ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมมีชู้ (Jongkey)

    ลำดับตอนที่ #11 : ชู้ 7 (Jongkey) Rewrited

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 162
      1
      31 มี.ค. 56



    ____________________________________________________________________________________________________
    PART 7

    ร่างบอบบางพลิกตัวกระสับกระส่ายด้วยความไม่สบายตัว อยากจะข่มตาให้หลับเพียงแต่ว่าตอนนี้ฤทธิ์ยาที่กินไปตอนหัวค่ำคงหมดไปแล้ว ถึงได้กลับมาปวดท้องอีกครั้ง ไม่ ไม่ใช่เพราะไข้หวัดที่ติดมาจากจงอินหรอก แต่เป็นอย่างอื่นต่างหาก

     

    ปวดท้อง นอนคู้ตัวอยู่อีกนานสองนานจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว แทมินค่อยๆตลบผ้าห่มออกจากตัว ก่อนจะเดินกัดริมฝีปากมือกุมท้องเข้าไปในครัว มือขาวหมุนที่ก๊อกน้ำสีเงิน ก่อนจะโก่งตัวอาเจียนเอาของเหลวที่ทำให้แสบคออกมาจากกระเพาะ

     

    “อื๊ ..”

    ของเหลวเหนียวๆที่อาเจียนออกมาเจือจางแล้วไหลลงไปตามสายน้ำ ริมฝีปากแดงเผยออ้า สูดลมเข้าปากเสียงดัง ก็ดีขึ้นหน่อยนึง

     

    “เป็นอะไร พี่พาไปหาหมอมั้ย?” เงาดำทาบทับเบื้องหลัง มือข้างหนึ่งช่วยลูบแผ่นหลังเมื่ออีกคนทำท่าจะอาเจียนออกมาอีกรอบ

     

    “ไม่ ..” ตั้งใจจะหันไปบอกว่าไม่เป็นไร แต่ของเก่าที่ยังออกมาไม่หมดดันตีรวนขึ้นมาอีกรอบ มือขาวพยายามยกขึ้นปิดปากไว้แล้วแต่ก็ไม่ทัน

     

    “เห้ย ไหวมั้ยเนี่ย” อนยูไม่ได้สนใจของเหลวบนเสื้อ สนใจลูบหลังให้คนที่ยังโก่งคอทำท่าผะอืดพะอมอยู่ตรงหน้ามากกว่า กระซิบเบาๆให้ใจเย็นพร้อมกับลูบแผ่นหลังบางของน้องเล็กที่หมดแรงจนต้องเอามือยันขอบอ่างล้างจานไว้

     

    “ออกไป ..เดี๋ยวเปื้อน” หันมาผลักพี่ชายออกห่างพร้อมกับเงยหน้าสูดอากาศเข้าปาก มือขาวคว้าเข้าที่ตู้เหนือซิงค์ กระชากมันเปิดออก พร้อมกับเอื้อมมือหยิบขวดแก้วสีน้ำตาลออกมา จัดการเปิดฝาแล้วยัดยาเม็ดเล็กๆใส่ปาก ก่อนจะรองน้ำใส่แก้วแล้วดื่มตาม

     

    “พี่เคยเห็นบ่อยๆใช่ไหม” มองหน้าน้องที่ยืนพิงประตูตู้เย็นด้วยความสงสัย ตอนแรกเขานึกว่าแทมินกินวิตามินอะไรแบบนี้ซะอีก แต่ดูจากตอนนี้แล้วคงไม่ใช่ ร่างสูงแกะมันออกจากมือที่กำรอบขวดแน่น เพ่งตาดูใต้แสงสลัว ก็เห็นว่าเป็นยาสำหรับโรคกระเพาะ

     

    อีกคนไม่ได้สนใจตอบ แต่กลับเดินไปคว้าขวดแก้วสีน้ำตาลอีกขวด เปิดฝาแล้วก็ยัดอีกสองเม็ดตามเข้าไป

     

    “เอามานี่” คว้าขวดไปจากมือแล้วต้องอาปากค้าง นี่ล่อยานอนหลับเข้าไปสองเม็ดเลยเหรอ

     

