Fround
ดู Blog ทั้งหมด

farewell...การจากลา...งานอำลาครั้งสุดท้าย!!

เขียนโดย Fround



กี่คนที่จะจดจำวันสุดท้ายของชีวิตม.ปลายได้


เชื่อเถอะว่าทุกคนต้องจดจำ!!!


Farewell

แปลว่าการลาจาก การอำลา


งาน farewell

งานอำลาอาลัยรุ่นที่26

งานส่งพี่ๆม.6ผ่านพ้นจากรั้วโรงเรียน

งานส่งลูกศิษย์ก้าวข้ามช่วงรอยต่อของชีวิต



..............



วันศุกร์ที่30 มกราคม 2552

วันสุดท้ายของนักเรียนโรงเรียนม.6 จากรั้วชมพูพันธ์ทิพย์

ต้นไม้ประจำโรงเรียนที่บอกเล่าต่อๆกันมาว่ามันจะบานสะพรั่งเต็มต้น
และทอดยาวตลอดถนนเพื่อเป็นการสั่งลาแก่นักเรียนที่จากไป

ยามใดที่ชมพูพันทิพย์บาน

ยามนั้นถึงการแก่เวลาของการลาจาก

กลีบดอกสีชมพูจะโปรยปรายส่งเหล่าศิษย์ของครูให้เดินหน้าต่อไป


แต่วันที่30ปี52 งานเลี้ยงส่งรุ่นที่26

ต้นชมพูพันธ์ทิพย์เหลือเพียงแค่ต้นเดียว

ต้นไม้ที่เป็นปริศนานักว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เป็นต้นไม้ประจำร.ร.จนกระทั่งคำบอกเล่านี้ส่ง
ผ่านมาถึงโดยอาจารย์วิลัยในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของการเรียน

หากจดแล้วจนรอดก็ยังไม่เคยเห็นเจ้าต้นไม้ที่ว่านี่

จนแอบสัญญากับตัวเองไว้

ว่าหากกลับไปจะลองตามหาสักครั้งหนึ่ง

เจ้าชมพูพันธ์ทิพย์นี่!



(ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ที่มีโอกาศเห็นแค่ในคอมพิวเตอร์ มันคงสวยงาม
หากต้นไม้นี้ยังอยู่แล้วบานสะพรั่งสั่งลาเราเมื่อตอนจากไปเช่นในอดีต)



 ชมพูพันธ์ทิพย์
คำร้อง ทำนอง ขับร้อง อาจารย์ประหยัด คำสิงห์

      เห็นต้นชมพูพันธ์ทิพย์คราใด
อดทนเข้มแข็งทุกกาลเวลา

ถึงแดดร้อนลมฝนพรมลงมา
ชมพูพันธ์ทิพย์คงยืนต้นไซร้

เป็นสัญลักษณ์ประจักษ์แจ้ง
คอยเตือนให้ระลึกถึงทุกครา

ใต้ร่มชมพูพันธ์ทิพย์รื่นรมย์
อดทนตรอมตรมขื่นขมมานาน
ยังมั่นในความหมายดังคำว่า
ชมพูพันธ์ทิพย์เตือนว่าอย่าท้อใจ

หนาวแล้วหนา อากาศเป็นไฉน
มิได้หวั่นไหวต่อกาลเวลา

ดั่งคำที่แถลงได้ชี้แจงมา
เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

ดอกสวยสมสีชมพูเบิกบาน
ผลสำเร็จก็หอมหวาน หวานชื่นเอย…….




ช่วงเช้าวันที่ 30มกราคม 52 

นักเรียนม.6ต่างหน้าดำคร่ำเครียดกับการสอบปลายภาควันสุดท้าย
 ข้าพเจ้ายังจำความรู้สึกนั้นได้ มันตื่นเต้นระคนหวั่นๆ ใจหนึ่งประหวัด
นึกถึงพีธีช่วงบ่ายที่ทางโรงเรียนมีการตระเตรียมสถานที่ไว้พร้อม
สรรพ

หากก็ยังสำเหนียกได้ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆที่เราได้ใช้ชีวิตวัยเรียน
ในโรงเรียนแห่งนี้ 

ข้อสอบชุดสุดท้ายวิชาอะไรข้าพเจ้ายักกะจำไม่ได้ จำได้เพียงว่าแทบจะหลับหูหลับตาฝน เพื่อให้เสร็จเร็ววันอีกสักนิดหนึ่ง 

ไม่ใช่แค่เพียงข้าพเจ้าเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น ทุกคนต่างรีบออกจากห้อง
 สอบ จากหนังสือติวแปรเปลี่ยนเป็นเฟรนด์ชีพ จากดินสอสองบี
เปลี่ยนเป็นกาสีจรดคำลงบนเสื้อและแผ่นกระดาษ 

