ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Coffee Prince สื่อรักร้านกาเเฟ (2u)

    ลำดับตอนที่ #15 : Part 14 All Stubborn

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 644
      1
      18 ก.ค. 53

     Part 14 All Stubborn

    2u

    “น้องชายงั้นเหรอ ? ”


    “ครับ น้องชายพี่เอง” พี่ชายคนโตส่งยิ้มละมุนให้ร่างตรงหน้า ส่วนน้องคนเล็กได้แต่ยืนนิ่ง

     

    “งั้นคุณพ่อของจินซอนก็คือ ... ”

     

    “จินซอนเหรอ  งั้นยูชอนก็คือหม่ะม๊าคนนั้นซิ”

     

    “ครับ แต่ผมไม่ใช่หม่ะม๊าจริงๆเสียหน่อยนี่” ยูชอนยิ้มแหย อะไรโลกมันจะกลมได้ขนาดนี้ พี่จุนจินเป็นคุณพ่อของจินซอน แล้วก็เป็นพี่ชายของยุนโฮด้วย ควบถึงสองหน้าที่ งานเข้าแล้วไงล่ะยูชอน

     

    “งั้น น้องชายที่พี่อยากให้ผมเป็นผู้จัดการให้ก็ ...” ยูชอนสบตาเข้ากับดวงตาเรียวของยุนโฮก็แทบจะร้องออกมา ถ้าหากว่าใช่ยุนโฮจริงๆล่ะก็เรื่องสนุกรอเขาอยู่เพียบ

     

    “ใช่  ยูชอนรับปากแล้วนะครับ”

     

    หึหึหึ ยูชอนพยายามหุบยิ้ม ตบมือปั่บๆ พึมพกลับกล้องตัวน้อยในมือว่าถ้าไปอยู่กับยุนโฮจริง เจ้ากล้องนี่คงไม่ได้พักซะแล้ว ยูชอนจะทำโฟโต้บุ๊คซักเล่มหรือโปสเตอร์กับลิมิเต็ดอิดิชั่นโปสการ์ดดีหนอ

     

    “ว่าแต่ยุนโฮนายไม่เคยบอกเราเลยนะว่านายก็เป็นเจ้าของร้านนี่เหมือนกัน”

     

    “ถ้านายฉลาดพอ ร้านนี้ยังตกแต่งไม่เสร็จดีด้วยซ้ำ แล้วก็มีเราอยู่คนเดียว ที่มานั่งๆนอนๆอยู่ที่นี่”

     

    ยูชอนมองหน้ายุนโฮทีมองหน้าจุนจินที ถึงแม้จะหน้าเหมือนกันแต่ทำไมยุนโฮถึงพูดจาวอนได้ขนาดนี้นะ

    ไม่เหมือนพี่จุนจินกับจินซอนเลยซักกะติ๊ดเดียวอะ

     

    “ดี ในเมื่อร้านของนายเองก็ไม่ต้องเอาค่าตัวนะ ไปเปลี่ยนชุดกันเดี๋ยวนี้เลย”

    ใครจะไปก็ไป เราจะกลับ!” ยุนโฮหน้าหงิก ไม่อยากจะหงุดหงิดเพราะว่าต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจอหน้าอย่างพี่ชายตัวเอง เขาคงจะดูงี่เง่าเกินไป

    ปล่อยเขาไปเถอะยูชอน วันนี้เลิกก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที  จุนจินแตะเอวบางเฉียบแล้วรั้งให้เดินไปด้วยกัน หันมาขยิบตาให้น้องชายแล้วรั้งเอวเพรียวบางเข้าใกล้กว่าเดิม

    นาย .. มานี่ ยุนโฮแกะมือพี่ชายออกจากเอวยูชอน แล้วดึงตัวไปคุยที่อีกมุมหนึ่งของร้าน ยิ้มบางๆให้ทีมงานคนหนึ่งแล้วรอให้เธอเดินพ้นไปไกล

     

    “ปล่อยนะ เราเจ็บ” ยูชอนบิดแขนออก  มองหน้าอีกคนอย่างหาเรื่องเพราะยังเคืองไม่หาย เรื่องที่ไม่ยอมบอกแล้วยังมาทำวอนใส่

