ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Homestay!!] บ้านพักป่วน...ก๊วนต่างมิติ!!

    ลำดับตอนที่ #6 : บ้านเลขที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 55


    บ้านเลขที่ 6

     

    กระจกวิเศษบอกข้าเถิด...

               

    ได้สิ...ได้สิ...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ

     

    เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยวนข้างหูกลบเสียงบดฝีเท้าของอาชาซึ่งกำลังควบทะยานฝ่าผืนป่าในยามราตรีกาล

     

    ผืนผ้าใบรัตติกาลคลี่ครอบคลุมทั่วทุกแผ่นฝ้า ดวงดาราส่องประกายระยิบระยับนับพัน แต่มิอาจสู้แสงดวงจันทราทรงกลดประดับเด่นอยู่กลางนภา แสงเหลืองนวลผ่องสาดส่องผ่านร่มเงาไม้ใหญ่เบิกทางให้อาชาใหญ่วิ่งตัดผ่านไป กีบม้าเหยียบต้นหญ้าถีบส่งตัวเองให้พุ่งตัวออกไป ข้ามดงไพรรกชัฏ ฝ่าคุ่มไม้และเถาวัลย์ มุ่งมั่นเพียงอย่างเดียว คือจุดหมาย...จุดเริ่มต้นแห่งปรารถนา...

     

    เจ้าน่าจะพักบ้างร่างบุรุษสูงใหญ่ในอาภรณ์สีดำคลุมใบหน้าจรดทั้งตัวดึงบังเหียนบังคับม้าตนเข้ามาเทียบกล่าว  เรียกดวงตาสีม่วงใต้อาภรณ์สีเดียวกันให้หันกลับไปมอง

     

    อีกนานเท่าไร เราจะถึงที่หมาย เสียงทุ้มต่ำถามกลับ ขณะลู่ตัวต่ำหลบกิ่งไม้ใหญ่ระหว่างทาง

     

     อีกฝ่ายถอดถอนหายใจ บังคับม้าให้เข้าใกล้ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีม่วง เอมิลว่าอีกไม่ไกล

     

    ชายหนุ่มเปรยมองไปยังอึกหนึ่งบุคคลที่ควบม้าอยู่บนอาชาสีปรอท นำทางพวกเขา...ไม่สิ...ดวงตาสีม่วงไหววูบ...แค่เขาเพียงคนเดียว

     

                เช่นนั้นเราคงหยุดไม่ได้ เขาเอ่ยแทบเป็นเสียงกระซิบ แต่อีกฝ่ายยังคงได้ยิน

     

                    เจ้าฝืนเกินไป น้ำเสียงส่อแววเครียดเป็นเชิงตำหนิ หากแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นมนุษย์

     

                    คนเป็นมนุษย์หนึ่งเดียวในกลุ่มหัวเราะ หัวเราะแม้เขาจะไม่รู้สึกขำเลยเสียนิดเดียว เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก...นับตั้งแต่ข้าได้รับนามนั้น ข้าก็หาใช่มนุษย์อีกต่อไปริมฝีปากใต้ผ้าคลุมยิ้มแสยะเย้ยหยัน เย้ยหยันในชะตากรรมของตน ชะตากรรมที่ก่อเกิดจากน้ำมือของเขาเอง

     

                    แม้เจ้าหาใช่มนุษย์อย่างที่เจ้าเอ่ย มิใช่ปีศาจอย่างที่ข้าเป็น ถึงกระนั้นเจ้าก็อย่างเป็นเจ้า เดอวิล

     

                    บุรุษผู้เป็นเจ้าของชื่อหันขวับ นัยน์ตาสีม่วงจับจ้องไปยังอีกบุรุษหนึ่ง ลมแรงจากความเร็วของม้าหอบปะทะผ้าคลุมชายหนุ่มผู้เป็นปีศาจให้เลื่อนหลุดไป ผมสีดำเข้มเช่นเดียวกับฟ้าในยามนี้ปลิวสยายไปตามแรงลม และดวงตาสีดำสนิทส่องสะท้อนล้อแสงจันทร์ที่มองเขากลับมา

     

                    เจ้าอย่าได้มั่นใจนัก เดอวิลเอ่ย มือกำสายบังเหียนแน่น เพราะสิ่งที่ข้ากระทำต่อเจ้า...ไม่อาจให้อภัยได้เลย

     

                    สิ่งที่เจ้าปรารถนาคือคำปรารถนาจากใจข้าถ้อยคำหนักแน่นจากปีศาจหนุ่ม ดั่งย้ำสัจวาจาสาบานต่อนายเหนือชีวิตจากผู้ภักดี

     

                    ...คำปรารถนา...

