คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : ep22 - แม่กระต่ายน้อย
ในคืนวันถัดมาที่อรุณล็อกอินเข้าสู่คัลเลอร์แคลช
ผ่านอุปกรณ์ที่รูปร่างเหมือนกับหมวกกันน็อก
เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังยืนประจันหน้ากับหนุ่มใหญ่คนหนึ่งแทนที่จะเป็นเพดานห้องซึ่งติดหลอดฟลูออเรสเซนต์ นี่อาจจะเป็นแค่ความฝัน แต่นั่นแหละ เวลาที่อรุณเข้าสู่โลกเสมือนจริงใบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันเลย
ละอองน้ำและไอกำมะถันที่ถูกพัดมาตามแรงลมทำให้ชายหนุ่มตอบสนองด้วยการยกมือขึ้นมาบังโดยอัตโนมัติ
พริบตานั้นเองที่ก้อนโพลีกอนทรงเหลี่ยมมารวมตัวกันเป็น มือของตัวละคร อย่างเสร็จสมบูรณ์
หนุ่มใหญ่ตรงหน้าซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากดอน
ฉีกยิ้มทักทายอย่างอารมณ์ดี “อ้าวอรุณ มาก่อนเวลานัดซะด้วย คิดว่าไง การลุยดันเจียนคืนนี้
โซนสองสีไม่ใช่สนามเด็กเล่นของพวกเด็กอมมือหรอกนะ”
“แล้วคุณเห็นผมเป็นเด็กอมมือรึเปล่าล่ะ”
ชายหนุ่มยิงคำถามกลับอย่างไว้ที ซึ่งทำให้ดอนหัวเราะหึในลำคอเบาๆ ดันเจียนสีขาว-ฟ้าอย่าง‘ห้วงลึกแห่งซิลิวาน’เขายังเคลียร์มาแล้ว ที่นี่ก็คงไม่เกินความสามารถหรอก
“ไม่ ฉันเห็นแต่ลูกผู้ชายที่มีแววตามุ่งมั่น”
หนุ่มใหญ่เอ่ยพร้อมเดินมายืนข้างเขา
ดอนแหงนหน้ามองโบราณสถานสีดำซึ่งอยู่เลยจากเต็นท์ผ้าใบไปไม่กี่ร้อยเมตรผ่านแว่นกันแดด
มันเหมือนสร้างขึ้นด้วยการเจาะภูเขาทั้งลูกเลย ‘แล้วก็เหมือนยานอวกาศด้วย’ อรุณลงความเห็นนี้ตั้งแต่แรกเห็น
ผ่านไปครู่หนึ่งดอนค่อยหันหน้ามาถาม
“อันย่ากับนายพอเข้ากันได้หรือเปล่า”
‘แม่กระต่ายน้อยเหรอ’
ชื่อเล่นนั้นแล่นเข้ามาในหัวอรุณทันที “อันย่าเค้าเป็นคนมีเหตุผลดีครับ
แล้วก็หัวไวด้วย สมกับเป็นสีฟ้า แต่เธอตื่นทุกครั้งเวลาผมจะเข้าไปใกล้ๆ
เมื่อวานนี้ผมพยายามแล้ว แต่ก็คุยกันได้มากสุดแค่ไม่กี่คำเอง สงสัยคงไม่พอใจเรื่อง..เรื่องเมื่อวานอยู่”
“แค่ทำตัวไม่ถูกน่ะ
เธอจะเว้นระยะห่างกับคนอื่นไว้เหมือนไม่อยากสนิทกับใครมากเกินไป
กว่าจะยอมเปิดใจให้ก็ผจญภัยด้วยกันมาครึ่งปีนู่นแล้ว ตอนฉันก็เป็นแบบนี้แหละ
เชื่อไหม ตอนเห็นฉันขี่รถมาจอดคุยเป็นครั้งแรก อันย่านี่ถอยกรูดเหมือนเจอผีเลยนะ
แถมให้ลูกปืนมาตั้งสามนัด”
“ขอโทษทีนะครับ
คือว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ เวลาเจอผู้ชายหน้าเหมือนโจรเข้ามาทักกะทันหัน มันก็ต้องตกใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ว่าไปอรุณ” ดอนหัวเราะฮ่าๆอย่างไม่ถือสา “แต่กรณีนายแย่กว่าเยอะ
ดันไปยืนจ้องผู้หญิงตอนกำลังโป๊อยู่เนี่ย ไม่โดนเกลียดให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ต้องขอบคุณอีกรอบที่อันย่าเป็นคนมีเหตุผล”
