คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : special ep1 - ตัดฉากโลกจริง
ปึก!
อรุณที่ลุกพรวดจากเตียงด้วยความเคยชิน ถูกเครื่องเล่นเกมกระแทกเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจนความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง “ลืมไปเลยว่ามีหมวกกันน็อกครอบหัวอยู่” เขาบ่นกับตัวเองเพียงลำพังในห้องพักที่ว่างเปล่า แล้วค่อยๆคลานออกมาเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องซ้ำสอง
เมื่อตั้งสติได้ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะเช็คว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วจากโทรศัพท์มือถือที่เสียบชาร์จไว้ของเขา มันกลับบอกว่าเป็นเจ็ดโมงเช้าแทนที่จะเป็นช่วงที่ล๊อกเอาท์นั่นคือก่อนหกโมงนิดหน่อยด้วยเหตุผลบางอย่าง
ตอนนั้นเองที่เกดโทรมา
‘ดีเลย ว่าจะโทรไปหาอยู่พอดี’ อรุณหรี่เสียงแล้วกดรับสาย “ว่าไง เดี๋ยวนี้ตื่นเช้ากับเขาเป็นแล้วเหรอ”
“ฮัลโหล! คัลเลอร์แคลชเป็นยังไงบ้างล่ะอรุณ ยอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ! เจ๋งสุดๆเลยใช่เปล่า!! ตอนฉันเข้าไปเล่นครั้งแรกก็ตะลึงเหมือนกันนั้นแหละว่าทำไมมันทั้งสวยทั้งเหมือนจริงได้ขนาดนี้ ถ้าให้เดาตอนนี้อรุณคงไปถึงแคโลไรน์แล้ว ว่าไงล่ะ กลับมาครั้งนี้จะเล่นคลาสเดิมอีกหรือเปล่า”
‘หนวกหูชะมัด นี่พูดหรือตะโกนเนี่ย’ อรุณนึกรำคาญแล้วตอบกลับ “เป็นเกมที่สุดยอดเหมือนเดิมนั่นแหละ ส่วนเรื่องคลาสน่ะคงไม่มีสิทธ์เลือกแล้ว เพราะฉันดันไปผ่านเงื่อนไขแปลกๆจนได้คลาสพิเศษมา”
“เอ๋ มาถึงก็สร้างตำนานบทใหม่แล้วเหรอ ถ้าอย่างนั้น...กะแล้วเชียวว่าอินเฟ็คเตอร์คนแรกของเซิร์ฟเวอร์ไทยที่พวกคนในบริษัทพูดถึงต้องเป็นอรุณจริงๆด้วย”
“เธอรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้คลาสพิลึกนี่ ก็รีบบอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยล่ะ” เกดครางงอน “ถามนางแบบสุดสวยกลับใช้คำพูดคำจาแบบนี้เหรอ”
อรุณถอนใจเหนื่อยหน่าย “ผู้หญิงซกมกอย่างเธอฉันไม่นับเว้ย เอ้า ถามดีๆก็ได้ ถ้ารู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคลาสอินเฟ็คเตอร์ก็ช่วยบอกฉันมาหน่อยเถอะ ตอนนี้สับสนไปหมดแล้วจริงๆ”
อีกฝ่ายเงียบไปนาน จนอรุณคิดว่าเธอวางสายไปแล้วจึงค่อยได้รับคำตอบที่น่าผิดหวังกลับมาว่า
“มันเป็นสายคลาสใหม่ของแพทช์ ผู้รุกรานสีซีด ที่เพิ่งอัพเดตพร้อมกันทั่วโลกเมื่อวานนี้เพื่อฉลองครบรอบหนึ่งปีของเกมน่ะ... ส่วนที่เหลือบอกไม่ได้... จริงๆคือไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่รู้งั้นเหรอ นี่เธอทำงานอยู่กับเรนโบว์คอมปานีจริงๆรึเปล่าเนี่ย”
“โทษทีนะอรุณ บริษัทเรนโบว์คอมปานีน่ะใหญ่มากเลยใช่ใหมล่ะ มันเลยแบ่งเป็นหลายฝ่ายหลายแผนกเยอะแยะไปหมดเลย ตรงที่ฉันสังกัดอยู่น่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับการพัฒณาตัวเกมโดยตรงแต่เป็นการโฆษณามากกว่า ถึงรู้ว่าจะอัพเดทอะไรเข้ามาใหม่ก่อนคนอื่น แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากหรอกนะ อืม ดูเหมือนจีเอ็มจะมาประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการภายในวันสองวันนี้แหละ อรุณรอถึงตอนนั้นละกัน”
“แต่ถ้าเป็นธีมโดยรวมก็พอบอกได้นะ มันเป็นแนวสัตว์ประหลาดต่างดาวบุกโลกน่ะ”
‘สัตว์ประหลาดบุกโลก... เอเลี่ยน..?’
