คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : ep25 - ชายผู้ถูกกลั่นแกล้ง
ต่างจากสายอาชีพพี่น้องอย่างพวกนักล่า คลาสของปาปิยองนั้นคือผู้ลบล้าง
(Eraser) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดต่อจากแอสซาซิน
ผู้เล่นสายลอบสังหารพวกนี้แม้สามารถพรางตัวและล่องหนได้เป็นระยะเวลานาน แต่ทักษะส่วนใหญ่หวังผลในระยะใกล้ชนิดเผาขน
ความท้าทายของมันก็คือเข้าไปใกล้ศัตรูให้มากที่สุดก่อนที่จะถูกหาตัวเจอ
เพื่อไม่ให้เสียเปรียบนักล่าอย่างสโตกเกอร์เกินไป
คัลเลอร์แคลชจึงมอบความสามารถให้คลาสผู้ลบล้างสามารถ ‘ลบ’ คู่ต่อสู้ออกจากเกมได้ในพริบตา
คำว่า ‘ลบ’ในที่นี้ มีความหมายเดียวกับคำว่า ‘ฆ่า’ อรุณรู้ดีในข้อนี้ จึงรีบปรึกษาอันย่าก่อนทั้งคู่จะโดนลบทิ้งเป็นรายต่อไป
“คราวนี้แย่กว่าเดิมอีก
เอาไงกันดี เราสู้เด็กนี่ไม่ไหวหรอก”
“ถ้าหนีตอนนี้จะทันไหมคะ
เรามีอาร์ติแฟคอีกเยอะเลยที่ช่วยถ่วงเวลาได้” อันย่าออกความเห็น
แต่โดนอรุณส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“เห็นอาวุธที่เหมือนน้ำหมึกนั่นไหมครับ
ปาปิยองจะยืดมันเป็นแส้แล้วปาดคอเราตอนกำลังจะออกวิ่งเลยล่ะ
อีกนานไหมกว่าคุณดอนจะมาถึงนี่”
“จุดเซฟโซนนี้อยู่ห่างไปกิโลกว่า
ถ้าพี่ดอนคืนชีพมิสเตอร์ ออนเดอะร๊อค เราคิดว่าสักห้านาทีคงถึง”
‘คืนชีพ’ อรุณทวนคำนั้นในหัว ชายหนุ่มเข้าใจความหมายแฝงของมันในเกมนี้
แต่เวลานี้ต้องหาทางเอาตัวรอดก่อนจึงไม่นึกสนใจ “ห้านาทีผมคงตายไปแล้วสักสิบรอบอ่ะครับ
กว่าเฮียดอนแกจะมา...ถ้าตอนนี้มีใครสักคนโผล่มาช่วยก็ดีสิ”
อรุณถอนใจอย่างปลงๆ
แล้วละสายตาไปทางเด็กโรคจิตแทน ปาปิยองกำลังนั่งยองๆเก็บเงินที่สโตกเกอร์ดรอปไว้อย่างสบายใจ
ทุกครั้งที่สาวน้อยใช้ตากลมโตมองมายังพวกเขา เธอก็จะผุดรอยยิ้มแล้วหัวเราะคิกคักไม่หยุด
ชวนให้ประสาทเสียขึ้นไปทุกที
ในขณะเดียวกันที่ศาลาตรงมุมสุดของลานหิน
มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนกอริลลาอย่าง สุพีเรีย วาร์เดน กลับไม่คิดจะทำอะไรนอกจากยืนดูผู้เล่นฆ่ากันเงียบๆ
มันทำหน้าที่ในการเผ้ายามได้อย่างสมบูรณ์แบบจนหน้าหมั่นไส้ “ไอ้บอสนี่ถ้าเราไม่เข้าไปยุ่งกับผลึก
มันก็ไม่ทำอะไรเลยนะ” ชายหนุ่มบ่นลอยๆ
“จริงด้วยค่ะ! ทำไมเราไม่ไปลากบอสออกมาล่ะ ถ้ามันอาละวาด
ต่อให้เป็นผีเสื้อเดียวดายก็หาโอกาสฆ่าเราได้ยากอยู่”
“ฮะ!?” อรุณอึ้งกับความคิดสุดบรรเจิดของแม่กระต่ายน้อย
ถ้ามันง่ายดายอย่างที่เธอพูดก็คงดีสิ
“แน่ใจเหรอครับจะลากบอสน่ะ
แค่นักฆ่าคนเดียวก็มือไม้ปั่นแล้ว
เดี๋ยวมีลิงยักษ์ใส่หน้ากากมาเพิ่มพี่ดอนคงต้องมาเก็บศพเราสองคนแทนแล้วล่ะ
เอาปัญหาอย่างแรกเลยนะครับ จะไปถึงบอสยังไงถ้าน้องคนนี้ยืนรอเชือดเราอยู่”
อรุณผายมือไปทางปาปิยองซึ่งเอียงคอกลับมาอย่างสนใจ
ด้วยเหตุผลขนาดนี้ แผนลากบอสนั้นตกไปได้เลย แต่สาวนักสำรวจกลับยังดื้อดึง “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ เราอาจจะสู้ไม่เก่ง แต่เรื่องถ่วงเวลานี่ไว้ใจได้เลย”
[ผู้เล่น อันย่า
ติดต่อทำการแลกเปลี่ยน]