     

    “อะไร ถ้าเราบอกว่าเราเป็นเจ้าของร้านแล้วนายจะไม่บ่นเราหรือไง  จะพูดจาดีกับเรามากกว่าเดิมหรือไง”

     

    “ก็ไม่”

     

    “แล้วจะงอนให้มันได้อะไรล่ะ”

     

    “งอนเหรอ เฮอะ หลงตัวเองไปหน่อยมั้งชองยุนโฮ”

    ไม่ใช่คนหลงตัวเองเหรอ ที่นายเรียกออกมา รู้มั้ยน้าว่าตั้งก่องถ่ายครั้งนึงลงทุนไปกี่วอนแล้วถ้าไม่มีนายแบบ จะขาดทุนกี่วอน หื้อ ?

    ยุนโฮรู้สึกยิ่งกว่าถือไพ่เหนือกว่า ใจจริงเขาอยากจะเดินไปให้พ้นๆตั้งแต่เห็นหน้าจุนจินแล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะสายตาเจ้าเล่ห์ของพี่ชายเขา ทำให้ต้องอยู่ต่ออย่างช่วยไม่ได้ อดเป็นห่วงยูชอนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ได้จริงๆ

      หนอย ! เดี๋ยวนี่ขู่เราเหรอ ?

    ว่าไงเราถ่ายแบบได้แต่ต้องทำตามที่บอกหนึ่งข้อ

     

    “บอกมาอย่าลีลา รู้มั้ยว่าตั้งกองครั้งหนึ่งมันลงทุนกี่วอนน่ะหา ! ” ยูชอนย้อนกลับ อดหงุดหงิดไม่ได้ที่ยุนโฮดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

     

    “เอาเป็นว่านายสัญญา” เขารู้ดีว่ายูชอนเป็นคนอารมณ์ร้อน คราวนี้แล่ะจะจับดัดนิสัยให้เข็ด

     

     สติดีมั้ยเนี่ยุนโฮ เราจะสัญญาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไงกัน”

    นายคงไม่ต้องการนายแบบสติไม่ดีสินะ

    เออ ก็ได้ๆ มานี่เลย ไปแต่งตัว ยูชอนฟึดฟัด ลากแขนคนตัวสูงกว่าไปหาฝ่ายคอสตูม จับปลายผมร่างสูงแล้วก็บอกให้เล็ม ผมแล้วก็เติมแป้งหน่อยแค่นั้นพอ เพราะเจ้าของรูปร่างหุ่นนายแบบตรงหน้าดูดีอยู่แล้ว

     

    “เป็นไงบ้างคะคุณยูชอน”

     

    เพอร์เฟค

     

    ยูชอนยืนกระพริบตาปริบ จำได้ว่าเข้าบอกให้เล็มผมกับเติมแป้งให้นิดนึง แต่ผมยาวข้างหน้าที่เสยเจลขึ้นไปทำให้ยุนโฮดูดีกว่าที่เคย อยากจะชมหรอกว่าหล่อแต่เพราะหมั่นไส้ปากเลยไม่ตรงกับใจเสียนี่

     

    “ ก็พอดูได้นี่”

     

    “งั้นมาเริ่มกันเลย”

     

    ........................

     

    ยูชอนนั่งมองยุนโฮผ่านจอมอนิเตอร์หลังจากถ่ายภาพทั้งหมดครบเซตในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ยุนโฮทำงานแบบมืออาชีพ รู้มุมกล้องของตัวเองโดยไม่ต้องให้เขาบอก รู้ว่ามุมไหนภาพจะสวย ต้องปรับแสงตรงไหน ลดเพิ่มบาลานซ์ตรงไหน ทำหน้าแบบไหน  มุมกล้องที่ดีที่สุดของเจ้าตัวอยู่ตรงไหน  เรียกได้ว่าทำงานเก่งแบบหาตัวจับยาก

     

    “แล้วทำไมถึงเล่นตัวนักหล่ะห้ะ นายเก่งแบบนี้  ?” ยูชอนยืนพิงอ่างล้างจานข้างๆ มองดูร่างสูงยื่นหัวเข้าไปในอ่างสีเงินแล้วสระผมด้วยแชมพูหอมๆของชางมินที่เขาขอยืมมาให้

     

    “เราไม่ชอบการจัดฉาก การปั้นสีหน้า รอยยิ้มและน้ำตาที่ปั้นแต่งขึ้นมาหน้ากล้อง”

     

    “...”

