คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Part 30 Make decided
Part 30 Make decided
ยูชอนบรรจงหอมที่แก้มยุ้ยก่อนจะส่งลูกชายตัวน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนคืนให้คุณพ่อ
“แน่ใจเหรอว่าจะไม่ให้พี่ไปส่ง”
“ครับ ผมอยากเดินเล่นอีกนิดหน่อย” ยูชอนป้ายนิ้วไปข้างหลังมั่วๆ ปลดด้ายลูกโป่งลูกหนึ่งออกจากข้อมือตัวเอง โน้มตัวลงผูกมันไว้กับแขนน้องหมีเท็ดดี้ข้างๆตัวลูกชาย
“เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนใจก็โทรมานะ ไปนอนกับจินซอนซักคืนก็ได้” จุนจินจูบหน้าผากเจ้าตัวน้อย มืออุ่นไม่แพ้น้องชายเอื้อมบีบไหล่บางหนักๆ
ยูชอนค้อมตัวจนรถคันหน้าหายลับไป จมูกโด่งพรูลมหายใจออกมาหนักๆ ใจจริงก็ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับยุนโฮซักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าหลังจากออกมาจากที่นี่ ยูชอนจะจัดการกับหัวใจตัวเอง
เสียงเพลงจากไอพอดลูกรักถูกเปิดกล่อมโสทประสาท ขายาวก้าวไปเรื่อยๆไร้จุดหมาย ไหล่บางห่อเข้าหาตัวทุกครั้งเมื่อลมเย็นๆหอบเอากลิ่นฝนโชยมา แล้วพอเงยหน้าขึ้นมาอีกที
“ยูชอนจะถือลูกโป่งเดินไปทุกที่เลยเหรอครับ”
ก็กลับมาที่เดิมอีกแล้ว ....
ยูชอนกระพริบตาปริบปริบ มองบาริสต้าตัวสูงชะลูดที่กำลังยืนขวางอยู่หน้าร้าน ในมือชางมินมีถุงขยะสีดำใบโตอยู่ทั้งสองข้าง ใบหน้าคมที่มองมาอมยิ้มขัน
“เอ่อ ช ช่วยมั้ย? ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมสบายมาก ยูชอนเข้าไปนั่งในร้านเถอะ”
“เอ้อ อ้อ” ชางมินเบี่ยงตัวหลบให้ยูชอนเข้าไปด้านใน มองตามร่างบางที่ลูบผมตัวเองแก้เก้อ แถมท่าเดินก็ยังเก้ๆกังๆพิลึก
“อาการหนักจริงๆสินะ อย่างนี้จะไม่ช่วยก็คงไม่ไหว”
.......................................................
“มาตกอะไรตอนที่อารมณ์แย่อย่างนี้”
ยูชอนมองสายฝนที่เริ่มสาดลงบนกระจก หยดน้ำเกาะตัวเป็นเม็ดกลมๆ บนผิวใสแจ๋ว แขนเล็กยกขึ้นโอบรอบเข่า ซบใบหน้าลงกับแขน พยายามกดตัวเองให้จมลงไปในเก้าอี้นุ่มสีแดงเลือดหมู
“ไม่ชอบฝนเหรอครับ?” ชางมินเอ่ยถามคนที่นั่งกอดตัวเองเป็นก้อนกลมๆบนเก้าอี้ที่มุมประจำ โกโก้ร้อนถูกเสิรฟ์ตรงหน้าร่างบางที่ครางตอบเสียงผะแผ่วในลำคอ
“ไม่ชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้วเหรอครับ?”
“เปล่าหรอก ก็ไม่กี่ปีมานี่เอง” มือขาวเอื้อมหยิบช้อนเงินข้างแก้ว ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วก็วางมันไว้ที่เดิม
“ฝนเนี่ยก็เหมือนปัญหาว่ามั้ยครับ ?”
“...”