    “อีแทมิน”

     

    “อย่า ผมเหนื่อย ไม่ไหว” สะบัดหน้าพร้อมกับพยายามแกะมือที่จับแขนตัวเองอยู่ออก

     

    “ทำไมปล่อยให้เป็นหนักขนาดนี้ หืม?” แตะที่เอวเบาๆ พร้อมกับดันให้ลงนั่งที่โต๊ะกินข้าว มือใหญ่จัดแจงต้มน้ำร้อนพร้อมกับชงน้ำผึ้งใส่ให้เรียบร้อย

     

    เขาก็ไม่แปลกอะไรถ้าไอดอลอย่างเขาจะเป็นโรคไอดอลอย่างไมเกรน โรคกระเพาะอะไรแบบนี้ เพราะตารางงานก็ไม่ได้ว่างแล้วก็ดีต่อสุขภาพนักหรอก พวกเขาเลือกไม่ได้ว่าจะกินตอนกี่โมง นอนได้วันละเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ควรจะดูแลตัวเองบ้าง

     

    “กินซะหน่อย เผื่อจะนอนสบายขึ้น” ยื่นให้พร้อมกับผละออกไปทำอะไรยุกยิก อีกคนที่ยานอนหลับเริ่มออกฤทธิ์ก็อยากเข้านอนเต็มแก่ เลยรีบเป่ารีบดื่มๆให้หมดๆซะ

     

    “พี่ทำแบบนี้ทำไม?” ชักแขนออกจากมืออุ่นที่แตะผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นๆมาเช็ดตัวให้ กำลังจะรีบเดินกลับเข้าไปนอนอยู่แล้ว อีกคนก็กดไหล่เขาพร้อมกับพับแขนเสื้อแล้วเช็ดที่แขนกับลำคอให้

     

    “มายุ่งกับผมทำไม” ดวงตาสวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ขอบตาแดงก่ำเมื่อสัมผัสความอ่อนโยนที่คุ้นเคยดีจากจินกิที่บรรจงแตะผ้าขุนหนูเย็นซับบนใบหน้าให้

     

    “เฮ้ย !ร้องทำไม ปวดตรงไหน ปวดเหรอ?” ยิ่งอีกคนกุลีกุจอถามด้วยความเป็นห่วง แทมินยิ่งทำนบน้ำตาแตก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคิดถึงความอ่อนโยนนี่มากแค่ไหนทั้งๆไม่ได้คุยกันยังไม่ถึงอาทิตย์ดีด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ไม่สนใจอะไรแล้ว ร่างขาวพุ่งตัวเข้ากอดอนยูที่พยายามดันตัวเองออกหนีจากอ้อมแขนเล็กๆที่ตวัดเข้ามารอบเอว

     

    “เสื้อมันเปื้อนอยู่นะ !

     

    แหงหล่ะ ยังไงตอนนี้ทั้งอีจินกิและอีแทมินก็ได้มีเสื้อเปื้อนอ้วกกันทั้งคู่ คนโตกว่าก็เลยจำใจ โอบกอดน้องเล่นที่สะอื้นฮั่กไม่หยุดต่อไป

     

    “ขอโทษนะ ที่วันนั้นทำตัวไม่น่ารัก” เงยหน้าขึ้นมองพร้อมด้วยแววตาสำนึกผิดที่ทำให้อีจินกิใจอ่อน จริงๆเขาก็ไม่เคยคิดจะโกรธเจ้านี่นานอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวนั่นแหล่ะดันทำตัวห่างเหินหมางเหมินใส่เขาเอง

     

    “อย่างอแงแบบนี้อีกแล้วกัน ไม่งั้นก็ไม่รับประกันนะ” แตะนิ้วลงบนปลายจมูกเบาๆ ก่อนจะผละตัวออกแล้วจุ่มผ้าขนหนูลงในน้ำ ออกแรงบิดให้พอหมาดก่อนจะรั้งปลายเสื้อยืดของน้องเล็กขึ้น

     

    “ถอดเสื้อเร็ว ระวังผมเปื้อนด้วย เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้” แทมินอ้าปากหวอเป็นรูปตัวโอ กระพริบตาปริบๆค้างอยู่นานสองนาน โชคดีจริงๆที่ไฟมันสลัว ไม่งั้นคงได้เห็นแก้มแดงเถือกแน่ๆ แล้วนี่อีจินกิลืมไปแล้วหรือเปล่า ? ว่าเขาบอกชอบเจ้าตัวไปหน่ะ แล้วที่สั่งให้เขาถอดเสื้อเพื่อจะเช็ดตัวให้คืออะไร ?

