ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมมีชู้ (Jongkey)

    ลำดับตอนที่ #22 : {SF} Krankheit 2 (Jongkey) End + Spe

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 154
      0
      24 เม.ย. 56


    มาต่อจนได้ ปาดเหงื่อ*
    หลังจากที่ปล่อยให้คนอ่านสงสัยกันอยู่นานว่าจงเป็นโรคอะไร
    เเล้วสองคนนี้เป็นพี่น้องกันเเล้วรักกันได้ไง
    มาเฉลยเเล้วนะคะ เอนจอยรีดดิ้งค่ะ

    * ตอนนี้จงเป็นอะไรอะคะ ได้ข่าวว่าสามี (เก่า) จมูกหัก?
    เห็นมีคนเเง้วๆว่าจงไม่ได้อยู่ในเอ็มวีตัวใหม่ด้วย
    มันเกิดอะไรขึ้นนน ใครรู้บอกเค้าที ~

    คำเตือน ยาวมากกก* ค่อยๆอ่านนะคะ



    _________________________________________________________________________________________________________________________
     
      krankheit 2

    ธันวาคม  2008

     

    “ทำไมแม่ไม่เคยบอกผม!” ลูกชายคนเล็กตวาดเสียงลั่น หลังจากได้รับฟังความจริงจากปากมารดาของตัวเอง แข้งขาหมดแรง จนต้องยึดขอบโต๊ะไว้เพื่อประคองตัวเองให้ยังยืนอยู่ได้

     

    “คิบอม ช่วยจงฮยอนด้วยเถอะนะ แม่ขอร้อง”

     

    “แล้วทำไม แม่ไม่เคยบอกผม ว่าพี่จงฮยอนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทำไม!!” สิ้นคำสุดท้ายก็ได้แต่ทรุดลงไปนั่งพับกับพื้น น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดและมือสั่นจนเจ้าตัวต้องกำไว้แน่น

     

    เรื่องแรก จงฮยอนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตอนนี้ร่างสูงติดเชื้อที่ปอด ต้องรีบเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกโด่ยด่วน

     

     

     “ทำไมแม่ไม่บอกผม ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ! ทำไมแม่ไม่บอกผมว่าเราไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ !” ลูกชายคนเล็กสะอื้นจนตัวโยน น้ำตาหลายหยดไหลพรูลงบนตัก คิมคิบอมร้องไห้อยู่ตรงหน้ามารดาจนเสียงแหบแห้ง

     

    และเรื่องที่สอง จงฮยอนไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของเขา ร่างสูงเป็นเด็กผู้ชายที่แม่เขาขอมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กตอนที่ยังไม่มีเขา

     

     

    ที่ผ่านมาเขาเสียเวลาไปเพื่ออะไร? หักห้ามใจไปเพื่ออะไร? ทั้งๆที่พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    “เขารู้ไหม? ว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อกับแม่?” เค้นเสียงแหบลอดลำคอถามมารดาที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า

     

    “ไม่รู้”

     

     

    “แม่รู้ไหมว่าทำลายชีวิตเราสองคนแค่ไหน พี่จงฮยอนจะต้องรู้เรื่องนี้ และแม่ไม่มีสิทธิ์มาห้ามผม” คิบอมยันตัวลุกขึ้น มือที่ยังคงสั่นพยายามปาดน้ำตาออกไปให้พ้นใบหน้า สูดหายใจก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง

     

    เขาจะเสียเวลาไปอีกไม่ได้ คิมจงฮยอนต้องหาย และต้องอยู่กับเขา

     

    ...........................................................