“ตอนเด็กๆเนี่ย เราก็วิ่งเล่นตากฝน จะโดนตีโดนดุยังไงก็ไม่ยอมฟัง ...”
ยูชอนแนบหน้าลงกับแขน มองชางมินที่ยืนล้วงกระเป๋าด้วยทาที่สบายๆ ดวงตาเป็นประกายจับจ้องไปยังหยาดฝนเม็ดโตที่กระทบกระจกเสียงดังเปาะแปะ
“แต่พอโตมาเรากลับวิ่งหนีมัน แค่ฝนตกแปะเดียว ก็กางร่มวิ่งหนีมันซะแล้ว”
“....”
“ไม่รู้กลัวอะไรกัน อย่างมากก็แค่เปียกแล้วไม่สบายสองสามวัน”
“แล้วเดี๋ยวก็หายดี ...แต่ถ้าทิ้งไว้นานๆ คงแย่นะครับ”
“...”
“ดื่มโกโก้คาราเมลซักนิดนะครับ เดี๋ยวมันจะน้อยใจ” ดวงตากลมมองร่างสูงที่ขอตัวไปทำอย่างอื่นก่อนจะเลื่อนสายตามาที่แก้วสีขาวตรงหน้า
มือเย็นประคองถ้วยที่ช่วยเพิ่มอุณหภูมิของมือให้อบอุ่นขึ้นจิบ รสชาติหอมหวานของคาราเมลวาบเข้าที่ปลายลิ้น รับกับรสขมของก็โก้ที่เคล้าอวลในโพรงปาก เรียกจิบที่สองตามไปติดๆ
ไม่นานโกโก้คาราเมลก็ถูกจัดการจนแก้วสีขาววเหลือเพียงคราบสีน้ำตาลที่เล็กน้อยเท่านั้น
ยูชอนขยับตัวคลายความเมื่อยล้า ท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว แต่สายฝนจากท้องฟ้ายังคงเทลงมาอย่างต่อเนื่อง แถมยังหนักหน่วงกว่าเดิมเสียด้วย
“จะลองเปียกฝนอีกสักครั้งละกันนะ” ยูชอนคว้าแก้วโกโก้ที่เย็นเฉียบ กะว่าจะไปส่งคืนแล้วก็ขอยืมร่มด้วย แต่กลับพบว่าไฟในร้านปิดหมดแล้ว เหลือแต่โคมไฟดวงเล็กหน้าอ่างล้างจานหลังเคานท์เตอร์กับไฟสีส้มอ่อนๆจากโคมเหนือศีรษะตัวเองเท่านั้น
ยูชอนจัดการทำความสะอาดแก้วโกโก้ พร้อมกับอ่านโน๊ตที่ชางมินแปะทิ้งไว้เหนือขอบอ่าง
“เห็นยูชอนยังนั่งอยู่ ยังไงฝากล๊อคร้านด้วยนะครับ :)”
ยูชอนที่เอื้อมตัวเก็บแก้วบนชั้นได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋งจากกระดิ่งหน้าประตูก็คิดว่าเป็นลูกค้า เสียงหวานตะโกนบอกไปว่าบาริสต้ากลับไปแล้ว ส่วนตัวเขาเองก็ชงกาแฟไม่เป็นเสียด้วย
ร่างบางพลิกตัวหันหลังไปเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ
“ไปขึ้นรถ”
“คุยกันก่อนได้มั้ย”
“จะนั่งอยู่นี่ก็ตามใจ” ยุนโฮหันหลังกลับ ใช้ตัวดันประตูออกแต่ก็พบว่ามันติด
มือใหญ่เขย่าประตูกระจกแต่ก็ไม่มีท่าทีว่ามันจะเปิดออก ก็แน่หล่ะ พอเพ่งดีๆก็เห็นโซ่อันเบ้อเริ่มกับกุญแจดอกโตคล้องกันเอาไว้ แล้วมันจะเป็นใครหล่ะ ถ้าไม่ใช่พ่อบาร์เทนเดอร์แผนสูง แล้วคงไม่ต้องเดินไปดูประตูหลังให้เสียเวลา ยังไงชางมินก็คงไม่พลาดแหงซะ
ร่างสูงถอนหายใจ กดส่งข้อความหาลูกน้องยิกก่อนจะหันมาหาผู้มีชะตากรรมร่วมกัน
หายไปไหนซะหล่ะ ?