“..นี่คือ” อรุณพลิกปืนสไนเปอร์ไรเฟิลที่หญิงสาวให้อย่างสนใจ
สิ่งนี้ไม่รู้เกี่ยวยังไงกับการยื้อเวลาที่เธอบอก
อันย่ายิ้มมุมปากตอบอย่างภูมิใจ
“ปืนล่องหนค่ะ”
ชื่อ: คาเมเลียนไรเฟิล *** สี: เขียว ข้อจำกัด: ไม่มี |
พลังชีวิต + 1200 พลังโจมตี + 1070 ความเร็ว – 10% Skill: Absolute stealth – ทำให้ผู้ใช้หายตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่สามารถตรวจจับด้วยสายตา ทักษะหรือไอเทมได้ แต่จะลดความเร็วในการเคลื่อนที่ลง
80% เมื่อได้รับความเสียหายหรือทำการโจมตีจะเปิดเผยตัวทันที
ปืนที่สามารถเลียนแบบพลังในการพรางตัวของกิ่งก่าได้โดยแลกกับความเร็วในการเคลื่อนไหว |
“พอม่านกระจกหมดเวลา
อรุณก็แค่ใช้ท่าไม้ตายแล้วย่องไปยิงบอสให้มันอาละวาด
เสร็จแล้วก็แค่หายตัวซ้ำอีกรอบ ไม่มีอะไรยากเลย บางทีอรุณก็อาจปล่อยมอนสเตอร์ในผลึกนั่นออกมาช่วยป่วนเพิ่มด้วยก็ได้...”
“เดี๋ยวก่อนสิ! แล้วเธอล่ะ” มีสิ่งหนึ่งที่อรุณคิดว่าไม่ถูกต้องจึงรีบเบรกไว้
“คิดจะสู้ตัวต่อตัวกับผู้เล่นระดับสูงกว่าเหรอครับ ทางนั้นมันเด็กที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาเลยนะ”
“เราบอกแล้วว่าเรื่องถ่วงเวลาไว้ใจได้
ไม่โดนฆ่าหรอกค่ะ”
ช่วงเวลาแห่งความเป็นจริงใกล้เข้ามาแล้ว
ดูได้จากม่านกระจกที่ค่อยเบาบางลงทุกที ทักษะนี้ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบวินาทีถึงจะสามารถร่ายไหม่อีกครั้งได้
อรุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระชับปืนในมือให้มั่นแล้วหันหน้าไปศาลาหิน
‘ทำไมต้องเสียสละตัวเองขนาดนี้ด้วยนะ
ยัยกระต่ายนี่’ เขาไม่เข้าใจความคิดเธอเลยสักนิด
ตอนสโกเกอร์ก็ครั้งนึงแล้ว เป็นแม่พระมาเกิดใหม่รึไงกัน อ๋อใช่ เธอเป็นพวกสีขาวนี่นะ
สีขาวจะยอมตายเพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นเสมอนั่นแหละ
“ระวังตัวด้วย” เขากล่าวเบาๆกับเธอแล้วใช้ท่าไม้ตายของปืนหายตัวไปในวินาทีสุดท้าย
ชั่วพริบที่ตัวละครของอรุณหายไปกับสิ่งแวดล้อมนั้นเอง
ปาปิยองก็สะบัดมืดเรียกน้ำหมึกออกมาเป็นแส้คมกริบตวัดใส่ลำคอของอันย่าโดยไม่ลังเล
เขาคิดว่าเธอคงเสร็จแน่แล้ว แต่อาวุธพิสดารกลับสลายไปในอากาศเฉยๆ
ทำเอาเด็กสาวอึ้งไป เธอพยายามสะบัดมือเท่าไหร่ก็เรียกน้ำหมึกออกมาอีกไม่ได้
“อาย ออฟ พาวเวอร์” อันย่าประกาศ จากนั้นรอบดวงตาของแม่กระต่ายน้อยก็มีอักขระโบราณปรากฏออกมาเป็นวงแหวน
หญิงสาวใช้โอกาสนั้นกระโจนขึ้นคร่อมตัวมือสังหารไว้
แล้วตบอีกฝ่ายเข้าที่แก้มอย่างแรงจนเกิดเสียง เพี๊ยะ! ดังลั่นไปถึงท้องฟ้า
ปาปิยองสับสนอย่างหนักที่ไม่สามารถใช้อาวุธของตัวเองได้
ไม่ทันจะได้ร้องหรือตอบโต้ก็โดนอันย่าจิกผมขึ้นมาตบสะบัดซ้ายขวาอีกชุดใหญ่
แก้มขาวๆของปาปิยองค่อยๆแดงก่ำเป็นรอยมือ
“ยัยบ้า! แกทำอะไรอาวุธปาปิยอง! บอกมานะ!!” เด็กสาวก่นด่าด้วยความเจ็บปวดจนฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำเสียงสะอื้นเหมือนจะร้องให้
“คอยดูเถอะ ถ้าใช้ ดาร์คเนส ลิปได้เมื่อไร่ แกจะต้องตายอย่างทรมาน โอ้ย!