     

     

    “แม่ ผมกินยาไม่ไหวแล้วนะ ผมเหนื่อยแล้ว” เสียงแหบแห้งรอดออกจากริมฝีปากซีดเผือดของคนที่นอนตะแคงหันหลังอยู่บนเตียง

     

    ร่างบางยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น กวาดตามองห้องที่ไม่ได้เข้ามาเกือบหนึ่งปี กลิ่นสะอาดคล้ายโรงพยาบาลลอยเข้าจมูก อุปกรณ์ช่วยชีวิตของโรงพยาบาลที่ต่อกับสายน้ำเกลือบนแขนพี่ชายทำให้คิบอมรู้สึกหดหู่ น้ำตาหยดโตที่พยายามกลั้นไว้ไหลออกมาจากดวงตาบวมช้ำอีกครั้ง

     

     

    “ทำไมวันนี้แม่ยอมผมง่ายจัง” ร่างบนเตียงพลิกตัวตะแคงกลับมา รอยยิ้มที่หายไปทันทีเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างเตียง

     

    “ทำไม ทำไมพี่ต้องรอให้ผมมาเจอพี่ในสภาพนี้ด้วย !” น้ำตาของน้องรักทำเอาคนเป็นพี่แทบขาดใจ อยากจะเข้าไปปลอบประโลมอย่างที่เคยทำ อยากจะเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนนั่นให้ แต่ก็ต้องทำใจแข็ง

     

    “ออกไป”

     

    “อะไรนะ”

     

    “ออกไปซะ”

     

    ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนห้อเลือด คิมคิบอมไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากจงฮยอน คนที่เข้ามานอนกอดเขาทุกคืน จงฮยอนคนที่คอยปลอบเวลาฝันร้าย ผู้ชายที่เขารักมากที่สุด ..

     

    “บอกให้ออกไปไง ไปไห้พ้น!” มือขาวซีดกดที่น่าอกตัวเอง อาการหายใจติดขัดกำเริบขึ้นมา จนร่างบนเตียงต้องหอบหายใจรุนแรง

     

    “พี่จงฮยอน ..ไม่นะ” ร่างบางถลาเข้าไปใกล้ พร้อมกับสอดแขนเข้ากอดที่เอวสอบ ถึงแม้เสียงอากาศแหวกหลอดลมจะฟังดูน่ากลัว เลือดที่ไหลออกมาจากจมูกและริมฝีปากซีดนั่นจะทำให้เขาตกใจ แต่คิมคิบอมก็ไม่สนอะไรอีกแล้ว

     

    “บอกให้ออกไป มันเปื้อน” พยายามทั้งผลักทั้งดันร่างขาวบางที่กอดรัดตัวเองแน่น เพราะเลือดที่ไหลออกจากจมูกเขาเองกำลังหยดเปื้อนตัวเสื้อโปโลสีโอรสของคิมคิบอมเป็นดวงๆ แต่เพราะสภาพร่างกายที่ไม่สู้ดีนัก ก็เลยไม่มีแรงแม้แต่จะผลักร่างบางนั่นออกไป

     

    มือที่ไร้เรี่ยวแรงพยายามผลักใส ยิ่งไอโขลกเพราะพยายามหายใจแถมยังสำลักเลือดตัวเองมากเท่าไหร่ เสื้อผ้าของทั้งตัวเองและน้องชายก็ยิ่งเปื้อนมากขึ้น แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดกอดรัดเขา

     

     

    “แม่ แม่ !

     

    สิ้นเสียงเรียก คนเป็นแม่ก็เข้ามาในห้องพร้อมกับดึงคิบอมออกจากลูกชายคนโต คุณนายคิมค่อยๆประคองลูกชายคนโตนอนราบลง พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดเลือดที่ยังไม่หยุดทะลักออกจากปากและจมูกให้

     

     

    คิบอมได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างเตียง ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนเลืดของอีกคนซีดสนิท มือไม้สั่นเทิ้ม ขาหมดแรงไปอีกหน ได้แต่มองดูมารดาร้องไห้พร้อมกับเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พี่ชายทีนอนหลับตาอยู่บนเตียง โดยที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย

     

     

    “คิบอม มาหาพี่นี่สิ”

     

    หลังจากคุนนายคิมหายออกไปจากห้องพร้อมกับกะลังมังที่บรรจุน้ำอุ่นๆสำหรับเช็ดตัว ร่างบนเตียงก็ค่อยๆลืมตาขึ้น จงฮยอนขยับตัวขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยปากเรียกเด็กชายที่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้นข้างเตียงให้เข้ามาใกล้