     

    “ถอดดิ มาพี่ถอดให้” เลิกปลายเสื้อขึ้นอย่างไวจนเห็นหน้าท้องขาวๆ พอถึงช่วงอกเสื้อที่มันเลอะ อีจินกิก็จัดการจับม้วนอย่างรวดเร็ว แถมยังป้องมือบังบนผมให้อีกตอนที่ดึงเสื้อออกเหนือศีรษะ

     

    “ฮื้อ” อยากจะตบปากตัวเองแล้วเอาหัวกระแทกโต๊ะเสียจริงๆที่ส่งเสียงบ้าบอแบบนั้นออกไปเมื่อผ้าขนหนูเย็นๆแตะลงมาบนหน้าอก ปลายนิ้วอุ่นๆที่สัมผัสกับหน้าท้องขาวโดยไม่ได้ตั้งใจทำเอาหัวใจเต้นตุบตับ เลือดไหลสูบฉีดไปทั่วร่างยังกับเม็ดเลือดแดงกำลังวิ่งแข่งกันอยู่

     

    ฝ่ายอนยูก็สาหัสเหมือนกัน คนแก่ต้องกลั้นใจสุดความสามารถที่จะไม่จับต้องหรือทำอะไรแผ่นอกกับหน้าท้องขาวเนียนนั่นมากกว่าการเช็ดตัวให้อย่างที่บอกไว้ตอนแรก ทั้งกลั้นทั้งข่มใจตัวเองอยู่นานหลายนาที ถึงได้พ่นลมออกทางปากฟู่อย่างโล่งใจเมื่อจัดการเช็ดตัวให้แทมินเสร็จ

     

    “แปบนะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบเสื้อให้”

     

    .

    ...

     

    “เอ้า” อนยูกลับมาพร้อมกับเสื้อตัวใหม่แล้วเรียบร้อย มือใหญ่ยื่นเสื้อยืดสีชมพูลายทางสลับขาวที่มองดูแล้วคิดว่ามันเข้ากับหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงของคนตรงหน้าดีไม่หยอก เลยหยิบติดมือมายื่นให้

     

    คนป่วยรับไปสวมพร้อมกับเลิกคิ้วน้อยๆ มั่นใจว่านี่ไม่ใช่เสื้อตัวเองแน่นอน ไม่ของคิบอมก็คงจงฮยอน ใครซักคนนั่นหล่ะ แล้วนี่คิดอะไรอยู่ถึงหยิบตัวนี้มาให้เขาใส่ จับๆที่เสื้อแล้วก็อดจะเบะปากไม่ได้ ไม่รู้รึไงว่าเสื้อเขาตัวไหน

     

    “เบะทำไม” บีบเข้าที่ปากเป็ดนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ใจจริงอยากจะล็อกคอแล้วจับมาอัดๆตีๆยีหัวซะให้หายคิดถึง แต่ก็สงสารคนป่วย

     

    “ไม่ใช่เสื้อผมนะ”

     

    “รู้แล้ว แต่พี่ว่าเราใส่แล้วมันน่าจะน่ารักดีเฉยๆ ก็เลย..” ริมฝีปากบิดโค้งขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงอีกคนอ้อมแอ้มในลำคอต่อว่าเขาเป็นคนบ้า แถมยังถองศอกแหลมๆใส่อีก

     

    “ง่วงแล้ว” เงยหน้าบอกคนที่ยืนอยู่พร้อมกับขยี้ตาแสดงความง่วงงุนให้ดูด้วยอีกต่างหาก อีจินกิเลยสอดแขนเข้าใต้เอวแล้วดึงร่างผอมให้ลุกขึ้น โอบเอวเดินจนไปหยุดหน้าประตูห้องนอนก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู

     

    “คืนนี้นอนกับพี่นะ”

     

    แน่นอนว่ากำลังตกใจถึงได้ยอมให้อีกคนพาจูงไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย แถมยังยอมให้ร่างสูงนั่นโอบไว้ในอ้อมแขนแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากโดยไม่คัดค้านอะไรเสียด้วย

     

    จงฮยอนที่นอนลืมตามองทั้งคู่ในความมืดยิ้มกริ่มกับตัวเอง บทจะดีกันก็ไวเหลือเกิน แถมยังหวานเว่อร์ เบะปากกับความเลี่ยนที่ล้นเกินออกมาจากเตียงทางฝั่งขวาเบาๆ ก่อนจะพลิกตัวหันหนี แต่พอตะแคงตัวไปอีกฝั่ง แวบหนึ่งกลับได้สบเข้ากับดวงตาคู่สวยคู่หนึ่งในความมืด ก็เลยได้ยิ้มกริ่มเหมือนกันอีกหน

     

    ไอเตียงฟังซ้ายนี่ก็ยังมีคนไม่นอนอยู่สินะ ลืมไปว่ารายนั้นก็หูไวจะตายไป นี่คงได้ยินเสียงกุกกักเข้าหล่ะสิ ถึงได้นอนลืมตาอยู่แบบนั้น สมองสั่งให้ดำเนินแผนการอะไรซักอย่างทันที มุมปากหยักยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ตวัดผ้าห่มออกจากขา ก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นคว้าเบียร์ออกมากระป๋องหนึ่ง กับบุหรี่ที่แอบไว้บนหลังตู้ในครัว ก่อนจะเดินลากเท้าออกมาหยุดยืนที่ระเบียงรับลมเย็นๆยามดึก

     

    เปิดกระป๋องเบียร์วางไว้บนขอบระเบียงข้างตัว แล้วจัดการคาบบุหรี่ที่ติดไฟแล้วไว้ด้วยริมฝีปาก ก่อนจะโน้มตัวเท้าลงบนระเบียงนั่น ดวงตาคมกวาดมองถนนที่ร้างผู้คนในยามค่ำคืน แสงไฟจากร้านรวงที่ไม่มีวันหลับไหล ก่อนจะนึกครึ้มอยากร้องเพลงขึ้นมา

     

    เสียงทุ้มหวานขับกล่อมเพลงช้าท่วงทำน้องหวานซึ้งออกมาเป็นระยะพร้อมกับอัดควันพิษเข้าปอดเป็นช่วง ไม่ได้ติดอะไรหรอก แต่อากาศเย็นๆยามค่ำคืนกับบุหรี่กลิ่นสวีทมินท์อ่อนๆซักตัว ได้นานๆทีก็ดีเหมือนกัน

     

    “มันไม่ดีกับคอแล้วก็เสียงพี่นะ”

     

    แน่ล่ะ จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากคนที่สบตากับเขาในความมืดเมื้อกี้ ได้ยินเสียงหวานๆที่ร้องเตือนแล้วอยากหันไปคว้าเข้ามากอดใจจะขาด แต่ก็ยังทำเฉยๆคว้าเบียร์มาดื่มอย่างไม่รู้สึกรู้สา อัดบุหรี่เข้าปอดอีกรอบใหญ่พร้อมกับฮัมเพลงต่อ จนกระทั่งวงแขนของใครบางคนโอบเข้าที่เอวนั่นหล่ะถึงได้อัดบุหรี่เข้าปอดจนเกือบสุดมวนแล้วขยี้มันกับขอบระเบียงจนเกิดเป็นรอยเถ้าสีดำ

     

    รู้ดีว่าคิมคิบอมไม่ถูกกับกลิ่นบุหรี่เท่าไหร่หรอก

     