     

    ดวงตาสีม่วงตวัดมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิท ก่อนมองเลยไปใต้ผ้าคลุมอีกฝ่าย มองลึกข้ามผ่านอาภรณ์สีดำมืด มองอีกหนึ่งชีวิตเล็กๆในอ้อมแขนของปีศาจผู้อยู่ใต้อำนาจตน ชีวิตเล็กๆที่แบกรับสรรพชีวิตบนปฐพีนี้ ชีวิตเล็กๆที่กำเนิดมาเพื่อสิ่งที่เขาปรารถนาโดยเฉพาะ...

    ............

    ........

    ....

    ..

    กระจกวิเศษบอกข้าที

     

    ได้สิ...ได้สิ...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ

     

    แฮ่ก..แฮ่กๆ... ร่างบางของหญิงสาวเหนื่อยหอบและสั่นสะท้าน แต่สองเท้าของเธอยังออกวิ่งไม่หยุด เหงื่อโทรมกายและผุดพรายไปทั่วดวงหน้าหวาน ผมสีน้ำตาลไหม้ถักเปียหลุดลุ่ยปรกหน้าผากเนียน ดวงตาสีเข้มร้อนรนขณะมองเสื้อคลุมคุ้นตาที่ปลิวไสวอยู่ข้างหน้า สองมือไขว่คว้าราวจะฉุดรั้งให้ร่างนั้นหยุดลง หากยิ่งเธอเข้าใกล้ร่างนั้นก็ยิ่งดูเหมือนห่างไกลเท่านั้น

     

    ดวงตะวันส่องอยู่กลางฟ้า แดดเปรี้ยงสาดส่องไปทั่วทุกมุมเมือง บ้านเรือนประดับประดาด้วยผ้าหลากสีและธงนานาชนิด สองฝากริมทางมีร้านค้ามากมายผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ผู้คนหนาแน่นออกมาจับจ่ายใช้สอยและพูดคุยกันอึกทึก ทุกคนต่างมีหน้าตาชื่นบานและกล่าวขานถึงเทศกาลเมนาวองที่ใกล้จะถึง

     

    แม้ตามตรอกซอกซอยก็ยังถูจัดแต่งเป็นอย่างดี ผู้คนจากทั่วทั้งสารทิศต่างเดินทางเข้ามาร่วมเฉลิมฉลอง ถนนหินลาดเต็มไปด้วยรถม้าวิ่งขวักไขว่ แม้แต่ผู้คนจะดูละลานตามากมายกว่าทุกปี

     

    แม้ผู้คนจะมากมายเพียงไร ดูสับสนและวุ่นวายเพียงไหน แต่หลังไวๆที่เธอเห็นเมื่อครู่...ไม่ผิดแน่ ...คือคนที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!!

     

    ร่างบางเริ่มออกวิ่ง ไม่ฟังเสียงตะโกนเรียกชื่อของเธอ หญิงสาวลัดเลาะหลบหลีกผู้คนและรถม้า ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องร่างนั้นไว้ไม่ห่าง เธอซอยเท้าถี่พยายามวิ่งไล่ตาม ร่างเบื้องหน้าเคลื่อนตัวไปไม่หยุด ร่างนั้นนำพาเธอออกห่างจากตัวเมือง ผู้คนเริ่มบางตา เสียงเซ็งแซ่เริ่มลดน้อยลง ร่มไม้เขียวขจีเริ่มแทนที่ ในที่สุดทางเดินก็ร้างผู้คน เธอไม่รอช้าเข้าไปกระโจนคว้าข้อมือร่างที่เธอตามหามาตลอดในสองสามวันมานี้!!