หยุดจิกผมสักทีสิอีบ้านี่!! เอาผู้ชายคนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน
ยัยกระต่ายร่า...”
เพี๊ยะ !!!
คำนั้นไม่ทันหลุดออกจากปากปาปิยอง
อันย่าก็ตบเธออย่างรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดๆจนหน้าหันไปอีกทาง ความเจ็บปวดในคัลเลอร์แคลชไม่ถึงครึ่งหนึ่งในโลกความเป็นจริง
แต่ก็ทำให้เด็กสาวร้องให้ออกมาอยู่ดี
“ไม่ดีนะคะน้อง”
อันย่าจิกผมเด็กสาวแล้วดึงใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ “พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนเหรอ กุลสตรีต้องไม่พูดจาหยาบคายนะคะ
เดี๋ยวพี่สาวจะดัดสันดานให้เอง เริ่มจากตรงปากก่อน”
จากนั้นฉากการต่อสู้ของลูกผู้หญิงก็เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ
‘หะ โหดสลัด’ อรุณซึ่งล่องหนอยู่ห่างออกไปกลืนน้ำลายเอื๊อก
เขาไม่อาจมองอันย่าเป็นแม่กระต่ายน้อยคนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
ท่าไม้ตายที่อันย่าใช้คือ
อาย ออฟ พาวเวอร์(Eye of power) หรือดวงตาแห่งอำนาจ
ทักษะนี้จะทำให้ผู้เล่นที่ถูกเธอมอง และตัวเธอเอง
ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากไอเทมทุกชนิดได้ นี่เป็นสกิลอันเหมือนดาบสองคม
เพราะถึงศัตรูจะใช้ไอเทมไม่ได้ก็ยังร่ายเวทกับทักษะสีได้
แต่ตัวผู้ใช้วัตถุซึ่งต้องพึ่งไอเทมเป็นอย่างมาก จะสูญเสียความสามารถทั้งหมดไปเลย
หนทางเดียวของเธอคือต่อสู้กันด้วยมือเปล่า และผลก็ออกมาอย่างที่อรุณเห็น ตราบใดที่ปาปิยองยังจับทางไม่ได้กระต่ายสาวจอมโหดก็ยังปลอดภัย อีกอย่างที่เป็นไปได้คือดูเหมือนปาิยองจะพึ่งอาวุธน้ำหมึกที่ชื่อ ดาร์คเนส ลิปชิ้นนั้นมากเกินไปจนเคยตัว เมื่อต้องสู้ตัวเปล่าโดยเหลือแค่ทักษะสี เลยกลายเป็นมวยรุ่นเดียวกัน
‘อันย่าทำหน้าที่ถ่วงเวลาแล้ว
เราก็ต้องทำหน้าที่ของเรา’
อรุณเบือนหน้าหนีแล้วเดินตรงไปทางศาลาทันที ท่าไม้ตายของปืนคาเมเลียนไรเฟิลนั้นร้ายกาจสมชื่อ
เจ้าบอสหุ่นยนต์รูปร่างพิลึกตัวนี้ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ เกมนี้มันจะง่ายก็ง่ายดายอย่างน่าเหลือเชื่อ
ไหนข้อมูลบอกว่ามีสติปัญญาดีกว่าจักรกลทั่วไปไง ดีแต่โม้นี่กว่า
ข้อแลกเปลี่ยนสำหรับการหายตัว
คือเคลื่อนที่ช้าลงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ คิดง่ายๆก็คือถ้าก้าวเท้าหนึ่งครั้ง ใช้เวลาหนึ่งวินาที
ชายหนุ่มต้องเสียเวลาเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
“เอานี่ไป!” เสียงปาปิยองที่แว่วมาเรียกความสนใจให้เขาหันไปดูอย่างเป็นห่วง
เด็กสาวรู้ตัวแล้วว่ายังใช้ทักษะได้อยู่
จึงยิงพลังสีดำต่างๆนาเข้าใส่อันย่าในระยะประชิด
ส่งผลให้แม่กระต่ายน้อยกลิ้งหลบไปอีกทาง
“ฮะๆๆ
ที่แท้ห้ามใช้ของนี่เอง” นักฆ่าวัยมัธยมหัวเราะอย่างได้ที
แม้ปากจะบวมเจ่อไปหมด“คิดหรือว่าแค่นี้จะหยุดปาปิยองได้” เธอกล่าวแล้วใช้ทักษะสีปล่อยหนามแหลมพุ่งออกมาจากเงา
“ชาโดว์เบลด!”