ยูชอนยัดตัวเองเข้าไปใต้เคานท์เตอร์ สองมือยกขึ้นอุดหู ใบหน้าเนียนซุกลงกับเข่าแน่น เมื่อท้องฟ้าคำรามลั่นพร้อมกับแสงสว่างจ้าที่วาบเข้าสู่ลานสายตา
“ออกมานี่”
“ไม่” ยูชอนอ้อมแอ้มตอบ แสงวาบลงมากระทบร่างที่เดินอ้อมมายืนอยู่หลังเคานท์เตอร์พาเอายูชอนหลับตาปี๋ มือขาวโอบกอดเนื้อตัวตัวเองแน่น
ยุนโฮเม้มปาก ก่อนจะยอมทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้าคนที่พยายามฝังตัวเองเขาไปในผนังไม้ของเคานท์เตอร์
“ออกมานี่เถอะ” ยุนโฮปรับเสียงตัวเองให้อ่อนโยนขึ้น พยายามกลั้นใจไม่ให้เอื้อมมือไปรั้งร่างเล็กๆนั่นเข้าสู่อ้อมกอด
“ถ้าจะมาพูดแค่นี้ ก็ทิ้งเราไว้ที่นี่เถอะ”
ผ่านไปราวสิบนาที ที่ในอากาศไม่มีบทสนทนา หากตัดเสียงกระทบกันปาะแปะบนหน้าต่างกับเสียงสะอื้นอื้นออกไป ก็คงเหมือนกับที่ตรงนี้ตอนนี้ไม่มีใครอยู่
“นั่งทำอะไรอยู่อีก ก็ทิ้งเราไว้เหมือนสองสามวันที่ผ่านมานั่นแหล่ะ ” ประโยคตัดพ้อน้อยใจหลุดออกจากปากอิ่มช้ำที่เจ้าของกัดจนห้อเลือด ยุนโฮมองน้ำตาหยดโตหยดแล้วหยดเล่าที่กลิ้งลงบนแก้มขาว
แล้วร่างกายมันก็ทรยศคำสั่งด้วยการยื่นมืออกไปเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนนั่น แล้วพอกระพริบตาอีกที แขนมันก็ทรยศด้วยการดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดเสียแล้ว แถมยังรู้สึกได้ว่าเขารัดยูชอนไว้กับแน่นจนร่างบอบบางสั่นสะท้านนั่นแทบจมหายเข้าไปในอก
ยุนโฮลังเล ไม่รู้ว่าจะต้องปลดมือบางออกจากคอเสื้อตัวเองก่อน หรือเอามือตัวเองออกจากเอวบางก่อน หรือว่าไม่ทั้งสองอย่าง
แต่เขาเลือกที่จะปลดมือตัวเองจากเอวบางก่อน ....
“อยากปล่อยจริงๆใช่มั้ย ได้ ปล่อยสิ” ยูชอนละมือออกจากปกเสื้อที่ถูกขยับจนยับอยู่ สองมือแตะที่อกกว้างเพื่อดันตัวเองออกจากอ้อมกอด แต่แรงที่ตวัดรอบเอวก็ดึงตัวเข้าไปแนบจนแทบจมกับอกอุ่นนั่นอีกครั้ง
“ไม่อยาก”
ยุนโฮกระซิบแผ่วเบาติดใบหูนุ่ม เรียกให้ไหล่บางสั่นไหวขึ้นอีกจนยุนโฮต้องโยกตัวปลอบ
“ขอโทษ เราผิดเอง อย่าร้องเลย.. นะครับ” เสียงอ่อนโยนเอ่ยขอ ปลายนิ้วอุ่นแตะที่ปลายคางให้เชิดขึ้น ค่อยๆจูบซับน้ำตาที่ข้างแก้มและขนตาที่ฉ่ำเป็นแพอย่างอ่อนโยน
“เราชอบตานาย เวลามองแล้วมันรู้สึกดี”
ริมฝีปากอุ่นไล่ลงตามแก้มขาว
“แก้มนี่ ...”