     

    เจ้า!!...หยุดนะ...ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้า!!” หญิงสาวเรียกบังคับเสียงไม่ให้สั่นเพราะความเหนื่อยล้า พลางจับข้อมือเล็กไม่ปล่อย คนเบื้องหน้าเธอหันกลับมา เผยใบหน้ากลมใสของเด็กชายวัย8ขวบ และรอยยิ้มแย้มยกอย่างแจ่มใส

     

    โรบิน คาปุเล็ต ชื่อของเธอถูกขานถูกต้องอย่างไม่บิดพลิ้ว โรบินเม้มฝีปากแน่น ดวงตาสีน้ำตาลมองร่างของเด็กชายเบื้องหน้าอย่างสับสน ร่างเล็กของเด็กชายอยู่ในเสื้อคลุมโคร่งใหญ่ ผมสีแดงเข้มมัดลวกๆไว้ด้านหลัง ใบหน้ากลมเนียนใส ริมฝีปากเปิดยิ้มร่าเริง เขาดูไร้เดียงสา แต่เธอไม่แน่ใจเมื่อจ้องมองลึกไปในดวงตาของเด็กชาย นัยน์ตาที่นิ่งและเหมือนเข้าใจทุกสิ่ง เห็นทุกอย่างในโลกนี้

     

    เจ้าเป็นใคร...แล้วเจ้าทำอะไรกับข้า!!” เธอดึงข้อมือเด็กชายแล้วกำไว้แน่น น้ำเสียงเธอสั่นแต่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและปวดร้าว หวาดกลัวคนเบื้องหน้า...และเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง

     

    เรามีนามว่าเอมิล เด็กชายค้อมศีรษะ เขาบิดข้อมือเล็กน้อยก็หลุดจากมือเธออย่างง่ายดาย เอมิลถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขากวาดสายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะขมวดคิ้วกอดอกเอียงคอ เราไม่เข้าใจว่าเจ้าโกรธอะไรเรา เมื่อเราได้บันดาลคำปรารถนาของเจ้าให้เป็นจริง!!”

     

    ...ใจเจ้าปรารถนาสิ่งใด...

     

    คำของเด็กชายในวันนั้นยังลอยวนในโสตของเธอไม่จาง พร้อมกับดวงตาของเขาที่ยังตราตรึงในความทรงจำเธอไม่หาย ดวงตาที่ราวกับล้วงลึกรู้เข้าไปในส่วนสุดท้ายของหัวใจเธอ

     

    โรบินกำมือแน่นพูดเสียงเครียด ข้าไม่ได้ปรารถนาในสิ่งนี้

     

     เอมิลหัวเราะ ใบหน้าไร้เดียงสาของเขาดูเจ้าเล่ห์ในพริบตา เขาว่า...ใจนางนั้นยากแท้หยั่งถึง แล้วใจเจ้าเล่าจะต่างกันตรงไหน

     

    ข้าไม่ใช่ผู้หญิง!!” โรบินตะโกนก้อง ใบหน้าหวานขึงเครียด ดวงตาสีน้ำตาลสั่นไหวรวมไปถึงหัวใจของเธอที่ไหวหวั่น ...เขาไม่ใช่สตรี และไม่มีวันเป็นไปได้!!

     

    เจ้าต้องทำให้ข้ากลับเป็นเช่นเดิม!!”

     

    เฮ้!โรบิน เสียงห้าวทุ้มเรียกหญิงสาว พวกเขาหันขวับไปดูตามต้นเสียง ก่อนร่างของบุรุษวัยใกล้เคียงกับโรบินจะวิ่งเข้ามาปรากฏให้เห็น ชายหนุ่มร่างเพรียวสูงสง่า อยู่ในชุดตัดเย็บประณีตบ่งบอกชาติตระกูลอย่างดี ผมสีทองตัดจัดแต่งเรียบร้อย กรอบหน้าคมคายไร้ที่ติ นัยน์ตาเขียวมรกตแพรวพรายเสริมส่งให้ชายหนุ่มแลดูมีเสน่ห์น่ามองมากขึ้น

     

    เจ้าไม่น่าวิ่งพรวดพราดออกมาอย่างนี้ รู้ไหมเลน่า แวนเนลซา อลิซเคืองแค่ไหนที่จู่เจ้าก็วิ่งออกมาชายหนุ่มบ่นกระปอดกระแปดขณะไล่นิ้วนับ พลางก้าวเท้าเข้ามาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง นิสัยเจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ ชาตินี้ถึงไม่มีผู้หญิงไหนมาชิดใกล้ พระเจ้าถึงได้ลงโทษให้เจ้ามาอยู่ในร่างผู้หญิงอย่างนี้

     

