ดีของนักเขียนค่ะ แต่ก็แล้วแต่ว่าใครจะปฏิบัติไม่ได้บังคับตายตัวอะไร บางคนก็เขียนสดตัวละครมาสดๆ ไม่เก็บข้อมูลตัวละครเอาไว้เลยก็มีค่ะ

       

      Q.ถ้าสมองตันทำอย่างไร

       

      A.ปัญหาโลกแตกของบรรดานักเขียน  ไม่มีใครไม่เคยพบเจอแม้กระทั่งข้าพเจ้าเองก็ตาม - -

       

       วิธีการแก้ปัญหานั้นง่ายมากๆ 

       

      อันดับแรกนำเนื้อเรื่องที่เขียนเอาไว้เก่าๆ มาอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง  มองหาปมที่ทิ้งค้างแล้วลืมแก้เอาไว้  นำมันกลับมาปรับสานให้เข้ากับเรื่อง  หรือผูกปมขึ้นใหม่ให้เข้ากับเนื้อเรื่องและแก่นสำคัญที่ร่างเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก

       

      อันดับสอง อ่านหนังสือเยอะๆ หรือ ดูหนัง ละคร เล่นเกมส์ สรรหาความรู้และวัตถุดิบมาเขียนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

       

       

       

      Q.เขียนไปแล้วไม่มีคนมาคอมเม้นต์ ทำยังไงดี

       

      A.ข้อนี้ขอยกตัวอย่างคำถามที่เขาเคยถามเอาไว้ในบอร์ดของสนพ.PC แล้วกัน  ตอนนั้นตอบไปแบบโอยั่วะเล็กน้อย

       

      คำถาม

      คือ พี่ๆทีมงานคะคือ หนู...เขียนเรื่อง อิธิกอนตำนานพลังมนตร์ศักดิ๋สิทธิ์ คะแต่มาคิดดูแล้วเรื่องของหนูมันไม่น่าสนใจเอาซะเลยเพราะโครงเรื่องมันเกี่ยวกับพลังในตำนานซึ่งมันคล้ายๆกับของ pigky แต่หนูก็คิดออกมาในแบบหนูแล้วแถมยังเพิ่มอะไรอีกหลายๆอย่างแล้วด้วยซึ่งหนูก็เอามาลงใน web นี้ด้วยคะมีผู้ชมมากอยู่ก็จริงแต่ไม่มีซักคะแนนเลยแถมยังไม่มีคนมา comment ด้วยค่ะ

      แต่หนูก็ตัดใจจากเรื่องนี้ไม่ได้...หนูจะทำยังไงดีคะ?หนูไม่มีทางเอาชนะหรือเท่าเทียมกับคนอื่นๆได้เลย...

      ไม่มีใครสนใจเรื่องของหนูเลย

      หนูชักเริ่มท้อแล้วละค่ะ หนูอยากจะเขียนผลงานที่ทำให้คนอื่นสนุกแต่ดูท่าทางความฝันอันเล็กน้อยของหนูจะไม่มีทางเป็นจริงแล้วละคะพี่ๆช่วยตอบหนูทีนะคะ
      ขอความกรุณาด้วยค่ะ

       

      นักเขียนที่ไม่ประสบความสำเร็จ

      marine-z.

       

      คำตอบ

      อย่าเพิ่งท้อจ้า อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งใช้คำว่า ไม่ประสบความสำเร็จด้วย

      เรามารู้จักกับคำว่า สัจธรรม กันดีกว่า คำว่า สัจธรรม ก็คือ ความจริงแท้ เป็นความจริงที่คนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล้วนแล้วก็ต้องพบเจอกันทุกคนไป

      อย่างของพี่ในสมัยแรกที่เริ่มลงนิยายนั้นมีคนเข้าชมมากพอสมควร แต่แน่นอนไร้คอมเม้นต์ เหตุนั้นเพราะ

