ใครจะเชื่อบ้าง ข้าพเจ้าถูกหลอกให้ไปหัวหิน
ถูกหลอกจริงๆ เพราะข้าพเจ้าถูกจับใส่รถให้ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนแม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ไอ้เราก็เชื่อแม่ก็ไป มันก็ถึงโรงพยาบาลจริงๆนั่นแหละ แต่หลับไปอีกตื่นหนึ่ง ตื่นขึ้นมาอีกที เอากูอยู่หัวลำโพงเฉยเลย!
ที่จริงห้องข้าพเจ้ามีโปรแกรมส่งท้ายไปหัวหิน ไปพักบ้านอาจารย์ตอนม.4 แน่นอนข้าพเจ้าไม่ได้ไป เพราะมารดากังวลช่วงรอยต่อของชีวิตอย่างนี้อันตราย จึงไม่อยากให้ไป ข้าพเจ้าก็เข้าใจ ไม่ไปก็คือไม่ไป แต่ไหงเอาเข้าจริงๆ มาส่งข้าพเจ้าถึงหัวลำโพง
แม่บอกเซอร์ไพส์ ตอนแรกข้าพเจ้าจะไม่ไป(อยากเล่นคอมง่า)แต่มารดาขู่ว่าจองตั๋วแล้วไม่ไปไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงไป แต่กลับมาคิดภายหลัง ไปรถไฟฟรีมันจองตั๋วแล้วต้องเสียตังค์หรือไงฟะ!
พอไปถึงเพื่อนในกลุ่มทราบหมด มีข้าพเจ้าคนเดียวไม่ทราบ อันที่จริงมันก็พอระแคะระคายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดจะเล่นมัดมือชกอย่างนี้
และเพื่อความปลอดภัยและหายห่วง มารดาข้าเจ้าก็ไปด้วย สรุปเด็ก34(ถึงนู่นแล้ว1คน) ผู้ปกครองสอง (ที่นู่นมีแล้วสอง กับอาจารย์อีก1)
นั่งรถไฟจากกรุงเทพถึงหัวหิน ไปถึงสถานนี7.30 รถออก9.20 ตามตารางบอกถึง13.00 แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงบ่ายสามกว่าๆ นั่งกันเหงือกแห้งเลย แต่ก็สนุกดีเพราะได้นั่งโบกี้เดียวกับอีกโรงเรียนหนึ่ง ลูกพระเกี้ยวน้อยเหมือนกัน ม.เดียวกัน เพื่อนเก่าข้าพเจ้าตอนประถมด้วย ก็เลยเล่นเกมต่อเพลงข้ามโรงเรียน เล่นกันจนหลับไปทีละคนแล้วก็ต้องเลิก
(รถไฟสถานีหัวลำโพงไม่เลวร้ายอย่างที่คิด เมื่อพบมิตรภาพระหว่างทาง)
(ต้องขอบคุณเพื่อนที่เก็บความประทับใจลงภาพถ่าย ส่วนข้าพเจ้ายังสลึมสลือกับไอแดดและลมร้อนยามสายๆ)
(สถานีระหว่างทางการเดินทางอันยาวไกล...ไกลมากสำหรับเด็กกรุงที่มีโอกาสได้ก้าวเท้าออกจากตัวเมืองโดยพาหนะหัวจักรไอน้ำ)
พอถึงอาจารย์ก็มารอรับที่สถานนี ผู้ปกครองนั่งรถไปบ้าน ส่วนเด็กเดินพะย่ะค่ะ เดินจากหัวหินซอย100กว่าถึงหัวหิน60 เดินกันเป็นขบวน เหมือนเดินทางไกล แต่ละคนแบกเป้ ลากกระเป๋า เดินกันขาลากเลย เห็นว่า2กิโลกว่าๆ นี่ไม่แน่ใจนัก