     

    “แบบนั่นไม่ได้เรียกว่าถ่ายภาพ แต่เรียกว่าสร้างภาพ ไม่รู้สิ มันต่างกัน..เข้าใจหรือเปล่า ?”

     

    “อือ” ยูชอนช่วยอีกคนล้างฟองจนเกลี้ยง บอกให้ร่างสูงก้มไว้ก่อนแล้วเอาผ้าเช็ดตัวของตัวเองที่พาดบ่ามาด้วยเช็ดให้จนหมาด

     

    “ผมนุ่มจัง” ยูชอนขยุ้มผมอีกคนเล่น ผมเส้นเล็กลื่นมือ ต่างกันกับผมหยักศกของเขา

     

    “ขอบใจ” ยุนโฮสะบัดผม ยื่นหัวเขาไปรองอยู่ใต้แอร์เย็นเฉียบ ยื่นผ้าขนหนูชื้นคืนให้เจ้าของ

     

    “อยู่คุยกันก่อนนะยุนโฮ นายรู้แล้วหรือยังเรื่องที่เราจะเป็นผู้จัดการให้นาย”

     

    “รู้ พ่อโทรมาบอกเราแล้ว”

     

    “ตกลงกันเสร็จสรรพเลยนะบ้านนายนี่” ยูชอนเหน็บ เริ่มชินเพราะโดนมาตั้งแต่โดนป้ายให้ไปเป็นผู้จัดการของแจจุงแล้ว

     

    “แบบนี้แสดงว่าพวกเค้าถูกใจนายนะสิ” ยุนโฮจิบชากลิ่นส้มที่ยูชอนส่งให้แล้วฮึมฮัมในลำคอ มันอุ่นกำลังดี เขาชอบ

     

    “งั้นก็หมายความว่านายไม่ปฏิเสธ ?” ยูชอนส่งจานชีสเค้กตาม มองดูยุนโฮแล้วก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าก็ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นธรรมดาทั่วๆไป

     

    แล้วอะไรกันหนอที่ทำให้ยุนโฮแตกต่างจากคนอื่นที่เคยผ่าน

     

    “นายจะถ่ายรูปเราไปทำไมเยอะแยะ ?” ยุนโฮมองอีกคนที่ปรับหน้ากล้องแล้วรัวชัตเตอร์ใส่เขาไม่หยุดตั้งแต่เมื่อครู่แล้วนึกสงสัย

     

    “สงสัยเหมือนกัน  เรากลับก่อนนะ เช็ดผมให้แห้งด้วยล่ะ” ยูชอนพาดผ้าเช็ดตัวผืนเดิมไว้บนไหล่ร่างสูง กระซิบเสียงแผ่วว่าขอบใจก่อนจะเดินจากไป

     

    “ไม่ต้องขอบใจไป อย่าลืมว่านายจะต้องทำตามเราหนึ่งข้อ” ยุนโฮยิ้มพราว มองตามร่างเพรียววิ่งหอบของไปขึ้นบีเอ็มสีควันบุหรี่ที่เข้ามาจอดเทียบหน้าร้าน

     

    “ยูชอนขึ้นรถใคร ?”                                                                             

     

    ...................................