ภาพหญิงสาวในชุดชั้นในลูกไม้แสนวาบหวามลอยขึ้นมาในหัวอรุณทันที
ไม่ว่าอย่างไรมันก็ติดตาติดใจเขาไม่หาย ชายหนุ่มจำต้องส่ายศีรษะแรงๆเพื่อทำให้หยุดฟุ้งซ่าน
“เกมนี้ถอดได้มากสุดแค่เหลือกางเกงในตัวเดียวหรือเปล่าครับ
รึว่ามีถึงขั้นล่อนจ้อนเลย”
“รู้นะคิดอะไรอยู่ แต่เสียใจด้วย
ถึงเกมนี้จะสมจริงแค่ไหนแต่ชายหญิงก็มีความสัมพันธ์กันได้มากที่สุดแค่ กอด กับ จูบ
อะไรที่ลึกซึ่งกว่านั้นมันทำไม่ได้”
“สรุปก็คือต่อให้เสื้อผ้าขาดกระจุยหมดก็จะเหลือชุดชั้นในอยู่เป็นอย่างน้อย
คราวนี้คงต้องขอบคุณระบบสินะครับ”
สิงค์นักบิดเห็นด้วยในข้อนี้ “ขอบคุณคนสร้างเกม
ขอบคุณระบบ ไม่งั้นการคุกคามผู้หญิงในเกมนี้คงเลวร้ายถึงขีดสุดไปแล้ว” ว่าแล้วหนุ่มใหญ่ก็เรียกซิการ์ออกมาเตรียมพร้อมถึงสองมวน
“อันย่าเป็นพวกมาตรงเวลา
ระหว่างรอเอาสักตัวไหม”
“ตามสบายครับ ผมขอฝึกดาบดีกว่า”
ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างสุภาพเช่นเดิม
แล้วแยกตัวไปใช้ดาบเกรดหนึ่งจากตอนเริ่มเกมหวดอากาศแบบเอาเป็นเอาตาย
คัลเลอร์แคลชไม่ใช่เกมที่เล่นหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกแล้ว
การต่อสู้ทุกอย่างเป็นของจริง เพื่อจะอยู่รอดไปจนพบวาว
เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น
กว่าอันย่าจะล็อกอินเข้ามา
ดอนก็สูบซิการ์หมดไปมากกว่าที่ตั้งใจไว้
ในขณะที่อรุณก็ชุ่มไปทั้งตัวด้วยส่วนผสมของเหงื่อและละอองน้ำร้อนที่ลอยฟุ้งเต็มโซนไปหมด
‘ระดับการใช้ดาบเพิ่มมาเลเวลนึง คุ้มค่าจริงๆ’ ชายหนุ่มคิดอย่างพอใจขณะปล่อยแขนที่ปวดเกร็งลู่ขนานกับลำตัว
แล้วหันมาดูก้อนโพลีกอนที่กำลังรวมตัวกันเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง
เธออยู่ในชุดนักสำรวจเหมือนที่อรุณเห็นไปครั้งล่าสุด
เป็นเสื้อแขนกุดกับกางเกงขายาวแบบเน้นการใช้งานด้วยช่องกระเป๋าจำนวนมาก แต่สิ่งที่ทำให้อันย่าโดดเด่นไม่ใช่แค่ลอนผมที่สยายลงมาถึงเอวเท่านั้น
เสื้อเชิ้ตแบบมีฮู้ดที่ติดหูกระต่ายอันเขื่องไว้ทำให้อรุณอดใจตั้งชื่อเล่นให้เธอว่า‘กระต่ายน้อย’ไม่ได้
หญิงสาวเหล่มองเขา “มาเร็วจัง เธอ..เธอชื่อว่าอะไรนะ”
“อรุณครับ”
“อรุณ
ไม่มีอาวุธที่ดีกว่านี้แล้วเหรอคะ คือ ดาบแจกผู้เล่นใหม่อันนั้นรู้สึก...เหมือนว่ามันพร้อมพังได้ทุกเมื่อเลย”
“สมบัติทั้งตัวผมก็มีแค่ไอ้เล่มนี้แหละ
ก็เพิ่งโดนฆ่าแล้วชุบจนของหมดตัวมาเมื่อวานนี้เอง” อรุณพูดแล้วก็นึกแค้นขึ้นมาจับใจ
แต่ก็แกล้งทำตัวสบายๆ ฝ่ายอันย่าพยักหน้ารับเหมือนเข้าใจแล้วหันไปยกมือไหว้หนุ่มใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป
“หวัดดีค่ะพี่ดอน
คืนนี้เราเคลียร์ที่นี่กันให้เสร็จไปเลยดีไหม หนูเบื่อกลิ่นกำมะถันจะแย่แล้ว”
“แน่นอนอันย่า
ตอนนี้เรามีอรุณมาช่วยอีกแรง เงื่อนไขแปลกๆของแพทช์ใหม่หยุดยั้งเราไม่ได้แล้ว!”