     

     

    “พี่ไม่เป็นไรแล้ว ดูสิ ไม่มีเลือดแล้ว”อ้าแขนรับร่างบอบบางเข้ามาใกล้ คิมจงฮยอนลูบที่แผ่นหลังบางเบาๆ พร้อมกับโยกตัวกอดปลอบเด็กน้อยคิมคิบอม

     

    อยู่กับเขาที่ไร เด็กม.ปลายปีหนึ่งนี่ชอบทำตัวเป็นเด็กเจ็ดขวบที่แสนเอาแต่ใจทุกทีเลย

     

    “ผมขอโทษ”

     

    “ขอโทษอะไร”จงฮยอนลูบกลุ่มผมสีอ่อนที่ซุกอยู่แถวอก กดจุมพิตลงบนหน้าผากเนียน จะต้องขอโทษอะไรอีก แค่เขาได้คิบอมกลับมา ได้อ้อมแขนเล็กๆโอบกอดเขาไว้ มีร่างหอมๆมาเบียดแนบอยู่ข้างกายแบบนี้ก็ดีพอแล้ว

     

     

    “ขอโทษที่ผมโกหกตัวเองว่าไม่ได้รักพี่ ขอโทษที่ผมเฝ้าบอกว่าเราทั้งคู่รักกันไม่ได้ ขอโทษที่ผมโกหกตัวเองว่าเราไม่ได้รักกัน จริงๆแล้ว ..ผมรักพี่นะ ..รักมากด้วย ไม่เคยอยากเป็นน้องชาย ไม่เคยเลย”

     

     

    “พี่รู้” เชื่อเถอะว่าเขาผ่านทั้งหมดนั่นมาเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็นการหลอกตัวเองว่าเขาสองคนไม่ได้รักกันไม่ว่าจะพยายามหักห้ามใจเพราะตัวเองเป็นแค่พี่ชาย ไม่ว่าจะทำตัวห่างเหินไม่ยุ่งเกี่ยว แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

     

    คิมจงฮยอนเข้าใจดีว่าเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ทำไมคิมคิบอมถึงผลักไสเขาอยู่ตลอด ไม่ใช่เพราะเจ้าตัวยังฝังใจกับเรื่องที่มินโฮจากไปหรอก แต่เป็นเพราะว่ากลัวรับความจริงไม่ได้มากกว่าว่าถึงแม้จะไม่มีคนอื่น ก็ยังรักแต่เขา

     

    เขาเป็นคนเลี้ยงคิบอมมานะ ทำไมจะไม่รู้

     

     

    “ผมรักพี่”

     

     

    “รักเหมือนกัน”

     

     

    .............................................

     

    กุมภาพันธ์  2009

     

    ร่างขาวนั่งห้อยขากับเคานท์เตอร์ แกว่งเท้าไปมาขณะที่รอคิมจงฮยอนกำลังนอนแช่น้ำอุ่น เปลือกตาสีอ่อนหลับสนิท ดีที่หน้าอกยังกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะให้เขาใจชื้น

     

    ตั้งแต่กลับมาใช้ชีวิตด้วยกัน คิมจงฮยอนหยุดหายใจลาโลกนี่ไปแล้วสองครั้ง ต้องปั้มเรียกหัวใจกันให้วุ่นวาย แถมจงฮยอนยังบอกเขาด้วยว่าไม่ให้ทำแบบนั้น ให้ปล่อยตัวเองไปได้แล้ว มันถึงเวลาแล้ว แล้วแบบนี้เขาจะกล้าปล่อยให้คนตรงหน้าคลาดสายตาได้ยังไง

     

    “พี่ไม่สงสารผมเลย”

     

    คิมจงฮยอนยอมเข้ารับการรักษาโดยไม่มีอิดออด แต่ไขกระดูกที่ได้รับการปลูกถ่ายไม่ได้หมายความว่าจะให้ผลดีและเข้ากับคนไข้ทุกคนได้เสมอไป จงฮยอนไม่ได้ดีขึ้น และพวกเขาทำได้แค่รอ ...