    Changmin X YuHwan

     

    ชางมินมองหน้าจอสีสดกระพริบวาบใต้แสงไฟสลัวของเคาน์ทเตอร์ ยัยน้องสาวตัวดีคงโทรมาตามกลับบ้านแล้วซิ แต่วันนี้คนมาที่ร้านเยอะ ก็เลยต้องทำความสะอาดนานหน่อย

     

    { จะกลับบ้านยังฮ้า อย่าลืมเอาเค้กกลับมาฝากหนูด้วยน้า } เสียงใสแว่วมาตามสายแจ้ว ชางมินหัวเราะนึกว่าจะห่วงกัน ที่ไหนได้ห่วงกิน

     

    “ยัยหมูตอน”

     

    {ว่าแต่ทำไมพี่ยัยหมูตอนยังไม่กลับอ่ะ แนะแน๊ อยู่กับแฟนเหรอจ้ะ } ยัยหมูตอนหัวเราะคิก ตะโกนโวยวายบอกคุณแม่ว่าพี่ชายเธอขายออกแล้วน้า

     

    “ทะลึ่งน่า แฟนที่ไหนกันอยู่ร้านนี่หล่ะ”

    { ทำไมล่ะ ตั้งแต่โดนยั้ยป้ากาอินนั่นทิ้ง พี่ก็ยังไม่หาแฟนใหม่ซะทีนะ จะรักไปไหน ยัยป้านั่นแก่กว่าพี่ตั้งเยอะ น่าเบื่อจะตาย หาแฟนเด็กกว่ามาเอาใจซะเถ้อออะ }

     

    ชางมินถอนหายใจตั้งแต่โดนพี่กาอินทิ้ง สาบานว่าเค้าไม่ได้มองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ยากจะทำใจจริงๆ

     

    { หาแฟยเด็กๆสิคะ เค้าจะได้เอาใจพี่ไง }

     

    “พวกอายุน้อยก็ชอบให้ตามใจ ขี้งอนไม่เข้าท่า เอาแต่ใจตัวเองก็เท่านั้น”

     

    “ปากดีไปเห้อะ เพี้ยงง ขอให้ได้แฟนเด็กแล้วหลงจนโงหัวไม่ขึ้นน”

     

    “ยัยเด็กแก่ด..” ยังไม่ทันได้ว่าให้จบประโยค ยัยน้องสาวตัวดีก็ชิงวางไปเสียก่อน เดี๋ยวกลับบ้านไปจะแกล้งให้เข็ด ชางมินปิดไฟล๊อคกุญแจร้านเรียบร้อยแล้วเดินไปยังสวนสาธาณณะใกล้ๆที่จอดรถเอาไว้

     

    “อื้อ ไม่ ไม่เอา”

     

    “จะเล่นตัวอะไรมากมายล่ะขอจูบทีเดียวเอง” ชางมินทำเป็นไม่ได้ยิน ควงกุญแจรถในมือเล่นแล้วเดินผ่านไป

     

    “ซึงฮยอน ที่นี่มันสวนสาธารณะนะ”

     

    “ไม่มีใครมาเห็นหรอกน่า” ชางมินถอนหายใจเฮือก เขานี่แหล่ะเห็น เบื่อจริงๆขนาดแกล้งไม่ได้ยิน ตาก็ดันไวไปสบกับสองเงาตะคุ่มตรงต้นไม่ใหญ่นั้นได้

     

    “ เราบอกว่าไม่ก็ไม่สิ ”

     

    “อย่าเล่นตัวสิริคกี้ เมื่อเช้าบนเตียงยังอ้อนซะน่ารักอยู่เลย ”

     

    “ นั่นมันเมื่อเช้า  ตอนนี้ โอ้ย  ไม่ เราเจ็บนะ ช่วยด ”

     

    “เงียบน่า เดี๋ยวจะพาไปถึงสวรรค์เลย ”

     

    “คนเค้าบอกว่าไม่ก็ไม่สิครับ” ชางมินยืนนิ่ง สาดแสงสีส้มจากไฟฉายอันเล็กไปยังทั้งคู่ ร่างเพรียวบางของอีกคนอยู่ในชุดนักเรียนสภาพหลุดลุ่ย เสื้อนักเรียนสีขาวถูกดึงขึ้นไปกองเหนืออกที่มีรอยแดงเป็นปื้น เข็มขัดนักเรียนถูกปลดออก ใบหน้าหันหนีด้วยความอับอาย

     

    “เสือกเรื่องของกูจริงๆ ริคกี้ไปขึ้นรถ”

     