คนอาวุโสตอบเสียงเข้มแล้วเรียกอรุณกับหญิงสาวให้เข้าไปใกล้ๆ “เรียกแผนที่ออกมาให้อรุณดูหน่อย แอดเพื่อนเอาไว้ด้วย”
“ค่ะ... อรุณ
นี่คือแผนที่ของโบราณสถานสีดำทั้งหมดที่สามารถสำรวจได้”
แม่กระต่ายน้อยกางกรอบข้อความโปร่งใสขึ้นมาตรงหน้าเขาแล้วเริ่มอธิบายยาวเหยียดโดยเลี่ยงที่จะพูดคุยกับเขาโดยตรงอย่างชัดเจน
เกือบสิบนาทีที่ผ่านไปอรุณจึงรู้สึกเหมือนจึงเหมือนยืนฟังอาจารย์สอนมากกว่า
ชายหนุ่มจับใจความโดยสรุปได้ว่า
สิ่งที่เหมือนยานอวกาศฝังลงไปในภูเขานี้แบ่งออกได้เป็นสามส่วนใหญ่ ตามระดับความสูง
หนึ่งคือโถงทางเข้าซึ่งทอดยาวผ่าเข้าไปหลายร้อยเมตร
จุดนี้เป็นทางเดินโล่งๆซึ่งเต็มไปด้วยบันใดและช่องทางเดินขนาบไว้ทั้งซ้ายขวา
เมื่อผ่านไปจะพบทางขึ้นสู่ชั้นบนซึ่งเต็มไปด้วยท่อน้ำร้อนและกลไก
ส่วนที่สองนี้มีปริศนาและกับดักอยู่เต็มไปหมด นอกจากจะมีแผนผังชวนหัวซึ่งเกิดจากห้องทรงกลมจำนวนมากมาเชื่อมต่อกันแล้ว
อันย่ายังบอกว่ามีมอนสเตอร์ดักโจมตีเป็นระยะอีกด้วย
สุดท้ายแล้ว ลัดเลาะผ่านชั้นสองไปจนถึงห้องบนสุดตรงใจกลาง
ก็จะพบลิพท์ขึ้นส่วนที่สามซึ่งอันย่าบอกว่าเธอยังเข้าถึงไม่ได้ หลักฐานก็คือในแผนที่แสดงให้เห็นเป็นห้องครึ่งวงกลมตั้งอยู่โดดๆเท่านั้น
จุดนี้เองที่เหมือนว่าผู้เล่นไร้สีอย่างเขาจะต้องเป็นกุญแจ
“เธอจะต้องคุ้มกันอรุณอ้อมไปทางส่วนที่ลึกที่สุด
ถึงจะเสียเวลาค่อนข้างเยอะแต่ก็ปลอดภัยจากมอนสเตอร์ ส่วนพี่จะคอยสำรวจเก็บตกอยู่รอบนอกของส่วนที่สอง”
ดอนใช้ซิการ์ที่สูบไปครึ่งมวนลากไปตามแผนที่เพื่อออกคำสั่ง
ฟังจบอันย่าก็เสนอโดยฉับไว “มอนสเตอร์ที่นี่เป็นสีเหลืองกับฟ้านะคะ
ถึงอรุณจะระดับแค่ยี่สิบต้นๆ แต่พวกนี้โจมตีเบาจะตาย หนูว่าบุกฝ่าไปเลยน่าจะดีกว่า”
“จริงอย่างที่อันย่าพูด
ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมหรอกครับ”
“ไม่มีทั้งอาวุธแล้วก็เครื่องป้องกันก็จะฝ่าเข้าไปเหรอ
ฉันชอบความบ้าดีเดือดของนายนะอรุณ แต่รอบนี้คงจะไม่ได้” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงเครียดเป็นครั้งแรก
“ฟังนะ...ตอนที่ฉันล็อกอินเข้ามาก่อนเวลานัดประมาณหนึ่งชั่วโมงได้เพื่อเก็บกวาดมอนสตเรอ์แถวนี้ให้เรียบ ก็ไปเจอเงาดำเข้า”
“เงาดำ? หนูมาอยู่ที่นี่ตั้งนานไม่เคยเห็นมอนสเตอร์หรืออีเวนท์แบบนั้นเลยนะคะ”
“มันไม่ใช่มอนสเตอร์ คนนี่แหละ”
อรุณกำดาบแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ทักษะของพวกนักฆ่าสามารถใช้ซุ่มติดตามเป้าหมายจากเงามืดได้”
“รู้ได้ยังคะว่าเป็นนักฆ่า”
อันย่าดูท่าทางกังขา แต่ก็ลดเสียงตัวเองให้เบาลงจนทุกคนพลอยเปลี่ยนเป็นกระซิบ
