ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อแมนด้า&ฮอลลี่ :: นักสืบสาว จี๊ดเปรี้ยวใจ

    ลำดับตอนที่ #4 : ช่วงพักฟื้น

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 48


         “นั่นไงเธอลืมตาแล้ว!!!” เสียงไอรีน ไรม์ดังขึ้นแทรกความเงียบงัน เธอยื่นใบหน้าขาวๆของเธอเข้ามาพ้นขอบเตียง ในขณะที่คุณและคุณนายเคิร์สทเกาะขอบเตียงแน่นด้วยความดีใจ อแมนด้าได้โอกาสวางนิตยสารการแพทย์อันน่าเบื่อหน่ายลง แล้วไปลุ้นกับเพื่อนของเธอ เด็กสาวอีกสองคนตื่นจากภวังค์แล้วไปร่วมตื่นเต้นกับเค้าด้วย พวกเธอคือฝาแฝดแอนเดอร์สัน แชรอนและแอชลี่ สาวๆทั้งห้ารวมกลุ่มกันในนาม ฟังกี้-พิ้ง กลุ่มที่ฮ็อทมากๆในโรงเรียนไฮสคูลของพวกเธอ

        

         ฮอลลี่ลืมตาอย่างยากลำบาก หัวของเธอยังคงตื้ออยู่ เธอค่อนข้างตกใจที่เห็นใครต่อใครมากมายมาล้อมหน้าล้อมหลังเธอเต็มไปหมด

              

         “เป็นไงบ้าง” แม่เธอรีบถามอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง

        

         “อะไรกัน” ฮอลลี่ส่ายหน้าเบาๆเพื่อสลัดอาการมึนงงทั้งหลาย “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

        

         คุณเคิร์สทเป็นคนอธิบาย “เราขับรถไปตามลูก เพราะว่าเราเห็นว่ามันอันตราย พอเราเจอ ลูกก็ขับรถไปชนต้นไม้” เขากำมือเธอไว้แน่นๆ ให้เธอรู้ว่าเธอปลอดภัยแล้ว ทั้งจากอุบัติเหตุและการกักบริเวณ

        

         “เมื่อไร” คนไข้ผมทองถามสั้นๆ

        

         “เมื่อเย็นนี้เอง ลูกไปไหนมา” แม่ของเธอตั้งคำถามอย่างจริงจัง

        

         ฮอลลี่พยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอเห็นภาพต้นสน และบ๊อบ “หนู....” เธอตัดสินใจไม่ประกาศอะไรออกไป “จำไม่ได้”

        

         “ไม่เป็นไรหรอก” พี่น้องแอนเดอร์สันพูดพร้อมกัน ที่จริงพวกเธอซ้อมจะพูดคำว่า ไม่เป็นไรนะ แต่มีคนถามไปแล้ว

        

         สาวน้อยมองไปรอบๆอีกครั้ง เธอเห็นว่าทุกคนในกลุ่มของเธอมากันพร้อมหน้า เธอเห็นไอรีนที่ยิ้มอย่างสบายใจที่เธอไม่เป็นไร คู่แฝดที่กำลังทำท่าทางพออกพอใจที่สามารถพูดพร้อมเพรียงกันได้เป็นอย่างดีตามที่คาดหมายเอาไว้ และอแมนด้าที่แสดงทีท่าเป็นห่วงเธอ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ฮอลลี่รู้สึกว่าเพื่อนของเธอรู้ว่าเธอไปทำอะไรมา

        

         ทันใดนั้น สีหน้าของอแมนด้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “เราดีใจที่สุดที่รู้ว่าเธอไม่เป็นไร ทุกคนเป็นห่วงมาก”

        

         “ฉันเรียกกลุ่มเรามา คือพอดีฉันมาหาหมอน่ะ เห็นพ่อแม่เธอมาเธอมาส่ง อุ้ย ตอนนั้นฉันตกใจมากเลยนะ” ไอรีนพูดในขณะที่คนอื่นๆพยักหน้ากันหงึกๆ

        

         “แล้วเมื่อไรจะได้กลับบ้านล่ะคะ” ฮอลลี่หันไปถามพ่อและแม่ ในขณะนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นางพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมอาหารและยาในตอนเย็นของฮอลลี่

        

