คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : YOU MAKE MY DAY !! Chapter : 1 [100%]
มันเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง วันที่ไม่ร้อน และไม่หนาวมาก
วันที่ทุกคนต้องตื่นมาใช้ชีวิตเฉกเช่นทุกวัน
วันที่มี 24 ชั่วโมง
แต่ทำไมหนึ่งวันธรรมดาสำหรับบางคนมันช่างยาวนานนัก
ปึก!
" นี่ เดินยังไงของเธอเนี่ย? "
" คือฉัน.. ฉันไม่ระวังเอง ขอโทษนะ "
เด็กสาวเงยหน้าขอโทษเพื่อนร่วมชั้นอย่างตะกุกตะกัก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสามคนตรงหน้าจงใจเดินมาชนตัวเองจนล้มกระแทกพื้นแบบนี้
ทั้งๆที่ตั้งใจเดินเลี่ยงชิดทางแบบสุดๆแล้วก็ยังมาชนได้ หากใครมาเห็นก็คงรู้ว่าจงใจ แต่จะทำยังไงได้ ตรงนี้ไม่มีใครสักคน
แถมพักหลังเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ร่างเล็กยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น ปัดเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นแล้วหันไปยิ้มบางๆให้ทั้งสามคนตรงหน้า ก่อนจะขอโทษอีกครั้งแล้วเดินสวนออกมา
ถึงแม้หลังจากเดินทิ้งห่างมาได้สักสามก้าว จะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักและประโยคนึงว่า
" ยัยโง่ "
แต่เธอก็พยายามจะไม่ใส่ใจแล้วรีบเดินตรงไปที่ห้องชมรมจนมาถึงในที่สุด
" ไง จีอึน วันนี้มาช้าจังนะ "
ชายหนุ่มรุ่นพี่ดีกรีหัวหน้าชมรมร้องทักขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันทีที่ร่างเล็กก้าวเข้าห้องมา ขณะที่คนอื่นๆก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน
" พอดีวันนี้เป็นเวรทำความสะอาด ต้องขอโทษด้วยนะคะ "
" ฮะฮะ ขอโทษอะไรกัน เจ้าฮันโซลมันบอกฉันเรื่องนั้นแล้วล่ะ "
เขายังคงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ระหว่างนั้นก็เดินเข้ามาแล้วยกมือขึ้นมายีผมหญิงสาวตรงหน้าเบาๆอย่างเอ็นดู
" เธอน่ะ จริงจังมากเกินไปแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องขอโทษสักหน่อย อย่าซีเรียสเกินไปเลย ฉันน่ะนะ เห็นคนน่ารักแบบเธอทำหน้าอมทุกข์แล้วมันแอบปวดใจนะ "
" งั้นก็ ขอบคุณนะคะพี่ซึงชอล "
ว่าแล้วรอยยิ้มน่ารักก็ผุดขึ้นมาจากใบหน้าสวย เป็นที่พอใจของชายหนุ่มตรงหน้ามาก
ซึ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าซีดเซียวในตอนแรกเปลี่ยนเป้นรอยยิ้มอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว เขาจึงยอมปล่อยให้เธอกลับมานั่งที่ประจำแล้วทำหน้าที่ของผู้จัดการชมรมในที่สุด
หน้าที่ที่ว่านี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าไร ก็แค่นั่งเฉยๆดูคนอื่นซ้อมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีใครต้องการอะไร
โชคดีที่ระหว่างนั้นจะเป็นเวลาว่าง เธอจึงสามารถนั่งอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนที่เรียนวันนี้ไปด้วยได้
แต่ทำไมถึงไม่มีสมาธิกันนะ
' อ่านไม่รู้เรื่องเลย '
อาจจะเป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้
" นี่ จีอึน.. "
หรือว่าเรื่องเมื่อเช้า
" เฮ้!! "
" อ้ะ! "
หญิงสาวสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปหาต้นเสียงที่อยู่ข้างๆ
" เหม่ออะไรอยู่? ฉันเรียกเธอตั้งนาน "
" โทษที ฉันคิดอะไรเพลินๆอยู่ "
" เป็นอะไรรึเปล่า? หน้าตาเธอดูไม่มีชีวิตชีวาตั้งแต่เช้าแล้ว "