      1.
      คนเพียงเข้ามาอ่านดูว่าสนุกหรือน่าสนใจหรือไม่ หรือ
      2.
      สนุกน่าสนใจดีแต่ไม่รู้จะเม้นอะไร
      3.
      อาจจะกดพลาดเข้ามาเลยคลิกๆ ดูสักหน่อยว่าเป็นยังไง

       

      นี่คือ 3 เหตุที่พอจะวิเคราะห์ออกมาได้ ส่วนเรื่องของคะแนนนั้น โดยส่วนมากนักอ่านที่ไม่ค่อยเม้นไม่ค่อยวิจารณ์ก็จะไม่ค่อยใส่คะแนนอยู่แล้ว ขนาดนิยายของพี่ที่ลงไปจนจบใกล้ตีพิมพ์เป็นเล่ม มีคนอ่านคอมเม้นนิ่ง คะแนนนี่ไม่ต้องพูดถึง 0 ตลอดเดือน(อิงจากเด็กดี)

       

      ดังนั้นน้องไม่ต้องกังวล คำว่าประสบความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่การพิจารณาแล้วผ่านกับสำนักพิมพ์เป็นนักเขียนมืออาชีพได้แล้วหรือยัง (แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าไม่ได้ประกอบอาชีพนักเขียนอย่างเดียว ต้องเรียนต้องทำงานอื่นด้วย ก็เรียกว่านักเขียนอิสระ เท่านั้นค่ะ)

       

      น้องไม่ต้องไปกังวลถึงคะแนนหรือคอมเม้นเลยนะคะ มันเป็นเรื่องธรรมดาของนักเขียนในเน็ตอยู่แล้ว

       

      ในส่วนของโครงเรื่อง....เอากันตรงๆ โครงเรื่องหรือแนวลคิดในปัจจุบันนี้มันมีหลายแบบที่เกลื่อนกลาดอยู่ เช่น โรงเรียนเวทมนต์ เกมส์RPG หลงจากอีกโลกไปอีกโลก อื่นๆ อีกมากมาย โครงเรื่องสามารถเหมือนกันได้ แต่การดำเนินเรื่องต่างหาก จะดำเนินยังไงให้เป็นเอกลักษณ์ของเรา อย่ารีบร้อนตีตนว่าของเราเป็นเหมือนเขาจนกระทั่งวิตกจริต จงมั่นใจในงานเขียนของตัวเองและเขียนงานของตัวเองในเต็มที่ ถ้าหากว่าไม่มั่นใจในงานเขียนของตัวเองแล้ว มันจะเป็นผลงานที่ดีที่รักของเราได้อย่างไร

       

      อีกอย่างพี่ไม่อยากให้หนูใช้คำว่า เอาชนะ หรือ เท่าเทียมคนอื่น เพราะเมื่อหนูคิดแบบนี้ก็เท่ากับว่าหนูเอาความทุกข์มาใส่ตัวเอง เขียนงานเพียงเพื่อจะเอาชนะคนอื่นเท่านั้น แล้วค่าของหนูจะอยู่ที่ไหน หรือหนูภูมิใจหนังสือของหนูเอาชนะอีกเรื่องได้ หนูพอใจที่จะเขียนงานเพียงเพื่อเอาชนะชาวบ้านอย่างนั้นรึ

       

      ไม่หรอก...พี่ชื่อว่านักเขียนที่รักงานเขียนอย่างหนูจะไม่ทำแบบนั้น หนูอย่ากังวล...หนูอย่าท้อแท้...คนที่ชอบเรื่องของหนูแต่ไม่แสดงออกก็มี(อย่างของพี่พอหนังสือออกเงาโผล่ออกมาทวงกันใหญ่)

       

