ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Homestay!!] บ้านพักป่วน...ก๊วนต่างมิติ!!

    ลำดับตอนที่ #5 : บ้านเลขที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 54


    บ้านเลขที่ 5

     

                    นานแสนนาน...ครั้งอดีตกาลอันแสนไกล ผองมนุษย์ยังอยู่บนพื้นพิภพ ทวยเทพยังอาศัยอยู่เหนือน่านฟ้า หมู่มวลปีศาจยังครอบครองใต้ปฐพี และเหล่าเงือกวารียังปกครองทั่วท้องทะเล...

                   

                    แม้ต่างเผ่าต่างแว่นแคว้นอาศัย หากทั้งสี่สายเลือดที่แตกต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

     

                    ทว่า ณ ยุคสมัยแห่งความสับสนวุ่นวาย มนุษย์ได้ก่อการล่าอาณานิคมรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว สถาปนากษัตริย์เหนือกษัตริย์ปกครองอาณาจักรของเหล่ามนุษย์ เพื่อประดุจจุดรวมใจของชาวประชา และแล้วการล่าอาณานิคมได้แผ่ขยายวงกว้าง ลุกลามไปถึงอาณาเขตของปีศาจ ก่อเกิดมหาสงครามแห่งยุค...

     

    เพลิงแห่งความวิบัติเผาผลาญไปทุกเขตขาม ทุกย่อมหญ้าล้วนนองไปด้วยเลือดและน้ำตา ความวิปริตเกาะกินทุกอณู จนความบ้าคลั่งแผ่ขยายไปถึงฟากฟ้า นภาแปรเปลี่ยนเป็นสีโลหิต สายฝนหอบลมพายุเป่าพัดทุกชีวิตให้หายลับ ลามไปถึงท้องทะเลอันสงบ  เกลียวคลื่นยักษ์โถมซัดและปั่นป่วน ทุกสรรพชีวิตล้วนตกอยู่ในห้วงแห่งความเลวร้าย

     


    กลียุคเกิดจากไฟสงคราม และสงครามอุบัติขึ้นจากบุรุษผู้ยืนเหนือใครๆ



     

    ผู้นำทัพเกรียงไกรแห่งประวัติศาสตร์

     


    ผู้หาญกล้าต่อกรฤทธิ์อำนาจแห่งราชันย์ปีศาจ 



     ผู้ธำรงตำแหน่งเกียรติยศ 'กษัตริย์แห่งกษัตริย์'

     

     นามของพระองค์คือ..ฟรานซิส ไรส์ เบคคินเซล

     

    เสียงเจื้อยแจ้วกังวานเอ่ยเล่าขานตำนานแห่งโลกด้วยจังหวะจะโคนน่าฟัง นัยน์ตาสีฟ้าสดเลื่อนไปตามตัวอักษรที่ร้อยเรียง ผมสีทองเคลียคลอล้อมกรอบหน้าหวาน...ภาพเบื้องหน้าสวยงามปานภาพวาดของจิตกรก้องโลก...ผมคงดื่มด่ำความรู้สึกอิ่มเอิบนี้ได้ ถ้าผมไม่ได้นอนเจ็บชนิดลุกไม่ขึ้น แล้วเจ้าเอรีพุสมันไม่คิดพิสมัยยกนิทานปรัมปราตำนาน...กระจกเงาแห่งมายา...มาอ่านให้ผมฟัง

     

    รามจะได้นอนสบายๆ แต่ก่อนท่านแม่ก็ชอบอ่านนิทานให้ฉันฟังก่อนนอนทุกคืน ฉันหลับสบายทุกครั้งเลย เอรีพุสบอก หน้าตาหวานของเทพผู้เย่อหยิ่งใสซื่อและจริงใจ ผมเลยได้แต่กล้ำกลืนน้ำลาย ปฏิเสธไม่ถูก ยอมนั่งฟัง ไม่สิ นอนฟังอยู่นานสองนาน

     

