คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บ้านเลขที่ 3
บ้านเลขที่3
“เอ้า ฟังนะ พอเข้าไปข้างในพวกนายห้ามไปหยิบเตะอะไรในร้าน เพราะเดี๋ยวมันจะพังแล้วจะเกิดเรื่อง” ผมกำชับเจ้าหนึ่งเทพและหนึ่งปีศาจผู้มากความสามารถในการหาเรื่องใส่ตัว เรื่องไรไม่ว่า แต่มันคงไม่พ้นเรื่องเสียตังค์นี่สิ เรื่องใหญ่แน่
เอรีพุสและคาลอสทำหน้าพะอืดพะอมพยักหน้าจำยอม พวกมันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ก้าวเท้ามายืนอยู่ตรงหน้าร้านวิงก์ ไม่สิถ้าพูดให้ถูกมันทำหน้าราวกับกินยาขมตั้งแต่ได้ยินชื่อร้านแล้ว
ร้านวิงก์ตรงหน้าพวกเรา ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางย่านชุมชน ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่ไปมาแม้วันนี้จะเป็นวันธรรมดา แต่เทียบไม่ได้กับคนที่แออัดอยู่ในร้านวิงก์ ร้านที่ขายของสารพัด
อาณาบริเวณของร้านทั้งใหญ่และยาวราวกับกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของชั้น ในร้านแบ่งเป็นสองโซน ฟากแรกขายของสัพเพเหระตั้งของกระจุกกระจิกเล็กๆน้อยๆจวบจนถึงหม้อถังกะละมังชามไห ส่วนฟากที่เหลือจัดขายเป็นซุ้มขายครื่องดื่มผสมกับขายอาหารตามสั่ง มีโต๊ะนั่งจัดวางกระจาย ทุกสิ่งจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบแต่ดูยุ่งเหยิงในคราวเดียว
ร้านวิงก์เป็นร้านที่ขายของครบเครื่องทุกอย่างราวกับยกคลองถมหรือสัมเพ็งมาตั้งไว้ในห้างแห่งนี้
“ถ้ารามกลัวว่าฉันทำของพังก็ให้รออยู่ข้างนอกก็ได้เนี่ย” คาลอสต่อรอง กระตุกชายเสื้อผมคล้ายจะอ้อนวอน นัยน์ตาสีดำคมกวาดตามองรอบๆอย่างไม่บอกความหมาย ผมแยกเขี้ยวครึ่งขำครึ่งบึ้ง คิดอย่างสนเท่ห์ร้านวิงก์แห่งนี้ช่างเป็นสถานต้องอาถรรพ์เหลือเกินที่ทำให้แม้ปีศาจผู้มากเล่ห์ยังล่าถอย
“ฉันก็ไม่เข้าไป” เอรีพุสกอดอกบึ้งตึง สายตาเปรยมองบรรยากาศในร้านอย่างขยาด “คนก็เยอะ รามก็รู้มนุษย์พวกนั้นสกปรกแค่ไหน แถมในนั้นยังมียัยแม่มดเหี่ยวนั่นอีก น้ารามน้า” เขาพูดเสียงขยาด ดูสิครับดู แม้แต่เทพผู้แสนเย่อหยิ่งยังเอ่ยวาจาออดอ้อน
“ฉันปล่อยให้พวกนายอยู่ข้างนอกไม่ได้” ผมทำเสียงดุ ใครจะกล้าปล่อยให้เจ้าสองตัวแสบนั้นไกลหูไกลตา เกิดไอ้เอรีพุสบ้าดีเดือดไม่ถูกใจอะไรก็ไปต่อยปากใครเขา แล้วเจ้าคาลอสนั่นอีกเกิดไปฉุดลูกสาวใครเข้า แค่คิดผมก็สยองแล้ว
“อย่าเรื่องมาก เข้าไปข้างในกันได้แล้วหรือพวกนายจะยืนรอคอยท่าให้แม่นั่นมารับ” พวกเขาสั่นศรีษะแล้วรีบวิ่งตื๋อเข้าไปในร้านก่อนเบรกเอี๊ยด หันหลังกลับมาหลบข้างหลังผมกันพัลวัน ผมเงยหน้ามองแล้วหัวเราะหึร้องอ๋อเมื่อพบเจอต้นเหตุ หนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ไล่เทพและปีศาจสองคนในอ้อมแขนผมให้กระเจิงได้นอกเสียจาก..