“สรุปที่โทรมามีเรื่องแค่นี้ใช่ไหม” อรุณรีบตัดบทเพราะรู้สึกแสบแก้วหูไปหมด ถ้าคุยกับเกดนานกว่านี้สงสัยเขาหูดับกันพอดี
“เปล่า จริงๆแล้วจะโทรมาถามว่า เจอวาวแล้วหรือยัง”
หัวใจอรุณเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ คำถามเมื่อกี้เหมือนไปจี้แผลที่เกิดจากความผิดพลาดของตัวเขาเองที่เริ่มเกมอย่างผิดพลาดจนถูกส่งไปในโซนสองสีแต่แรก อย่างว่าแต่หาวาวให้เจอเลย แค่ไปถึงเมืองหลวงของเกมเขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ยังเลย มีข่าวกับเรื่องของวาวเต็มไป...”
“ยังไงเนี่ย! เริ่มเกมที่ค่ายฝึกของภาคกลางแล้วก็ต้องเจอสิ!?!”
‘ลาก่อนเยื่อแก้วหู’ อรุณคิ้วขมวดเมื่อเกดแผดเสียงออกมากะทันหัน เขาตัดสินใจหรี่เสียงพูดคุยให้เบาที่สุดแล้วย้อนถามไปว่า “หมายความว่าไง เริ่มที่ค่ายฝึกแล้วก็ต้องเจอ”
“มีข่าวดังกระฉ่อนว่าวันนี้มิสโกอิ้งไปที่ค่ายฝึกผู้เล่นใหม่ด้วยเหตุผลบางอย่างน่ะสิ ใครเริ่มเล่นเกมวันนี้ก็เจอเธอกันทั้งนั้นแหละ นี่ ฟังอยู่รึเปล่า นี่”
อรุณล้มไปนอนกุมขมับอยู่บนเตียง เขาพลาดโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตัวเองไปเสียแล้ว และมันจะไม่มีเป็นรอบที่สอง
‘ไอ้บ้าเอ้ย เพราะรีบร้อนเกินไปแท้ๆ ถ้าเริ่มเกมแบบธรรมดาอย่างคนทั่วไปป่านนี้ยังไงก็คงได้เจอกับวาว แกนี่มันทั้งบ้าทั้งไม่ได้เรื่องจริงๆเลยอรุณ’ ชายหนุ่มดุด่าตัวเองในใจอย่างเจ็บแค้นโดยไม่สนว่าเกดที่ปลายสายจะรออยู่หรือไม่ ‘ทำไมวาวถึงมาที่ค่ายฝึกผู้เล่นใหม่ มาหาเราเหรอ ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ วาวจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเราเข้าเกมมาหาเธอ’
“นี่ อรุณ! เป็นอะไรหรือเปล่าอรุณ ทำไมถึงเงียบไปล่ะ ”
ชายหนุ่มค่อยๆตอบกลับอย่างยากลำบาก “ฉันเริ่มเกมในเส้นทางผู้เล่นมีประสบการณ์ว่ะเกด ไม่ได้ถูกส่งไปเกิดที่ค่ายฝึกผู้เล่นใหม่ เพราะงั้นเลยไม่ได้เจอกับวาว”
“เลือกเล่นทางผู้เล่นมีประสบการณ์”เกดเอ่ยเสียงเครียดไม่แพ้กัน “ให้ตายสิ..อรุณ... ฉันไม่รู้ด้วยแล้ว!”