    ด้วยพลังแห่งพระองค์ เพียงดาบเดียวสามารถฟาดฟันตัดแผ่นดินยาวเกือบครึ่งแดน ด้วยอำนาจแห่งพระองค์ เพียงคาถาบทเดียวสามารถกัดกร่อนจิตใจอีกฝ่ายได้ร่วมพันชีวิต พระองค์ทรงต่อกรกับเหล่าปีศาจเรื่อยมา ทว่าแม้พระองค์จะทรงมีพลังและอำนาจทัดเทียมกับปีศาจ หากกระนั้นพระองค์เองก็มิอาจสู้นาฬิกาแห่งชีวิตของพระองค์เองได้ กาลเวลาได้ช่วงชิงความเยาว์ของพระองค์ไป กาลเวลาได้บันดาลความโรยรานำพาความชราภาพมาสู่พระองค์ และกาลเวลาได้แปรเปลี่ยนพระจริตพระองค์กลับกลายเป็นคนวิปลาส ผู้โลภและหลงอยู่ในอำนาจและโลกโลกีย์ เหล่าประชาใต้บัลลังก์ของพระองค์ต่างปักใจเชื่อแล้วว่า...พระองค์ไม่สามารถจับดาบและกุมชัยเหนือราชันย์ปีศาจได้อีกแล้ว

     

    ความหวังของมวลมนุษย์เริ่มถดถอย เหล่าทหารหาญกล้าเริ่มหมดกำลังใจ ความปราชัยของเหล่ามนุษย์เริ่มปรากฏอยู่เบื้องหน้า แต่แล้วแสงสว่างแห่งความหวังกลับส่องไสวอีกครา เมื่อคำทำนายได้ปรากฏนามบุรุษผู้หนึ่ง และบุรุษผู้นั้นเองจะมอบความวิบัติให้แก่หมู่ปีศาจ และนำชัยชนะมาสู่มนุษย์เรา

     

    โดยมีกุญแจอีกดอกสำคัญที่จะทำให้คำทำนายสัมฤทธิ์ผล กุญแจที่จะไขไปสู่พลังอำนาจสำหรับต่อกรราชันย์ปีศาจผู้เรืองฤทธิ์ กุญแจที่จะบันทอนกำลังและอำนาจของราชันย์ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ กุญแจที่จะบันดาลเครื่องพันธนาการจองจำอิสรภาพของราชันย์ปีศาจให้หมดสิ้นไป กุญแจที่สาปส่งให้ชีวิตของราชันย์ปีศาจตกอยู่ในห้วงรัตติกาลนิรันดร์

     

    ตัวตนของกุญแจดอกนี้คือ...กระจกเงาแห่งมายา

     


    ต่อมาบุรุษผู้ตรงคำทำนายกปรากฏกายขึ้น เขาได้รวบรวมเศษของกระจกเงาแห่งมายา และไปต่อกรกับราชันย์ปีศาจ แล้วราชันย์ปีศาจก็พ่ายแพ้ถูกจับขังอยู่ในกระจกเงาแห่งมายาชั่วกัลปาวสาน ปีศาจก็ต่างหลบหนีหายไปจากประวัติศาสตร์ แล้วมนุษย์ก็สามารถครองโลกได้สบายใจแฮ จบเสียงทุ้มนุ่มจากปากเด็กชายผมดำกล่าวตับบทสรุปรวบยอด เรียกสายตาบึ่งตึงสีฟ้าวาวขึ้นมา

     


    ถ้ารู้ตอนจบแล้วก็ไม่ต้องมาพากย์ให้เสียอารมณ์ เอรีพุสกระแทกหนังสือปิดไม่สบอารมณ์ ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ตัวโปรดด้วยใบหน้าโกรธเคือง มารยาทน่ะมารยาท คำนี้นายสะกดเป็นไหม หรือนายกินหญ้าต่างข้าวถึงสะกดไม่ถูก

     