อรุณจำได้ว่าสกิลนี้จะสร้างความเสียหายได้มากขึ้นเมื่อโจมตีคนที่ติดสถานะผิดปกติ
นี่เป็นจุดเด่นของทักษะสีดำ ที่จะสร้างความเสียหายเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ อันย่าซึ่งอยู่ห่างไปเล็กน้อยโดนหมอกคำสาปสีดำหุ้มไว้เต็มตัว
ดูท่าคงต้องเจ็บหนักแน่ๆ
แต่หนามทั้งหมดกลับปะทะเข้ากับลุกบอลแสงสีฟ้าที่โผล่มาหุ้มอันยาไว้โดยฉับพลัน
การโจมตีของปาปิยองไร้ผลโดยสิ้นเชิง
เด็กสาวก่นด่าอย่างเจ็บใจ
“ไอ้พวกสีฟ้าขี้ขลาด
แน่จริงอย่าใช้โล่เวทสิ”
“บ้านพี่เรียกฉลาดค่ะ แน่จริงน้องมาตบกับที่ตรงๆสิ
ทีนี้ลองใช้สมองคิดสิคะว่าใครขี้ขลาดกันแน่”
ระหว่างที่อันย่าพูด
ไม่ทันที่เธอจะได้ลุกก็โดนปาปิยองบันดาลโทสะยิงทักษะสีดำใส่หนักข้อกว่าเดิม
แต่ไม่มีท่าไหนเข้าไปถึงตัวแม่กระต่ายได้เลยสักอันเดียว
พลังต่างๆไม่ถูกเธอปัดทิ้งก็ถูกสะท้อนกลับตั้งแต่กำลังร่าย
ถ้าสีดำเป็นจ้าวแห่งคำสาป
สีฟ้าของอันย่าก็เป็นจ้าวแห่งการสวนกลับเช่นกัน
สีนี้แม้จะโจมตีได้เบาที่สุดในสีทั้งหมด แต่ก็มีพลังเวทมหาศาลซึ่งสามารถนำมาใช้ ‘สลายทักษะ’ ของศัตรูได้ ยกตัวอย่างโล่เวทที่ปาปิยองพูดถึงเป็นต้น หากบริหารการใช้ดีๆไม่ให้คูลดาวน์ทับกัน ก็ไม่มีทางต่อกรกับผู้เล่นสายนี้ไดเลยถ้าไม่โจมตีทางกายภาพ
แม้จะจัดการปาปิยองไม่ได้
แต่อันย่าก็สามารถใช้พลังสีฟ้าถ่วงเวลาต่อไปได้อีกนานโข
อรุณเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด
และหันกลับไปมองด้านหลังทุกครั้งที่ทำได้
นาทีกว่าเข้าไปแล้วแต่ปาปิยองก็ไม่สามารถยิงเวทถึงตัวอันย่าได้เลย
กลับกลายเป็นกระต่ายจอมโหดที่เข้าถึงตัวเธอได้ก่อน สาวน้อยนักฆ่ามีหรือจะอยากตบกันแบบแฟร์ๆอีก
เป็นฝ่ายถูกไล่ถอยหลังเสียเอง
‘เออ เชื่อแล้วว่าเธอถ่วงเลาเก่งจริง
ตบยัยเด็กนั่นร้องให้ขี้มูกโป่งไปเลยอันย่า!’
เวลาสองสามนาทีที่ผ่านไปนั้นช่างยาวนาน
ในที่สุดความพยายามของอรุณก็สำริดผลเมื่อเขาอ้อมหลังบอสขึ้นมาบนศาลาได้ในที่สุด
ศาลาหินทรงข้ามหลามตัดแคบกว่าที่ติดมาก ข้างในนี้นอกจากตัวอักษรภาษามนุษย์ต่างดาวที่สลักอยู่แล้ว
หินใสๆกินพื้นเกินครึ่งสำหรับใช้ยืนไปหมดแล้ว เพียงแค่ทำลายผลึกก้อนนี้
สัตว์ประหลาดตัวใหม่ก็จะโผล่ออกมาฆ่าทุกๆคน
อรุณได้ตัดสินใจไปแล้ว ถ้าเกมนี้ชอบกลั่นแกล้งอรุณนักแล้วล่ะก็
เขาก็ขอใช้โอกาสนี้เอาคืนทั้งหมดที่คัลเลอร์แคลชทำไว้เหมือนกัน
‘โทษทีนะวาว ไอริส ซัน คุณดอน
ยัยกระต่าย เฟอร์น่า ริน..ณดีด้วย’ ชายหนุ่มคิดก่อนใช้คันท้ายปืนฟาดออกไปสุดแรง
ชั่วขณะที่ก้อนหินใสๆนั้นแหลกละเอียดเป็นฝุ่นทรายอย่างน่ามหัศจรรย์
อยู่ดีๆท้องฟ้าด้านนอกพลันมืดมิดปั่นป่วน ก้อนเมฆจำนวนมหาศาลที่ไม่เคยเห็นในโซนนี้มาก่อนลอยขึ้นมาปกคลุมยอดเขาจนแสงอาทิตย์ไม่อาจส่องลงมาถึงได้
ความเปลี่ยนแปรนี้ทำให้บอสรีบหลังกลับมา
‘เป็นไปไม่ได้...เจ้ารู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป”
หุ่นสี่แขนชี้หน้าถามเขา
“เอาคืนเกมนี้ไงเล่า”
อรุณซึ่งพ้นจากสภาพล่องหนตอบอย่างท้าทาย
ไม่มีอะไรให้เสียอีกต่อไปแล้ว “มีปัญหาอะไรมั้ยวะ
ไอ้ลิงกอริลล่า”
“เจ้า ต้อง ตาย”
วาร์เด็นดีดตัวใส่ชายหนุ่มเหมือนลูกกระสุน
มือประหลาดทั้งสี่ของมันเรืองแสงเป็นสีเหลืองกระหน่ำต่อยเข้ามาทุกทิศทางเหมือนแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาออกหมัดอยู่ตรงหน้า แต่อะไรก็ตามที่มีสีอย่าหวังจะทำร้ายเขาได้เลย
“อินเฟ็ค!” ทักษะเก่าเก็บของอรุณแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
สีสันทั้งหลายพลันหายไปจากตัวละครของชายหนุ่ม
ความเสียหายที่เกิดจากสีจึงถูกป้องกันทั้งหมด
0! 0!