พอได้เห็นสีหน้าเป็นห่วงของเพื่อนข้างๆ รอยยิ้มเล็กก็ผุดขึ้นอีกครั้งเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายสบายใจว่าไม่มีอะไรต้องห่วง
" ฉันไม่เป็นอะไรหรอกมินกยู แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย "
" งั้นหรอ กลับก่อนดีมั้ย? วันนี้พวกเราน่าจะอยู่ซ้อมกันอีกยาวเลย เดี๋ยวจะป่วยหนักเอานะ "
" แต่ว่า.. "
" เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก "
ว่าแล้วร่างสูงก็จัดการเก็บของบนโต๊ะเข้ากระเป๋านักเรียนเรียบร้อย ขณะที่ร่างน้อยๆเจ้าของกระเป๋ายังนั่งทำหน้างุนงงอยู่เลย
" นี่ทุกคน จีอึนไม่สบายขอตัวกลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง "
พอพูดจบเขาก็ลากหญิงสาวออกมาจากห้องชมรมทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนเธอเองตามเขาไม่ทัน พอรู้ตัวอีกทีก็เดินมาจนเกือบจะถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว
" อ้ะ! "
" มีอะไร? " ร่างสูงหยุดตามคนข้างๆก่อนจะหันมาถามอย่างสงสัย
" ฉันลืมไปเลยว่าฉันต้องไปคืนหนังสือที่ห้องสมุดก่อน "
" เธอไม่สบายนะ ไว้ค่อยคืนวันอื่นก็ได้ "
ใบหน้าสวยส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธทันที ก่อนจะอ้างขึ้นมาว่านี่เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะคืนได้
แต่ที่จริงเธอก็แค่เกรงใจที่เขาต้องไปส่ง แถมเขายังต้องกลับมาชมรมอีกรอบ เธอเลยหาข้ออ้างให้เขากลับไปก็เท่านั้น
" เดี๋ยวฉันไปคืนหนังสือก่อน แล้วมีหนังสือที่ต้องยืมกลับมาอีก นายกลับไปห้องชมรมเถอะ "
" ไม่ ถ้าเกิดเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไง? "
" ฉันแค่ปวดหัวนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ แถมวิ่งได้ด้วยนะ ดูสิ "
ร่างสูงยืนถอนหายใจกับท่าทางที่พยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดของคนตรงหน้า ก่อนจะยืนยันเสียงแข็งว่างั้นเขาก็จะไปด้วย แต่เธอก็ปฏิเสธอีก จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับความดื้อดึงของร่างเล็กจนได้
เพราะข้ออ้างที่ว่าคงต้องหาหนังสืออีกสักพัก และติดที่ว่าอีกไม่กี่วันจะมีกิจกรรมสำคัญของชมรมเขาจึงเอ้อระเหยอยู่ได้ไม่นานนัก
แต่ก่อนเดินกลับไปเขาก็ไม่ลืมที่จะย้ำว่าถ้าถึงบ้านให้โทรบอก แล้วก็อาบน้ำกินยาด้วย
ใบหน้าหวานยิ้มรับทันทีเป็นอันตกลงแล้วก็โบกมือให้อีกฝ่ายไปด้วยรอยยิ้ม
ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไปในเสี้ยววินาที
เมื่อออกมานอกโรงเรียน สายลมเย็นๆที่โชยมาประทะใบหน้า ก็พัดพาเอาความวุ่นวายใจกลับมาหาหญิงสาวอีกครั้ง
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าช่วงเย็นอยู่ครู่นึง ก่อนจะเดินตรงไปเพื่อรอรถพลางขบคิดถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นช่วงนี้ไปด้วย
ขณะที่พยายามปลอบตัวเองว่าเก่งแล้วที่ผ่านมาได้แต่ละวัน ใจนึงก็กลับคิดว่าตัวเองเผลอทำอะไรผิดพลาดไปตอนไหนกันนะ แล้วในหัวก็มีแต่ความว่างเปล่า
ขาเล็กก้าวไปเรื่อยๆอย่างเนิบนาบแต่ดูไร้ชีวิตชีวา ก่อนจะหยุดลงตรงสัญญาณไฟสีแดง ที่มีทางม้าลายอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว
เมื่อลมเย็นพัดมากระทบร่างเล็กอีกครั้ง หญิงสาวก็เผลอมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
' หรือฉันไม่ควรจะมีชีวิตอยู่จริงๆนะ '
.
