ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อแมนด้า&ฮอลลี่ :: นักสืบสาว จี๊ดเปรี้ยวใจ

    ลำดับตอนที่ #5 : ข้อมูลเพิ่มเติม

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 48


         “โอเค” ฮอลลี่คว้าจักรยานแล้วปั่นออกไปพร้อมกับเพื่อนสาว “เธอหวังจะเจออะไรบ้าง”



         อแมนด้าพยายามยักไหล่ขณะกำลังปั่นจักรยาน ทำให้ท่าของเธอดูตลกพิกล “ก็ไม่รู้สิ ฉันคิดไว้ว่าอย่างน้อยเราต้องรู้ว่าสารหนูอะไรเนี่ย มันทำงานยังไง เราต้องดูว่ามันจะออกฤทธิ์เมื่อไร กี่นาทีหลังได้รับเข้าร่างกาย แต่ว่าเรื่องนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรมาก เพราะตำรวจคงรู้อยู่แล้ว ถึงได้ตั้งข้อสงสัยไมเคิล มันน่าจะออกฤทธิ์เร็วพอสมควร แต่ตำรวจยังไม่ได้จับเขา”



         “เพราะไม่มีหลักฐาน” ฮอลลี่เลิกคิ้ว “ใช่ไหม”



         “แม่นแล้ว” เพื่อนผมแดงของเธอบอก “ฉันคิดว่าอย่างนั้น เหตุที่ตำรวจไม่สามารถจับคนผู้ต้องสงสัยได้ก็เพราะยังไม่มีสิ่งบ่งบอกได้แน่ชัดว่าคนคนนั้นเป็นคนร้าย แล้วก็คงมีเหตุผลไม่มากนัก เท่าที่ฉันคิดได้ก็มี หนึ่ง ไม่มีหลักฐาน สอง มีพยานที่อยู่ในช่วงเวลาฆาตกรรม สาม ติดสินบน”



         ฮอลลี่สะดุ้งนิดๆกับสันนิษฐานข้อสุดท้ายของอแมนด้า “ฉันว่าข้อสามไม่ใช่หรอก แล้วข้อสอง พยานที่อยู่เหรอ” ฮอลลี่ทำท่าคิดหนัก “ช่วงเวลาฆาตกรรม ฉันไม่เข้าใจเท่าไรหรอกนะ แต่ฉันว่าเขาไม่มีหรอก ถึงมีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะอย่างนี้เป็นการฆ่าแบบไม่มีอาวุธ ใช้ยาพิษ ใครๆก็ทำได้ขอแค่ให้มีโอกาสอำนวย ซึ่งพี่ชายของเธอน่ะ มีอยู่เต็มๆเลย การที่เขาไม่มีหลักฐานน่ะดีแล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือหาตัวคนร้ายตัวจริงให้ได้ก่อนที่จะมีใครไปจับเขาด้วยการปรักปรำหรือเข้าใจผิด”



         “ทำไมเธอคิดว่าเขาไม่ได้ทำล่ะ” อแมนด้าสงสัย ฮอลลี่ยังไม่ได้ตอบในทันทีไม่รู้ว่าด้วยในช่วงนั้นเป็นทางโค้งหรือเหตุผลอื่นใด



         “ฉันคิดว่าเขาไม่มีเหตุจูงใจ” แล้วทั้งสองสาวก็เลี้ยวอีกครั้งเพื่อเข้าไปจอดในลานจอดรถของห้องสมุด “ฉันรู้น่า” ฮอลลี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่เข้าข้างใครหรอก”









         อแมนด้านั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหาข้อมูลจนผมสีแดงของเธอตกลงมาปรกบ่อยๆ ในขณะที่ฮอลลี่เดินไปที่ชั้นหนังสืออีกครั้งเมื่อคิดว่าหนังสือที่เธอมีอยู่ตรงหน้าไม่มีสิ่งที่เธอต้องการ ทันใดนั้นอแมนด้าก็รีบลุกจากที่นั่งของเธอแล้วย่องเบาๆไปสะกิดเพื่อนผมบลอนด์



         “ฉันว่าเจอบางอย่างแล้ว” ฮอลลี่เดินกลับมาที่โต๊ะอย่างสงสัย



         “ไหน มันคืออะไรเหรอ” อแมนด้านั่งลงแล้วชี้ไปตรงหน้ากระดาษทางซ้ายมือให้เพื่อนสาวของเธอมองเห็นได้ชัดเจน



         ครู่เดียวฮอลลี่ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง “โอเค นั่นแปลว่านี่คือสารที่ทำให้เธอตายใช่ไหม”