      ค่อยๆ เขียนค่อยๆ เดินไปตามเส้นทางของหนู ค่อยๆ ก้าวอย่ารีบร้อน ค่อยแก้ปัญหาอุปสรรคของเราไป ไม่มีใครที่ได้ความฝันของตัวเองมาโดยไม่รู้สึกท้อแท้หรอกค่ะ แม้แต่ตัวของพี่เองเขียนนิยายสองเรื่องใหญ่กับอีกยิบย่อยอีกหลายเรื่อง มีประวัติเกือบวางปากกามาแล้วมากกว่าสิบครั้ง (รวมทั้งที่เคยประกาศทางเน็ตและที่ไม่เคยประกาศ)

       

      แต่สุดท้ายพี่ก็กลับมาเดินตามเส้นทางนี้อีกครั้ง นั่นเพราะพี่ไม่เคยท้อแท้ยังไงล่ะคะ ถ้าน้องอย่างให้มีคนอ่านแล้วคอมเม้นต์ล่ะก็...ทำไมไม่เริ่มจากคนใกล้ตัวก่อนล่ะคะ จากอาจารย์สอนภาษาไทยของเรา จากเพื่อนของเรา จากพ่อแม่ของเรา โดยเฉพาะอาจารย์สอนภาษาไทยท่านจะช่วยเราได้มากทีเดียว ทั้งเรื่องภาษาเรื่องสำนวนเนื้อ ท่านจะช่วยติงจุดที่ต้องแก้ให้ได้เราได้อย่างกระจ่างชัดทีเดียวล่ะค่ะ

       

      แล้วถ้ายังอยากให้มีคอมเม้นต์ในเน็ตด้วย พี่จะแวะเวียนไปอ่านแล้ววิจารณ์ให้ก็ได้(มีคิววิจารณ์อาทาเลียด้วยพอดี เพียงแต่ยังไม่มีเวลา) พี่เป็นหนึ่งในคนวิจารณ์งาน(แรง โดนแม่ยกเจ้าของนิยายด่ามาคนแระ)นะ เพื่อจะได้ดูออกว่าจุดด้อยอยู่ที่ไหนยังไง (เสียอย่างเดียวไม่ค่อยมีเวลา) หรือน้องคิดว่ายังไงคะ

       

      จงจำเอาไว้...จงมั่นใจในงานเขียนของตัวเอง จงเขียนเพื่อความฝันมิใช่เพื่อเอาชนะ จงอย่าท้อแท้ ค่อยๆ เดินค่อยๆ ก้าว อีกไม่ช้าน้องก็จะประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้เองค่ะ ^ ^

       

      Comment 2 Keisei From http://www.pc-bookclub.com/show.php?subject_id=0000788&page=1

       

       

      สิ่งที่อยากจะบอกกับน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ต้องการประสบความสำเร็จในด้านงานเขียนนี้คือ ไม่มีใครประสบความสำเร็จกันมาตั้งแต่เริ่มแรก  งานของเราคนที่ตัดสินว่า ดีหรือไม่ดี ก็คือ คนอ่าน  และในโลกไซเบอร์หรือแม้แต่ในตลาดหนังสือก็ไม่ได้มีนักเขียนแค่ไม่กี่คน  มันมีนักเขียนเกิดขึ้นมาใหม่เสมอ  ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะมีฝีมือมากไปพอยืนหยัดอยู่ในโลกน้ำหมึกนี้ได้นาน  นักเขียนบางคนสามารถโด่งดังได้จากความสามารถของตัวเอง  บางคนโด่งดังได้เพราะตีพิมพ์กับสนพ.ดัง  บางคนดังเพราะการโฆษณาหรือมีเรื่องฉาวกับสนพ.หรือลอกงานของใครมา

       