    อูยจี๊ด!!” คาลอสแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด มือกุมตรงตำแหน่งหัวใจยียวน ก่อนจะไหวไหล่ ต่อให้เป็นผู้มากด้วยมารยาทต้องมานั่งฟังนิทานละบือโลกนั่นซ้ำๆหลายๆรอบ เป็นใคร ใครก็ต้องเบื่อ ฉันฟังเรื่องนี้มากี่รอบแล้วนายล่ะฟังมาตั้งกี่รอบ ยิ่งรามไม่ต้องนับเพราะเขาแทบจะเล่าให้ฟังได้แล้ว

     


    ผมแอบพยักหน้าในใจอย่างเห็นด้วย โถพ่อคุณคุณเอรีพุส ผมอายุ19แล้วนะครับ นายก็13แล้ว มานั่งอ่านนิทานกันมันก็อย่างไรอยู่ 



    แต่พวกคุณก็อย่าได้แปลกใจที่วัยกับปัญญาของพวกสองตัวแสบจะไม่ค่อยสมดุลกัน เนื่องจากอายุขัยของเหล่าเทพและปีศาจนั้นยืนยาวกว่ามนุษย์หลายเท่า ตอนนี้พวกเขาอายุแค่13-14เทียบกับพวกเทพและปีศาจที่อยู่ในวัยเบญจเพศมีสติปัญญาและอารมณ์คงที่นี่ก็ต่างกันร่วม100กว่าปี ถ้าเอาพวกนี้ไปเทียบกับพวกเขาเหล่านั้น พวกมันก็เพิ่งจะหัดเดินหันพูดเองครับ



     

    ก็ฉันกลัวรามเบื่อ เอาแต่นอนอย่างเดียว เอรีพุสบอกเหตุผล ผมก็เพิ่งเห็นมันน่ารักก็คราวผมป่วยนี่แหละครับ



     

    ถูกต้องแล้วครับ ผมป่วย ป่วยชนิดหยอดน้ำข้าวต้มขยับหรือเคลื่อนไหวไม่ได้เลย ทั้งๆที่คนน่าจะลุกไม่ขึ้นควรเป็นเอรีพุสหรือไม่ก็คาลอสที่ต้องไปท้าเตะท้าต่อยกับปีศาจในร้านวิงก์มา กลับกลายเป็นผมที่เป็นลมล้มหมดสติทันทีเมื่อก้าวเท้าเหยียบย่างเข้ามาในบ้าน



     

    ทันทีที่ร่างของแม่มดริรินเยื้องกายปรากฏ ทุกสรรพสิ่งก็หวนคืนสู่ปกติ โต๊ะเก้าอี้ที่เคยแตกหักหรือไฟลุกท่วมก็หวนคืนสู่สภาพปกติ ผู้คนกลับมาหนาแน่นคับคั่งเช่นเดิม ด้วยอำนาจมนตราของริรินเจ้าของร้านเจ้าปัญหา




     

    ทำไมมาช้า ผมถามเสียงห้วน ขณะประคองเอรีพุสและคาลอสเข้าไปรับการรักษาจากริริน




     

    ริรินเบิกตาโต อ้าวคนเรา ฉันก็อุตส่าห์เปิดโอกาสให้รามแสดงตัวเป็นพระเอกเต็มที่ เสียดายนางเอกดันกลายเป็นคาลอสไม่ใช่ผู้หญิงสาวสวย




     

    ถ้าผมเป็นพระเอก พระเอกหนังเรื่องนั้นคงตายตอนจบแน่ครับ




     

    แล้วทำไมปีศาจนั่นถึงหลุดจากสมบัติพันธนาการได้ หรืออำนาจของแม่มดริรินถึงคราวเสื่อมเสียแล้ว ผมพูดเสียงต่ำเย้ยใส่อารมณ์ สภาพสะบักสะบอมของพวกผมมากพอจะทำให้ความสุภาพที่ผมมีอันไม่มากขาดสะบั้นได้




     