         “สวัสดีคะ” สาวชุดขาวทักทาย “ตื่นแล้วสินะค่ะ คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้ก็กลับได้ค่ะ” ฮอลลี่ยิ้ม มองอาหารของโรงพยาบาลที่ถูกนำมาเสิร์ฟ ได้กินทุกมื้อบนเตียง วันๆไม่ต้องทำอะไร บางทีการอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอาจจะเป็นเรื่องน่ายินดีก็ได้







         “อรุณสวัสดิ์” ฮอลลี่ลืมตาตื่นอย่างไม่เต็มใจ ทำไมจะต้องมาเรียกแต่เช้าด้วยเนี่ย



         คุณนายเคิร์สทดึงผ้าม่านให้เปิดออก เพื่อรับแดดยามสาย เธอมารับลูกสาว ที่ดูท่าว่ายังจะไม่พร้อมออกจากโรงพยาบาล แต่การให้เธออยู่ที่นี่มีแต่จะเสียเงิน



         “วันนี้เราจะกลับบ้านกัน” เธอบอกลูกสาว



         ฮอลลี่หลับตาลงอีกครั้งแล้วพลิกตัวหันหลังให้กับแสงจ้านั่น “เดี๋ยวก่อน” เธองึมงำ มีเสียงก๊อกแก็กๆดังอยู่เรื่อยๆ ฟังเหมือนเสียงสิ่งของกระทบกันและถุงพลาสติก แม่ของเธอคงกำลังเก็บข้าวของต่างๆของเธออยู่ ไม่เป็นไรหรอก เธอคิดในใจ เดี๋ยวแม่ของเธออาจจะตระหนักได้ว่าลูกสาวเหน็ดเหนื่อยจากเรื่องเมื่อวานแค่ไหน และอาจให้เธอได้อยู่อย่างสบายอีกสักวัน



         “ถ้าแม่บอกว่าวันนี้ก็วันนี้” คุณนายเคิร์สทไม่ยอมง่ายๆ ในไม่ช้าฮอลลี่ก็ลากสังขารและหลังยาวๆไปอาบน้ำแต่งตัว และคุณนายเคิร์สทก็ได้จ่ายเงินเพียงคืนเดียวอย่างที่อยากจะให้เป็น



        



        



         วันนี้อากาศแจ่มใสเหมือนเดิม ต่างกับเมื่อวานลิบลับ คุณเคิร์สทไปทำงาน ส่วนคุณนายเคิร์สทเป็นเจ้าของร้านคอฟฟี่ ชอป ซึ่งวันนี้เธอไม่จำเป็นต้องไปก็ได้



         ฮอลลี่พาร่างสูงโปร่งคล้ายนางแบบของเธอขึ้นไปชั้นบน เธอเปิดประตูห้องนอนและพบกับบรรยากาศเดิมๆ เธอกะจะทำความสะอาดห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วเชียว โธ่ถัง วันนี้เธอยิ่งไม่มีอารมณ์รักความสะอาดอยู่ซะด้วย



         สาวบลอนด์คว้าโทรศัพท์ไร้สายจากตัวเครื่องบนโต๊ะเละๆของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้กดเบอร์โทรออก ก็มีคนโทรมาหาเธอซะก่อน



         “สวัสดีค่ะ” เธอทักทายอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมกับเลื้อยไปนอนบนพื้นห้อง



         “นี่ฮอลลี่ใช่ป่ะ เมื่อวานเป็นอะไรอ่ะ บาดเจ็บหรือเปล่า แล้วทำไมไม่อยู่ให้หมอดูอาการต่ออีกสักสองสามวันล่ะ ถ้าสมองได้รับความกระทบกระเทือนจะแย่นะ แล้วอวัยวะภายในล่ะ ถึงไม่โดนโดยตรงก็อาจจะเป็นไปได้นะ อย่าปล่อยตัวเองอย่างนี้สิ เมื่อวานอากาศก็ย่ำแย่ขนาดนั้นทำไมถึงไม่อยู่ในบ้านล่ะ ถ้ารถคันนั้นไม่ใช่พ่อแม่เธอจะทำยังไง ถ้าคนนั้นเบรกไม่ทันล่ะ ถ้าเธอถูกเฉี่ยวน่ะไม่เท่าไร แต่ถ้ามันแย่กว่านั้นล่ะ ทำไมไม่ระวังให้ดี แล้วข้อเท้าล่ะ สำคัญมากเลยนะ ชนต้นไม้อย่างนั้นอาจจะบาดเจ็บได้ แล้วคอล่ะ เคล็ดรึเปล่า ถ้าปวดหัวก็อย่าแค่กินยานะ ไปให้หมอดูอาการโดยละเอียดเลย เข้าใจไหม” โอ๊ะโอ ทำไมถึงรู้เยอะขนาดนั้นนะ คลาร์ก