      จงอย่าคิดว่า ฉันจะต้องดีเด่นกว่าคนอื่น  ฉันจะต้องเก่งกว่าคนอื่น  ฉันต้องเอาชนะคนอื่นได้  ฉันจะต้องแข่งกับคนนั้นคนนี้เพื่อไปยืนในจุดเดียวกับเขา  เพราะสิ่งที่จะได้รับกลับมาคือ ความกดดัน อันเป็นอุปสรรคต่อการเขียนงานของตัวเองเป็นที่สุด  อย่าเอาความคิดเหล่านี้มาเป็นตัวขัดขวางงานของเรา  เพราะเพียงปัญหาจิปาถะทั่วไปมันก็มากพอจะสร้างความท้อแท้ให้แก่พวกเราได้แล้วล่ะค่ะ

       

      มีอย่างเดียวที่คนอยากเขียนต้องสู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเขียนทุกคนต้องสู้มาโดยตลอดนั้นคือ ตัวเอง ค่ะ

       

       

       

      Q.มันคิดออกมาได้แล้วล่ะ  แต่ตอนจะพิมพ์ดันพิมพ์ไม่ออก ทำยังไงดี?

       

      A.ปัญหาโลกแตกกันอีกแล้วครับท่าน  เอ้า! คำตอบจ้ะ

       

      อันดับแรก....ทำใจให้สบายก่อน

      หลังจากนั้นจึงกลับมาดูข้อมูลที่เราจัดเตรียมเอาไว้อีกครั้ง รวมทั้งศึกษาพล็อตเรื่องของเราให้ดีด้วย หากเป็นไปอย่างที่เราต้องการแล้วก็ปล่อยไป แต่ถ้ามันยังไม่ใช่ให้ดูก่อนว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ค่อยๆ แก้ปัญหาไปที่ละจุด อย่ารีบร้อนในเรื่องตอนเขียน

      และหากว่าแก้ไขแล้วมันยังออกมาไม่รู้เรื่องอีก คราวนี้เรากลับไปหาข้อมูลใหม่ที่ดีพอจะสามารถปรับกับเรื่องเราได้ หรือกลับไปทำสมาธิใหม่ เพราะในหลายๆ ครั้งเราอาจจะหมกมุ่นกับมันมากจนเกินไปจนทำให้เราไม่รู้เรื่องเอง

      ซึ่งเรื่องนี้เคย์เซย์ก็เป็น...ในตอนที่รีไรจ์ The Princess of The King ภาค 3 ต้องมีการเทียบเคียงเนื้อเรื่องของภาคสองกับภาคสี่เพื่อความเนียนของเนื้อเรื่อง และก่อนกลับมาแก้ไขก็ทำการมาร์คจุดสำคัญที่เราต้องการปรับแก้ไว้อย่างชัดเจนด้วย

      ข้อสำคัญที่อยากให้ทุกคนที่เรียนลองหา...คือนักอ่านที่สามารถติงเรื่องของเราได้อย่างชัดเจน สามารถบอกได้ว่าเราผิดพลาดที่ตรงไหนอย่างไร ซึ่งต้องเป็นคนที่เราไว้ใจและให้ความเคารพความเห็นของเขาด้วย

      ในกรณีที่เนื้อเรื่องดูเร่งเกินไปนั้น...ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าเรามีพล็อตที่เราอยากเขียนไปถึงมั้ย(เคย์เซย์ก็มี ฉากในดวงใจใช้เวลานานมากกว่าจะไปถึง ประมาณ 20 กว่านอนแนะกว่าจะได้เขียน) ถ้ามีฉากที่ว่านั้นก็อาจจะเป็นตัวบีบให้เราเขียนเรื่องเร่งเกินไป

      สิ่งที่แนะนำได้คือในการเขียนขอให้ใจเย็นลงสักนิด อย่าคิดถึงฉากที่เราอยากให้ไปถึงมากจนเกินไป และลองวางพล็อตให้เป็นสเตปดู อย่างน้อยๆ แต่ละตอนน่าจะมีโจทย์สั้นๆ หนึ่งโจทย์เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายว่าเราจะเขียนอะไร ปูเนื้อเรื่องไปทางไหนอย่างไร