    หญิงสาวแสยะริมฝีปาก เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แล้วจับบ่าผมพลางกดให้ผมทรุดตัวลง เจ้าอย่าได้ทะนงตัวไปนัก...จอมเวท!” ดวงตาของเธอวาววับราวกับงูจับจ้องเหยื่อ ในเมื่อเวลานี้ ทั้งเทพและปีศาจของเจ้าอยู่ในกำมือข้า เสียงหัวเราะหึเค้นอยู่ในลำคอหญิงสาว เล็บสีแดงกดลึกทิ่มลงเนื้อตรงบ่าผม คาลอสถูกไอปีศาจกดดันอย่างหนัก พลังเวทของเจ้าที่ห่อหุ้มไว้ก็ไม่อาจพยุงเขาได้ ส่วนเอรีพุส เขาพยายามอย่างหนักที่จะกดพลังตัวเองไม่ให้ไปรบกวนเจ้า...ราม

     


    สายตาวาวมองผมกราดตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเจ้าอย่าได้หวังว่าเวทมนตร์อันน้อยนิดของเจ้าในตอนนี้จะช่วยฟื้นพลังของพวกเขาให้กลับคืนมาได้

     


    ถูกของเธอ สภาพผมตอนนี้ย่ำแย่เหลืออาณา มีรอยไม้แผลพุพองจากลูกเพลิงของปีศาจสาวกระจายอยู่ทั่วร่าง แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือพลังเวทและพลังกายของผมแห้งเหือดยากจะพยุงกายของตัวเองให้ยืนได้มั่นได้ เป็นเพราะผมต้องสร้างเกราะกำบังกั้นไฟเผาผลาญของปีศาจ ไม่สิ ผมรับรู้ได้ ว่าผมเริ่มจะหมดแรงตั้งแต่ใช้เวทมนตร์ติดต่อกัน ตั้งแต่กางตะข่ายเวทกดพลังของเอรีพุสและพยุงพลังของคาลอสแทนอุปกรณ์ควบคุมของพวกเขาที่เสียหาย

     


    ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องขอบคุณในน้ำใจของท่านสินะ แม่มด ผมประชด ถ้าไม่ใช้ไอ้ร้านห่วยๆ แม่มดเหี่ยวมากเรื่องอย่างที่เจ้าเอรีพุสว่า พวกผมคงกลับบ้านไปนอนตีพุงพร้อมอุปกรณ์พลังเวทเรียบร้อย

     


    รามไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ริรินกลับไปพูดภาษาไทยธรรมดา เธอผละออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม ถือว่าที่ฉันช่วยรักษาเอรีพุสและคาลอสให้ถือว่าเป็นค่าทำขวัญที่ร้านฉันเกิดข้อผิดพลาดมีปีศาจหลุดมาอาละวาดได้

     


    ค่าอุปกรณ์พลังเวทของไอ้สองตัวนั่นรุ่นดีสุด ทนทานสุด ฟรี!!” ผมต่อรองพลางดันร่างตัวเองลุกขึ้นยืน

     


    ริรินเลิกคิ้ว ผมจ้องหน้าเธอกลับยืนยันหนักแน่น หญิงสาวหัวเราะตอบตกลง ได้ตามที่เธอขอ

     


    แล้วผมก็หอบร่างตัวเองกลับบ้านพร้อมเอรีพุสและคาลอสในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงโดยมีต่างหูสีฟ้าวาวประดับบนใบหูของเด็กชายผมทอง และต่างหูสีแดงเพลิงของเด็กชายผมดำประดับบนใบหูเช่นกัน

     


    คงมีแต่ผมแหละครับที่อยู่สภาพใกล้ตายและคางเหลืองนอนแก่วไม่มีแรงได้สองสามวันแล้ว

     


    ผมไม่สามารถรับการรักษาจากริรินได้เนื่องจากพลังเวทของเธอไม่สามารถทดแทนพลังเวทของผมที่ใช้ไปอย่างหนัก มีแต่รอให้ร่างกายฟื้นฟูและกลับคืนสภาพเดิมเองตามธรรมชาติ

