คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Part 1 Yoochun I am
Part1
สนามบินนานาชาติอินชอน
“ถึงซะที” ยูชอนบิดตัวสุดกำลังเพื่อคลายความเมื่อล้า หูกำลังเงี่ยฟัง พนักงานสายการบินต่างๆประกาศเรื่องไฟล์ทตีปนกันกับเสียงเพลงคลาสสิคให้ความรู้สึกหรูหราแบบแปลกๆ
“อื้มมมม” ตาเรียวเล็กหรี่มองผู้คนที่ต่างวิ่งเข้าหาและกอดกันด้วยความดีใจ ส่วนขาออกก็มีแต่เสียงร่ำไห้ แล้วเขาล่ะ มีใครมารับมั่งไหมเนี่ย จะมีคนวิ่งเขามากอดเขาแบบนี้บ้างไหม ?
โทรศัพท์สาธารณะ มือบางคลี่กระดาษยับยู่ที่เขากำไว้ตลอดเวลาเพราะกลัวมันหายออกอ่านตัวเลขยึกๆยือๆ ที่เป็นลายมือของตัวเองแล้วสายหน้า อ่านไม่ออก = =
012xxxxxxx
หวังว่าจะใช่เบอร์นี้นะ นิ้วเรียวยาวกดไปตามแป้นสีเงิน รอฟังเสียงสัญญาณอย่างตั้งใจ
“ Nobody Answer ” เขาบ่น ไม่รู้พี่ชายตัวดีไม่มีเวลารับโทรศัพท์หรือเขากดเบอร์ผิดกันแน่ ลองอีกทีดีไหมนะ ?
“จ๊ะเอ๋ ! ”
ยูชอนสะดุ้งสุดตัว เสียงนุ่มทุ้มที่กรอกหูเขาระยะประชิดพร้อมกับมือที่แปะลงบนไหล่ทำให้เขาเผลอผลักคนแปลกหน้าออกอัตโนมัติ ดีที่ยังยั้งมือไม่ให้เอาโทรศัพท์หูหนักกระแทกหน้าไปด้วย
“ไม่ใช่นายหรอกเหรอ ?”
นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยจ้องมองคนที่โผล่หน้าออกมาจากหน้ากากตัวตลกที่มีจมูกสีแดงสดใหญ่กว่าผลเชอรี่ ทั้งๆที่ใบหน้านั้นยังคงสวมแว่นตาดำยี่ห้อแพงไว้อยู่
“ครับ” ยูชอนขานรับอย่างงงๆ สำรวจคนตรงหน้าใต้แว่นกันแดดสีชากับหมวกแก๊ปอีกใบ แล้วยังจะใส่หน้ากากมาอีกด้วยเนี่ยนะ หมอนี่เป็นคนประเภทไหนกัน ?
“น้องชายของฉัน” เขายิ้มกว้างสอดส่ายสายตาที่เดาไม่ได้ใต้แว่นกันแดดหา เผื่อว่าถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ น้องชายสุดเลิฟของเขาอาจจะยืนเคว้งคว้างอยู่ที่ไหนซักแห่งในสนามบินอันกว้างใหญ่นี่
“
..”