ตรู๊ด~
‘โดนโกรธเข้าแล้วสิ เฟลแต่ช้าวเลยวันนี้’ อรุณเหวี่ยงมือถือทิ้งไปแล้วนอนหงายมองหลอดไฟบนเพดานไปเรื่อยๆ ทั้งหมดเป็นเพราะเขามั่นใจในตัวเองมากเกินไปแท้ๆ ถ้าเขาฟังคำเตือนของคุณพนักงานสร้างตัวละครซะก็ดี ขอเพียงย้อนเวลาไปเปลี่ยนทางเลือกตอนนั้นได้ล่ะก็ คงไม่ต้องไปวิ่งหนีไฮดรา คงไม่ตกกับดักแล้วเดินพวกโจรจับไป คงไม่ต้องมาเรียนรู้คลาสพิสดารที่เพิ่งอัพเดทเข้ามาครั้งแรกในเกม
คงไม่ต้อง... ทรมานกับการคิดถึงเธอมากมายขนาดนี้
ระหว่างที่กำลังปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปโดยไม่มีจุดหมายนั้น อรุณก็ถูกความหิวเล่นงานจนต้องลุกไปทำธุระส่วนตัวในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เขาจะมาหยุดอยุ่ที่ตรงนี้ไม่ได้
‘ยังไม่หมดหนทางซะทีเดียว วาวในตอนนี้เป็นถึงแชมป์ และแชมป์ก็ต้องเข้าเล่นเกมบ่อยยิ่งกว่าใครๆเพื่อลับฝีมือให้เฉียบคมตลอดเวลาอยู่แล้ว ตราบใดที่เกมนี้ยังเปิดให้เล่น ต้องหาทางพบกับวาวได้อย่างแน่ๆ แค่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น’
“เที่ยงนี้มีนัดกับน้องรินกับณดีสินะ สองคนนั้นก็ไปเกิดที่ค่ายฝึกผู้เล่นใหม่...ใช้โอกาสนี้ถามเรื่องวาวดูดีกว่า”
ที่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพมหานคร ขณะที่นักศึกษาภาคพิเศษต่างกำลังเดินขวักไขว่เพื่อมาเรียนในช่วงเสาร์อาทิตย์นั้น ณดีก็ก้มดูนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งที่ร้อยอย่างกระสับกระส่าย สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบปี ที่มีผู้ชายนอกจากพ่อมาชวนไปเที่ยวหรือกินข้าวนอกสถานที่
‘ทำไงดี ทำไงดี ใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว’ หญิงสาวยิ่งคิดเท่าไหร่ยิ่งอยู่ไม่สุข แม้ภายนอกจะเหมือนว่าก้มดูนาฬิกาข้อมืออยู่นิ่งๆก็ตาม แต่ทั้งตัวและมือเธอนั้นบิดส่ายไปมาเหมือนยอดหญ้าไหว
รินเห็นแล้วก็หัวเราะ ”แกเป็นอะไรน่ะณดี ตื่นเต้นเหรอ”
“ปะ เปล่าซักหน่อย”
“เปล่าแล้วทำไมลุกลี้ลุกลนจังล่ะ นู่น พี่อรุณลงรถมาแล้วแน่ะ”
ผู้ชายที่ลงรถเมย์ตรงป้ายข้างหน้าเธอคืออรุณอย่างที่รินว่า ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์สบายๆเหมือนรินไม่มีผิด หน้าตาที่อาจจัดว่าดูดีแต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาของเขานั้นประดับด้วยรอยยิ้มบางๆทันทีเมื่อเห็นพวกเธอ
“สวัสดี ริน ณดี เราไปกันเลยไหม ร้านที่จะพาไปลูกค้ามันเยอะ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วย ถ้าไปช้าสงสัยคงไม่มีโต๊ะนั่ง”
รินเป็นฝ่ายตอบ “พี่เป็นคนออกเงินอยู่แล้ว ตามใจเลยค่ะ ว่าแต่จะพาไปกินอะไรเหรอคะ”
“ไก่ย่างส้มตำครับ”