“ไงริริน” ผมทักหญิงสาวเจ้าของร้านWing เธอเป็นหญิงสาวร่างเล็กซึ่งจมอยู่ในชุดโคร่งใหญ่ไม่สมตัว เวลามาร้านที่นี่ทีไร เธอก็จะออกมาต้อนรับได้ทุกครั้งราวกับนั่งฌานเห็น แล้วยิ่งคราวไหนผมพาเอรีพุสหรือคาลอสมา เธอก็จะกระดี๊กระด๊าออกมาต้อนรับเป็นพิเศษ อย่างคราวนี้ก็เช่นกัน
“สวัสดีจ๊ะราม เอรีพุสและก็คาลอสด้วยนะ ให้ตายสิฉันคิดถึงพวกเธอใจจะขาด” หญิงสาวทำหน้าปานใจจะขาดสมปากว่า “ถ้าฉันไม่มาดักรอพวกเธอ ฉันก็ไม่มีหวังที่จะได้เห็นหน้าพวกเธอเลยรึไง” เธอบ่นกระปอดกระแปดกระทบถึงสองเด็กชายที่ยังก้มหน้าก้มตาพยายามไม่มองหญิงสาว
“เธอมาก็ดีเลยฉันมีเรื่องจะให้เธอช่วยหน่อย” ผมบอก
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” ริรินหัวเราะ เธอชะโงกหน้ามองเจ้าสองตัวแสบ “แล้วคราวนี้ใครก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ”
คราวนี้ผมยิ้มขำบ้าง “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่ฉันอยากได้อุปกรณ์ควบคุมพลังให้พวกมันน่ะ ของเอรีพุสมันแตกไปแล้ว ส่วนของคาลอสก็คงใช้ได้อีกไม่นาน เลยอยากได้อันใหม่”
“มิน่า...เธอถึงเดินหน้าเซียวมาแต่ไกล” หญิงสาวตรงหน้าผมจุ๊ปากพูดในสิ่งที่ผมห้ามไม่ทัน
“ว่าไงนะ!!” สองเสียงเด็กชายประสานกันขึ้นมาอย่างพร้อมใจ ถ้าเป็นกรณีอื่นไม่ใช่กรณีอย่างนี้ผมจะปลาบปลื้มใจกว่านี้แน่
“รามนายเป็นอะไร” เอรีพุสถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เขาเงยหน้าสบตากับผม นัยน์ตาสีฟ้าดูตื่นตระหนก
“หรือเพราะว่าวันนี้นายฝืน” คาลอสถามบ้าง มือเรียวของเขาขยำกำชายเสื้อผมแน่นกว่าเดิม
ผมกุมขมับปวดหัว “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก พวกนายไปนั่งตรงนู่นก่อนไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับริริน”
“แต่ว่า...”
“หรือคาลอสนายอยากไปคุยกับพวกเราด้วย” ผมถาม
“ไม่ดีกว่า ไปทางนู้นเถอะเอรีพุส” พลันคาลอสก็ลากเอรีพุสไปทางโซนขายอาหาร ถ้าเรื่องปากท้อง เอรีพุสผู้ให้ความสำคัญเสมอ เขาไม่เอ่ยขัดและยอมตามไปแต่โดยดี
“พวกนายอย่าไปทำอะไรของเขาพังล่ะ” ผมตะโกนไล่หลังไปก่อนจะหันไปกอดอกเผชิญหน้ากับหญิงสาวเจ้าของร้านที่ยังคงยืนยิ้มแป้น
“ขอโทษทีนะจ๊ะราม ฉันไม่รู้ว่าห้ามพูดเรื่องที่เธอไม่ค่อยสบาย”
ผมหรี่ตามอง ไม่รู้หรือแสร้งไม่รู้กันแน่ “ช่างมันเถอะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วเรื่องอุปกรณ์ของพวกเขาล่ะ”
“ไปเอาพร้อมกันก็แล้วกันตาม ฉันมา” ริรินเดินนำเข้าไปในโซนขายของสารพัน
“คราวนี้อยากได้แบบทนทาน อืม...ทนมือทนเท้าหน่อยก็แล้วกัน” ผมบอกขณะเดินตามหญิงสาว “เอรีพุสมันเล่าว่าต่างหูมันพังเพราะคาลอสไปต่อยโดนเข้า”
“ราม...อุปกรณ์ควบคุมพลังเวทมันไม่กระเทือนเพียงเพราะใครไปต่อยโดนมันหรอกนะ” ริรินพูด เธอเดินฝ่าผู้คนซึ่งหนาแน่นและเบียดเสียด แต่พวกเขาก็ได้หาใส่ใจไม่กับบทสนทนาที่แปลกแยกของพวกเรา เขตแดนของแม่มดนามริริน!!