.
.
เอี๊ยด--! โครม!!
ติ๊ดๆๆๆ!! ติ๊ดๆๆๆ!!
เสียงแหลมน่ารำคาญของนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นเช้าวันใหม่อันสดใส ในห้องนอนห้องนึงที่มีร่างเล็กขี้เซาเจ้าของห้องกำลังนอนหลับสบายในวันหยุด
แต่คงจะดีมากหากเสียงของมันไม่ดังมารบกวนการนอนของเธอ จนสุดท้ายก็หมดความอดทน..
ตุบ!
มือเล็กจัดการคว้าเจ้าสิ่งของที่ยังคงดังต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ขว้างออกไปอย่างไร้ทิศทางด้วยความเกรี้ยวกราด เพราะมันดังปลุกเธอแบบนี้มากว่าห้ารอบแล้ว ซึ่งจากแรงที่ขว้าง มันคงจะไม่ดังขึ้นมาปลุกเธอเป็นครั้งที่หกแน่นอน เพราะชิ้นส่วนของมันได้แตกกระจายไปคนละทิศคนละทางเป็นที่เรียบร้อย
แต่คนตัวเล็กก็หาได้สนใจไม่ เธอยังคงนอนต่อตามระเบียบ
หญิงสาวผู้เกรี้ยวกราดคนนั้นคือคุณเอง
สิบนาทีต่อมา...
Rrrrrrrr!!
หลังจากเหตุการณ์ฆาตรกรรมนาฬิกาปลุกเมื่อครู่ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปลุกร่างบางอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้คุณใช้มือเล็กควานหาต้นตอของเสียงดังกล่าวไปทั่วอย่างงัวเงียด้วยความที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา ไม่ได้โยนทิ้งตามนาฬิกาปลุกแต่อย่างใด
" อือ... ใคร? "
ร่างเล็กบนเตียงกดรับสาย ทั้งที่ดวงตาคู่คมยังคงไม่ลืมขึ้นมาดูว่าใครกันที่โทรมาหาคุณเวลานี้
[ พี่เอง ]
" พี่? พี่ไหน..? "
[ พี่ที่กำลังจะไปหาเราไง ตื่นได้แล้วนะจีอา พี่เพิ่งลงจากเครื่อง อีกครึ่งชั่วโมงคงไปถึงคอนโดเราพอดี ]
" ห้ะ! "
ทันทีที่ปลายสายพูดจบ ร่างน้อยๆก็สะดุ้งโหยงลุกขึ้นมาจากเตียงนุ่มที่กำลังนอนสบายอยู่เมื่อกี้อย่างอัตโนมัติ ความง่วงทั้งหมดปลิวหายไปกับอากาศทันที
ที่ได้ยินเมื่อกี้ไม่ผิดแน่ๆ พี่ชายสุดที่รักของคุณบอกว่าเขากำลังมา แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาน่าจะมาถึงในครึ่งชั่วโมง
คุณสับสนนิดหน่อย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาถึงมาโดยไม่โทรมาบอกก่อนล่วงหน้า แถมยังเพิ่งมาบอกตอนจะมาถึงแล้วอีก
มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่านะ
" ทำไมจู่ๆพี่ก็มาปุบปับแบบนี้ล่ะ? แล้วทำไมไม่โทรมาบอกก่อน? "
[ ไปอาบน้ำแต่งตัว พี่มารับเรากลับโซล ]
" ไปทำไม.. เดี๋ยว! "
ตรู๊ด! ตรู๊ด! ตรู๊ด!