    “ผมอึดอัด ไม่สบายใจ” ใบหน้าเนียนแนบลงบนแผ่นหลังกว้าง ถึงแม้อากาศข้างนอกจะหนาวเหน็บ แต่พอแนบหน้ากับตวัดอ้อมแขนโอบรอบเอวของคนแก่กว่า ก็รู้สึกถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านมายังร่างกายของตนเองด้วย

     

    “..” คนโตกว่าไม่ได้ตอบอะไร แค่เพียงยืดตัวขึ้นตรงเพราะรู้สึกแปลกๆที่ตัวเองก้มอยู่แล้วก็มีคนมาก้มๆงอๆตัวกอดเขาอยู่ด้านหลัง

     

    “ไม่ได้ไม่อยากให้พี่จับ ไม่ได้ไม่อยากให้กอด ก็น่าจะรู้อยู่นะ” กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเป็นเชิงย้ำ ซึ่งประโยคนี่ทำให้คิมจงฮยอนยิ้มกริ่มพร้อมกับส่งเสียงหึในลำคอ ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าคิมคิบอมชอบกอดเขาแค่ไหน

     

    ถ้าเขาเป็นพวกบ้าสกินชิพ คนที่กอดเขาเป็นโคอะล่าเกาะหลังแม่นี่ก็คงเป็นแฟนสกินชิพของเขาหล่ะมั้ง

     

    ใบหน้าอุ่นๆที่แนบกับแผนหลังทำให้คิมจงฮยอนรู้สึกดีเป็นบ้า แต่ก็ยังสนุกกับการได้แกล้ง เลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะซดเบียร์จนหมดกระป๋องแล้วบี้กระป๋องจนส่งเสียงดังกรอบแกรบ

     

    “โกรธมากเหรอ ผมขอโทษ”  เอ่ยออกมาทันทีเมื่ออีกคนปลดมือเขาออกจากเอว ก่อนจะหมุนตัวมาเผชิญหน้า คิมจงฮยอนเอนหลังพิงขอบระเบียงจับจ้องใบหหน้าขาวหมดจดตรงหน้า เสื้อกล้ามสีชมพูอ่อนกับกางเกงผ้ายืดสีขาวที่เจ้าตัวจับพับลวกๆขึ้นมากองอยู่แถวๆหัวเข่าอาจจะไม่ดูเซกซี่ถ้าอยู่บนตัวคนอื่น แต่กับคิบอม ...ใช่ เลยต้องบังคับหน้าตัวเองให้หันไปมองตึกรามบ้านช่อง แสงไฟ อะไรก็ตามที่ไม่ใช่คนตรงหน้า

     

    “ไม่อยากมองหน้ากันขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

    “ไม่อยากมองหรอก มองแล้วอดจะไม่แตะไหวที่ไหน?” อยากจะกัดลิ้นตายที่ตัวเองพูดอะไรสำบัดสำนวนแบบนั้นออกไป เบะปากส่ายหน้ากลอกตา นึกก่นด่าตัวเองในใจ

     

    แต่คิมคิบอมกลับเข้าใจว่าอีกคนคงเริ่มจะรำคาญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ก็ไม่รู้จะง้อยังไงแล้ว พูดไปก็เปลืองน้ำลาย คงต้องแสดงออกให้เห็นหล่ะกับรายนี้ คิดได้อย่างนั้นก็คว้าแขนทั้งสองข้างที่พาดอยู่บนระเบียง อุ้งมือขาวรูดตามท่อนแขนลงมาหยุดที่มือใหญ่ ก่อนจะดึงมือร้อนนั้นเข้ามาในเสื้อ วางแปะไว้ที่บั้นเอวทั้งสองข้าง

     

    ง้อด้วยสกินชิพขนาดนี้ไม่หายอีกนะ คิมคิบอมจะกระโดดเทคตัวออกนอกระเบียงมันเดียวนี้หล่ะ

     

    “งั้นก็แตะสิ” จ้องตาคมที่จ้องมานิ่ง คิมจงฮยอนไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่มือข้างหนึ่งก็นำขึ้นไปลูบกลางแผ่นหลังเนียนลื่นมือนั่นแล้ว ส่วนอีกข้างก็ผละไปบีบคลึงต้นแขนนุ่มๆ ตามด้วยริมฝีปปากหยักที่แตะเบาๆลงบนหัวไหล่ขาว