“แต่มันทานพลังเวทของเจ้าของไม่ได้ต่างหาก” หญิงสาวหยุดแล้วหันหลังกลับมาเผชิญหน้าผม ริมฝีปากเคลือบสีแดงจุดรอยยิ้ม “นายก็น่าจะรู้ราม นับวันพลังเวทของเอรีพุสยิ่งพอกพูน เพิ่มขึ้นมหาศาลจนแม้กระทั้งตัวเขาเองไม่อาจรองรับได้หมด แล้วเธอเล่าจะทานอำนาจของเทพองค์นี้ได้อีกนานเท่าไร”
ผมยืนนิ่ง จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาวาวของแม่มดสาว
“คาลอส...อีกหนึ่งเด็กต้องอาถรรพ์ น่าแปลกที่เขาสามารถอยู่รอดมาได้จวบจนถึงทุกวันนี้ ทั้งๆที่เขาไร้ซึ่งทั้งพลังไร้ซึ่งทั้งความทรงจำ แล้วเธอเล่าจะกล้าไว้ใจปีศาจตนนั้นได้อีกหรือ ”
ริรินสืบเท้าก้าวเข้ามาใกล้ร่างของผมทุกขณะ ร่างที่ราวกับถูกตรึงด้วยมนตราซึ่งมองไม่เห็น
“ที่จริงไม่ใช่หน้าที่ของเธอเลยที่จะต้องมาเป็นจอมเวทให้แก่พวกเขาทั้งสอง เธอยังเด็ก เธอยังต้องการ...เธอไม่น่ามาจมปลักกับสิ่งที่สักวันมันจะหันกลับมาทำร้ายเธอดังเช่นวันนี้...เธอย่อมรู้แก่ใจราม...วันนี้เธอต้องฝืนใช้พลังไปมากแค่ไหนกับการให้เอรีพุสและคาลอสยืนอยู่ได้โดยไร้อุปกรณ์ควบคุม”
หญิงสาวมายืนหยุดตรงหน้าผม มือบางทาบประทับบนใบหน้าผม ดวงหน้าสวยเงยสบนัยน์ตา ริมฝีปากขยับเอ่ยเอื้อยเชิญชวน เสียงอึ้ออึงรอบด้านหายไปตั้งแต่เมื่อไรกัน เหลือไว้เพียงแต่เสียงหวานของหญิงสาวซึ่งก้องอยู่เต็มโสตประสาท
“แต่ถ้าเธอยกพวกเขาให้ฉัน..คืนวันอันสงบสุขของเธอจะหวนคืนสู่ปกติ... เธอจะหวนกลับเข้าสู่โลกของเธอที่เคยอยู่อีกครั้ง ว่าไงล่ะรามยกพวกเขาให้ฉันเถอะ”
“ไม่!!” ผมเค้นเสียงปฏิเสธ นัยน์ตาลุกวาวจ้องกลับไป มนตราที่เคยคืบคลานแตกสลาย เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนฟื้นคืนมาตามปกติ “เอรีพุสและคาอลสไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่สิ่งที่จะยกไปมาให้ใครได้ พวกเขาเป็นคนในบ้านของผมเป็นคนของผม ผมดูแลพวกเขาได้ ขอบคุณสำหรับความหวังดี”