แล้วพี่ชายตัวดีของคุณก็วางสายทันทีที่เขาพูดจบโดยไม่รอให้น้องสาวได้ถามอะไรต่อ ส่วนคุณเองที่เพิ่งตื่นมาเจอเรื่องปุบปับแบบนี้ ก็ยังคงนั่งงุนงงอยู่บนเตียง
แต่พอรวบรวมสติทั้งหมดกลับมาก็คิดได้ทันทีว่าไม่มีเวลามานั่งมึนอยู่แบบนี้แล้ว จึงรีบลุกขึ้นแล้วก้าวขาฉับๆตรงไปห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองให้เสร็จให้ทันก่อนที่ผู้เป็นพี่จะมาถึง โดยที่ในใจก็ยังคงงุนงงกับเรื่องเมื่อครู่ไม่หยุด
มารับกลับโซลถึงไทยเนี่ยนะ
คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
หรือจะมีเรื่องอะไรจริงๆ
แล้วสุดท้ายคุณก็ต้องพับความคิดทุกอย่างเก็บไปก่อนและอาบน้ำให้เสร็จภายในเวลา 20 นาที ซึ่งนั่นเป็นการอาบน้ำที่เร็วที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ หากรวมกับเวลาแต่งตัวแบบรีบๆ ก็ประมาณครึ่งชั่วโมงพอดี แล้วดูเหมือนพี่ชายของคุณจะกะเวลาได้เป๊ะมาก เพราะหลังจากที่แต่งตัวเสร็จเสียงกริ่งตรงประตูก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าผู้เป็นพี่ได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คุณรีบเดินออกจากห้องนอนไปเปิดประตูให้คนที่เป็นต้นตอของเสียงกริ่งเมื่อครู่
ทันทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออก ดวงตาคู่สวยก็สบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่คุ้นหน้าคุ้นตา
เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ก่อนขายาวจะก้าวเข้ามาหาแล้วรวบตัวน้องสาวที่ยืนกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอดทันที
" พี่คิดถึงเรามากเลย "
ร่างสูงพูดพลางกระชับกอดแน่นขึ้น มือข้างนึงของเขาลูบผมคุณด้วยความอ่อนโยนราวกับคุณเป็นลูกแมวขนนุ่มฟูที่เขาเอ็นดูยังไงยังงั้น
ช่างเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นและชวนคิดถึงจริงๆ
" งืออ ฉันก็คิดถึงพี่มากเหมือนกัน "
รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นมาบนใบหน้าสวย ก่อนจะแขนเล็กจะยกขึ้นมากอดตอบคนตรงหน้าแน่นเช่นกัน ความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานานทำให้หัวใจดวงน้อยๆของคุณพองโตขึ้นมาอย่างชัดเจน
ความรู้สึกเหงาที่ต่อให้ตอนนี้จะมีเพื่อนมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยลบล้างได้ ถูกปัดเป่าหายไปหมดสิ้นโดยคนตรงหน้านี้ ' คิมจุนมยอน ' คนที่ได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวของคุณ
คุณ " คิมจีอา " หญิงสาวผู้มีครอบครัวอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ แต่ด้วยความที่ทุนเดิมเป็นเด็กผู้หญิงสายเลือดไทยเต็มตัวที่กำพร้าครอบครัว แต่โชคชะตาพัดพาให้มีชายใจดีที่มีลูกติดรับไปเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เด็ก ตอนนี้คุณเลยกลายเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายปีที่ 4 ที่ประเทศบ้านเกิดตัวเองในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเกาหลี
โดยปีนึงจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแค่ตอนที่โรงเรียนปิดเทอมเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็เปิดเทอมมาหลายเดือนแล้ว คุณจึงไม่ได้เจอพวกเขามาสักพักใหญ่เลย ซึ่งครอบครัวที่รับคุณไปเลี้ยงก็คือครอบครัวของจุนมยอนนั่นเอง