     

    “ถ้ามีแชวอลดูอยู่ก็แย่สิ”

     

    แย่สิ ทั้งดูดบุหรี่ เบียร์ ร้องเพลง Back hug kiss แถมไอสองอย่างหลังนี่ไม่ใช่กับใครที่ไหน จงฮยอนชายนี่จะได้ขึ้นอันดับหนึ่งเสิร์ชเอนจิ้นไปอีกนานแน่ แต่คงไม่ใช่วิธีขึ้นอันดับหนึ่งที่ดีเท่าไหร่ คิมจงฮยอนก็เลยคว้าเอาซากกระป๋องเบีนร์แล้วก็ตวัดมืออีกคนให้เดินตามกลับเข้ามาด้านใน มองหาถังขยะสีชมพูก่อนจะโยนกระป๋องเบียร์ลงไปส่งๆ 

     

    “พี่”

     

    “นายพูดพอแล้ว”  ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะตวัดเอวอีกคนให้ลงมานั่งคร่อมอยู่บนตัก มืออุ่นร้อนสอดเข้าไปลูบหนักๆบนแผ่นอกและหน้าท้องขาวเนียนที่หดเกร็งเมื่อเคลื่อนมือลงต่ำขึ้น จนสัมผัสถึงกระดูกเชิงกรานที่เด่นชัด แปลกใจอยู่นิดหน่อยที่เคลื่อนมือลงมาต่ำขนาดนี้แล้วยังสัมผัสได้แต่ผิวนุ่ม อยากจะพิสูจน์อะไรซํกหน่อย มือที่รองท้ายทอยอยู่ถึงได้สอดเข้าที่ขอบยางยืดด้านหลัง สอดมือหายเข้าไปในขอบกางเกงจนมิดข้อมือ

     

    “หึ” ร้องหึในลำคอเมื่อสัมผัสได้ถึงเนื้อแน่นหน้าบีบเต็มมือ ก็ไม่แปลกใจที่คนติดสบายอย่างคิบอมจะใส่แค่กางเกงตัวเดียวนอน เคยคิดเล่นๆอยู่ว่าถ้าอยู่คนเดียวร่างขาวนี้คงเปลือยกายนอนด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้แค่กางเกงนอนตัวเดียวก็ทำเอาคิมจงฮยอนแทบบ้าแล้ว ยิ่งอีกคนร้องอึกอักในลำคอพร้อมกับจิกเล็บลงมาบนไหล่ยามที่เขาบีบเค้นสะโพกนิ่มพร้อมกับกดจูบแถวๆใบหูแล้วก็ยิ่งกลัวตัวเองจะห้ามใจไม่อยู่

    “ไปนอนซะ”

     

    “พี่ ..ทำไม” เบนหน้าหนีเมื่อคนตรงหน้าทำท่าราวกับจะร้องไห้ใส่ คิบอมจ้องร่างสูงที่พูดจาสั้นห้วนไล่ให้เขาไปนอนหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี่ก็ ... นึกว่ายอมขนาดนี้แล้วจะหายโกรธแล้วซะอีก

     

    “ผิดนะ ถ้าคิดว่าจะมาให้หอมกอดแล้วหายโกรธน่ะ” ปัดมือสองข้างที่กดอยู่บนไหล่ตัวเองออก พร้อมกับจ้องหน้าบังคับจนอีกคนต้องก้าวขาที่สั่นแทบยืนไม่อยู่เพราะโดนโอ้โลมอยู่นานลงจากตัก

     

    “แล้วจะให้ทำยั..”

     

    “ไปนอน” พูดทิ้งไว้แค่นั้นก็เดินนำหน้าเข้าห้องนอนไปก่อน

     

    ไปนอนซะเถอะ นอนให้มินโฮได้โอบกอดนายไว้ในอ้อมแขนให้พอ เพราะนายจะได้อยู่ในอ้อมกอดมินโฮอีกไม่นานนักหรอก ...อีกไม่นาน.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×