    ดวงตาสีน้ำตาลตวัดเหลือบไปมองคนเข้ามาใหม่ ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงก่อนจะหัวเราะแหะๆ เอ่ยขอโทษ แต่เจ้าก็ไม่ควรวิ่งออกมาคนเดียว เจ้าก็รู้ว่าช่วงนี้อันตรายแค่ไหน แล้วเจ้าก็ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว

     

    ดวงตาสีน้ำตาลเมินหนีไปอีกทาง  ข้ารู้... โรบินเอ่ยเสียงแผ่ว

     

    แล้วเจ้าตามใครมา เจ้าตัวกระจ้อยล่อยเนี่ยนะ ชายหนุ่มถาม เขาชี้นิ้วไปที่เอมิล

     

    คนที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง คนที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้โรบินบอก ดวงตาสีเขียวของชายหนุ่มเบิกกว้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นแพรวพราวระยับอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ

     

    เจ้าทำให้ข้าเป็นอย่างนั้นบ้างสิ เขาเอ่ยของ่ายๆพร้อมหัวเราะชอบอกชอบใจอย่างคนนึกสนุก อ๊ะ! แต่ข้าขอแบบชั่วคราวนะ เพราะถ้าข้ากลับเป็นชายไม่ได้ หญิงสาวทั่วทั้งเมืองคงต้องฆ่าตัวตายเพราะไม่อาจทนขาดข้าไปได้

     

    โรมิโอ!” โรบินกัดฟันเรียก โรมิโอยักไหล่ไม่ใส่ใจ

     

    หากนั่นเป็นคำปรารถนาในจิตใจของเจ้า เอมิลตอบโรมิโอยิ้มแย้ม

     

    ข้าปรารถนากลับไปเป็นเช่นเดิม โรบินกล่าวแทรกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ปรารถนา...ปรารถนา...เด็กชายเบื้องหน้าเธอเอาแต่พร่ำเพ้อถึงสิ่งที่ปรารถนา เขาแน่ใจสักเท่าไรกันว่าเธอปรารถนาสิ่งใดอยู่

     

    เธอย่างเท้าเข้าไปใกล้เด็กชาย เอมิลก้าวถอยห่าง หากมีหนทางใดที่จะทำให้เป็นจริงได้เจ้าจงบอกข้ามา

     

     ข้าทำของหายระหว่างทาง เอมิลวิ่งอ้อมไปหลบข้างหลังโรมิโอ เขาชะโงกหน้ามาเผชิญกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มของหญิงสาว ข้าเลยมาตามหาของสิ่งหนึ่ง

     

    สิ่งนั้นคืออะไร โรมิโอก้มถาม

     

    เอมิลเงยหน้ามองโรมิโอ ก่อนเลื่อนไปมองโรบิน กระจกเงากระจกเงาที่บันดาลความปรารถนาแก่ผู้ต้องการให้ได้เห็น...

     

    ข้าจะนำสิ่งนั้นมาให้เจ้า โรบินพูดเสียงหนักแน่น มือบางกำหมัดแน่น กรอบหน้าหวานเชิดขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววมุ่งมั่น ขณะทอดมองร่างของหนึ่งชายหนุ่มและอีกหนึ่งเด็กชาย มุ่งมั่นทำในสิ่งที่อย่างน้อยเธอก็ปรารถนาในเวลานี้...กลับคืนร่างเดิมให้จงได้

     

     แล้วเจ้าต้องคืนร่างเดิมให้แก่ข้า

     

    รอยยิ้มผุดบนใบหน้าเข้มของโรมิโอ และนัยน์ตาประกายบอกไม่ถูกบนดวงหน้าเอมิล

     

     หากนั่นคือความปรารถนาของเจ้า!”

     

    .......................

    ..............

    .........

     

     

    กระจกวิเศษบอกข้าเถิด...บอกข้าที...

     

    ได้สิ...ได้สิ...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ

     

    ณ ท้องพระโรงวิจิตรตระการตา หินอ่อนสลักเสลาปั้นแต่งเป็นรูปปั้นตั้งตระหง่านงดงามราวกับมีชีวิต พื้นปูลาดด้วยพรมผืนใหญ่ที่ถักทอละเอียดลออ ฝาผนังประดับประดาด้วยกระจกลวดลายหลากสีส่องแสงแวววาวล้อเล่นกับแสงอาทิตย์ยามอัสดง คนธรรพ์ขับร้องประสานเสียงคลอดนตรี  กลิ่นบุปผาพฤกษชาติฟุ้งกำจรขจายหอบอบอวลผ่านทางพระบัญชรใหญ่เข้ามาในท้องพระโรง