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทุกคน 

ช่วงเวลาเที่ยงก่อนเข้าหอประชุมเพื่อทำพิธีอำลาอาลัย ทุกคนต่าง
ถ่ายรูปทุกหนทุกแห่ง ราวกับว่าที่ผ่านๆมายังไม่เพียงพอ โรงอาหาร
โล่ง แม้แต่สนามบาสยังน้อยคน




(ผู้คนบางตา อาจเป็นเพราะวันนี้ให้น้องม.สี่หยุด หรือไม่ก็พี่ม.6ต่าง
รีบร้อนทุกคน)





(โรงอาหารใหญ่ ที่สถิตของนักเรียนม.4และ5 แต่วันนี่พี่ๆม.6ขอกลับ
มานั่งที่นี่อีกสักครั้ง)





(ถึงจะเป็นวันสอบ ก็ยังไม่ยอมห่างจากแป้นบาสกัน) 




เข้าเวลาเที่ยงวันที่30มกราคม52

นักเรียนม.6ถูกโดนกวาดต้อนขึ้นบนหอประชุมทั้งหมด ไม่มีใครเกี่ยง
งอนทุกคนต่างพากันขึ้นไป แม้เพื่อนข้าพเจ้าที่ขอเลื่อนสอบในช่วง
เช้าเพื่อไปมอบตัวที่มศว.ก็ยังอุตส่าห์รีบกลับมาทัน

ช่วงเวลานั้นคล้ายภาพเรือนๆที่ข้าพเจ้าไม่อาจบรรยายละเอียด


หากยังจดจำเพื่อนที่ออกไปพูดถึงความรู้สึกที่ผ่านมาในช่วงชีวิตม.
ปลาย

ขำที่เข้าใจเลือกคนมาพูด ไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่นักเรียนดีเด่น

แต่เป็นตัวแสบที่อาจารย์หมายหัว

หากเขากลับพูดได้จับใจมากมาย

อีกคนหนึ่งออกไปท่องบทร้อยกรอง บทกลอนที่น้อยคนจะสนใจ แต่
เมื่อเขาเปล่งเสียงเป็นทำนองเสนาะ ทั้งๆที่คำกลอนเดิม คำพูดซ้ำๆ
 แต่กลับไพเราะมาในพริบตา สร้างมนต์ขลังให้เกิดขึ้นภายในหอ
ประชุม ทุกคนเงียบตั้งใจฟัง...

ต่อมาเป็นพิธีบายศรี

ทางโรงเรียนทุ่มทุนสร้างเชิญศิลปินแห่งชาติ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ
มาแหล่และทำพิธีให้

เป็นทางการและน่าขนลุก แต่ไม่อึดอัดเลยสักนิด

นักเรียนกว่าแปดร้อยชีวิตลุกจากที่นั่งหอประชุมเพื่อให้อาจารย์ไปผูก
แขนให้ที่ด้านหน้า

รับศีลรับพรอำนวยจากเหล่าอาจารย์ที่ต่างปลุกปลั้นลุกศิษย์มายาก
เย็น

ไม่มีคำต่อว่าเช่นในห้องเรียน

ไม่มีคำสอนเช่นทุกวัน

มีแต่รอยยิ้มและคำพรที่อวยชัยให้เหล่าลูกๆของท่านเจริญก้าวหน้า
ประสบความสำเร็จดั่งใจหวัง

กว่าจะแล้วเสร็จก็ล่วงเย็นไปมาก

ช่วงเย็นวันศุกร์ที่30 มกราคม52



(นักเรียนม.6เดินลงจากหอประชุม แล้วผ่านลอดซุ้มที่เหล่ารุ่นน้อง
ม.5ต่างพร้อมใจกันส่งอำลาพี่ๆ)



(ซุ้มธงทอดยาวโดยรุ่นน้องม.5ซึ่งต่างกันพามายืนรออยู่นาน)



(เหล่ารุ่นน้องต่างมอบดอกไม้ให้แก่รุ่นพี่เป็นที่ระลึก ทุกคนต่างได้กัน
หมด ได้มากได้น้อยสำคัญเท่าน้ำใจที่น้องๆหยิบยื่นมาให้)



(โต๊ะจีนเกือบร้อยโต๊ะตั้งอยุ่กลางลานเอนกประสงค์ งานเลี้ยงส่งท้าย
ครั้งสุดท้าย อำลาอาลัย)



(ทุกคนต่างถือกล้องวิ่งวนถ่าย เสื้อนักเรียนปลิวว่อนฝากเซ็นชื่อ
เพื่อนเอาไว้ ไม่มีใครยอมนั่งที่โต๊ะกัน)



