คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บ้านเลขที่ 1
บ้านเลขที่ 1
“คาลอส ถ้านายยังไม่ลงมานายจะไปโรงเรียนสายนะ!!” ผมตะโกนขึ้นไปข้างบนบ้านเรียกเจ้าคนตื่นยากตื่นเย็นให้เสด็จลงมาจากสถานที่พลับพลาเสียที ขณะที่มือจับกระทะเทข้าวผัดมั่วซั่วจัดใส่จานสวยงาม(ตามความคิดผมนะ)
ผมเดินประคองจานทั้งหมดสามใบวางบนโต๊ะตรงตามเก้าอี้ ที่หนึ่งให้ผม ที่หนึ่งวางไว้หน้าเก้าอี้ว่าง และอีกที่หนึ่งอยู่ตรงหน้าเด็กชายซึ่งกำลังอารมณ์บูดได้ที่
“ข้าไม่กินหอมหัวใหญ่” เสียงใสกระจ่างกังวานส่อเค้าพายุพูดห้วนสั้น ใบหน้าหวานๆงอง้ำ นัยน์ตาสีฟ้าบึ้งตึง และริมฝีปากสีแดงระเรื่อเม้มสนิท
“นายต้องกินเอรีพุส” ผมผลักจานให้เด็กชายผมทอง “และกรุณาพูดภาษามนุษย์ ใช้ภาษาไทยด้วยนะให้ตายสิคาลอส!!นายเก็บปีกของนายซะทีแล้วรีบมากินข้าว” ผมหันไปตวาดเด็กชายวัยไล่เลี่ยกับเอรีพุส เขากำลังเดินทอดน่องงัวเงียเข้ามาในห้องครัว ปีกสีดำเช่นเดียวกับเรือนผมของเขาแผ่สยายอยู่กลางหลัง ปีกของเขากำลังทำให้ข้าวของล้มระเนระนาด
นี่เป็นอีกเช้าวันหนึ่งที่เหมือนกับทุกๆวัน มันแสนจะวุ่นวายและยุ่งเหยิง ผมกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายมือกุมขมับอย่างหนักอกหนักใจ จะมีบ้างไหมที่เช้าวันหนึ่งของผมจะเป็นวันธรรมดากับคนอื่นเขาเสียบ้าง
พวกคุณรู้จักHomestayหรือเปล่าครับ มันคือบ้านพักสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวต่างชาติมาพักอาศัยเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น บ้านผมก็เป็นอย่างนั้นแหละครับ เป็นHomestayเหมือนกัน แต่แตกต่างกันนิดเดียวเท่านั้น(?) ที่นักเรียนแลกเปลี่ยนในบ้านผมนั้นเป็นชาวต่างชาติพันธุ์ ชนิดห่างกันคนละสปีชี่ คนละมิติเลยทีเดียว ต่างกันนิดเดียวเท่านั้นเองนะครับคุณว่าไหม
นักเรียนแลกเปลี่ยนในบ้านผมมีสองคนครับ คือเอรีพุสกับคาลอส เมื่อนับรวมกับสมาชิกในบ้านผมแล้วก็เป็น6คน แต่ตอนนี้เหลือแค่พวกเขาสองคนกับผมนายรามผู้แสนบรมซวย
จะไม่ให้ซวยได้อย่างไรครับ อยู่ดีๆเด็กหนุ่มเฟรชชี่ปีหนึ่งอย่างผมต้องผูกผ้ากันเปื้อน ดูแลบ้านและกระเตงเจ้าเด็กนรกสองคนนี่ราวกับพ่อลูกอ่อน ไอ้ที่เคยหวังจะได้จีบสาวแอ้มหญิงก็หมดสิทธิ์ เพราะหมดแรงกับการรบสู้เจ้าสองตัววายร้ายนี่ แต่ยังไม่เจ็บใจเท่าที่สาวๆในชีวิตผมพวกมันกวาดไปหมด!!