     

    ดวงตาเรียวเหลือบตามองไปรอบห้องน้ำที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุนจมูก ตอนนี้พวกเขาพาจงฮยอนกลับมาที่บ้านแล้ว ไม่มีสายน้ำเกลือให้กวนใจ ไม่มีสายให้ยาบำรุง มีแค่เพียงยาฆ่าเชื้อวันละหนึ่งเม็ด กับยาแก้ปวดบ้างบางเวลา

     

    คิบอมถัดตัวลงจากเคานท์เตอร์ ก้าวเงียบเชียบไปประชิดขอบอ่างสีขาวที่มีอีกคนนอนแช่น้ำอยู่ มือขาวค่อยๆจับรูดเสื้อตัวเองออกทางปลายแขน ตามด้วยกางเกงขาสั้นสีอ่อนที่ลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าในเวลาถัดมา

     

    เสียงผิวน้ำกระทบเนื้อดังจ๋อมแจ๋มทำให้คนที่กำลังนอนหลับตาอยู่ลืมตาตื่น จงฮยอนตกใจไม่น้อยเมื่อร่างขาวเปลื้อยทิ้งตัวลงมาทาบทับพอดิบพอดีจนเขาตกใจ

     

    “คิบอม เดี๋ยวมีใครเข้ามานะ”

     

     

    “พี่ก็รู้ว่าแม่รู้เรื่องของเรา” คิบอมโน้มหน้าลงไปใกล้ ฟันคมงับเบาๆลงบนริมฝีปากของพี่ชาย

     

    “...”

     

     

    “กล้าปฏิเสธไหมว่าไม่ต้องการผม”

     

    สะโพกที่บดเบียดลงมาทำให้คิมจงฮยอนหายใจแทบไม่เป็นจังหวะ มือเล็กๆที่จับมือเขาลากสัมผัสไปบนผิวนุ่มของเจ้าตัวทำเอาเขาแทบคลั่ง  เสียงครางแผ่วเบาที่ดังก้องไปทั่วห้องน้ำยามเขาแตะจูบลงบนหน้าอกช่างหวานน่าฟัง

     

    “ให้ผมเป็นของพี่นะ”

     

    ...

    ...

     

    “อื้อ”

     

    คิบอมร้องเบาๆในลำคอเมื่อแรงกระทั้นจากช่วงร่างถี่ขึ้นแต่ยังแนบแน่นและอ่อนโยน ริมฝีปากหยักขบเย้าลงบนตุ่มไตสีสดบนหน้าอกให้คนข้างบนได้หน้าแดง ใบหน้าขาวบิ้ดเบี้ยวไปตามอารมณ์เมื่อจงฮยอนขยับตัว

     

    “ฮึก ..งือ”

     

    รอบต่อมาได้ครางยาวเพราะถูกจับให้ยกสะโพกขึ้น แล้วเจ้าตัวก็บังคับให้เข้ากดสะโพกลงไปช้าๆ แถมคราวนี้ยังโดนจุดกระสันพอดิบพอดี จนคิบอมแขนขาอ่อนแรง ได้แต่แต่ห่อปากครางยาวในลำคอ ปล่อยให้อีกคนขยับสะโพกเข้าหาแล้วก็เล้าโลมจนเสียวสุดตัว

     

    .....

     

    “อือ ..ฮึก .. ผมรักพี่นะ”

     

    “พี่ก็รัก”

     

    ....................................

     

    กุมภาพันธ์  2011

     

    “ผมคิดถึงพี่จัง พี่คิดถึงผมมั้ย?” ปลายนิ้วนุ่มถอนหญ้าสีเขียวสดที่ขึ้นปกคลุมบริเวณแถวป้ายหิน ใต้นั้นมีร่างของคนที่เขารักนอนอยู่

     