     

    หากบัดนี้ กาลเวลาหอบพัดลมร้ายเข้าสู่พระราชวัง จากท้องพระโรงที่วิจิตรการกลับกลายเป็นเหมือนซากปรักหักพังรอวันล้มครืน หินอ่อนสลักเป็นรูปปั้นแตกหักทลายกลายเป็นผุยผง  พื้นทางเดินกลับปูลาดด้วยซากศพนอนนิ่ง ฝาผนังถูกประดับประดาด้วยรอยคมดาบและอาบไปด้วยเลือดนอง จากเสียงร้องเคล้าดนตรีกลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องและคมของศาสตราวุธห้ำหั่นเข้าหากัน กลิ่นสาปเลือดเหม็นหืนคละเคล้ากับกลิ่นเหม็นไหม้จากไฟร้อนระอุของสงครามลุกลามอยู่ด้านนอก...

     

    ฝ่าบาท...ทำไม?” คำถามจากร่างใต้ชุดเกราะสีงาช้างชโลมด้วยเลือดแดงฉาน ขณะร่างพระวรกายสูงใหญ่ของฝ่าบาทล้มลงเบื้องหน้า พระแสงดาบใหญ่ในพระหัตถ์กลิ้งหลุนไปกับพื้น พระพักตร์ซีดเผือดและผุดพรายไปด้วยพระเสโธ ดวงพระเนตรสีฟ้าขลับแห้งผาก โลหิตไหลซึมออกมานอกเกราะพระองค์ก่อนนองเต็มพื้นด้วยพิษของดาบใหญ่ปักกลางพระอุระ...ดาบจากมือเขาเอง

     

    ในที่สุดเจ้าก็อยู่เหนือข้า สุรเสียงพระองค์แหบพร่า ทรงหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก โลหิตไหลแทรกพระหัตถ์ที่กุมพระอุระแน่น อย่างน้อยเจ้าก็ถอดเกราะ...ให้ข้าได้เห็นหน้าบ้างนะ ลีฟ

     

    ชายหนุ่มเจ้าของชุดเกราะสีงาช้างอาบด้วยเลือดกรังทรุดลงข้างพระองค์ ก่อนมือเรียวจะปลดหน้ากากทิ้ง เผยดวงหน้าขาวผ่อง ประดับแก้วตาสีแดงสดและผมสีเงินสยาย

     

    ฝ่าบาททรงพระกรุณานัก ที่ยังยอมเอ่ยนามของเกล้ากระหม่อม คนถ่อยคนนี้ ริมฝีปากหยักสวยเอ่ยเอื้อย ดวงตาสีแดงคมกริบจับจ้องร่างพระที่นอนประทับตรงหน้า พระองค์ทรงไร้ซึ่งกำลัง พระองค์ทรงหมดซึ่งเรี่ยวแรง หากเขาเพียงแต่ตวัดดาบฟาดลงไปครั้งเดียว...ครั้งเดียวเท่านั้น

     

     เจ้าเปลี่ยนไปมาก พระองค์ถอนพระปัสสาสะยาว สายพระเนตรทอดมองลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย ดวงตาที่เคยแจ่มใสและอ่อนโยนกว่าใครทั้งปวง ใบหน้าที่เคยสดใสร่าเริงถูกแทนที่ด้วยความเฉยชา แม้แต่มือที่ขาวสะอาดไม่กล้าแม้แต่จับอาวุธใดกลับชโลมไปด้วยเลือดแดงฉาน

     

    จากเจ้าชายผู้สูงศักดิ์กลับกลายเป็นผู้ก่อกบฏล้มล้างราชวงศ์ตัวเองเพราะอะไรหรือลีฟ อะไรที่ทำให้เจ้าเปลี่ยนไปเพียงนี้...น้องพี่

     

    น้องที่คอยหลบอยู่หลังพระองค์เสมอ น้องที่คอยตามติดพระองค์ไปทุกที่ น้องที่รักพระองค์มากที่สุด และน้องที่พระองค์รักมากที่สุดเช่นกัน

     

    ดวงตาสีแดงฉายแววปวดร้าวอยู่เพียงชั่วแวบเดียวก่อนกลับกลายเป็นเช่นเดิม หากฝ่าบาทก็ยังทรงเมตตาน้องคนนี้เช่นเดิมไม่เปลี่ยน แม้เกล้ากระหม่อมจะเป็นคนมอบความตายให้แก่ท่าน

     

    ทำไมเขายังยื้อที่จะตรัสทูลกับพระองค์...