         “ถูกต้องที่สุดเลย สตริกนิน เป็นสารที่ได้จากการสกัดจากต้นตูมกา” อแมนด้าอ่านบันทักแรกให้ฮอลลี่ฟัง



         “อะไรนะ ต้นอะไรนะ”



         “ตูมกา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ไม่สำคัญหรอก พืชชนิดนี้ไม่ใช่ปลูกกันได้ง่ายๆ” อแมนด้าอธิบาย “สาเหตุการเกิดพิษ สตริกนินเป็นสารที่มีพิษร้ายแรงสูงถ้าหากกลืนกินเข้าไปเนื่องจากสารพิษจะออกฤทธิ์ทันที ถ้าได้รับพิษจากสตริกนินเพียงเล็กน้อยสามารถจะคร่าชีวิตมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วโดยสารพิษจะมีผลต่อระบบประสาท การทรงตัวและการหายใจผิดปรกติ อย่างไรก็ตามถ้าผู้ป่วยถึงแพทย์โดยเร็วและได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็อาจรอดชีวิตได้เช่นกัน สารสตริกนินไม่สามารถดูดซึมผ่านทางผิวหนังได้” เธอก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างรวดเร็ว



         “นั่นหมายความว่าเรเชลต้องได้รับสารพิษจากอาหารเท่านั้น มันไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ ฉันว่ามันแคบลงแล้วนะ แล้วก็ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย” ฮอลลี่นั่งลงตรงข้ามอแมนด้าพลางตั้งข้อสังเกต



         “อย่างแรก ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอาหารเสมอไป และอย่างที่สอง ฉันยังอ่านไม่จบ”



         “อ้อ ตกลง ต่อเลย คนเก่ง”



         อแมนด้าหัวเราะในลำคอนิดๆก่อนจะอ่านต่อ “ลักษณะอาการ ถ้ากลืนกินสารพิษ หลังจาก 15 นาทีจะปรากฎอาการดังต่อไปนี้ ชาบริเวณใบหน้าและมีอาการคอแข็ง, มีอาการหวาดกลัว กล้ามเนื้อกระตุก มีอาการชักอย่างเจ็บปวด กล้ามเนื้อเกร็งนาน 1-2 นาที ทุก ๆ 5-10 นาที แขนขาเหยียดออก ตาถลน ปรกติผู้ป่วยจะรู้สึกตัว หายใจลำบากและอาจหยุดหายใจหากผู้ป่วยมีอาการชัก เนื้อตัวเขียว มีไข้ขึ้นสูง และมีอาการของไตถูกทำลาย”



         ฮอลลี่ทำหน้าหยี “มันฟังดูไม่ดีเลยนะ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะออกฤทธิ์เร็วซะด้วย” เธอเอนหลังพิงพนัก “มีทางแก้ไหม”



         “ไม่เลย ต้องส่งโรงพยาบาลอย่างเดียว” อแมนด้าครุ่นคิด “ผู้ต้องสงสัยเราเหลือคนเดียวแล้วสินะ เอาไงต่อล่ะ”



         “เราก็ต้องไปถามเจ้าตัวนะสิ” ฮอลลี่ยักไหล่อย่างเซ็งๆ









         “สวัดดีคะ” เสียงประสานของทั้งสองสาวดังขึ้นที่หน้าประตูบ้านของครอบครัวลี คนที่มาเปิดประตูคือไมเคิล พี่ชายคนเดียวของเรเชล ลูกชายคนเดียวของครอบครัว และเป็นผู้ต้องสงสัยคนเดียวของสองสาว



         วันนี้พ่อและแม่ของเขาไปทำงาน เขาจึงอยู่บ้านคนเดียว เหมือนในวันเกิดเหตุก่อนที่เรเชลจะกลับมาบ้าน และพ่อแม่ก็ไปธุระ



         “สวัสดี” ชายหนุ่มทักทายอย่างหวาดๆ “พวกเธอจะมาพาผมไปเข้าคุกหรือเปล่า” เขาเป็นชายหน้าตาดีที่มองโลกในแง่ร้าย แต่นั่นไม่ได้ลดเสน่ห์ของเขาต่อเด็กสาวไฮสคูลที่โรงเรียนในตอนที่เขาไปรับน้องสาวได้เลย



         “ไม่หรอกค่ะ” ฮอลลี่บอกเขาอย่างเป็นมิตร ในขณะที่อแมนด้าคิดในใจเล่นๆว่า อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่วันนี้