      อย่าวางพล็อตรวมและไร้ทิศทางมันจะทำให้เราหลงทิศและออกนอกเส้น จนหลายๆ ครั้งอาจจะเร่งไปบ้างยืดไปบ้าง

      หลักในการแก้ปัญหานั้นมีไม่มากหรอก(ของเคย์เซย์นะ)

      1.
      ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน(ถึงในใจจะลุกไปไฟก็เถอะ)

      2.
      ตรวจสอบว่าปัญหาที่เราเร่งไปไปมาจากไหน อะไรที่ทำให้เราเขียนไม่รู้เรื่อง ซึ่งอย่ามองเพียงด้านเดียวเท่านั้น ต้องมองหลายๆ ด้านถึงสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้

      3.
      หาข้อมูลหรือลองเทียบเคียงเนื้อหาเพื่อปรับเรื่องของเราให้คลายความเร่งรีบหรือแก้ปมที่ไม่รู้เรื่องออก

      4.
      หากเทียบเคียงแล้วยังไม่ได้ลองกลับไปที่เรื่องของพล็อตใหม่ พล็อตของเราวางกระชับเกินไปลองวางให้คลายลง หรือยืดไปลองตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก

      5.
      ถ้ายังไม่ได้ไปนอนหลับสักตื่นแล้วลองกลับมาอ่านใหม่ด้วยใจเป็นกลาง อย่าอคติกับงานของเรา ไม่อย่างนั้นแล้วมันก็จะออกมาไม่ดีเหมือนอย่างที่เราคิด

      คำแนะนำทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องทำทุกข้อหรือเรียงลำดับตามนี้ก็ได้ ขอเพียงอย่างเดียว...สิ่งพูดมาตั้งแต่แรก...ใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน ดำเนินเรื่องไปตามพล็อต

      งานเขียนไม่ใช่สิ่งถาวรวัตถุ...มันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างใจที่เราต้องการ อย่าคิดว่ามันจะต้องสำเร็จในครั้งแรกหรือครั้งต่อไปมันต้องสำเร็จ คิดแต่เพียงว่าเราเป็นเจ้าของเรื่องเจ้าของปากกาที่จรดสร้างตัวละครเหล่านี้ขึ้นมา เราสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้

      อย่าท้อแท้ว่ามันจะไม่สำเร็จ....อย่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันสู้....อย่าท้อถอยถ้าไม่สามารถแก้ความผิดพลาดที่เราทำไว้...

      เราเป็นพระเจ้าในโลกนิยาย เมื่อปมหนึ่งแก้ไม่ได้วางพล็อตใหม่ที่สามารถแก้ได้

       

       

      Q.จะหาไอเดียยังไงดี?

       

      A.คำถามนี้ตอบง่ายสุดฤทธิ์

       

      การจะหาไอเดียไม่อยากหรอกค่ะ เราสามารถเอาสิ่งที่เห็นในชีวิตประจำวันมาเขียนได้ค่ะ เรียบๆ ง่ายๆ กลับสามารถสร้างรสชาติต่างๆ ให้แก่เรื่องที่เราเขียนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

      การอ่านหนังสือมากๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราคิดไอเดียดีๆ ออกมา และเมื่อคิดได้แล้วต้อง "จด" เป็นการกันลืม(นี่เดี๋ยวต้องไปจดเหมือนกัน ปิ๊งทีเดียว 2 เรื่อง - -* แถมต้องบันทึกพล็อตด้วยใกล้ลืมแล้ว[กะล้างสมองกันใหม่เลยหรือยังไง])

       

      แม้แต่การดูภาพยนตร์หรือเล่นเกมส์ก็ช่วยให้เรามีไอเดียได้เหมือนกันนะคะ  ขอเพียงให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาอีกนิด  รู้จักวิธียำอีกหน่อย  สมองน้อยๆ ของเราก็สามารถสร้างเรื่องสุดยอดออกมาได้เช่นกันค่ะ

       

       