เสียงสายลมหวีดหวิวผ่านหุบเขาตอนนี้ก็ดังพอแล้วที่จะกลบเสียงพูดทั้งหมด
“ตอนผมเล่นเมื่อก่อนเห็นอะไรแบบนี้บ่อย
สมัยที่มันยังเป็นแค่เกมน่ะ”
“เธอ...เป็นพวกผู้เล่นเก่า หรือ ผู้เล่นรุ่นทดสอบที่สร้างตัวละครใหม่อะไรแบบนั้นเหรออรุณ
เรายังไม่รู้เลย”
ก่อนที่อันย่าจะเข้าใจผิดไปกว่านี้ ดอนต้องรีบแก้ต่างให้ว่า
“อันย่าคงไม่รู้สินะ
แต่ก่อนคัลเลอร์แคลชมันเป็นเกมออนไลน์ธรรมดา
พี่กับอรุณเคยเล่นสมัยนั้นมาด้วยกันทั้งคู่
สกิลตอนนี้กับตอนนั้นแทบจะเหมือนกันเปี๊ยบ”
“ทักษะของพวกนักฆ่าสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นเงาได้ใช่ไหมอรุณ
เราเห็นมากับตาเยอะแล้ว”
‘ใช่
ปาปิยองก็หลบดอนเข้าไปในเงาเหมือนกันก่อนจะโผล่ออกมาแทงเราแล้วหนีไปได้’ ชายหนุ่มเลือกไม่ตอบอะไร เขานึกถึงใบหน้าของเด็กสาวมือสังหารคนนั้น ตอนหัวเราะคิกคักได้อย่างแม่นยำ
“อย่างนี้เอง
หนูไม่มีประสบการณ์สู้กับผู้เล่นเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยรู้จักทักษะของคลาสอื่นค่ะ แบบนี้ก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน”
ดอนเสริมต่ออย่างพอใจ “ถึงไม่ชัวร์
แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นนักฆ่า ก่อนหน้านี้อรุณก็โดนนักฆ่าชื่อดัง ‘ผีเสื้อเดียวดาย ปาปิยอง’ ลอบทำร้ายมาแล้ว
อาจจะมีคนอื่นที่รับงานนี้ด้วยเหมือนกันก็ไม่แปลกอะไร”
อรุณสังเกตเห็นแม่กระต่ายน้อยทำหน้าตกใจแล้วหันมามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“รอดมาได้ยังไงกันคะ จากผีเสื้อเดียวดายคนนั้น”
จากที่อันย่าพูดทำให้อรุณรู้ว่าปาปิยองมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดไหน
‘แต่ฉายาว่า ผีเสื้อเดียวดาย
เชียวนะ ฟังแล้วคงไม่ใช่พวกชอบทำงานเป็นทีมแน่ แต่ถ้าจะตามเราที่นั่งมอเตอร์ไซค์ทันก็เก่งเกินไปหน่อยแล้วมั้ง’
ระหว่างที่อรุณกำลังครุ่นคิด ดอนก็ส่งคำเชิญเข้าร่วมปาร์ตี้มาพร้อมคำขอเป็นเพื่อน
“ฉันจะคอยระวังหลังให้เอง
ทั้งสองคนมีอะไรก็โทรมาทันทีเลยนะ”
ปาร์ตี้เฉพาะกิจตบเท้าเข้าสำรวจโบราณสถานทันที หลังจากนั้นอรุณค้นพบระหว่างก้าวเข้าไปตามความลึกของโถงทางเดินว่า ที่นี่สว่างกว่ารูปลักษณ์ดำทะมึนที่เขาเห็นภายนอกลิบลับ
บนพื้นและผนังเต็มไปด้วยท่อร่องให้น้ำร้อนไหล ของเหลวที่ออกมาสะท้อนแสงวูบวาบจากโคมไฟสีฟ้าอ่อนบนเพดานตลอดเวลา
ในขณะที่ผนังและหัวเสาบางส่วนแกะสลักเป็นรูปใบหน้าคนสีทองอร่าม
ฟ้าและเหลือง ดันเจียนนี้จะเป็นสีอื่นไปได้ยังไง
ดอนแยกตัวไปตั้งแต่ครึ่งทางแล้ว
อรุณกับอันย่าจำต้องเดินลึกต่อเข้าไปด้านในที่ยิ่งนานกลิ่นของกำมะถันยิ่งเข้มข้น อากาศที่นี่ไม่ถ่ายเทเลยแม้แต่นิดเดียว