     


    แต่ธรรมชาติทำไมช่างรันทดนักถึงให้ผมนอนได้อยู่ตั้งสองสามวัน เป็นการป่วยนานกว่าครั้งไหนๆ แน่นอนเอรีพุสและคาลอสย่อมแปลกใจและแปลกใหม่กับอาการป่วยของผม ต่างอยากรู้อยากเห็น เฝ้าเวียนขึ้นมามาเอาอกเอาใจตามสไตล์ของพวกมัน




     

                ยกตัวอย่างเช่น

     


    รามหิวไหม... คาลอสถามและไม่รอคำตอบ เขาวิ่งหายตื๋อลงข้างล่างไปอยู่นานสองนาน ก่อนจะเดินถือชามใส่โจ๊กร้อนๆขึ้นมา ฉันไปซื้อมาจากหน้าหมู่บ้าน เด็กชายบอกพลางจัดแจงให้เขากิน

     

    เอรีพุสชะโงกมาดูทำหน้าย่น คนถนัดกินอย่างเขามองโจ๊กนิ่งสักพักแล้วเงยหน้ามองคาลอส แล้วหันมาหาผม อร่อยไหม

     

    ผมพยักหน้าตอบ ก็ดี แค่นั้นแหละ ทุกมื้อของผมเป็นโจ๊ก...ตลอดสามวัน

     


    หรืออย่างวันนี้เอรีพุสลุกไปปัดหนังสือนิทานปกหนามาอ่านให้ผมฟัง

     


    แล้วจะให้ทำไง เล่ากี่เรื่องนายก็ขัดตลอด นายก็คิดมาสักอย่างสิ เอรีพุสโต้กับคาลอสข้ามหัวผมซึ่งนอนป่วยอยู่บนเตียง

     


    ร้องเพลงกล่อมไง คาลอสตอบ มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยครับ

     


    ร้องกล่อมมันต้องหน้าที่แม่ไม่ได้ไม่ได้ เอรีพุสว่า มือไม้โบอกว่อน

     


    คาลอสเกาศีรษะ นายลูกแหง่หรือไง ถึงได้เอะอะเรียกหาแต่แม่

     


    พอสิ้นเสียงเด็กชาย เอรีพุสลุกขึ้นพรวดหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ก็ดีกว่านายที่เอะอะก็พร่ำเพ้อแต่ผู้หญิง เหอะหลายใจอย่างนี้ระวังจะโดนผู้หญิงทิ้งหมด

     


    คาลอสยิ้มหวาน นัยน์ตาสีดำพราวระยับ หึงหรือไงจ๊ะ เอรี่!”

     


    นัยน์ตาสีฟ้าลุกพรึ่บ พร้อมกับร่างของเอรีพุสกระโจนเข้าไปหาคาลอส ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตุบตับซัดกันนัวเนียของพวกมันทั้งสอง

     


    ผมถอนหายใจกุมขมับ และการเยี่ยมไข้ผมของพวกมันก็จบลงด้วยการทะเลาะกันเหมือนเช่นทุกครั้ง...ตลอดสามวัน

     

    +..+..+..+..+..+..


    มองปฎิทินแล้วตกใจ อ้าววันนัดแล้วนี่หว่า เลยนิดเลยหน่อยไม่ว่ากัน

    ถูกต้องแล้วเรื่องนี้เคยเอาลงแล้วรอบหนึ่ง แต่ปัญหาคือกระดาษพล็อตหาย(Y[]Y)

    แต่ตัดสินใจเอามาลงใหม่อีกรอบ เพราะพลังใจหึกเหิม ฮาๆๆ

    ขอบคุณคนอ่านหน้าเก่าหน้าใหม่ทุกคนค่ะ

    ^^

    ปล. เรื่องนี้แฟนตาซีใสๆ เน้นมิตรภาพความอบอุ่นภายในครอบครัว?

    fround

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×