    “หน้าหนาวเนี่ย ไม่มีใครให้ผมซุกเลยนะ” ดวงตาเรียวจับจ้องไปที่ป้ายหินตรงหน้า ริมฝีปากสีสดบ่นพึมพำอยู่พักก่อนจะได้เผยอรอยยิ้มเมื่อลมอุ่นๆพัดมาวูบหนึ่ง ทั้งๆที่ตอนนี้เป็นหน้าหนาวที่ควรจะมีลมเย็นโอบไล้ให้เย็นวาบไปทั่วร่าง

     

    “อยากกอดผมหล่ะสิ”

     

    “พวกนายแน่มากรู้ไหมที่ทิ้งฉันไว้คนเดียว อดกอดฉันเลย” มือขาวปัดดินและเศษหญ้าที่เปรอะอยู่บริเวณแผ่นหินออกจนสามารถเห็นตัวชื่อสีดำชัดเจน ก่อนจะบรรจงว่างช่อดอกกุหลาบสีขาวสะอาดลงไป

     

    “ผมรักพี่นะ คิมจงฮยอน”

    END

     

    .......

     

    *Spe

     

    ใบหน้าหวานใสก้มมองพื้น ปลายเท้าใต้รองเท้าผ้าใบเตะเศษกรวดเซษหินไปตลอดทางเดินกลับบ้าน จนะกระทั่งสายลมอุ่นๆที่คุ้ยเคยหอบเอากลิ่นดอกกุหลาบมาโชยแตะจมูก คิมคิบอมถึงได้เงยหน้ามองทาง


    ใบหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้เขาชะงักไปชั่วครู่  ความอบอุ่นไหลวูบไปทั่วร่าง ริมฝีปากปรากฎรอยยิ้มออกมาน้อยๆ

     

    “พี่ครับ”

     

    เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นเด็กหนุ่มผิวขาว มีสันจมูกโด่งกับคิ้วคมเข้ม รูปร่างและใบหน้าเหมือนกับจงฮยอนชนิดที่ว่าถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องกันเขาก็จะปักใจเชื่อทันที

     

    แต่ว่าไม่ใช่ พี่จงฮยอนไม่อยู่กับเขาอีกแล้ว ร่างสูงเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นและลอยยิ้มละลายใจจากเขาไปได้ร่วมสามปีแล้ว

     

    ตอนนี้คิมคิบอมเป็นเด็กมหาลัยปีหนึ่งแล้ว เขาสนใจแต่เรื่องเรียนจบไปเป็นหมอ แล้วนอกจากนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีก แม้แต่เรื่องมีคนรักสักคนก็เถอะ  กำลังจะก้าวจากไป แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ร้องเรียกเขาไว้อีกครั้ง

     


    “พี่ครับ” เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนคนรักของเขาเปี๊ยบยื่นดอกกุหลาบสีขาวดอกโตดอกหนึ่งให้ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้เขาหัวเราะชำ

     

     

    “เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย?”

     

     

    “เก่าไปหน่อยมั้งมุกนี้หน่ะ?”

     

     

    “อา.. ชี ไหนไอพวกเวรนั่นบอกว่าจะได้ผลไงวะ”  เด็กหนุ่มตรงหน้าสบถกับตัวเองเบาๆพร้อมกับทำหน้าแหยๆส่งมาให้ แล้วนี่เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แค่ทำใจกล้าจีบคนอายุมากกว่าเขาหลายปีนี่ก็อายจะเป็นบ้าตายแล้ว

     

    “แต่เราเคยเจอกันมาก่อนนะ”

     


    “เห๊ะ!” ตกใจกับคำตอบแล้วก็รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้ เด็กหนุ่มได้แต่นึกชมความอ่อนหวานของร่างขาวตรงหน้าอยู่ในใจ ปลายจมูกที่จรดลงบนกลีบกุหลาบ เปลือกตาสีอ่อนที่หลับพริ้ม ช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ

     

    “ฉันชื่อคิมคิบอม”

     

    “ผมชื่อจงฮยอนครับ คิมจงฮยอน”

     

    เด็กตรงหน้าตอบรับเสียงสดใส ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแบบที่เขาเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน

     

    อา... นอกจากเราจะเคยเจอกันแล้ว เรายังรู้จักกันด้วยสินะ ...คิมจงฮยอน

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×