ตอนเย็นๆก็ไปเล่นน้ำทะเล แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ไปเพราะอาบน้ำแล้วก็นอน ตื่นมาก็ช่วยแม่ช่วยอาจารย์ทำกับข้าว แล้วตกค่ำๆ ก็ไปเดินตลาดโต้รุ่ง ไอติมที่นั่นอร่อยดี อยากกินรสมะขามอีก แต่ก็รีบกลับไปเล่นไพ่ พวกผู้ชายพักหลังหนึ่ง กินเหล้าเบียร์เต็มที่ พวกผู้หญิงเล่นไพ่และดูเมียหลวงตามระเบียบ
(ภาพวิวยามค่ำคืนขณะเดินท่องราตรไปตลาดโต้รุ่ง ร้านขายของบอกสัญชาติบอกให้เรารุ้ว่าวัฒนธรรมของเขาตามติดเรามาถึงถิ่นแปลกตา แม้ที่นี่หัวหิน)
(ล้อมวงเล่นกินกัน คนเล่นนั่งตากพัดลมในบ้าน ส่วนคนนอนต้องออกไปนอนตากยุงหน้าบ้าน เพราะไม่มีที่)
ข้าพเจ้าอยู่สักพักก็เข้านอน ไม่ได้โต้รุ่ง(แต่คาดหวับหลับประมาณตีสาม กระทากปากด้วยไวน์ไม่กี่ขวดแต่ลุกเข้าห้องน้ำบ่อยจิง) เพราะถ้านอนไม่พอจะอารมณ์เสียเปล่าๆ
วันถัดมาก็ตื่นกันตั้งตีห้า ผลัดกันอาบน้ำ อาจารย์มีโปรแกรมพาทัวร์ ตอนเช้าไปวัง ตามด้วยวัด แล้วก็ถ้ำ ก่อนต่อด้วยทะเล
ตอนอยู่บนรถก็หลับเป็นทิวแถว ข้าพเจ้าจองหลัง นอนกับพื้นเลย
ตอนเช้าไปวังมฤคทายวัน(สะกดผิดอย่างไงบอกได้) ได้ตั๋วเด็ก ใครจะคิดว่าเด็กม.6จบแล้ว มีบัตรกันทั่วหน้าจะได้ตั๋วเด็ก อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้แก่ท่านอาจารย์ที่ทำให้พวกเราดูเหมือนเด็กมาทัศนศึกษา ก็เหมือนจริงๆนั่นแล
(ตัวเรือนทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ความงามของวังฤดูร้อนในร.๖ที่ไม่แค่สถาปัตยกรรมแต่เป็นประวัติที่ทรงคุณค่า)
(ห้องนอนที่ไม่แน่ใจว่าห้องบรรทมหรือเปล่า แต่สวยมากราวกับว่ายังใช้งานอยู่จริงๆ)
(ทางเดินระเบียงที่ทอดยาวไปสู่ทะเลสีคราม เมืองไทยมีอะไรมหัศจรรย์อีกมาก โดยเฉพาะความงามของธรรมชาติที่ผสมผสานกับภูมิปัญญาของชาติเรา)
(พื้นขัดเป็นเงาวาว จนไม่กล้าเหยียบย่าง ที่นั่นมีการจำกัดคนเข้าชมเพราะเกรงว่าตัวไม้จะรองรับน้ำหนักไม่ไหว)
(สวนที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม สร้างความชื่นมื่นแก่ผู้มาเยือน)
แต่ไอ้ที่ทรหดอดทนที่สุดก็ต้องเป็นถ้ำทริปสุดท้าย(ทะเลถูกยกเลิก เพราะเหนื่อยจัด จึงกลับไปเล่นทะเลแถวบ้านดีกว่า) ต้องขึ้นเขาสองลูก โอ้แม่เจ้า! ลูกแรก1กม ข้าพเจ้านี่เดินหอบยืนรั้งท้าย