ก่อนจะประทับลงบนริมฝีปากอิ่มที่เม้มแน่นกลั้นสะอื้นให้คลายออก กดริมฝีปากเบาๆที่ริมฝีปากบน ตามด้วยด้านล่าง
“แล้วก็ปากนี่ด้วย” เขามองตากลมใสแป๋วที่มองมา ดันแผ่นหลังบางเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
“อย่าทำร้ายมันเพราะเรา เราไม่อยากให้ตานายช้ำ ไม่อยากให้ปากคู่นี้ห้อเลือดด้วย” เขาจูบที่ผมหอม ก่อนจะแนบหน้าลงกับเส้นผมนิ่มที่คลอเคลียอยู่แถวไหล่
“พูดแบบนี้หายโกรธเรารึยัง หลังจากนี้นาย ... จะกลับมาคุยกับเราเหมือนเดิมใช่มั้ย ?”
ยุนโฮพยักหน้า ใช้ปลายนิ้วซับน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตาอีกครั้ง ราวกับคำถามนี้ทรมานใจตัวเองมากมายนัก
“จะไม่เมินเราแล้วใช่หรือเปล่า?” น้ำตากลิ้งหยดลงมาเป็นสาย พาลเอาคนที่เป็นต้นเหตุใจสั่นวูบ รู้สึกเหมือนใจจะขาดให้ได้
“มันจะไม่มีอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ไม่มีแล้ว เราสัญญา ”
ยูชอนพยักหน้าหงึกหงักจนเส้นผมยาวปรกแก้ม
เราก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วเหมือนกัน ...
...........................................................................................................
ร่างสูงเอนพิงกรอบประตู ผ้าขนหนูนุ่มขยี้เบาๆลงบนผมเปียกหมาดของตัวเอง พลางไล่สายตาสำรวจร่างบางในเสื้อเชิ้ตตัวยาวกับขาสั้นขับเรียวขาขาวที่คู้ตัวอยู่ริมเตียง
ยุนโฮหย่อนตัวลงด้านข้าง ไล้นิ้วลงบนริมฝีปากที่ยังเม้มแน่นให้คลายออก น้ำหนักที่ยวบลงกับสัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปากทำให้ยูชอนลืมตาขึ้นมอง
“ลุกขึ้นมาเช็ดผมก่อนสิ ยังเปียกอยู่เลย” ยุนโฮสอดมือเข้าสัมผัสเส้นผมชื้นที่ระอยู่ข้างแก้มและลำคอ ยุนโฮเลิกคิ้วเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ เพราะปกติมิคกี้ยูชอนไม่ใช่คนตัวอุ่นจัดแบบนี้
“ลุกมาเป่าผมกินยาก่อนนะ”
“ไม่ไหว ร้องไห้หมดแรงแล้ว” เสียงหวานตอบงึมงำในลำคอผะแผ่ว เพราะอาการเจ็บคอเริ่มรุกรานจนไม่อยากแม้แต่จะกลืนน้ำลาย
ยุนโฮเดินไปหยิบยากับน้ำและไดร์เป่าผมก่อนจะกลับมาที่เตียง จัดแจงดึงเอวร่างบางให้ขึ้นมานั่งพิงอก ลมร้อนๆถูกเป่าเข้าที่ผมชื้นเปียกจนยุนโฮได้ลูบเส้นละเอียดนิ่มลื่น ก่อนจะวไล่ลมร้อนลงมาตามคอขาวเพราะแถวลำคอยังชื้นนิดหน่อย ยูชอนก็ผลักมือ พร้อมกับงอแงให้เอาไปไกลๆเพราะเจ้าตัวร้อน