0! 0! 0!
0! 0!
0! 1420!
“โอ้ยย” อรุณโดนแรงกระแทกไปชนผนังแทบจะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ถึงจะป้องกันความเสียหายจากสี แต่การโจมตีปกติและแรงกระแทกต่างๆก็มีผลอยู่
เขารีบใช้ปืนยิงสวนกลับไปทันที
204!
เนื่องจากระดับที่ต่างกันมาก
ระดับการใช้ปืนของอรุณก็เท่าผู้เล่นใหม่ ความเสียหายจึงน้อยจนน่าสมเพศ วาร์เดน ไม่เจ็บไม่คันสักนิด แต่มันดูตกใจมากที่อรุณทำให้ตัวเองไร้สีได้
“อย่างนี้เอง
ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้รุกราน”
“ผู้รุกรานอีกละ”
อรุณได้ยินคำนี้มาไม่รู้กี่รอบ แต่ไม่เคยเข้าใจเลยว่าสื่อถึงอะไรหรือคนกลุ่มใด
ตัวเขาเองก็ได้สักกัดกลุ่มนี้ตอนที่ออกมาจากห้วงลึกแห่งซิลิวานเช่นกัน
“ก่อนสู้กัน
ช่วยบอกทีได้ไหมว่าผู้รุกรานที่ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่”
“อย่าไขสือ” วาร์เดนตอบด้วยกำปั้นแทน พื้นที่ในวิหารแคบมากจนไม่มีทางหลบหนี
แถมการโจมตีครั้งนี้ก็ไม่ใช้พลังสีด้วย อรุณคงต้องกลับจุดเซฟไปรออันย่าซะแล้ว
ตอนที่คิดเช่นนั้นวิหารก็ระเบิดอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน
ในตอนนั้น อรุณเห็นแวบๆว่าจุดเดียวกับที่เคยมีผลึกไร้สีตั้งอยู่เกิดหมุนวนบิดเบี้ยวขึ้นมา
เขาไม่รู้จะอธิบายให้ดีกว่านั้นยังไง
ทุกอย่างตรงนั้นถูกดูดเข้าไปในหลุมอากาศที่มองไม่เห็นราวกับน้ำไหลลงท่อ
แล้วก็ระเบิดกระจายออกในเวลาเดียวกัน
ไม่เพียงศาลาที่ถูกพัดกระจุย
หินที่ปูไว้บนลานกว่าครึ่งหลุดกระเด็นออกไปรอบทิศทางจนเห็นเป็นพื้นดินภูเขาโล่งๆ อันย่าและปาปิยองกลิ้งเกลือกอยู่ตรงขอบนั้นพอดีโดยมี
สุพีเรีย วาร์เดน นอนหงายคั่นระหว่างกลาง
อรุณสามารถเห็นภาพทั้งหมดนี้ได้เพราะมีแค่เขาเท่านั้นซึ่งไม่ได้รับผลกระทบใด
ไม่นับมนุษย์ประหลาดอีกคนหนึ่งซึ่งโผล่มาแทนที่หลุมอากาศด้วย
[ผู้เล่นอรุณผ่านเงื่อนไขพิเศษในการปลดปล่อย
เมทีโอ เกมคัลเลอร์แคลชปลดล็อก คลาสอินเวเดอร์ และ คลาสโซวีเรน]
[เมทีโอ
ให้รางวัลผู้เล่นอรุณ ระดับนักผจญภัยเลื่อนเป็นระดับ 31 ค่ะ]
[เมทีโอ
ให้รางวัลผู้เล่นอรุณ ได้รับ ไอเทมเซท สตาร์เกทยูนิฟอร์ม]
‘ อะไรเยอะแยะวะเนี่ย’
เสียงประกาศมากมายในหัวทำให้อรุณมึนไปหมด แต่ไม่มีสิ่งใดกระตุ้นต่อมสงสัยได้มากไปกว่ามนุษย์ครึ่งคนครึ่งกวางซึ่งค่อยๆลุกยืนตัวตรงอยู่ตรงหน้าเขาอีกแล้ว
ตามที่ข้อมูลบอก มันคือ ‘เมทีโอ’ ตัวที่ระบบพูดถึง
ชื่อ: เมทีโอ ลอร์ดแห่งสตาร์เกท สี: ไร้สี คลาส: Sovereign ระดับนักผจญภัย: 90 ระดับสี: 3 สังกัด: ผู้รุกราน |
“เจ้าเองเหรอที่ทำให้ข้าได้ออกมาคนแรก”
เมทีโอพูดด้วยเสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูเป็นกันเอง “ระดับน้อยโคตรๆเลยนี่หว่า สงสัยต้องจับเข้าคอร์สปั่นเลเวลสักหน่อย ไม่งั้นเอาชีวิตรอดไม่ถึงสงครามเริ่มแน่”
“นี่คุณเป็นผู้เล่นเหรอ”
อรุณถามด้วยความไม่แน่ใจ
กรอบข้อมูลแสดงแบบนี้หมายความว่าเป็นผู้เล่นแน่นอน