(ธงชาติปลิวสะบัด ภาพถ่ายเวทีที่กำลังเตรียมการจัดคอนเสิร์ตโดย
เหล่านักเรียนม.6กันเอง)



(นักเรียนกว่าแปดร้อยชีวิตต่างดูสับสนและวุ่นวาย หากไม่มีใครห้าม
ปราม มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ)




(ภาพแอบถ่ายกลุ่มเต้าหู้ยี้ที่จับกลุ่มเต๊ะท่าหาที่ถ่ายรูปกันอยู่นาน)



(งานประกวดดาว-เดือนผู้ผ่านคัดเลือกรอบแรก จากเสียงตัดสินทุก
คนในระดับ หนึ่งเสียงเท่ากับหนึ่งดอกไม้ และนี่คือผู้เข้ารอบ12คน
จากตัวแทน18ห้อง 35คน)




(นอกจากหน้าตาดียังต้องมีดี...หรืออีกอย่างที่เรียกว่าเสียสละเพื่อ
ส่วนรวม ยอมอดข้าวมองคนข้างล่างเวทีกินกันตาละห้อย)



(ภาพถ่ายรวมอาจไม่ครบทั้งห้อง แต่ที่สำคัญคือครูปุ๊กที่อยู่ตรงกลาง
 ครูฝึกสอนที่มาตอนพวกเราม.4 แม้ท่านจะจบการศึกษาแล้ว หากก็
ยังแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเสมอ)




ย่ำค่ำวันศุกร์ที่30มกราคม52

เวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำ พระอาทิตย์จากลาหากไม่มีใครยอมถอย อาหารโต๊ะจีนตั้งเต็มโต๊ะ

คำกล่าวขานจากรุ่นพี่ว่าไม่มีใครหรอกที่จะยอมนั่งทานเฉยๆ

เพราะนี่คือวันสุดท้ายต่างพากันถ่ายรูปเพื่อจดความทรงจำลงภาพถ่าย

หากคำนี้ใช้ไม่ได้กับห้องสี่

เพราะทุกโตนั่งเต็มพรืด อาหารลงแปปก็หมดปั๊ป

ข้าพเจ้ายังต้องระเห็จไปขอส่วนบุญโต๊ะข้างๆ เมื่อกลับมาหลังจากไป
ตระเวนถ่ายรูปแปปเดียวแล้วอาหารนั้นอันตธารหายไป





(เวลาค่ำเปลี่ยนจากวงที่1มาเป็นวงที่2 ผู้คนเริ่มไปออกันหน้าเวทีและ
ขยับไปตามเสียงเพลง) 



(นัท นักร้องเสียงดีขวัญใจหลายๆคน แค่ในระดับร.ร.การันตีด้วย
ตอนม.5ได้รับรางวัลนักร้องชายเสียงดี และตอนม.6 ได้รางวัลชนะ
เลิศการประกวดร้องเพลงเดี่ยวระดับม.ปลาย ในกิจกรรมร้อง เต้น
 เล่นดนตรี
-ข้างๆคือเหล่าขาแจม มีพี่รุจอีกหนุ่มเสียงดีที่ขอขึ้นไปแจม การันตี
ด้วยการประกวดเพลงโฟลกซองชนะเลิศตอนม.5 และที่สองในงาน
ประกวดร้องเพลงเดียวม.6)


(พวงมาลัยแม่ยกที่คล้องให้ ร้องเพลงเพราะไม่พอยังมันเหลือหลาย)


(ขอมือหน่อย! ท่ามกลางสายน้ำที่ไม่ได้มาจากสายฝน แต่เป็นน้ำ
จากขวดในมือเพื่อนๆเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดเหล่านักเต้นข้างล่างราวกับ
ต้องมนตร์)




(มายืนออกันหน้าเวที ฟังเพลงเพราะๆเต้นมันๆ และถ่ายรูปเก็บความ
ประทับใจ)




(พักเบรคสักแปป)


(หนุ่มประกวดเดือน ถูกจับมาดีดคียบอร์ด)


(ประชันกัน ไม่ได้มีดีแค่ด้านกีตาร์ แต่เสียงร้องนั้นไม่เบาเลย)



(ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก กับวงที่สามที่ขอโดดเข้ามาแจม การันตีด้วยการ
ผ่านเข้ารอบคัดเลือกวงดนตรีอาทิตย์ที่ผ่านมา)



(ภาพถ่ายมันๆไม่อาจเก็บมาได้ เนื่องจากคนถ่ายก็มันไปกับเขา ทั้ง
กอดคอร้องเพลง ทั้งเต้น สุดเหวี่ยง)




(ด้านเวทีคึกคักแล้ว ด้านโตะจีนก็ใช่ย่อย หลีกหนีอาจารย์ไปสุมกัน
ข้างหลัง เล่นเฮฮาเสียงดังลั่นมาถึงข้างหน้า)