         “สวัสดี” นี่มันอะไรกันเนี่ย “ขอบใจที่เป็นห่วงมากมาย ใครบอกเธอ” ฮอลลี่ลุกขึ้นนั่งพิงขอบเตียง หลังจากฟังเขาบ่นไม่หยุดอย่างนั้นแล้วเธอก็ตื่นเต็มตา



         “ก็เพื่อนเธอน่ะสิ” เขาตอบอย่างเร็วและเงียบเฉียบ อย่างกับไม่อยากให้เธอได้ยินอย่างนั้นแหละ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ฮอลลี่คิด เธอได้ยินชัดทุกคำ



         “อารายน้า” เธอตกใจมาก เรื่องนี้ต้องเคลียร์ “ฉันต้องโทรไปหาเธอ แล้วไว้คุยกัน”



         ฮอลลี่ตั้งท่าจะวางหู แต่ได้ยินเสียงตะโกนซะก่อน “และเธอเป็นไงบ้าง”



         โธ่ เขาน่าจะรู้นะว่าถ้าเธอคิดจะเอาเรื่องกับเพื่อนของเธอเมื่อไร เมื่อนั้นเธอก็ต้องมีสุขภาพดีเต็มที่แล้ว “ฉันโอเค ขอบใจ แล้วเจอกัน” เธอวางหูก่อนที่เขาจะได้โอกาสถามอะไรอีก จากนั้นจึงรีบกดเบอร์ที่เธอตั้งใจจะโทรแต่แรก แต่ถึงตอนนี้จุดประสงค์มันคนละเรื่องกัน



         “สวัสดีค่ะ” เธอได้ยินเสียงเพื่อนสาวเสียงเล็กๆคนนี้แล้วรู้สึกว่าเธอจะตั้งตาคอนเธออยู่เลย



         “นี่ เธอไปบอกอะไรใครบ้างเนี่ย” ฮอลลี่ถามก่อนจะได้ทักทายด้วยซ้ำ



         “อ้อ” อแมนด้าทำเสียงเข้าใจแจ่มแจ้ง “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก แล้วฉันไม่ได้โทรไปบอกเขา เขาโทรมาถามฉันเอง เมื่อวานเขาโทรไปแต่เธอไม่อยู่ เข้าใจนะ”



         ฮอลลี่ไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งเพื่อนสาวของเธอพูดต่อ “วันนี้ฉันไม่แน่ใจว่าจะเหมาะหรือเปล่า แต่ฉันกะจะไปห้องสมุด เพื่อหาข้อมูล เธอก็รู้” ใช่ ฮอลลี่รู้ “แล้วถ้าเหลือเวลาว่างเราอาจจะได้ไปถามคำถามใครบางคนด้วยก็ได้”



         “ใครบางคน นี่ใครกัน” ฮอลลี่สงสัย แต่น้ำเสียงยังโกรธไม่หาย



         “ก็ใครก็ได้ที่เรานึกออกว่าเขาอาจจะมีส่วนในเรื่องนี้” อแมนด้ารอคำตอบจากเพื่อนสาว แต่เธอไม่ได้ตอบ “ตกลงไปนะ”



         “โอเค” ฮอลลี่ถอนหายใจ “ฉันจะไปแต่งตัวใหม่ จะไปเจอกันที่ไหนล่ะ”



         “ที่จริง” เกิดความเงียบชั่วขณะ “ฉันอยู่หน้าบ้านเธฮแล้ว” ฮอลลี่ลุกอย่างรวดเร็วไปแหวกม่านดู ใช่แล้ว คนที่โบกมืออยู่บนจักรยานคือเพื่อนของเธอแน่ “โอเค แล้วฉันจะลงไป”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×