    ชางมินดึงเจ้าของชื่อริคกี้มาไว้ด้านหลัง ใจจริงเขาก็ไม่อยากจะวุ่นวายกับกิจของคนอื่นนักหรอก ถ้าไม่ติดว่าริคกี้ที่ว่านี้ เป็นนายแบบหนุ่มที่พึ่งจะขึ้นปกนิตยสารดังไปเมื่อวันก่อน ไหงทำตัวเละเทะแบบนี้กัน

     

    “หรือว่าผมควรจะแจ้งตำรวจ” ไม่ต้องให้พูดมากความ เด็กหนุ่มอีกคนก็เผ่นแนบไปกับรถสปอร์ตคันหรูสีแดงเพลิง ทิ้งไว้แต่ฝุ่นให้คนข้างหลังเข้าไอค่อกแค่ก

     

    “แต่งตัวให้มันดีๆ แล้วก็กลับบ้านไปซะ”

     

    “ให้กลับสภาพนี้ พ่อเราเอาตายแน่” เจ้าของร่างเพรียวพลิกข้อมือของตัวเองแล้วต้องร้องซี้ด ไอซึงฮยอนบ้าทำไมถึงรุนแรงกับเขาแบบนี้นะ เจอเมื่อไหร่จะตบให้หน้าชาเชียว

     

    “งั้นมานี่” ชางมินแตะหลังเอวอีกคนให้เดินตามเขามาที่ร้าน เปิดไฟดวงเล็กหน้าโซฟากว้างแล้วยิ้มกล่องยากับอ่างน้ำอุ่นมาเตรียมทำแผลให้

     

    “อยู่เฉยๆ เจ็บแป๊บเดียว” ชางมินจับอีกคนให้อยู่นิ่ง เลิกชายเสื้อขึ้นไปกองแล้วถึงกับต้องตกใจ หน้าอกขาวมีแต่รอยจูบและรอยกัด ทั้งแดงทั้งม่วงช้ำปนกัน  

     

    คนโตกว่าบิดน้ำอุ่นหมาดแล้วเช็ดตามผิวเนื้อนวล ไม่อยากปฏิเสธเลยว่าคนข้างหน้าขาวจนขับรอยแดงอมม่วงให้ยิ่งเด่นชัด

     

    “ส เสร็จรึยัง” มืออีกข้างที่ช่วยร่างสูงเลิกเสื้อตัวเองขึ้นสั่นน้อยๆ ใบหน้าแดงซ่านเพราะพิษแอลกอฮอล์ร้อนวูบ ยามที่ปลายนิ้วอุ่นบรรจงทายาลงที่กลางหน้าอก

     

    “จะแนะนำให้นะ เลิกทำตัวแบบนี้แล้วก็ตั้งใจเรียนซะ”

     

    “ยุ่งน่า” อีกคนรั้งปลายเสื้อลงเหมือนเดิม คงใส่เสื้อกล้ามถ่ายแบบไม่ได้อีกหลายวัน

     

    “เรียนโรงเรียนมีชื่อด้วยนี่ ค่าเทอมคงจะแพง ทำตัวให้สมราคาหน่อยเถอะ” ชางมินจ้องตราที่ปกเสื้อของอีกคน คงเป็นเอกชนที่แพงน่าดู ค่าเทอมเขาหกเทอมคงยังเทียบไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ

     

    “แล้วนายจะทำไม เสียดายค่าเทอมเราหรือไง”

     

    “เสียดายที่พ่อแม่นายอุส่าทำงานหนัก แต่นายกลับทำตัวแบบนี้มากกว่า”

     

    “หึ อย่ามาโทษเรานะ  พ่อกับแม่ก็เอาแต่สนใจทำงานนั้นแล่ะ”

     

    เด็กเก็บกดเหรอเนี่ย ชางมินมองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า คำพูดประชดประชันแบบนี้ ตอบโต้คนอื่นคล้ายเอาแต่ใจแบบนี้ คงไม่ต้องเดาเลยว่านิสัยคนตรงหน้าเป็นยังไง

     

    “บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่ง”

     

    “ไม่กลับ”

     

    “จะนอนหน้าร้านทั้งคืนก็ตามใจเถอะ”

     