และที่น่าขำที่สุด คือไอ้พวกรั้งท้ายข้าพเจ้ากับเพื่อน เป็นสาวกวาย อ่านนิยายเกย์และพวกโด มันยังบ่นเลยว่าตัวเองเคยแต่นั่งโหลดโดอยู่หน้าคอม ไม่เค้ยๆไม่เคยต้องมาปีนเขาอย่างนี้
(ความงามบนยอดเขา ช่วยให้คลายเหนื่อยหากความจริงมันตอกย้ำว่าพึ่งมาได้แค่ครึ่งทาง)
พอมาถึงก็เห็นป้ายเด่นหรา “ยินดีด้วย แสดงว่าท่านยังสุขภาพแข็งแรงดีอยู่”
อย่าพึ่งดีใจเพราะนี่พึ่งเขาลูกแรก เดินไปสักพักก็ต้องขึ้นเขาลูกที่สองอีก430ม. ไหนๆก็มาแล้วขึ้นๆก็ขึ้นวะ กว่าจะถึงทั้งๆที่ขึ้นเป็นกลุ่มแรกๆ แต่ไปถึงกลุ่มสุดท้าย
ขึ้นไปถึงก็เที่ยวชมถ้ำพระยานคร ขึ้นแล้วก็ต้องลง แล้วก็ต้องขึ้นเขาลูกแรกเพื่อกลับ โหอันนี้ลากเลือดเลย ข้าพเจ้ากับเพื่อนสนิทนี่น้ำตาคลอเลยเพราะเหนื่อยมาก แต่ก็กัดฟันเดินข้ามมาจนได้ จะถึงตีนเขาอยู่แล้ว แต่ติดหมา หมาสองตัวซะด้วย เลยต้องรอพวกกลุ่มหลังให้มาไล่หมาให้จึงเดินกันได้
(ป้ายบอกทางที่เห็นแล้วต้องดีใจอย่างสุดซึ้ง ในที่สุดก็ถึง)
(ความงามภายในถ้ำที่เย็นฉ่ำไม่น่าเชื่อ กับพระที่นั่งงดงามที่ซ้อนเร้นอยุ่ในหุบผม)
(เดินตามรอยพระพุทธเจ้าหลวงทั้งสามพระองค์ ทั้งเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า)
นั่งรถกลับถึงบ้านก็เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเห็นน้ำทะเล เล่นได้สักพักก็รีบขึ้นรีบไปจองห้องน้ำ วันนี้อาจารย์ปล่อยเต็มที่ กินเต็มที่เล่นเต็มที่ แต่ข้าพเจ้ากับเพื่อนสนิทนี่หลบไปนอนเพราะไม่ไหว เพื่อนสนิทข้าพเจ้ามันหลับตั้งแต่เมียหลวงไม่จบด้วยซ้ำ
(ทะเลนี้เป็นของเรา หาดสาธารณะที่ยังไม่ถูกนักท่องเที่ยวรุกราน จึงพบแต่ความสงบและความสดชื่น)
(พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นกลางทองฟ้า ไม่มืดไม่กลับ)
วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามาเตรียมกลับ โชคดีหน่อยนั่งรถตู้ แค่สามชั่วโมงถึง หลับตื่นเดียว ลุกขึ้นมาอ้าวกรุงเทพแล้ว รถตู้ไปส่งอนุสเสาวรีย์ชัย จะถึงแล้วเพื่อนสนิทข้าพเจ้าก็ตะโกนลั่นรถตู้เลย
“เฮ้ยๆ ผู้ชายเดินจับมือกัน” เท่านั้นแหละทั้งรถตู้หันขวับมองหาสองคนนั้น โอ้ จับมือกันจริงๆด้วย สักพักก็หยุดยืนคุยกันแล้วก็กอดกันเลย
ข้าพเจ้าอึ้งสักพัก โอ้ช่างกล้าได้ใจจริงๆ สุดท้ายทริปหัวหินก็ปิดลงได้อย่างงดงาม
5555
ขอบคุณภาพของเพื่อนผู้แสนดีที่ส่งมาให้นะ
ความคิดเห็น