     

    สุดท้ายเจ้าก็ไม่บอกว่าเหตุใดที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ พระองค์ตรัส ก่อนพระองค์จะพระกรรสะออกเป็นพระโลหิต ดวงตาสีแดงฉายแววตระหนก มือเรียวยื่นออกไปก่อนจะกำแน่นลดลงข้างตัวไม่กล้าเข้าไปใกล้

     

    ทำไมเขายังอยากจะยื้อชีวิตพระองค์ไว้...

     

    ฝ่าบาท...หากพระองค์ยังทรงเมตตาน้องคนนี้อยู่ลีฟเอ่ยดวงตาหลุบต่ำก้มมองผู้เป็นพี่ด้วยสายตามากมายหลากความรู้สึก เกล้ากระหม่อมอยากทูลถามท่าน...ทำไมปกป้องผู้หญิงคนนั้น

     

    เสียงคมดาบวาดตวัดโครมครามปานฟ้าคำราม พระองค์และเขาถาโถมซัดเข้าหากันดาบปะทะดาบ แหวกอากาศขาดกลางนภา พื้นพสุธาสะเทือน เวทมนตร์ถูกร่ายจากพระโอษฐ์ ปีกสีขาวสะอาดถึงหกปีกสยายอยู่กลางพระขนองพระองค์ หอบลมร้อนระอุพุ่งปะทะโจมตีชายหนุ่ม ลีฟฝืนตัวท่องเวทมนตร์ พลันปีกสีขาวบริสุทธิ์จำนวนหกปีกผุดขึ้นกลางหลังเขาเฉกเช่นกัน ฤทธิ์มนตราถูกดึงเข้ามาใช้ปะทะกันกลบเสียงโห่ร้องฆ่าฟันภายนอกโถงพระโรงสิ้น เหลือเพียงภาพของสองสายพระโลหิตร่วมอุทรเดียวกันกำลังห้ำหั่นหมายจะปลิดชีพอีกฝ่ายให้จงได้   

    ทว่าวินาทีดับจิตร่างอิสตรีบอบบางเข้าถลันมาปกป้องพระองค์ไว้ ก่อนที่ใครจะคาดคิดดาบใหญ่ในมือลีฟฟันฉับปักกลางพระอุระ พระวรกายสูงใหญ่ล้มตึงพร้อมกับร่างของนางผู้นั้นที่จางหายไปราวกับหมอกควัน...

     

    ดวงสีแดงหลุบต่ำลง ริมฝีปากกัดจนห้อเลือด...นี่หรือเดิมพันสุดท้ายของเขา

     

    หากไร้ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาขวาง พระองค์ทรงยิ่งยงเหนืออื่นใด หากไร้ซึ่งผู้หญิงคนนั้น พระองค์ทรงประทับเหนือผู้ใด หากไร้ซึ่งผู้หญิงคนนั้น พระองค์คงไม่เอาตัวเข้าไปบังคมดาบแล้วจบลงแทบเท้าผู้ต่ำต้องเช่นเขา

     

     ฝ่าบาท...ทำไม?”

     

    เขาถามทั้งที่รู้คำตอบ ถามเพียงเพราะอยากจะได้ยินจากโอษฐ์พระองค์เอง หรือถามเพียงเพราะปลุกตัวเองให้ตื่นเสียที

     

    ข้ารักนางคำดำรัสหนักแน่นปานหินผา สมวาจามั่นคงของผู้เป็นดั่งกษัตริย์ในอนาคต แล้วเขาเล่า?เขากล้าเอ่ยคำนั้นเฉกเช่นพระองค์ไหม แล้วเขาเล่า...เขาจะปกป้องใครได้เฉกเช่นพระองค์ไหม

     

    ทั้งๆที่นางนั้นเป็นแค่มนุษย์ หาใช่เทพเช่นพวกเรา ใช่นางเป็นมนุษย์ เขาคอยย้ำกับตัวเองทุกคราที่พบหน้านาง มนุษย์ที่แสนต่ำต้อย เพียงออกแรงขยี้ก็ตาย เพียงหยิบยื่นความหวังก็ไขว่คว้า ทั้งๆที่นาง...