ดูได้จากไอน้ำที่ลอยปกคุลมอย่างหนาแน่น แต่ถึงจะทัศวิสัยแย่เพียงใด
แม่กระต่ายน้อยก็เว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสองไว้เสมอ
ไม่ช้าอรุณก็พบว่าตัวเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และจำต้องถอดเสื้อออก
‘โบราณสถานหรือห้องอบซาวน่า จะร้อนไปไหน’
เขาบ่นในใจขณะบิดเสื้อแล้วเอามาเช็ดหน้า
เนื่องจากไม่ได้มองทางจึงชนเข้ากับอันย่าแบบไม่ได้ตั้งใจ
“ขอโทษที ผมไม่ทันมอง!” อรุณถอยห่างจากหญิงสาวโดยพลัน ก่อนจะพบว่าเธอมีสีหน้าซีดเซียวแบบแปลกๆ
ความอึดอัดจากการเดินเงียบๆมาตลอดทางทำให้เขากล่าวออกไป
“ว่าข้างนอกร้อนแล้ว
ในนี้ยิ่งร้อนกว่าอีกเนอะ”
“อือ ร้อนมาก” อันย่าหลบสายตา “เดี๋ยวขึ้นไปส่วนที่สอง ไอน้ำมันจะไม่หนาขนาดนี้แล้ว
แต่ร้อนกว่าเดิมอีก
ต้องคอยกินน้ำหรือน้ำยาเพิ่มพลังไม่งั้นเดี๋ยวติดสถานะผิดปกติแบบพิเศษ...นี่ค่ะ”
หญิงสาวว่าแล้วก็เรียกใช้ระบบแลกเปลี่ยน
เธอส่งน้ำยาเพิ่มพลังแบบถูกที่สุดมาให้ถึงสามสิบขวดแบบฟรีๆ พร้อมกับขวานหินสองดาวหนึ่งเล่ม
อรุณแปลกใจ “ให้ผมเหรอ”
“คอยดื่มหนึ่งขวดทุกครั้งที่รู้สึกหน้ามืดไม่งั้นจะติดสถานะ‘เป็นลม’ได้ ส่วนขวานนั่นเอาไปใช้ป้องกันตัวแทนดาบเกรดหนึ่งนะ”
อันย่าตอบไม่ตรงคำถามแถมพูดไม่มองหน้าอีก “ถ้าเธอเป็นอะไรก่อนถึงชั้นสามล่ะก็เราแบกขึ้นไปไม่ไหวหรอก”
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง ไว้วันหลังผมจะหาทางจ่ายคืน…”
“ไม่ต้องจ่ายคืนหรอกค่ะ! แต่ช่วยสัญญาอย่างนึงก็พอ”
‘ชักสนุกแล้วสิ’ ชายหนุ่มรับคำทันใด
“เธอต้องตามเรามาข้างหลังตลอด
แล้วก็อย่ามองเราจากจากข้างหน้าด้วย ทำได้ใช่ไหมคะ”
อรุณพยักหน้าตอบอีกรอบเพื่อเป็นการยืนยัน
อันย่ารีบหันหลังให้เขาทันทีแล้วถอดเสื้อของเธอออกบ้าง
ขนาดอรุณที่ใส่แค่เสื้อบางๆตัวเดียวยังทนไม่ไหว เธอก็คงเหมือนกัน
แต่ไม่นานนักกางเกงก็ถูกปลดออกด้วย
พริบตานั้นเองที่เขารู้ตัวว่าควรทำอะไรแล้วหันหลังหลบเธอไปบ้าง
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงเจอเธอครั้งแรกในสภาพนั้น
ความเงียบชวนให้อึดอัด จินตนาการของอรุณก็พลอยเตลิดเปิดเปิง
‘แก้ผ้าเปลี่ยนชุดเอาตรงนี้เลยนี่หว่า
ดีนะ ที่ไอน้ำศีลธรรมบังไว้ เธอคงไม่เห็นว่าเราเผลอแอบดู’ ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย และหันหน้ากลับมาอีกครั้งเมื่อเธอให้สัญญาณ
แม่กระต่ายน้อยที่มีเพียงเสื้อฮู้ดหูกระต่ายคลุมตัวไว้สะดุ้งโหยง
รีบก้าวฉับๆเดินหนีไปทันที “เรารีบไปเถอะ แล้วก็! ห้ามแอบมองเด็ดขาดเลยนะคะ!!”