ริรินหัวเราะชอบใจ ประกายบนดวงตาระยิบระยับ เธอลดฝ่ามือลง แล้วผละถอยห่าง“ฉันเสียใจที่ทำให้เธอไม่พอใจ แต่นิสัยแม่ค้าละนะ” ว่าแล้วเธอก็ไหวไหล่ “เห็นสินค้าหน้าสวยๆหายากก็ย่อมอยากซื้อเก็บไว้โก่งราคา แก้ยาก”
แต่ผมหัวเราะไม่ออก เริ่มชักเข้าใจเหตุผลของเอรีพุสและคาลอสที่ไม่อยากพบหน้าเจ้าของร้านวิงก์ พวกมันคงมีสัญญาณรับรู้อันตรายได้จากแม่คนนี้แน่
“ดูอย่างโคมไฟอันนั้นสิ” ผมหันตามปลายนิ้วเรียวชี้ไป “อันนั้นฉันเพิ่งได้มาสองสามวันก่อน พวกกองสืบสวนเวทมนตร์มาขายต่อให้ รู้สึกจะเป็นหนึ่งในปีศาจซึ่งก่อกบฏในครั้งอดีตกาลแล้วหลุดจากการจองจำเมื่อสองปีก่อน เห็นพวกกองสืบสวนเล่าว่าล่ามันได้หลังจากเจอมันป้วนเปี้ยนแถวนี้ พวกเขามาขายให้ฉัน ฉันจึงจองจำมันใหม่ใส่เข้าไปในโคมไฟนั่นแหละ หายากทีเดียวนะปีศาจระดับสี่ปีกเชียว”
อย่างที่ผมเคยกล่าวให้ฟังแล้วว่า “ปีก” ของเหล่าเทพและปีศาจเปรียบเสมือนตัวแทนพลังของเวทมนตร์เป็นต้นกำเนิดของพลังเวททั้งมวล และยิ่งมีปีกมากระดับความเข้มแข็งของอำนาจเวทมนตร์ยิ่งมากตามลำดับ สองปีก สี่ปีก และหกปีก สองปีกคือเหล่าเทพและปีศาจในระดับชั้นสามัญ ส่วนมากพวกเทพและปีศาจจะอยู่ในระดับชั้นนี้
ส่วนระดับที่สูงขึ้นไปอีกคือสี่ปีกซึ่งพบได้น้อยมาก พวกนี้จะพลังเวทมหาศาล จะพบได้ง่ายในพวกเทพและปีศาจผู้เป็นคนสอนวิชาเวทในหมู่เทพและปีศาจด้วยกันเอง และพบได้ในพวกขุนนาง ขุนพล และเหล่าแม่ทัพทั้งหลาย
ส่วนระดับหกปีกคือจุดสุดยอดของพลังเวทมนตร์ ถ้าสี่ปีกมีพลังมหาศาล หกปีกก็เรียกว่าอภิมหึมามหาศาลก็ว่าได้ พวกหกปีกมีเพียงหยิบมือเดียว หนึ่งในนั้นคือราชันย์แห่งเทพและราชันย์ปีศาจ รวมทั้งเหล่าราชวงศ์ผู้สืบสันตติโลหิตของราชันย์ทั้งสองโลก...