แต่เขาไม่เคยเห็นผู้เล่นคนไหนผิวซีดเป็นสีเทา แล้วมีหูกับร่างกายท่อนล่างเป็นกวางเลยนะ
เป็นกวางที่เดินสองขาแถมมีเส้นขนสีเงินอีกต่างหาก
“เอาง่ายๆคือเป็นตัวละครที่มีคนบังคับนั่นแหละ
ข้าต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา” เมทีโออธิบายสั้นๆแล้วเดินออกไปประจันหน้ากับบอสกอริลลา
เสื้อคลุมสีเทาซีดของมันพลิ้วไหมตามแรงลมอย่างสวยงาม
“ได้ออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ทดสอบสักที
งั้นขออาละวาดให้เต็มที่หน่อยแล้วกัน”
มนุษย์กวางพูดจบก็วิ่งเข้าใส่จักรกลสังหาร
ในมือขวาปรากฏอาวุธพลังงานไร้สีออกมา มันเป็นดาบจันทร์เสี้ยวใบใหญ่ที่มีด้ามจับอยู่ตรงกลาง
ชายหนุ่มเห็นก็ต้องร่ำร้องออกมาว่านั่นคือทักษะเพล อาร์มาเมนท์ แบบเดียวกับของตัวเอง
พริบตานั้นวาร์เด็นก็ลุกพรวดขึ้นมาเช่นกัน
“ผู้รุกราน!” จักรกลคำรามผ่านหน้ากาก ชี้มือทั้งสี่ใส่ศัตรูของมันเป็นคำรบ
นิ้วที่ยาวเป็นกระบอกในมือฝั่งสีเหลืองทั้งสามหมุนรอบตัวแล้วยิงกระสุนสีทองออกมาราวกับปืนกล
ในขณะที่มือด้านสีฟ้าก็ยิงแสงเลเซอร์ออกมาจากผลึกในมือ
แต่กว่าพลังเหล่านั้นจะโดนเป้าหมาย เมทีโอก็หายไปแล้ว
มนุษย์กวางคนนี้คล่องแคล่วอย่างน่าเหลือเชื่อ
พริบตาเดียวกระโดดขึ้นสูงเท่ากับบ้านสองชั้นแล้วเขวี้ยงอาวุธลงมา
“อินเฟ็ค” เมทีโอปล่อยคำสาปใส่บอสแล้วใช้ทักษะบางอย่างเคลื่อนย้ายในพริบตา
เกิดหลุมอากาศปั่นป่วนแบบเดิมที่ด้านหลังศีรษะของสุพีเรีย วาร์เดน
มันแวบไปอยู่ด้านก่อนจับดาบจันทร์เสี้ยวซึ่งปาไว้ก่อนหน้าเฉือนหลังคอศัตรู
45,070! 6,760!
“สี่หมื่น กับความเสียหายจริงหกพัน”
อรุณตะลึงไม่น้อย
นอกจากท่าเคลื่อนย้ายในพริบตาแล้วเมทีโอใช้ทักษะการต่อสู้เหมือนเขา แต่ยามใช้ออกทุกกระบวนท่าแสดงผลลัพธ์รุนแรงทั้งสิ้น
หรือบางทีคลาสพิเศษนี้อาจจะเก่งก็ได้
ขอแค่หาวิธีใช้เท่านั้น
อย่างไรก็ดี นอกจากตัวของเขาเองแล้ว ตั้งแต่เล่นคัลเลอร์แคลชมาอรุณก็ไม่เคยเห็นคนอื่นที่เล่นสายคลาสเดียวกับตัวเองเลยนอกจากเมทีโอ
ซึ่งฆ่าบอสเลเวล60ด้วยการโจมตีครั้งเดียว
นี่เป็นโอกาสที่จะศึกษาข้อมูลเชิงลึกของอาชีพใหม่ล่าสุดนี้
[ระดับนักผจญภัย เลื่อนเป็นระดับ
32]
[ระดับการใช้ปืน เลื่อนเป็นระดับ 2]
“ตายง่ายฉิบ ไม่มันเลย”
มนุษย์กวางเตะซากวาร์เดนระบายอารมณ์
เงินและไอเทมมากมายร่วงอยู่แทบเท้ากีบของมัน เจ้าตัวประหลาดกวาดสายตาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะไปหยุดตรงอันย่ากับปาปิยองเข้า
พวกเธอทั้งที่ตบกันแทบตายแท้ๆ
แต่เมื่อเจอเหตุการณ์มหัศจรรย์พันลึกเช่นนี้เข้าไป ถึงกับลืมบุญคุณความแค้นกันชั่วคราว
ต่างฝ่ายยืนดูเมทีโอตาไม่กระพริบ ผู้ที่ตั้งสติได่ก่อนคือเด็กสาวนักฆ่า ปาปิยองเห็นท่าไม่ดีจึงกลับหลังวิ่งหนีออกทางประตู
“สองคนนี้เกี่ยวข้องยังไงกับเจ้า”
เมทีโอหันมาถามอรุณ
“คนหูกระต่ายเป็นพวกเดียวกับผม อย่าทำอะไรเธอนะครับ!”