‘เป็นคนขี้ร้อนสินะ’ ชายหนุ่มกลืนคำพูดแล้วเร่งฝีเท้าตามไปอย่างระมัดระวัง
เขาเดินตามเธอลอดช่องที่แกะสลักเป็นรูปใบหน้าคนสีทองกำลังอ้าปาก
แล้วบันใดเวียนซึ่งสลักมาจากก้อนหินทั้งหมด ยิ่งไต่สูงขึ้นไปไอน้ำก็ยิ่งลดลง
ไม่มีมอนสเตอร์ร้ายกาจใดๆโผล่ออกมารังควาญเขาเลย
นอกจากกระต่ายน้อยตัวขาวจั๊วซึ่งมีขนสีดำคลุมเอาไว้เฉพาะส่วน
หนึ่งร้อยชั้น
เขาเริ่มปวดเมื่อยและมองขึ้นไปด้านบนเพื่อหาหัวบันใด
สองร้อยขั้น
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้ามาทันอันย่าซึ่งเหนื่อยหอบไม่แพ้กัน
เขาจำต้องเดินตามหลังเธออย่างที่สัญญาไว้
สี่ร้อยขั้น...อรุณกลายเป็นฝ่ายที่ต้องหิ้วปีกอันย่าขึ้นมาเสียเอง
เนื่องจากเธอติดสถานะผิดปกติ ‘เป็นลม’ กว่าจะมาถึงชั้นสองตรงขั้นที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
ทั้งคู่ก็นอนแผ่อยู่ข้างกันบนพื้นอย่างหมดสภาพ
‘เตือนเองเป็นเองอีกแน่ะยัยนี่
ถ้าเราไม่แอบมองตอนนั้นสงสัยกลิ้งตกบันใดชัวร์’ ระหว่างนั้นอรุณก็ลอบนินทาอีกฝ่ายในใจ
สถานะผิดปกติแบบพิเศษจะหายไปเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
แต่ไม่ใช่ว่าจะแก้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง เพียงแต่ว่าจำต้องหาไอเทมเฉพาะทางมาหักล้าง
ชื่อ: โซดาเกลือแร่ ** สี: ไร้สี ข้อจำกัด: ไม่มี |
เครื่องดื่มเกลือแร่ที่ช่วยลดอาการสูญเสียน้ำได้
มีหลายกลิ่นให้เลือกตามวัตถุดิบที่ใช้ผลิต
สามารถใช้บรรเทาและป้องกันสถานะผิดปกติแบบพิเศษ ‘เป็นลม’ |
เขาอ่านข้อมูลของน้ำยาเพิ่มพลังที่อันย่าให้อย่างพิจารณาก่อนจะดื่มเข้าไปจนหมดขวด
และกรอกอีกชวดใส่ปากหญิงสาวที่อ้าออกจากการหอบด้วย เธอตื่นขึ้นมาไม่กี่นาทีหลังจากนั้นโดยพบว่ามีลมเย็นๆส่งมาจากพัดในมืออรุณ
เธอไม่สงสัยว่าพัดที่สร้างขึ้นมาจากพลังงานไร้สีคืออะไร
แต่เลือกถามถึงตัวเขาแทน “อรุณแบกเราขึ้นมาเหรอ”
“พยุงขึ้นมา” อรุณแก้ให้ “ที่ผ่านมาอันย่าสำรวจทั้งหมดนี่ด้วยตัวคนเดียวเลยใช่ไหม
ทำยังไงถึงไม่ร้อนตายซะก่อนเหรอ”
“เรา..เรามีวิธีแก้ร้อนอยู่”
เธอตอบอายๆแล้วกระชับเสื้อตัวนอกปกปิดร่างกายไว้ “ขอน้ำยาอีกขวดได้ไหมคะ”
‘จะไม่เซ้าซี้ละกันว่าวิธีไหน’
ชายหนุ่มทำตามคำขออย่างอดทน
จนกระทั่งอาการของอันย่าดีขึ้นและพร้อมจะนำเขาไปต่อ เธอเรียกปืนรูปร่างแปลกคู่หนึ่งมากระชับไว้ในมือทั้งสองแล้วเรียกใช้ทักษะของตัวเอง
“เทรล เบลสเซอร์”
อันย่าก้าวออกไปโดยทิ้งรอยเท้าเรืองแสงสีฟ้าเอาไว้
รูนอิน ไฟน์เดอร์ (Ruin finder) หรือ
ผู้ค้นหาซากโบราณ เป็นอาชีพขั้นสองในสายของอันย่า สืบเนื่องจากคลาสแรกคือผู้ใช้วัตถุ (Artificer) ซึ่งเป็นคลาสพิเศษที่ต้องพึ่งพาไอเทมเป็นอย่างมาก