ชายหนุ่มพูดจบแค่นั้นแล้วก็เดินนำพวกเธอไปทันที หลังจากต่อสู้กับมลพิษทางอากาศและเสียงของเมืองหลวงอยู่ประมาณห้านาที ณดีก็เดินไปถึงร้านส้มตำในซอยเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีลูกค้าแน่นขนัด นับว่าโชคดีมากที่มีโต๊ะว่างให้เสียบอยู่ตัวหนึ่งพอดี
“สั่งตามสบายเลยครับ ขออย่างเดียวคือไม่เอาปลาร้านะ” อรุณเอ่ยดักทางรินที่อ้าปากค้างอยู่รงหน้าเด็กเสิร์ฟ ณดีจดจำได้ว่าเวลารินเข้าร้านประเภทใดก็จะสั่งส้มตำปลาร้าก่อนเป็นอย่างแรก เมื่อโดนขัดกลางอากาศเช่นนั้นเพื่อของเธอจึงช็อกพอสมควร “เอาตำไทยใส่ปู พริกสามเม็ดครับ แล้วก็ข้าวเหนียวสามห่อ”
“ละ ละ ลาบปลาดุก แล้วก็คอหมูย่าง” รินเค้นเสียงออกมาในที่สุด คนชอบกินปลาร้าหันมาขอความช่วยเหลือจากเธอด้วยแววตาน่าเห็นใจ จนณดีได้แต่หลบสายตาด้วยความรู้สึกผิดนิดๆ ‘โทษนะริน ฉันก็ไม่ชอบปลาร้าเหมือนกัน’
สถานการณ์กระอักกระอ่วนดำเนินต่อไปเพียงแค่ช่วงสั้นๆ จนกระทั่งอรุณเปิดหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับเป้าหมายหลักของการนัดเจอกันครั้งนี้
“จะพูดถึงเรื่องที่สงสัยกันอยู่เลยนะครับ นั่นคือ ความยั่วยุ” เมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นณดีก็หยิบสุดโน๊ตออกมาและพยายามจดสิ่งที่เขาพูด
“มอนสเตอร์ในเกมสไตล์เก็บเลเวลพวกนี้ จะเลือกโจมตีใส่คนที่สร้างความยั่วยุให้แก่พวกมันมากที่สุดก่อนเสมอครับ ซึ่งคัลเลอร์แคลชก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ก่อนอื่น ความยั่วยุต่อศัตรูในเกมนี้มาจากสามแหล่ง หนึ่งคือ การโจมตีครับ การสร้างความเสียหายใดๆก็ตามให้แก่มอนสเตอร์จะยิ่งสร้างความยั่วยุให้กับมัน ยิ่งโจมตีได้แรงก็ยิ่งดึงดูดความสนใจได้มากเท่านั้น”
“ยกตัวอย่างเช่น ในสนามรบที่มีทหารราบวิ่งมาในแนวหน้า กับทหารที่ประจำอยู่ตรงป้อมปืนใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ศัตรูก็อยากทำลายพวกที่ป้อมปืนก่อนนั่นแหละครับ เพราะเป็นอันตรายมากกว่า มอนสเตอร์ก็เหมือนกัน”
“ดังนั้นแนวหน้าก็ต้องโจมตีแรงกว่าแนวหลังให้ได้ใช่ไหมคะ” รินที่เปลี่ยนอาการจากหงอยเป็นซีเรียสพูดแทรกขึ้นมา ไม่รู้ทำไมเรื่องเกมจึงเบี่ยงเบนความสนใจจากเธอได้มากถึงขนาดนี้
“ใช่ครับ แต่แนวหน้าทุกคนไม่ได้เล่นสีแดงเหมือนริน หรือต่อให้เล่นสีแดงก็สร้างความเสียหายสู้พวกคลาสโจมตีโดยตรงไม่ได้อยู่ดี สมมุติว่าพวกนักเวทใช้ทักษะแรงๆออกมาสักสองสามรอบ ความยั่วยุก็ตกไปทางนั้นหมดแล้วครับ”
“อ้าว แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจะทำยังไงล่ะคะ” รินเมินเฉยต่ออาหารที่ถูกยกมาวาง
“แนวหน้าต้องใช้ ทักษะยั่วยุ(Taunt )ครับ”