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ มองโคมไฟมากปัญหาซึ่งตั้งปะปนไปกับโคมไฟหลากรูปแบบที่มีคนยืนออดูและหยิบจับทดลองกัน “แล้ววางไว้ที่ตรงนั้น พวกมนุษย์ธรรมดาจะไม่เป็นไรหรือ”
เกิดใครที่ไหนซวยซื้อกลับบ้านไปแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ได้โคมไฟหนึ่งแถมยังแถมปีศาจอีกตนหนึ่ง.. ได้โปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอย่างนี้มา ไม่ตายอย่างศพสวยแน่ครับ
“พวกมนุษย์บนดินน่ะหรือ ไม่ห่วงพวกเขาหรอก ถ้าใครชะตายังไม่ถึงฆาตจริงๆพวกเขาก็จะไม่ซื้อกลับบ้านไปแน่นอน ถึงแล้วแผนกเครื่องประดับ” ริรินมาหยุดยืนแผนกเครื่องประดับ ซึ่งภายในโซนนี้เต็มไปด้วยของประดับประทินโฉมกาย “เดี๋ยวฉันจะเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ให้ก็แล้วกัน ทั้งของคาลอสและเอรีพุส”
ผมพยักหน้า ริรินหันไปบอกพนักงานในร้านตามเจตจำนงของลูกค้า ระหว่างรอริรินเท้าคางกับตู้โชว์เครื่องประดับแล้วหันมาคุยกับผม “แล้วรามล่ะว่าไง”
“เรื่อง ” ผมทวนไม่เข้าใจ ก่อนจะประหวัดคิดได้ยืนยันหนักแน่น “ถ้าเป็นเรื่องของพวกคาลอสกับเอรีพุสล่ะก็ผมไม่ยอมเด็ดขาด”
หญิงสาวส่ายศีรษะหัวเราะแผ่ว “ฉันหมายถึงเธอ” ผมขมวดคิ้วฉับหันขวับไปมองเธออย่างค้นคว้า... “เธอรู้ตัวไหมว่าเธอพิเศษยิ่งกว่าใคร...เธอยิ่งกว่าปีศาจสี่ปีกที่ฉันจองจำ ยิ่งกว่าเด็กต้องคำสาปที่เธอเลี้ยงดู ราม...ถ้าเธอยอมอยู่ใต้อาณัติของฉันรับรองสิ่งที่เธอปรารถนาจะสัมฤทธิ์ผล...” นิ้วเรียวตวัดชี้ไปตรงตำแหน่งของหัวใจ ดวงหน้าของแม่มดริรินเปื้อนด้วยรอยยิ้มหลอกล่อให้เด็กกินขนมหวาน หวานปานน้ำผึ้งอาบมีดโกน “...ส่วนลึกในจิตใจของเธอจะได้รับการตอบสนอง...โครม!!!”
พลันห้วงภวังค์ก็ถูกฉีกกระชากด้วยเสียงของล้มระเนระนาด ผมกดหัวคิ้วหนักกว่าครั้งไหนๆ แล้วหันขวับไปยังต้นเสียงอึกทึกครึกโครมจากอีกฟากหนึ่งของร้าน ผมสบถ แล้วรีบถลาตรงไปจุดปัญหา ไม่ต้องถามก็พอเดาคำตอบได้
จะมีสักวันไหมที่ชีวิตผมจะไม่หยุ่งเหยิงและวุ่นวายเพราะไอ้พวกสองตัวแสบ
เอรีพุส! คาลอส!
ผมคิดเปลี่ยนใจยกไอ้พวกนี้ให้ยัยแม่มดริรินตอนนี้จะยังทันหรือเปล่า...ให้ตายสิ!!
+..+..+..+..+..+..
ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้มาลงตอนนี้เสียแล้ว
เพราะไฟล์นิยายเรื่องนี้หาย!!!
(รวมทั้งริมบท16กะนิยายเรื่องใหม่อีก1ตอน)
เพราะคอมดันจุ่ๆก็วูบ
ดับหมดเลย
ร้องไห้กระอืดกระอืออยู่นาน
ตั้ง11ตอน!! หายวับไปเลย!!
(เสียดายเรื่องนี้มากกกก ริมฯด้วยอุตส่าห์แต่งแล้ว แถมยังมีเรื่องใหม่ด้วยยย)
แต่เผอิญวันนี้มาเปิดเจอเรื่อง โฮมเสตย์ ในคอมน้องหลังจากผ่านไปเกือบ 2เดือน
เลยแวบเอามาลงก่อนสอบอีกสองวัน 555
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้แหละให้กำลังใจนะ
ขอบคุณมากๆ เพราะข้าพเจ้ารักเรื่องนี้พอๆกับริมระเบียงรัก หรือชาติก่อนเราเคยผูกพันสัญญิงสัญญา และทุกๆเรื่องที่แต่ง
ขอบคุณจริงๆ
อ้อ ใครคิดถึงราชินทร์หรือนายเหนือ ก็อดใจรอจนถึงสิ้นปีนี้แหละ
สอบเสร็จได้พบแน่
ฝากรามไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะ
Fround
ความคิดเห็น