    “งั้นจูบเราก่อน  แล้วเดี๋ยวกลับ ” มือขาวจัดรั้งแขนยาวของคนที่ทำท่าจะลุกออกไปแล้วทิ้งเขาไว้คนเดียว

     

    “นอนนี่ไปละกัน”

     

    “ถ้านายจูบเรา เราจะยอมกลับบ้านดีๆ” ยูฮวานพูดออกมาแน่วแน่ มั่นใจดีว่าสติครบถ้วน แค่เห็นคนตรงหน้าแล้วอยากแกล้ง ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาหน้าตาเฉยแบบนี้เลยซักคน

     

    เรียวขาขาวตวัดขึ้นคร่อม แนบจูบลงบนเรียวปากแล้วขบเม้ม เรียวลิ้นอุ่นร้อนแทรกเข้าหยอกล้อให้อีกคนจูบตอบจนได้

     

     “ฮ้า อือเดี๋ยว” เรียวลิ้นช่ำชองกว่าแทรกเข้าในปากของคนอ่อนกว่าแล้วจูบดูดดื่ม อุ้งมืออุ่นกระชับเอวบางเข้าหา บดเบียดริมฝีปากเข้าแนบแน่น เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชักนำแทน

     

    “พอใจยัง” ชางมินถอนริมฝีปากออก มองคนบนร่างที่เอนตัวอยู่กับไหล่เขาแล้วส่ายหัว

     

    ยังไงเด็กกว่าก็คือเด็กกว่าวันยันค่ำ

     

     ริมฝีปากแดงจัดสูดอากาศเข้าปาก รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่ตอนสุดท้ายตัวเองถูกรุกกลับร้อนแรงจนต้องกอดไหล่กว้างของคนตรงหน้าไว้แน่น

     

    “ไป กลับบ้านนายได้แล้ว” ชางมินฉุดอีกคนลุกขึ้นยืนแตะแขนให้เดินกลับมาทางเดิม

     

    “ซากเหล็กคันนี้เนี่ย  จะหลุดเป็นชิ้นกลางทางมั้ยเนี่ย ?” ยูฮวานมองรถมอเตอร์ไซค์สีมอซอตรงหน้าแล้วเบะปาก ให้ตายตั้งแต่เกิดมา เขาสาบานได้ว่าก้นงามๆนี่นั่งต่ำสุดก็ออดี้เท่านั้นจริงๆ

     

    “จะซากเหล็กหรือ เล็กซัสก็ถึงบ้านเหมือนกันแล่ะ” ริคกี้ทำหน้าหยี๋ ยอมก้าวขึ้นนั่งแบบเกร็งๆ พออีกคนกระชากรถออกก็เกาะแน่นทำเอาอีกคนแทบไม่ต้องหายใจ

     

    “เห้ยยยย ขับช้าช้า เราไม่ชอบบบ” เสียงหวานตะโกนแข่งกับแรงลมที่ตีสวนกับตัวรถ สองแขนยาวโอบเอวอีกคนแน่น ร้องบอกทางไปบ้านแทบไม่เป็นภาษา

     

    “หลังนี้ หลังนี้” คนซ้อนหลังชี้ให้จอดตรงหน้า กระวีกระวาดลงจากรถทันทีที่จอดสนิท

     

    “ถ้านายเป็นคนขับรถเรานะ โดนไล่ออกไปแล้ว !

     

    “เผอิญว่าไม่ใช่ เข้าบ้านไปได้แล้ว” ชางมินเพยิดหน้า เห็นว่าคนในชุดเมดทยอยกันออกมารับคุณชายกันเป็นแถว

     

    “เดี๋ยวซี่  เห้ย รีบไปไหนของเค้าวะ”

     

    “คุณยูฮวาน ทำไมใส่หมวกกันน๊อคกิ๊กก๊อกอย่างนั้นล่ะคะ?”

     

    “หือ นี่เหรอ” ยูฮวานแสยะยิ้ม มีหมวกกันน๊อคของหมอนั่น ทีนี้ก็หาเรื่องไปเจอได้แล้วสิ

     

    “คราวหน้า เราต้องรู้ชื่อนายให้ได้”

     

    .....................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×