อรุณตะโกนขอร้องสุดเสียง “แต่คนที่วิ่งหนีนั่นเป็นนักฆ่า
ช่วยจับตัวเธอไว้ที”
“เห็นข้าเป็นคนใช้เรอะ จับเอาเองสิ”
‘อ้าวเฮ้ย’ อรุณโดนปฏิเสธหน้าตาเฉย
อยู่ไกลขนาดนี้เขาไม่มีทางไล่จับเธอทันแน่ ชั่วขณะที่คิดว่าปาปิยองคงลอยนวลไปได้เป็นครั้งที่สองก็มีเสียงดังสนั่นแหวกท้องฟ้าตรงเข้ามา
มันไม่ใช่นก มันไม่ใช่เครื่องบิน
มันคือคนสวมเกราะเหล็ก!
“อะ ไอรอนแมน?” สิ่งแรกที่ชายหนุ่มคิดได้ คือตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่ของอเมริกาอย่างยอดมนุษย์เตารีด
มีชายใส่แว่นดำคนหนึ่งสวมเกราะเหล็กสีแดงเหาะอยู่บนท้องฟ้าจริงๆ เขาคนนั้นกำลังตรงดิ่งมาที่ยอดเขาด้วยไอพ่นตรงปลายเท้า
“บูย่าห์ห์ห์ห์ห์ห์”
“พี่ดอน! พี่ดอนคะทางนี้!”
แม่กระต่ายน้อยกระโดดเหยงๆเหมือนกระต่ายสมชื่อเพื่อเรียกหนุ่มใหญ่คนนั้น
ตอนแรกอรุณก็ไม่เชื่อ แต่พอคนสวมเกราะลงจอดตรงหน้าเท่านั้นดันเป็นดอนจริงๆซะด้วย
ส่วนชุดเกราะไฮเทคนั้นข้อมูลก็บอกว่ามันคือ
มิสเตอร์ ออนเดอะร๊อค เดี๋ยวก่อนสิ จำได้ว่าแกเป็นมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่เหรอ
เริ่มตั้งแต่สโตกเกอร์
ต่อมาก็บอสหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายลิงกอริลลาสี่แขน แล้วก็มนุษย์กวางที่มีผู้เลนคอยควบคุม
คราวนี้เจอดอนสวมบทบาทยอดมนุษย์เตารีดเหาะมาจากฟ้าอีก
วันนี้อรุณจะเจออะไรแปลกกว่านี้อีกไหม
ถ้าบอกว่าอุกกาบาตกำลังจะชนโลกตอนนี้ ชายหนุ่มคงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
“อันย่า อรุณ ปลอดภัยดีเหรอ! พวกเธอรอดจากปาปิยองมาได้ยังไงเนี่ย”
“เรื่องมันยาวค่ะ” หญิงสาวพูดตามจริง “ปาปิยองวิ่งหนีไปทางประตูนู่นแล้ว
พี่ดอนรีบไปจับเธอกลับมาเร็วเข้าเถอะ!”
นาทีกว่าหลังจากนั้นไอรอนแมน
เอ้ย ดอน ก็จับตัวปาปิยองกลับมาได้จริงๆในสภาพถูกแช่แข็งไว้ครึ่งตัว
เด็กสาวไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วนอกจากแผลงฤทธิ์ด้วยการพ่นคำหยาบคายออกมาทางปากบวมเจ่อของเธอ
“ถ้ายังพูดไม่เพราะอีก
พี่จะให้ตบให้แก้มฉีกเลยนะคะ”
เฮือก! ปาปิยองเห็นอันย่ายื่นมือเข้ามาใกล้หน่อยเดียวก็เงียบกริบไปในทันที
เล่นเอาดอนปล่อยก๊ากออกมาแบบหยุดไม่อยู่ “ฮ่าฮ่าฮ่า
ทำอีท่าไหนเนี่ยอันย่า ขู่นักฆ่าสุดโหดอย่างผีเสื้อเดียวดายจนหงอได้”
“ก็นิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวขยิบตา
‘จิกหัวตบไม่ยั้ง
ยังเรียกนิดหน่อยอีกเหรอ ยัยกระต่ายเถื่อน’ อรุณแอบคิดในใจ
ก่อนยิงคำถามที่ตัวเองอยากรู้ที่สุดไปทางปาปิยอง “แลกกับอิสรภาพ
บอกมาซะว่าใครเป็นคนจ้างฆ่าผม”
“เหอะ! มืออาชีพอย่างปาปิยองไม่บอกตัวตนของนายจ้างหรอกนะ
มันเป็นความลับ”
“อันย่าครับ..”