      Q.การจะเป็นนักเขียนที่ดีทำยังไง

       

      A.ข้อยกตัวอย่างคำถามที่มีน้องคนหนึ่งมาถามเอาไว้ (อีกแล้ว)


      - นักเขียนที่ดีควารจะเขียนนิยายอย่างช้าสุด ๆกี่เดือน/ปี ดีคะ (ข้าน้อยเขียนมาเกือบ ๆปีแล้วได้แค่ 7ตอนเองซิกๆ)
      * เขียนตามสบายเถอะน้อง ต่อให้เป็นนักเขียนเลวร้ายแค่ไหนก็ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการทำงานของตัวเองได้หรอกค่ะ อย่างพี่นี่ The Princess of The King กว่าจะจบนะ 8 ปีจ้ะ

      -
      จะดีไหมถ้าเราส่งผลงานให้กับสำนักพิมพ์หนึ่งแล้วผลปรากฎออกมาว่าไม่ผ่าน ดังนั้นถ้าเราจะส่งให้สำนักพิมพ์อื่นพิจรณาทั้ง ๆที่ส่งไปอีกสำนักพิมพ์แล้ว จะเรียกว่าเป็นนักเขียนที่ดีไหม?????
      * พี่เองกว่าจะออกเป็นเล่มก็ไม่ผ่านมาจากที่อื่นเหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ผ่านกับที่หนึ่งแล้วส่งอีกทีหนึ่งได้ค่ะ


      - คือ.. ข้าน้อยเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลาได้จับคอมเท่าไหร่ถ้าเราจะเขียนนิยายลงในสุมดแล้วส่งมาให้สำนักพิมพ์เลยได้ไหมคะ?????
      * ตอนนี้พิมพ์คอมเอาดีกว่านะคะ เพราะลายมือมันไม่สามารถแก้ไขในส่วนที่จำเป็นได้ และในบางครั้งมันลายมือบางคนมันอ่านไม่ออกด้วยค่ะ


      - อย่างต่ำเลยเราควรจะเขียนนิยายกี่หน้าดี U_U
      * ตามแต่ใจน้องค่ะ แต่ตามปกตินิยายเรื่องยาวต้อง 100 หน้าขึ้นไปค่ะ


      - พี่ๆนักเขียนใช้เวลานานไหมคะกว่าจะมีคนมาเม้ณ+คนอ่านเยอะๆ
      * นานนะ สองถึงสามปีจนกว่าจะมีคนอ่านประจำ ซึ่งจะเอาเรื่องของเราไปบอกแบบปากต่อปาก หลังจากนั้นก็จะเริ่มมีคอเม้นต์เข้ามาเองล่ะค่ะ มือใหม่น่ะ ใช้เวลานานหน่อยล่ะนะ


      จากคำถามของน้องมีคำว่า "นักเขียนที่ดี" มาสองสามข้อ น้องหาสามารถหาความหมายของคำว่า "นักเขียนที่ดี" ได้แล้วหรือยังคะ จึงมาถามหาแนวทางการเป็นนักเขียนจากคนที่ออกหนังสือแล้ว

      สำหรับคนที่ออกหนังสือแล้ว บางคนยังไม่สามารถเป็นนักเขียนที่ดีได้เลยนะคะ

      คำว่า "นักเขียนที่ดี" เคยมีนักเขียนชั้นครูผู้หนึ่งให้ความหมายเอาไว้ว่า "นักเขียนจะต้องรังสรรค์สิ่งที่ดีออกสู่สังคม" การบอกว่า ใครเป็นนักเขียนที่ดีในปัจจุบันนี้นับว่า ยากมาก

      หากให้มองด้วยสายตาของพี่แล้ว ในสังคมนี้ยังไม่มีใครเป็นนักเขียนที่ดีนอกจากนักเขียนชั้นครู พวกมือสมัครเล่นที่มีหนังสือออกมาอย่างเราๆ นี้ยังไม่ถึงขั้นของความเป็น "นักเขียนที่ดี" ในระดับนั้น ระดับของพวกเราคือ "นักเขียน" ซึ่งมีความหมายที่กว้างมากกว่านัก