รูน ไฟน์เดอร์ ไม่มีทักษะโจมตีใดๆเพิ่มเติมมาจากคลาสแรกเลย แต่จะได้รับสกิลสนับสนุนการสำรวจซากสิ่งก่อสร้างในโซนต่างๆ
และดันเจียนเข้ามาแทนที่ ตอนคัลเลอร์แคลชยังเป็นแค่เกมธรรมดา อรุณจำได้ว่าพวกนี้สามารถหาไอเทมเกรดสูงๆได้ง่ายกว่าคนอื่นหลายเท่านัก
ทักษะเทรล
เบลสเซอร์(Trail
blazer) ที่หญิงสาวกำลังใช้
เป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานที่อรุณยังจดจำได้ดี
มันจะทิ้งรอยเท้าเรืองแสงซึ่งจะมองเห็นแค่ผู้ใช้กับพันธมิตรทิ้งเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวหลงหรือหาทางกลับไม่ถูก
ถึงจะสงสัยว่าในเมื่อเธอรู้เส้นทางอยู่แล้วจะทิ้งรอยเท้าเรืองแสงไว้ทำไม
แต่ท่าทางจริงจังของอีกฝ่ายก็ทำให้อรุณคล้อยตามด้วยการเสกดาบพลังงานมาเตรียมเอาไว้
โดยคราวนี้พลังโจมตีของมันสูงขึ้นนับร้อยหน่วยจากขวานหินอันใหม่ที่ติดตั้งในช่องอุปกรณ์
[พบมอนสเตอร์ โกลเด้นเฟส ระดับ 30
จำนวน 2 ตัว]
ศัตรูสีเหลืองที่มีลักษณะเป็นหน้ากากรูปใบหน้ามนุษย์ลอยไปลอยมาโดยมีกลุ่มไอน้ำช่วยพยุง พุ่งฉิวออกมาต้อนรับหลังจากอรุณเดินตามอันย่ามาได้สามห้อง มันไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนอันย่าสอยร่วงด้วยการยิงปืนสามนัดติดๆ ตัวที่สองกรีดร้องทันใดด้วยเสียงเหมือนกาน้ำเดือดก่อนจะถูกส่งลงนรกตามเพื่อนไปติดๆ
17,860! 17,300! 17,470!
17,850! 20,560! 29,602!
“มันเรียกพวกแล้ว รีบวิ่งค่ะ!”
แม่กระต่ายน้อยออกคำสั่งแล้วใช้ทักษะสีเพื่อวางกับดักสีขาวฟ้าไว้บนพื้น
ทันทีที่ชายหนุ่มวิ่งรีบตั้งสติแล้วตามออกมา ก็มีหน้ากากสีเหลืองมากมายบินไล่หลังทั้งสองเหมือนฝูงผึ้ง
แต่แล้วกับดักสีขาวฟ้าบนพื้นแสดงผลทันใด
มันสร้างกำแพงแสงออกมาต้านพวกมอนสเตอร์ไว้ทำให้แต่ละตัวชนกันเองเป็นแถบๆ
อรุณคิดไม่หันกลับไปมองเป็นครั้งที่สอง เขาวิ่งตามหูกระต่ายที่เหวี่ยงไปมาบนฮู้ดของอันย่า
เลี้ยวขวาสองครั้ง แล้วก็ทะลุตรงอย่างเดียวไปเป็นสิบๆห้อง ก่อนที่เริ่มเลี้ยวขวาซ้ำอีกนับครั้งไม่ถ้วน เขาพบว่าทุกห้องจะต้องมีพวกหน้ากากโผล่ออกมาทุกครั้งไป
‘เราวิ่งวนกลับมาที่เดิม!’ อรุณสังเกตเห็นรอยเท้าเรืองแสงบนพื้นก็คิดอย่างตระหนก แต่ก็ยังคงวิ่งตามอันย่าต่อไป
เขาไม่มีทางสู้มอนสเตอร์ระดับสูงกว่าทั้งฝูงได้แน่นอน
ตอนนี้มีแต่ต้องเชื่อใจอันย่าเท่านั้น
ในการเลี้ยวขวาครั้งสุดท้าย รอยเท้าเรืองแสงก็มาบรรจบกันพอดี
ทั้งคู่มาหยุดตรงปากทางเข้าในตอนแรกอีกครั้ง เพียงแต่ว่าคราวนี้สถานการณ์กำลังย่ำแย่
ไม่ว่ามองทางไหนก็มีใบหน้าสีทองของมอนสเตอร์ลอยเบียดเสียดกันอยู่ทุกทิศทาง
“เพล อาร์มาเมนต์” อรุณใช้สกิลเดิมซ้ำเพื่อเปลี่ยนอาวุธพลังงานในมือจากดาบเป็นขวานด้ามยาว