แล้วถึงแม้พวกคุณจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ จุนมยอนก็ทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมาตลอด เขารักและเอ็นดูคุณมาก รักมากเหมือนน้องสาวแท้ๆ ถึงแม้ความต่างอายุของคุณสองคนจะห่างกันพอสมควร แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาของพวกคุณเลยสักนิด
" จีอาอ่า เตรียมกระเป๋าเสร็จรึยัง? "
ร่างสูงผู้เป็นพี่ตะโกนถามน้องสาวที่ขอตัวเข้ามาจัดเตรียมกระเป๋าในห้อง
แม้ในตอนแรกเขาจะบอกแล้วว่าไม่ต้องเอาอะไรไปก็ได้ เพราะน่าจะกลับไปไม่นาน และของใช้ทุกอย่างของคุณที่บ้านที่โซลมีครบก็เถอะ แต่เตรียมไปเผื่อก็ไม่เสียหายอะไร
คุณกวาดสายตาคมตรวจดูข้าวของต่างๆอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเตรียมของที่น่าจะต้องใช้ครบแล้ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงยกกระเป๋าสัมภาระและเอกสารการเดินทางต่างๆเดินตรงมาที่ประตูห้อง
พอเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าจุนมยอนนั่งอยู่ที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น แต่เหมือนเขาจะไม่ได้สนใจคุณเลยสักนิด
เขาเอาแต่นั่งก้มหน้ากุมขมับ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน พาให้พาลรู้สึกไม่ค่อยดีตามไปด้วย
จุนมยอนไม่รู้ว่าตัวเองนั่งคิดเรื่องนั้นมานานแค่ไหนแล้ว กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกได้ว่าน้องสาวของเขากำลังยืนมองมาทางตัวเองอยู่ ด้วยสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ร่างสูงที่นั่งเครียดอยู่เมื่อครู่จึงหันมาปั้นหน้ายิ้มให้คุณก่อนจะลุกขึ้น แล้วก้าวขายาวๆมาหยุดลงตรงหน้า
" เสร็จแล้วใช่มั้ย? ไปกัน "
พูดจบก็ดึงกระเป๋าที่มือคนตัวเล็กตรงหน้าไปถือ แล้วจูงมือคุณออกไปทันที แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากห้อง มือเล็กของคุณก็กระตุกรั้งมือร่างสูงผู้พี่ไว้ก่อน จนเขาหันมามองคุณอย่างสงสัย
" เมื่อกี้สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า? "
คุณถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่คนตรงหน้ากลับไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มบางๆมาให้
ถึงแม้ยังคงสงสัยอยู่แต่พอคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถบอกคุณได้ คุณเลยไม่อยากทำให้เขาลำบากใจไปมากกว่านี้ จึงตัดสินใจไม่ถามอะไรอีกจนมาถึงสนามบิน
' มันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วมันอะไรกันล่ะ? '
ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาคุณก็ได้แต่คิดเรื่องนี้มาตลอด คิดถึงสีหน้าของพี่ชายที่ได้เห็นในห้องนั่งเล่น คุณคิดว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องที่เขามารับกลับโซลแน่นอน
แต่แล้วมันคือเรื่องอะไรล่ะ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย สงสัยแต่ก็ถามใครไม่ได้ พอพยายามจะเลิกคิดภาพนั้นก็โผล่ขึ้นมาในหัวจนคุณต้องวนกลับไปคิดถึงมันอีกรอบ
แต่พอคิดได้ว่ามัวแต่ตั้งคำถามกับตัวเองไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี คุณจึงพยายามข่มตานอนให้หลับจะได้เลิกคิดถึงมันสักที