      เราสามารถเป็นนักเขียนได้ด้วยตัวของเราเอง เดินไปข้างหน้าแบบไม่ต้องรีบร้อน การรีบเร่งจะทำให้งานของตัวเองออกมาไม่ดีพอ ค่อยๆ ถักสานเรื่องราวของตัวเองอย่างช้าๆ เป็นตัวของเราเองให้ได้มากที่สุด มีแรงบันดาลใจได้แต่ต้องไม่ลอกผลงานของใคร มีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่องานของเรา ต่อคนอ่านที่ติดตามผลงานของเรา เขียนงานของเราด้วยความรัก ทุ่มเทด้วยความชื่นชม ไม่ใช่เขียนเพื่ออะไรสักอย่างที่ทำให้งานของเราดูด้อยค่าลง

      น้องอย่าเพิ่งถามหาความเป็น "นักเขียนที่ดี" เลย พี่ว่าน้องพยายามทำตัวเองให้เป็น "นักเขียน" ก่อนดีกว่า แล้วที่น้องมาถามแบบนี้ พี่เชื่อว่า สักวันน้องจะเป็นนักเขียนที่ดีได้อย่างที่ต้องการ

       

      Comment 2 Keisei From http://www.pc-bookclub.com/show.php?subject_id=0001414&v=1

       

       

       

       Q.นักเขียนต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

       

      A.ที่ตัดสินใจเอาข้อนี้มาตอบเป็นข้อสุดท้าย  เพราะถึงบอกไปในข้อแรกๆ เลยก็คงลืมกันหมด เพราะเนื้อหาคำตอบแต่ละข้อที่ผ่านมามันยาวมากๆ

       

      คุณสมบัติของนักเขียน

      1.ใจรัก
      2.
      อดทน
      3.
      มีความรับผิดชอบมีความพยายาม
      4.
      อ่านมาก
      5.
      ไม่ลอกชาวบ้าน
      6.
      มีความคิดแหวกแนวไปในทางสร้างสรรค์
      7.
      ยอมรับความเห็นจากทุกคนที่ติติง
      8.
      รับแล้วต้องรู้จักแก้สิ่งที่ผิดพลาด

       

      ไม่จำเป็นต้องมีทุกข้อนี้ครบ  ขอเพียงให้มีข้อ 1-5 มาก็เพียงพอแล้วค่ะ  และไม่ต้องรีบร้อนก้าวเดินบนเส้นทางนี้หรอกค่ะ  งานเขียนไม่ใช่สิ่งที่จะเร่งกันได้ง่ายๆ  หากแต่เราต้องค่อยๆ  กล่อมเกลาผลงานของเราไปเรื่อยๆ นักเขียนสมัยก่อนเขาเขียนกันเป็นปีๆ ส่งผลงานพิจารณากันเป็นปีๆ ต้องเขียนงานด้วยมือ ใช้เวลานานกว่าเรามากนัก  แถม...นักเขียนชื่อดังทั้งหลายใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะได้ผลงานออกมาแต่ละเล่ม

      ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป หาจุดเริ่มของเราให้เจอ เราอยากเริ่มที่ไหน อย่างไร แต่อย่าบีบบังคับตัวเอง พวกที่บีบตัวเองตกม้าตายมากันเยอะแล้ว ปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาจะช่วยให้เราเขียนงานออกมาได้ดีเองค่ะ

       

       

      ขอจบการตอบคำถามเอาแต่เพียงเท่านี้  หากมีน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ คนใดต้องการถามอะไรก็ตามได้เลยนะคะ  เดี๋ยวจะเข้ามาตอบเข้าที่ตอบได้ค่ะ

       

      Keisei

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×