อย่างน้อยเวลาที่พวกมันเหาะเข้ามาพร้อมๆก็ยังพอเหวี่ยงอาวุธเพื่อโจมตีหลายตัวได้
แต่พวกหน้ากากเลือกอ้าปากยิงไอน้ำออกมาแทน หมอกสีขาวที่เกิดจากละอองน้ำร้อนจำนวนมากพุ่งเข้ามากลืนกินชายหนุ่มจากทุกทิศทาง
“อันย่า มันบุกเข้ามาแล้ว”
อรุณร้องเตือนเมื่อเห็นแสงสีทองวูบไหวอยู่เบื้องหลังไอน้ำ
หญิงสาวเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเช่นกัน
เธอรีบใช้ทักษะสีวางกับดักสีฟ้าขาวแบบเดิมลงที่พื้นติดต่อกันให้มากที่สุด
เมื่อร่ายอันที่สองเสร็จพอดีก็เกิดเสียงกระแทก
ปึงปึงปึง เหมือนคนทุบกระจก
หน้ากากสีทองลอยได้มากมายกระหน่ำพุ่งชนเข้ามาจากทุกทิศทางราวกับซักซ้อมกันไว้
ถ้าไม่ใช่เพราะมีม่านกระจกจากกับดักของอันย่ามาขังไว้
อรุณคงคิดว่าเขาคงโดนส่งกลับจุดเซฟไปแล้ว
เหล่าหน้ากากทองเมื่อเห็นว่าการพุ่งชนตรงๆไม่ได้ผลก็ไม่ลดละ พวกมันพากันถอยออกไปเล็กน้อยแล้วเรียงแถวอย่างสวยงามจนเห็นเป็นแส้สีทองสามเส้นวูบไหวบนอากาศ
วี้ด! ปึงงงงง
แส้สีทองตวัดอากาศลงมาด้วยความเร็วสูงก่อนจะชนกับม่านกระจกอย่างแรงจนทั้งสองรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือน
แต่ละอันหมุนไปทั้งซ้ายขวาตวัดลงมาจากรอบทิศทางแบบไม่หยุดหย่อน เสียงปึงนั้นยิ่งนานยิ่งชวนให้ใจหายอย่างยิ่ง
“กันได้อีกนานแค่ไหน!?” อรุณปั้นหน้าเครียดหันไปถามหญิงสาว
“สิบสองวินาที” อันย่าตอบอย่างใจเย็นจนเขายังต้องทึ่ง “นับหนึ่งถึงสิบแล้วหมอบให้เร็วที่สุดเลยนะคะ”
“สิบ เก้า แปด เจ็ด..”
พริบตาที่คำนั้นหลุดออกมาจากปากอรุณ อันย่าเปลี่ยนอาวุธจากปืนคู่เป็นมีดสั้นซึ่งทุกส่วนบิดโค้งงดงามเป็นตัว s เธอใช้มือที่ว่างร่ายอักขระเวทมนต์ฉาบลงไปตรงส่วนคมนั้น
“อักขระมนตรา คาเจีย” มีดสั้นตอบสนองด้วยการเปล่งแสงสีฟ้าแรงกล้าทันที
“หก ห้า สี่ สาม..”
ตรงข้ามกับแสงจากมีดในมือหญิงสาว
ยิ่งผ่านไปนานม่านกระจกยิ่งอ่อนแรงลงทุกที
มาถึงตอนนี้รอยร้าวก็ปรากฏตรงตำแหน่งทั้งสามที่โดนพยุหะหน้ากากจู่โจมแล้ว
อรุณคุกเข่าลงขณะที่ยังนับถอยหลังต่อไป
“สอง..หนึ่ง!”
อันย่าวาดอาวุธเป็นเส้นโค้งรอบตัว เมื่อการโจมตีครั้งสุดท้ายของมอนสเตอร์ฉีกม่านกระจกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คราวนี้ไม่มีอะไรขวางทั้งสองเอาไว้กับแส้สีทองอีกแล้ว หญิงสาวจึงรีบกระโดดหมุนตัวแล้วปามีดสวนกลับในทันที
มีดหนึ่งเล่มแยกออกเป็นสองเล่ม จากนั้นเพิ่มทวีคูณราวตาข่ายถี่ยิบซึ่งไม่มีทางหลบเลี่ยง “ท่าไม้ตาย?” เขาต้องอุทานออกมาเมื่อห่าฝนศาสตราหมุนคว้างในอากาศ จนมีสภาพไม่ต่างอะไรกับกงจักรนับร้อยพัน
“จงเชือดเฉือนพวกมัน อนาตาเซีย!”
แม่กระต่ายน้อยออกคำสั่ง
ก่อนความเสียหายจะพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
ความคิดเห็น