“เอางี้ นายชื่ออะไร?” เขาเปลี่ยนคำถาม สายตาที่ไม่อาจมองเห็นได้หยุดนิ่งที่คนตรงหน้า เพราะมองดูแล้วหันไปเห็นแต่ฝรั่งตัวโตที่ยกกันมาเที่ยวประเทศของเขาเท่านั้น ลืมไปว่าที่นู่นปิดเทอม
“ยูชอน” เสียงหวานตอบด้วยสำเนียงเกาหลีแบบชัดแจ๋ว ทำเอาอีกคนถึงกับยิ้มร่า
“หึหึหึ”
ร่างสูงกว่าเกือบจะสิบเซนต์หัวเราะในลำคอมือแกร่งรวบเข้าที่เอวบางของน้องชาย ออกเพียงแรงดึงเบาๆยูชอนก็ปลิวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน เส้นผมสีดำนุ่มเหมือนไหมล้อมกรอบหน้าขาว นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่เคยใช้อ้อนขอขนมเมื่อครั้งยังเล็กยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
“หืมม รอยแผลเป็นข้างแก้มนี่ยังไม่จางอีกนะ” นิ้วยาวไล้ข้างแก้มขาว รอยแผลที่ตกต้นไม้จนแก้มนุ่มขูดกับกิ่งไม้ทำเอายูชอนร้องไห้โฮยังไม่จางหาย
“พี่” ยูชอนร้องอย่างดีใจ ฝั่งจมูกลงกับไหล่กว้างที่ไม่ได้สัมผัสนานอย่างแสนรัก
“คิดถึงพี่จัง”
“งั้นกลับบ้านเรากันดีกว่านะ” อีกฝ่ายหัวเราะ โอบไหล่ยูชอนให้เดินซักทีเพราะมัวแต่จ้องหน้าเขาไม่วางตา หลายปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นเลยหรือไงกัน?
บนรถสปอร์ตคันหรูยี่ห้อนอก พี่ชายคนดีถึงได้ฤกษ์ถอดแว่นกันแดดอันโตกับหมวกแก๊ปแล้วก็หน้ากากติงต๊องนั่นออก
“ทำไมพี่ต้องสวมมันด้วย” ยูชอนมองพวกมันอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมน่ะเหรอ?” เขาเร่งแอร์ ใส่เพลงร็อคแผ่นโปรด สำรวจที่นอกน้าต่างก่อนจะชี้ให้ยูชอนดูป้ายบิลบอร์ดแผ่นใหญ่ที่ตั้งอยู่บนตึกห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ตากลมมองป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์มีรูปผู้ชายที่หล่อเหลาคนหนึ่งกำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีคอนเสิรต์ในฮอลล์ใหญ่ใจกลางกรุงโซล และละม้ายคล้ายคลึงว่าคือคนเดียวกับที่กำลังขับรถให้เขานั่งอยู่ในตอนนี้
“นายคงไม่อยากโดนแฟนคลับของพี่รุมหรอกมั้ง” เขากระชากพวงมาลัยไปอีกเลนส์ เพราะฝั่งขวารถติดเป็นสิ่งที่ชวนหงุดหงิดเอาเหลือเกิน
“อย่าบอกนะว่าในเมล์ที่พี่บอกผมว่าเป็นนักร้องน่ะเรื่องจริง!” ยูชอนมองบิลบอร์ดตาไม่กระพริบ
ยังไม่เชื่อเสียทีเดียวว่าคนที่ชอบนั่งออ่านหนังสือเงียบๆอย่างพี่ชายเขาจะกลายมาเป็นนักร้องที่มีแต่คนรุมล้อม
“จริงแท้แน่นอนเลยจ้ะ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ” ขยับที่ปัดน้ำฝนเพราะหยดน้ำกำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้าสีเทาเข้ม
ชายหนุ่มหักพวกมาลัยรถมาจอดที่คฤหาส์นหลังใหญ่ น้ำพุหน้าบ้านรูปปลา และสวนงามยังคงถูกดูแลอย่างดี ตัวบ้านทาสีขาวทั้งหลังยังคงได้รับการทำความสะอาดอยู่ทุกวัน และเป็นปรกติสำหรับอีกคนที่มีคนรับใช้มารอรับและถือของให้หน้าบ้าน แต่ไม่ใช่ยูชอน