ดูเหมือนเขากลัวพวกเธอจะงงซะก่อน ชายหนุ่มจึงพูดช้าลง “แหล่งที่สองคือ ทักษะที่สร้างความยั่วยุโดนตรง ทักษะพวกนี้มักจะมีความรุนแรงต่ำ แต่สามารถสร้างความยั่วยุได้อย่างมหาศาล ถ้ายกตัวอย่างด้วยสนามรบเหมือนเดิมนะครับ ก็คงเหมือนพวกทหารราบแนวหน้าที่วิ่งเข้ามาพร้อมโห่ร้องหรือยิงปืนขึ้นฟ้านั่นแหละ ไม่ทำให้บาดเจ็บใดๆแต่ดึงความสนใจศัตรูจากปืนใหญ่ตรงแนวหลังได้ชั่วคราว”
“คือหนูยังไม่มีทักษะแบบนั้นเลย คงต้องใช้วิธีแรกอย่างเดียว”
“นั่นแหละครับปัญหา” อรุณกล่าวพร้อมจกข้าวเหนียว “มันมีวิธีแก้ในกรณีประมาณนี้อยู่ แต่มันค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่สักหน่อย แต่ก่อนบอกพี่ขอพูดแหล่งความยั่วยุที่สามซะก่อน... การรักษาครับ”
“การรักษา?” ณดีสะดุ้งขึ้นมาเพราะเกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง
“ครับ เหมือนกับคลังเสบียงที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้กองทหารต่อสู้ได้นานขึ้น เรื่องนี้ปกติมือใหม่จะไม่รู้กัน แต่เวลาหน่วยสนับสนุนใช้ทักษะเพื่อเพิ่มพลังให้กับคนอื่นก็สร้างความยั่วยุได้มากพอๆกับการโจมตีนั่นแหละ”
“งั้น สาเหตุที่ล้มเหลวมาตลอดก็เพราะว่า...”
“ไม่ใช่เพราะแกซะหน่อย” รินชิงพูดขึ้นขณะที่เพื่อนเสียงเริ่มสั่น “ถ้าทุกๆครั้งไม่ได้แกคอยเพิ่มพลังชีวิตให้ฉันกับเฟอร์น่าคงตายตั้งเป็นร้อยรอบแล้วล่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดน้องณดีหรอกครับที่ทำให้รูปขบวนเสีย มันเป็นเรื่องปกติในเกมนี้อยู่แล้วครับอย่าไปใส่ใจเลย” อรุณถือวิสาสะยื่นมือไปปิดสมุดโน้ตของณดีแล้วบอกด้วยท่าทางผ่อนคลาย “หยุดจดแล้วกินเถอะครับ เดี่ยวพี่จะบอกวิธีแก้ไขเรื่องนี้ให้เอง ถ้าเครียดแล้วเดี๋ยวก็เล่นเกมไม่สนุกน่ะสิ”
“เอ่อ...ค่ะ”
สาวผู้ไม่ค่อยได้คุยกับผู้ชายก้มหน้าตอบโดยไม่รู้ว่าตัวเองแก้มแดงอยู่นิดๆด้วยความเขิน เธออยู่ในอาการเดิมแบบนั้นจนอรุณเล่าวิธีแก้ปัญหาทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียดทีเดียว ซึ่งก็นานกว่าครึ่งชั่วโมงได้.. จนกระทั่งทุกคนกินอิ่ม
‘ได้กินแค่นิดเดียวเอง’ ณดีบ่นอุบในใจเมื่อไม่สามารถตามความเร็วของผู้ร่วมโต๊ะทั้งสองทันได้ ในตอนนั้นเองที่อยู่ๆอรุณก็ถามขึ้นมาว่า
“นี่ ก่อนไปขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ น้องสองคนได้เจอกับมิสโกอิ้งหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเธอไปที่ค่ายฝึกผู้เล่นใหม่”
“เจอค่ะ แต่เห็นจากไกลๆนะคะ มีอะไรเหรอพี่อรุณ”
“รู้ไหมครับว่ามาทำอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงจริงจังผิดปกติจนทั้งสองสาวสงสัย รินเป็นฝ่ายตอบไปว่าไม่รู้และเล่าเรื่องที่แชมป์เปียนหญิงโชว์ฝีมือจัดการนักฆ่าเท่านั้น
“อย่างนั้นเองเหรอครับ สมกับเป็นเธอจริงๆ” อรุณเผยรอยยิ้มเศร้าๆให้ณดีเห็นแวบหนึ่ง แล้วเดินนำพวกเธอออกจากร้านไป
ความคิดเห็น