โชคดีที่วันนี้นอนไม่เต็มอิ่ม คุณเลยผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ชายหนุ่มผู้พี่ที่นั่งอยู่ข้างๆปลุกคุณแล้วบอกว่าถึงโซลแล้ว
นี่สินะที่เรียกว่าหลับเป็นตายน่ะ
ร่างบางลงเครื่องมาด้วยสภาพคนงัวเงียแบบฉบับคนเพิ่งตื่น ใจคุณตอนนี้ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น นอกจากอยากรีบกลับบ้านไปนอนให้เต็มที่ไปเลย นี่ถ้าหากจุนมยอนไม่คอยเดินประคองอยู่ข้างๆคุณคงได้นอนสมใจไปแล้ว แต่อาจจะได้นอนที่สนามบินแทนที่บ้านน่ะสิ
จุนมยอนเดินจับมือน้องสาวที่ยังดูง่วงๆมึนๆอยู่ให้เดินตามเขามา โดยที่คุณเองก็ไม่ได้ถามอะไรและไม่รู้ว่าจะไปไหนด้วย จนมาพบกับชายหนุ่มสองคนที่มารอรับพวกคุณอยู่ พวกเขาคือแทโอและจงฮยอน ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกคุณ
เมื่อเห็นคุณสองคนเดินมา พวกเขาก็รีบเดินตรงมาหาพวกคุณทันที
" เป็นไงบ้างคุณหนู? "
ชายหนุ่มสูงยาวเข่าดีผมสีน้ำตาลนามแทโอ ผู้ที่เวลาไปไหนมาไหนจะมีหูฟังคู่ใจคล้องคอไปด้วยทุกที่ เดินมาหยุดลงตรงหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงมาถามคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเช่นทุกครั้ง
" ง่วงค่ะ "
คุณตอบสั้นๆพร้อมกับอ้าปากหาวออกมาโดยไม่ใช้มือปิดใดๆทั้งสิ้น คีพลุคอะไรไม่รู้จักแล้วตอนนี้
" ฮ่าฮ่า มีตอนไหนที่คุณหนูไม่ง่วงบ้างล่ะนอกจากตอนหิว "
" โถ่ พี่แทโอ… แล้วพี่กับพี่จงฮยอนล่ะคะ เป็นไง? "
" พวกเราสบายดีมาก คิดถึงคุณหนูมากด้วย "
ชายหนุ่มผมดำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอีกคนตอบขณะที่เดินมายืนข้างๆแทโอ
คุณฉีกยิ้มน่ารักไปให้กับร่างสูงคนสนิทสองคนตรงหน้าทันทีที่ได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจมาก ก่อนจะพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอีกสักพักตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน จนจุนมยอนต้องเข้ามาขัด ทั้งสามคนจึงต้องชะงักแล้วตัดสินใจหยุดเรื่องคุยไว้เท่านี้เพื่อตรงกลับบ้านทันที
รถสีดำคันหรูกำลังขับเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ประกอบกับเพลงเบาๆฟังสบายพาให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน
แต่ไอเพลิดเพลินที่ว่านี่ไม่ใช่กับคุณเลยสักนิด
สายตาคมของหญิงสาวคนเดียวภายในรถมองออกไปข้างทางอย่างไร้จุดหมาย
เพลงเพราะๆที่จงฮยอนเป็นคนเปิดไม่ได้เข้ามากระทบโสตประสาทเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ในหัวคุณมีแต่เรื่องสงสัยเต็มไปหมด โดยที่คิดยังไงก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้
จนสุดท้ายก็คุณหมดความอดทนในที่สุด
" นี่! พี่จุนมยอน... ที่จู่ๆก็ไปรับฉันถึงที่ไทย มีเรื่องอะไรรึเปล่า? "
ร่างสูงผู้พี่นิ่งไปครู่นึง เขาหันมายิ้มบางๆให้คุณก่อนจะตอบคำถาม
" ถึงบ้านเราก็จะรู้เอง "
" เฮ้อ.. ตอบแบบนี้ไม่ตอบก็เหมือนกัน "
คุณบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางหันหน้ากลับไปมองข้างทางอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ ถึงแม้ในใจอยากจะยิงคำถามมากมายใส่คนข้างๆ แต่คงทำได้แค่คิดเท่านั้นเพราะถึงถามไปก็คงได้รับคำตอบแบบเดิม
แล้วในที่สุดรถคันหรูสีดำที่มีคุณและพี่ชายนั่งอยู่ก็ขับเข้ามาภายในรั้วบ้าน ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าประตูเพื่อให้คนมายกกระเป๋าสัมภาระของคุณลงไปไว้ที่ห้อง