“ก็ปกเสื้อมันชื้นอยู่นี่ อีกนิดเดียวเอง ตรงคอก็ยังไม่แห้งดีเลย”
คนที่ถูกดึงแขนดึงเอวยอมตะแคงตัวพิงลงบนอกกว้างให้อีกคนบริการเป่าผมให้โดยดี แต่ก็ไม่วายทิ้งระเบิดโดยการปลดกระดุมเม็ดลงมาสามเม็ดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน เอวกางเกงก็ทั้งสั้นทั้งต่ำ พอยูชอนขยับเพราะไม่สบายทีเขาแทบจะไม่มีแรงถือไดร์อยู่แล้ว
แล้วยิ่งผิวขาวๆที่อมชมพูเพราะอาการไข้นี่อีก
“กินยาก่อนเร็ว จะได้นอน” เพราะถ้ายูชอนยังยั่วเขาไม่รู้ตัวแบบนี้ คืนนี้คงได้รังแกคนป่วยแน่ มืออุ่นผิดปกติยอมรับน้ำรับยามาดื่มแล้วกลืนแต่โดยดีแบบไม่ลืมตา พาลเอาน้ำไหลออกจากปากที่วางไม่พอดีกับขอบแก้ว
แล้วผลลัพธ์มันคืออะไรหล่ะ ?
ก็ได้เสื้อเชิ๊ตสีอ่อนตัวกับที่เปียกแนบกับอกที่ขยับขึ้นลงนั่นไงหล่ะ แล้วพอยูชอนปล่อยตัวลงกับพื้นเตียงเท่านั้น ยุนโฮก็ถึงกับต้องเบือนหน้าหนีพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ
สัมผัสชื้นๆคงทำให้ไม่สบายตัว เจ้าตัวเลยจัดการแหกส่วนที่เปียกนั่นออกไปด้านข้าง ให้พ้นทาง
ไม่รู้ว่าบุญหรือกรรม ที่ได้ยลยอดอกสีชมพูจัดชูชันบนหน้าอกขาวๆ เอวคอดที่ลากยาวหายไปในขอบกางเกงหมิ่นเหม่ เรียวขาที่ตั้งชันขึ้นเรียกเอาขาสั้นลงมากองรวมกันจนเห็นเนินเนื้อกลมกลึงด้านหลังยามเจ้าตัวขยับไปมา
ชองยุนโฮจะใจแตก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโรคจิตถ้ำมองยังไงไม่รู้ จะเอื้อมมือไปดึงกางเกงกับเสื้อให้ก็ไม่กล้า มือยิ่งชอบพลั้งไปเองอยู่ด้วย นี่ยังดีที่สามเม็ด
“ไม่นะ”
แค่เผลอไปหักห้ามใจตัวเองแป๊บเดียว หันมาอีกทียุนโฮก็แทบกรี๊ดเมื่อร่างบางกำลังไล่ปลดกระดุมลงถึงเม็ดสุดท้าย ปากก็พึมพำว่าร้อน
จะห้ามก็ไม่ทัน
ยุนโฮได้แต่หลับตาสูดลมหายใจควบคุมสติเมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรังดุม
“ขอรังแกคนป่วยซะหน่อยแล้วกัน”
ทอลค์
วรั๊ยยยยยยยยยยย >___________________<
ทำไมตอนใกลล้จบพารท์อิหมีเเลจะหื่นเช่นนี้ (ฟิน)
จะได้รังเเกคนป่วยกันเเค่ไหนก็ติดตามพาร์ทหน้านะคะ
เอนจอยรีดดิ้งค่ะ .
ความคิดเห็น