         “เราแค่อยากจะช่วยคุณให้พ้นข้อสงสัย เรเชลเป็นเพื่อนของเราและเราอยากหาความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้ เราว่าเธอก็คงอยากให้มันเป็นอย่างนั้นเช่นกัน” ฮอลลี่พูดต่อ



         “ยังไงก็ได้ เข้ามาในบ้านก่อนสิ” เขาบอกทั้งสองพลางเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อพวกเธอจะได้เข้ามา



         ในบ้านของครอบครัวลีดูเป็นระเบียบมาก พวกเขามีผ้าม่านยาวจรดพื้นเป็นส้มอ่อนๆ พร้อมแถบสีแดงเข้ากับโซฟายาวตรงกลางห้องกับตัวเล็กอีกสองตัวด้านข้าง พนังติดวอลเปเปอร์เป็นลวดลายคลาสสิกสีขาว ช่วยให้ห้องไม่หนักเกินไป ชั้นวางหนังสือทำจากไม้ดูอบอุ่น กลางห้องมีทีวีขนาด 29 นิ้วตั้งอยู่



         “บ้านคุณน่าอยู่มากค่ะ” อแมนด้าชมขณะนั่งลงตรงโซฟาหลังจากที่ไมเคิลผายมือเป็นท่าทีเชิญให้นั่ง



         “ถามมาเลยครับ” เขาบอกตรงๆ พลางเดินหายไปในห้องครัว “ดื่มอะไรไหม”



         “น้ำเปล่าค่ะ” ฮอลลี่ตะโกนบอกให้เขาได้ยิน จากนั้นจึงหันไปกระซิบกับอแมนด้า “เราหวังจะได้อะไรจากเขา”



         อแมนด้ายักไหล่ “อะไรก็ได้”



        “นี่ครับ” ไมเคิลยื่นแก้วให้ทั้งสองแล้วนั่งลง



        “ขอบคุณค่ะ” พวกเธอบอก “คือเราไม่ได้มาเพื่อจับผิดคุณหรอกนะค่ะ” อแมนด้าพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล



         “โอเค” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ผมจะบอกเท่าที่รู้ คือเรเชลกลับบ้านมาตอนสิบเอ็ดโมง เธอไปหาหมอฟันมาเมื่อเช้า แม้ว่าจะนานไปหน่อยที่เธอไปต้องตั้งแปดโมงผมก็ไม่ได้สนใจ เธออยู่ในห้องจนเที่ยงแล้วผมก็เรียกเธอมากินอาหารเที่ยง ผมทำข้าวต้มหม้อใหญ่เพราะเธอกินอะไรแข็งๆยังไม่ได้” เขาพูดแข็งๆ แต่ทันใดเขาก็ก้มหน้าลงซุกกับมือ “เหมือนเด็กเล็กๆเลย” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ ฮอลลี่ไม่แน่ใจว่าเขากำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดหัวใจหรือกำลังหัวเราะกันแน่



         “คุณไม่เป็นไรนะคะ” อแมนด้าถามอย่างเห็นใจ



         “ไม่เป็นไร” เขาเงยหน้าขึ้นมา จมูกแดงก่ำ “ขอโทษ”



         “เราต่างหากที่ต้องขอโทษ มากๆด้วย ถ้าคุณไม่สบายใจเราก็คงต้องขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ฮอลลี่ตั้งท่าจะลุกขึ้น



         “ไม่เป็นไรครับ ถามต่อก็ได้ ไหนๆพวกคุณก็มาแล้ว แล้วก็บอกว่าจะช่วยผมใช่ไหม ถามต่อเถอะ”



         สองสาวนั่งนิ่งครู่หนึ่ง “ฉันจะถามอีกแค่คำถามเดียวค่ะ” อแมนด้าทำลายความเงียบ “ช่วยเล่าต่อจากนั้นอีกย่อๆได้ไหมคะ”



         “เรเชลจัดการทุกอย่างหลังจากนั้น เพราะเธอคิดว่าผมทำมามากแล้ว ตอนนั้นเธอยังบอกว่ามันรสชาติประหลาดเลย แล้วเธอก็เริ่มชักแล้วก็ตัวเขียว ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยพาเธอขึ้นรถไปโรงพยาบาล” เขาเริ่มร้องไห้แล้ว ที่เขาบอกกันว่าผู้ชายจะเข้มแข็งกว่าดูเหมือนจะไม่เป็นความจริง เมื่อถึงสภานะการณ์หนึ่ง ทุกคนก็ไม่ต่างกัน



         “เราจะหาตัวคนร้ายให้ได้ค่ะ” ฮอลลี่บอกออกไปทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า “ฉันสัญญา”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×