“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมถือได้ ”
“ให้เขาถือไปเถอะน่า” อีกคนหัวเราะ ส่งกุญแจรถให้คนดูแลรถก่อนจะเอ่ยถามแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของครอบครัวว่าพ่อกลับมาหรือยัง
“ยังเลยค่ะ คงไม่กลับแล้ววันนี้ คุณยูชอนโตขึ้นเยอะเลย ตอนไปนี่ตัวเท่าเอวดิฉันเอง” เธอหัวเราะมองลูกชายคนเล็กของตระกูลเจ้านายอย่างชื่นชม
“คุณหนูพาคุณยูชอนขึ้นไปชั้นบนสิคะ ป้าเตรียมห้องให้แล้ว” เธอเดินนำไปพร้อมกับกระเป๋าใบโตของยูชอนในมือ ถึงแม้มันจะหนักจนต้องอุ้มด้วยสองมือ แต่เธอก็เต็มใจทำ เพราะยูชอนเป็นลูกของผู้มีบุญคุณที่ให้พวกเธออาศัยอยู่ในบ้าน ตอบแทนอย่างไรก็คงไม่หมด
“ถ้านายอึดอัด ไปอยู่คอนโดแทนก็ได้นะ พี่กะสร้างไว้เผื่อแต่งงานหน่ะ ” ริมฝีปากบางเฉียบคลี่ยิ้มอีกครั้งพายูชอนเดินขึ้นไปตามบันไดที่ถูกขัดอย่างมันปลาบ
“พี่คบผู้หญิงอยู่เหรอ ? ”
“เขาน่ารักมากนะ ” ริมฝีปากบางเฉียบยิ้มอีกครั้งเป็นที่เท่าไหร่ของวัน ดวงตาคมเป็นกระกายยามได้พูดถึงบุคคลที่สามยูชอนมองดูสายตาหวานเชื่อมที่แฝงความรักไว้เต็มเปี่ยมยามพูดถึง เธอคงเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก
“ ไว้จะแนะนำให้รู้จัก ” เขาปาดน้ำใสที่รื้นขึ้นมาที่ขอบตาทิ้ง
“ห้องเดิมนะ”
เขานำเข้าไป มันคือห้องกว้างทาสีน้ำตาลโทนวินเทจที่ยูชอนเคยอยู่กับแม่ตอนเล็กๆ ข้างบานประตูยังมีรอยสีเทียนจางๆที่เคยขีดวันส่วนสูงตอนตัวยังเท่าเอว รูปถ่ายของเด็กตัวเล็กๆสองคนกอดคอกันวางอยู่ข้างเตียง ไม่มีอะไรเปลี่ยนที่หรือถูกโยกย้ายแม้สักนิด เพียงแค่โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ กับกระจกบานโตที่แปะอยู่ปลายเตียงทำให้ห้องกว้างขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัวเท่านั้น
“มีอะไรก็เคาะห้องข้างๆได้นะ”
เขายิ้ม ยื่นกล่องสีเข้มที่บรรจงเก็บภาพวาดสีน้ำและการ์ดวันแม่ของยูชอนไว้อย่างดีส่งให้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน มือหนาโยกคลอนหัวน้องชายก่อนจ ะเดินไปรูดม่านสีอ่อนเพื่อให้แสงแดดเข้ามาสำหรับวันที่ฝนพึงจะตกไปหมาดๆ แสงแดดอ่อนสาดใส่แผ่นหลังกว้างของพี่ชายที่งึมงำว่าจะขอไปหลับซักงีบ ยูชอนยิ้มตอบ เขาคิดไปเองหรือเปล่านะว่าแผ่นหลังกว้างนั่นมันดูเศร้าสร้อยเสียจริง
ยูชอนรู้ว่าการรักพี่ชายร่วมสายเลือดเป็นสิ่งผิด แต่เขาห้ามความรู้สึกที่อย่างจะกอดอีกฝ่ายไม่ได้
อยากเป็นคนที่พี่ชายตัวเองไว้ใจและเล่าทุกสิ่งให้ฟัง อยากเป็นคนที่โดนกอดและได้รับความรัก
มันเป็นไปได้ยากเขารู้ แต่อย่างน้อยให้พี่เก็บความรักของผมเอาไว้บ้างก็ยังดี แค่สักนิดเดียว
........................................................
ความคิดเห็น