ถึงจะเป็นที่ที่คุณเรียกว่าบ้านแต่เมื่อเทียบกับบ้านปกติแล้ว ที่นี่ถือว่าใหญ่มาก เรียกว่าเป็นคฤหาสน์เลยก็ว่าได้
" คิดถึงจัง... "
คุณพูดกับตัวเองหลังก้าวลงจากรถ ดวงตาคู่คมมองไปรอบๆ พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆที่คุ้นเคย จนเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้กลับมาบ้านสักที หลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือนแล้ว
ดูท่าว่าคุณคงจะมัวแต่อินกับภาพตรงหน้ามากไปหน่อย จนไม่ทันได้สังเกตเห็นร่งสูงของใครคนนึง ที่ยืนมองการกระทำของคุณมาได้สักพักนึงแล้ว
รอยยิ้มมุมปากน้อยๆเริ่มปรากฏขึ้นมาประดับบนใบหน้าหล่อเหลา ขณะขายาวๆของเขาเริ่มก้าวเข้ามาอย่างเนิบนาบ จนประชิดร่างบางจากด้านหลัง ก่อนจะโค้งตัวลงมากระซิบเสียงแหบพร่าใกล้ๆใบหูเล็กที่มีเส้นผมบคบังอยู่ของคุณ
" นี่ จะยืนยิ้มคนเดียวอีกนานมั้ย? "
คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ซึ่งชายหนุ่มปริศนาเองก็ดูชอบใจมากกับการตอบสนองของคุณ จนหลุดขำออกมาเบาๆ
ก่อนที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวของร่างเล็กจะหันมาตามเสียงหัวเราะยียวนกวนประสาทที่คุ้นเคย แล้วพบกับชายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนกำลังยืนยิ้มกว้างมาให้
เขาคือพี่ชายอีกคนที่คุณไม่ได้พบมานานพอๆกับคนอื่นๆ
" พี่จงอิน!! "
รอยยิ้มน่ารักผุดขึ้นมาพร้อมกับถูกส่งไปให้ร่างสูงตรงหน้า ก่อนคนตัวเล็กจะกระโดดเข้ากอดชายหนุ่มผู้เป็นพี่จนเขาเซไปเล็กน้อย
จงอินยกยิ้มกว้างพลางกอดตอบและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นทันที โดยไม่กลัวว่าคนในอ้อมแขนจะอึดอัดด้วยซ้ำ
" ไง ตัวแสบ คิดถึงพี่มั้ย? "
" คิดถึงสิ "
" พี่ก็คิดถึงเรามากเลยนะ ป่ะ เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า "
ว่าแล้วพี่คนรองก็เดินกอดคอพาคุณเข้ามาในบ้าน ซึ่งตอนแรกคุณตั้งใจจะตรงปรี่ไปที่ห้องนอนของตัวเองทันทีเพื่อจะนอนพักสักงีบ
แต่ความคิดนั้นก็ต้องถูกพับเก็บไป เมื่อเขาพาคุณมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องทำงานของชายผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แทน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาต้องการให้คุณเข้าไป
ร่างบางยืนชั่งใจที่หน้าประตูอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหันไปมองหน้าคนตัวสูงข้างๆอีกครั้งอย่างต้องการคำยืนยันว่าต้องเข้าไปจริงๆน่ะหรอ ขณะที่จงอินทำแค่หันมาพยักหน้าให้เบาๆเพื่อเป็นการบอกว่าเข้าไปเถอะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องประหม่าทำไม กะอีแค่เข้าไปหาพ่อตัวเองเนี่ย
คุณสูดหายใจเข้าลึกๆทีนึงแล้วพ่นออกมาช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือเล็กไปจับลูกบิดประตูตรงหน้า
เมื่อเปิดประตูเข้าไป สายตาคมสวยก็ไปสบกับชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะยืนรอคุณอยู่ก่อนแล้ว
เขาหันมาพร้อมคลี่รอยยิ้มใจดีส่งมาให้ทันทีที่เห็นร่างน้อยๆที่เขาอยากเจอมากที่สุดในตอนนี้