(โฉมหน้าเดือนที่มันแผล่บเพราะต้องไปตะกุยกับคีย์บอร์ดมาหลาย
เพลงรวด เสียดายไม่ได้ทันถ่ายภาพดาวมาชมโฉม เพราะมัวแต่มัน
อยู่ข้างล่าง)


และแล้วงานวันศุกร์ที่30มกราคม 52 ก็จบลง

เสียงเพลงยังดังไม่หยุด แม้นี่จะเปลี่ยนวงมาเป็นวงที่สาม เพลงหลาย
ต่อหลายเพลงถูกเลือกมาร้อง ทุกคนที่ต่างยืนออหน้าเวทีร้องคลอ
และเต้นตามลืมคำว่าอายไปหมด

กอดคอร้องเพลง กระโดโลดเต้น ขี่คอ มันไปกับคอนเสิร์ตวันนั้น

แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา

นักร้องนับถอยหลัง จากเหลือสามเพลง สองเพลง และเพลงสุดท้าย


น้ำตาหลายคนซึมอยุ่ที่เบ้าตา แม้บรรยากาศรอบด้านจะยังสนุกสนาน
 แต่ก็ตระหนักถึงคำว่าสุดท้ายได้จริงๆ

เสียงเพลงเปิดดัง

คนร้องคลอปากสั่นเพราะรสขมของการจากลามันพุ่งเข้าหา

ข้าพเจ้าแม้จะไม่ร้องน้ำตาไม่ไหล หากยังยิ้มตบไหล่เพื่อนปลอบ 

ซึ้งแต่ไม่เศร้า

เพราะรู้ว่าเรายังเป็นเพื่อนกัน


เพลงสุดท้ายจบลง

เพื่อนม.หกต่างรุมกอดบอกควาในใจแก่เพื่อนๆ ไม่ว่าหญิงไม่ว่าชาย
ไม่มีการแบ่งแยก

ทุกคนเป็นเพื่อนกัน

ก่อนจบวันนั้น

เพลงที่ถูกเลือกมาปิดงานหาใช่เพลงสตริงร้องเอาใจ

แต่เป็นเพลงมาร์ชที่ร้องด้วยใจทุกคน



...ดั่งสาย โลหิตเดี่ยว

ยึดเหนี่ยวด้วยพระเกี้ยวชมพูสดสี...


น้ำเสียงทุกคนหนักแน่น เปร่งเสียงร้องออกมาดังกว่าทุกวัน

ทุกคนยืนตรง แม้น้ำตาไหลก็ร้องคลอ

..เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

ให้เจริญสุขศานต์ตลอดไป...



ส่งท้ายวันศุกร์ที่30มกราคม52

วันนั้นเป้นวันพระจันทร์ยิ้ม

แม้จบงานอำลาอาลัยที่โรงเรียน หลายห้องนัดไปนอกรอบ ห้อง
ข้าพเจ้าก็เช่นกัน แต่นัดไปบ้านเพื่อนยืมสถานที่และออกไปซื้ออะไร
มากิน

เพื่อนจำนวนหนึ่งทะยอยมากันมา พูดคุยเสียงแหบทั้งเหนื่อยทั้งสนุก


แต่ประทับใจไม่ลืม

หากเสียงโทรศัพท์หนึ่งก็ดังขึ้น

แจ้งเหตุร้ายว่า


เพื่อนสองคนที่อาสาขับมอเตอร์ไซต์ไปซื้อขอเกิดอุบติเหตุ

เพื่อนๆต่างตกใจ

ข้าพเจ้านี้ใจหายวาบเพราะเป็นเพื่อนสนิททั้งสองคน

เพื่อนสนิทข้าพเจ้าอีกสองคนรีบพุ่งออกไปโรงพยบาลทันทีพร้อม
เพื่อนเจ้าของบ้าน

ข้าพเจ้าไม่ได้ตามไป

เพราะรุ้ว่าช่วยอะไรไม่ได้

นอกจากนั่งรอข่าว

งานวันจบวันนั้นกร่อยไม่เป็นท่า

ทั้งที่วาดฝันไว้สวยหรู

หากก็ไม่โชคร้ายเสมอไป

เพราะอย่างน้อยเพื่อนข้าพเจ้าทั้งสองคน

ก็ยังปลอดภัยดี



Farewell...งานอำลาที่จบลง

หากคำว่า"เพื่อน"ไม่มีวันจาง...






ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
เเสดงความเสียจัย เเละ ความยินดี ที่พ่ม.6 จบ ได้เรียนมหาลัย
ขอให้ต้างจายเรียนด้วยนะค่ะ