“ยอมบอกแล้วค่ะ!
ยอมบอกทุกอย่างแล้วค่ะ!!”
อรุณกับอันย่าหันมาสบตากันอีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย เป็ยอันย่าที่ผุดรอยยิ้มก่อน ใครจะนึกล่ะว่าการสำรวจจะประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ เขาทั้งคู่และดอนเดินล้อมปาปิยองเข้ามา
เพื่อฟังเรื่องราวเบื้องหลังการตามล่าครั้งนี้
“ไม่มีใครจ้างทั้งนั้น
ปาปิยองรับภารกิจนี้มาจากNPC”
“ภารกิจ” อรุณไม่อยากจะเชื่อ
“เควสในเกมที่สั่งให้ฆ่าผู้เล่น คัลเลอร์แคลชมีแบบนี้ด้วยเหรอ”
“มีแล้ว” ปาปิยองพูดต่อโดยเหลือบมองดูมือของอันย่าตลอดเวลา
“NPC ที่ตรวจสอบไม่ได้ตั้งค่าหัวผู้เล่นกับมอสเตอร์หลายตัวแล้วปิดประกาศไว้ทุกเมืองเลย
เงินที่ได้เท่ากันหมด คือ หนึ่งแสนห้าต่อการฆ่าหนึ่งครั้ง”
แสนห้าต่อครั้ง คิดเป็นเงินจริงไม่ใช่น้อยเลย เขาไปทำอะไรไว้กันแน่ ระบบเกมนี้กลั่นแกล้งเขาอยู่จริงๆอย่างนั้นเหรอ
“แล้วทำไมต้องผม”
“ในรายชื่อทั้งหมด ผู้เล่นชื่ออรุณมีระดับน้อยที่สุด
ปาปิยองกับคนส่วนใหญ่เลยเลือกจะล่า เพราะยังไงก็ได้ค่าหัวเท่า..”
“ไม่ใช่! ผมไปทำอะไรไว้ถึงต้องโดนหมายหัวต่างหาก”
“จะรู้ได้ยังไงเล่า” ปาปิยองย่นคิ้ว
อรุณอารมณ์ขึ้นจนเรียกดาบพลังงานออกมาถือเอาไว้ในมือโดยไม่รู้ตัว
ไม่แน่เขาอาจจะเผลอฟันเด็กสาวไร้ทางสู้ไปแล้วถ้าได้มือสีซีดเทาข้างหนึ่งมารั้งเอาไว้จากข้างหลัง
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมนุษย์ครึ่งกวางชื่อเมทีโอ
ดอนกับอันย่าต่างรีบถอยห่างออกมาสามก้าวทันที
“เจ้าสองคนเป็นพวกเดียวกับอรุณ
ไม่ต้องห่วง ข้าจะไว้ชีวิตเป็นกรณีพิเศษ” เมทีโอยิ้มมุมปากแล้วค่อยใช้แรงดันอาวุธชายหนุ่มลง
“ข้าพอจะรู้แล้วล่ะว่าเหตุผลมันเพราะอะไร
แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยน นั่นคือเจ้าต้องมาเป็นลูกศิษย์ของข้า”
“ระวังตัวไว้นะอรุณ คัลเลอร์แคลชไม่เคยมีใครทำพันธะสัญญากับเรดบอสมาก่อนเลยนะคะ
ไม่รู้ในแพทช์ใหม่จะมีอะไรแปลกๆมาอีกบ้าง” อันย่ารีบปราบทันที
“เรดบอส?”
“นี่นายไม่ตรวจสอบข้อมูลเลยเหรออรุณ
ไอ้กวางนี่มันเป็นเรดบอสเลยนะ” ดอนหัวเราะหึๆ
หนุ่มใหญ่ต่างจากอันย่าตรงที่ระแวงเมทีโอน้อยกว่า “ตั้งแต่ตอนมาฉันเห็นมันนั่งเฉยๆก็รู้แล้ว
มอนสเตอร์พวกนี้แหละตัวอันตรายของจริงเลย แต่ฉันจะไม่ห้ามนายหรอกนะ ลูกผู้ชายมันต้องเต็มที่กับชีวิตอยู่แล้ว”
หนุ่มใหญ่กล่าวจบก็ยื่นกรอบข้อความโปร่งใสมาให้ดู
ชื่อ: เมทีโอ ลอร์ดแห่งสตาร์เกท สี: ไรสี RAID ระดับ: 90 ประเภท: ผู้รุกราน |
จ้าวแห่งสตาร์เกท หนึ่งในสี่ขุนพลแห่งจันทร์สีซีด |
‘บ้าอะไรอีกวะเนี่ย
ทำไมคนอื่นถึงได้ข้อมูลไม่เหมือนเรา บ้าชัดๆ...เกมนี้มันเพี้ยนไปหมดแล้ว’
“ว่าไง ตกลงอยากจะมาเป็นลูกศิษย์ข้าไหม” เมทีโอจี้ถามอรุณที่ดูเหมือนมีความมืดบังใบหน้าไปซีกหนึ่ง
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม แล้วตอบตกลงทันที
ความคิดเห็น