เห็นแบบนั้นคุณก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเพราะดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูเหมือนคุณเองจะไม่ได้เผลอทำอะไรผิดไป จนต้องโดนเรียกมาดุ แต่มาเจอเพื่อทักทายกันตามประสาพ่อลูกที่ไม่ได้เจอกันนานเท่านั้น
บอกตามตรงว่าที่คุณแอบกลัวว่าจะโดนเรียกมาดุ ก็เพราะว่าในบ้านนี้คนที่โกรธแล้วน่ากลัวที่สุดในบ้านก็คือเขานี่แหละ ถึงจะไม่ได้เห็นมุมแบบนั้นบ่อยก็เถอะ
' คิมแจจุง ' เจ้าของบ้านหลังนี้และนักธุรกิจที่มีอิทธิพลมากระดับต้นๆคนนึง เขามีลูกชายสายเลือดเดียวกับตัวเองสองคน คือ ' คิมจุนมยอน ' และ ' คิมจงอิน ' แถมยังมีลูกสาวบุญธรรมคนเล็กก็คือคุณ ' คิมจีอา '
คุณได้ชื่อนี้มาโดยแจจุงเป็นคนตั้งให้หลังจากที่เขารับคุณมาเลี้ยง เขาเป็นคนที่ให้ชีวิตใหม่กับคุณ แล้วยังดูแลคุณดีทุกอย่างเหมือนกับเป็นลูกแท้ๆคนนึง ซึ่งทุกๆคนในบ้านเองก็ให้ความสำคัญราวกับคุณเป็นหนึ่งในครอบครัวเช่นกัน
นั่นจึงทำให้ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา เรื่องการเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยงไม่ได้เป็นปมด้อยหรือปัญหาหนักใจของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว
" ดูซิว่าใครกลับมา... ไหนมาให้พ่อกอดให้หายคิดถึ--"
ฟึ่บ!!
" พ่อคะ.. หนูน่ะ คิดถึงพ่อมากๆเลย "
ไม่รอให้ชายวัยกลางคนพูดจบประโยค ร่างเล็กก็รีบวิ่งโผเข้ากอดเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนขายาวๆข้องเขาก้าวเซถอยหลังไปสองสามก้าว
ด้วยความที่ปกติคุณจะไม่ค่อยแสดงออกในทางออดอ้อนกับเขาแบบนี้สักเท่าไร แจจุงเลยรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
ก่อนมือหนาจะทำหน้าที่โอบกอด รับเอาความอบอุ่นจากลูกสาวคนเล็กเข้ามาชโลมจิตใจที่ห่อเหี่ยวจากหลายๆเรื่องที่เข้ามารุมเร้าเขาในแต่ละวัน
แน่นอนว่ามันช่วยปัดเป่าความเหนื่อยล้าของเขาให้หายเป็นปลิดทิ้งไปเลย
แต่คงจะดีหากเขาหยุดเวลาไว้ตรงนี้ได้ ตรงที่ยังมีรอยยิ้มจากใบหน้าสวยของร่างเล็กตรงหน้าส่งมาให้เขาได้เห็น
เพราะเขาไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้เขาจะได้เห็นมันอีกตอนไหน
หากได้รู้เรื่องที่เขาจะบอกต่อจากนี้ คุณจะยังยิ้มออกอยู่รึเปล่านะ
ตอนนี้บรรยากาศในห้องเดิมแปรเปลี่ยนไปราวกับว่าเป็นคนละห้อง ทั้งจุนมยอน จงอิน และลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนต่างก็มารวมกันอยู่ในห้องนี้หมด ทุกคนเข้าสู่โหมดจริงจังและเคร่งเครียดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
คุณที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็พาลนั่งก้มหน้าเครียดไปกับบรรยากาศน่าอึคอัดนี่ด้วย
เพราะเรื่องที่จะคุยกันต่อจากนี้คงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คุณต้องกลับมา และคุณคิคว่าคงเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องที่ทำให้สีหน้าทุกคนดูตึงเครียดขนาดนี้
" จีอา..."
" .... "
ร่างบางเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อที่เรียกคุณด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างอัตโนมัติ คุณลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว หัวใจก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่พอคิดว่ามันคงสำคัญมากคุณก็ลุ้นจนหัวใจจะวายแล้วตอนนี้
" ปาร์คจีอึน ถูกรถชนอาการสาหัส"
ความคิดเห็น