     

    พระองค์พยักพักตร์ ดวงพระเนตรสีฟ้าปวดร้าวกว่าครั้งไหนๆ ทั้งๆที่รู้ว่านางจากไปแล้ว...ทั้งที่รู้ว่านางเป็นแค่ภาพมายาที่ข้าสร้างขึ้น ทั้งๆที่ข้ารู้มาตลอด พระหัตถ์เย็ดชืดยกขึ้นสัมผัสใบหน้าขาวของผู้เป็นพระอนุชาพระองค์ ใบหน้าขาวเฉยชาแต่แววตายามนี้สับสนนัก...หรือเหตุที่ทำให้น้องพระองค์เปลี่ยนไปหาใช่ใครนอกจากตัวพระองค์เอง

     

    ทั้งๆที่ข้ารู้ทุกอย่าง แต่ท้ายสุดข้าก็ไม่เคยรับรู้สิ่งที่ใจเจ้าปรารถนาแม้แต่น้อย

     

    ดวงพระเนตรฉายแววอาดูรอ่อนโยน พระโอษฐ์เปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่รับสั่งกับอนุชาตัวน้อยของพระองค์ ก่อนดวงพระเนตรปิดลงพร้อมกับพระหัตถ์ที่เลื่อนหลุดจากใบหน้าของลีฟและคำดำรัสสุดท้ายของพระองค์

     

    ข้าขอโทษนะลีฟ

    ....

    เสียงห้ำหั่นข้างนอกเงียบลงแล้ว แต่บัดนี้ในใจเขากลับมีเสียงคำถามวกวนซ้ำไปซ้ำมาก้องอยู่เต็มโสต ดวงตาสีแดงว่างเปล่าขณะทอดมองร่างเงาตนบนคันฉ่อง มือเรียวไล้สัมผัสความเย็นเยียบจากกระจกเงาบานใหญ่ในท้องพระโรง กระจกบานเดียวที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ไร้รอยแตกร้าวเช่นเดียวกับบานอื่นรอบข้าง

     

    เจ้าหรือคือกระจกเงาแห่งมายา เจ้าหรือคือกระจกเงาแห่งปรารถนาเสียงทุ้มเอ่ยถาม ภาพที่ฉายอยู่บนกระจกแปรเปลี่ยนจากชายหนุ่มร่างเพรียวในชุดเกราะใหญ่เป็นร่างในอาภรณ์สีดำสนิทบดบังใบหน้า ดวงตาสีแดงคมถูกแทนที่ด้วยดวงตาโตลึกใต้เงาผ้าคลุม

     

    สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ เสียงตอบมิได้มาจากกระจก หากมันลอยวนกระซิบอยู่ข้างหูราวกับจากแทรกซึมไปทั่วทุกโสตประสาทในร่างกาย

     

    เจ้าหรือคือผู้บันดาลปรารถนาให้แก่ผู้อธิษฐาน เจ้าหรือคือผู้ทำปรารถนานั้นให้เป็นจริง

     

    สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ เสียงตอบยังคงเป็นเช่นเดิม

     

    ดวงตาสีแดงหรี่ลง ผมสีเงินไล้ล้อมดวงหน้าขาวทิ้งตัวยาวสยายหากภาพในเงาที่ฉายมีแต่ร่างดำมืด ริมฝีปากขยับเอ่ยเอื้อนถามคำถามใต้สุดเบื้องลึกของหัวใจ

     

    กระจกวิเศษบอกข้าเถิด บอกข้าที ข้าปรารถนาสิ่งใดกัน...

     

    .....................

    ..........

    ......

    ....

    กระจกวิเศษบอกข้าเถิด...

     

    ได้สิ...ได้สิ...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ

     

    กระจกวิเศษบอกข้าที

     

    ได้สิ...ได้สิ...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ

     

    กระจกวิเศษบอกข้าเถิด...บอกข้าที...

     

    ได้สิ...ได้สิ...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ข้าจักฉายชัดให้ตามต้องการ

     

    กระจกวิเศษบอกข้าเถิด...บอกข้าที...

     

    แล้วใจเจ้าปรารถนาสิ่งใด ราม!!”

     

    +..+..+..+..+..+..

    อ่านกันให้สนุกนะคะ

    งงงวยนิดหน่อย แต่ต้องรออ่านไปเรื่อยๆ ค่ะ ฮาๆๆ
    ^w^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×