เอรีพุสเป็นเทพครับ ส่วนคาลอสนี่เป็นปีศาจ เพราะมันเหนือมนุษย์อย่างนี้แหละครับถึงกินผมขาด
เอรีพุสมีนัยน์ตาสีฟ้าหวานซึ้ง พอๆกับใบหน้าหวานละมุนขาวจั๊วะของเจ้าตัวเขา เส้นผมเป็นสีทองราวกับไหมถักละเอียด ริมฝีปากแดงรูปกระจับแต่งแต้มให้ใบหน้านั้นราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย
ไม่สิเทพนิยายบรรยายได้ไม่ผิดเพี้ยนสักผีกเดียว
ส่วนคาลอสนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหวนัยน์ตาสีนิลกาฬวาวคม ใบหน้าเข้ม จมูกขึ้นสันรับกับริมฝีปากอิ่มได้ส่วน ผมสีดำสนิทปล่อยสยายเงางาม ความงามที่ลงตัวกันคนละแบบกับเอรีพุส ให้ตายสิพวกมันจะหล่อกันไปถึงไหน
โชคยังดีที่อายุพวกเขายังเป็นเด็กหนุ่มอายุ13-14พวกสาวๆวัยเดียวกับผมก็เลยแค่กรี๊ดกร๊าดเมียงมอง
ส่วนพวกหวังตั้งเนอซารี่รับเลี้ยงดูต้อยก็คอยเทียวลื้อเทียวขื่อมากันแทบทุกวัน
และจะเป็นใครเสียอีกละครับถ้าไม่ใช่ผมคอยเป็นไม้กันหมา ทั้งๆที่หมาแต่ละคนหน้าตาดีเหลือทน นี่ยังไม่รวมเด็กรุ่นเดียวกับพวกมันและเหล่ารุ่นน้องอีกโขลงใหญ่
อย่างว่าแหละครับ พวกมันเหนือมนุษย์ ผมปลอบใจตัวเอง
คุณคงเคยได้ยินนิทานปรัมปราเล่าขานเกี่ยวกับตำนานเทพและปีศาจใช่ไหมครับ พวกเอรีพุสและคาลอสนี่ก็ค่อนข้างตรงตามตำราแตกต่างกันอยู่บ้างเพราะเรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมาอาจมีการผิดเพี้ยนไป
ที่โลกเรามีการเล่าขานเรื่องราวเทพกับปีศาจเพราะครั้งหนึ่งเมื่อนานแสนนานพวกเราอยู่บนพื้นโลกเดียวกัน พวกเขาเหมือนมนุษย์ทุกประการ แตกต่างเพียงอำนาจเวทมนต์และอายุขัยที่ยาวนาน
ตามความคิดผมพวกเขานั้นหาได้ต่างกับพวกเราไม่ แน่นอนพวกเขาอาจมีปีกหรือหูแหลม(ซึ่งสามารถเก็บได้หากได้รับการฝึกฝน) แต่มองอย่างไรพวกเขาก็มีสองหูสองตาหนึ่งปากเช่นเดียวกับเรา ก็เหมือนจำพวกปลาในทะเลที่มีอยู่มากมายหลากหลายสายพันธุ์ แต่เรามองอย่างไรมันก็ปลาอยู่ดี ไม่ได้ต่างกันเลย
หากด้วยความเกรงกลัวอำนาจที่เหนือกว่า ปัญญาที่มากกว่า อายุที่ยืนยาวกว่า ทำให้เหล่ามนุษย์ในอดีตต่างขับไล่พวกเขาให้ออกไป ไกลถึงคนละมิติเชียว
ไม่เชิงคนละมิติเสียทีเดียว แต่ยังอาศัยอยู่บนพื้นโลกหากอยู่ในที่ๆมนุษย์ไม่สามารถเข้าถึง
ทว่า เทพและปีศาจยังคงติดต่ออยู่กับมนุษย์จวนจบมาถึงทุกวันนี้ โดยแปรเปลี่ยนรูปแบบเป็นส่งเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนจากนครแห่งเทวาและซาตานมาเรียนรู้วัฒนธรรมการเป็นอยู่ของมนุษย์!!
และแน่นอนภาระตกหนักจึงมาเป็นของพวกผม เหล่าเจ้าของบ้าน Homestayผู้ต้องสั่งสอนการใช้ชีวิตอย่างมนุษย์และคอยควบคุมพลังเวทย์ของพวกเขาเอาไว้
หรือแปลให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คืองานเลี้ยงเด็กดีๆนี่เองครับ
“เอรีพุสนายอย่าเขี่ยหอมหัวใหญ่นะ!! กินเข้าไปอย่าให้เหลือ” ผมพูดดักคอเจ้าเด็กผมทองที่กำลังเขี่ยหอมใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย
เอรีพุสชะงักทำปากยื่น “มันไม่อร่อย รามก็มากินเองสิ”
“ฉันก็กินของฉัน นายก็กินของนาย ถ้าไม่หมดนายอดของว่างตอนเย็น” ผมยื่นคำขาด พวกนี้พ่อแม่เขาเลี้ยงมาดีเหลือแสน ต้องมีของว่างสายบ่ายและเย็นแกล้มน้ำชา วันไหนไม่ได้กินแทบจะขาดใจตาย ไอ้ที่ตายน่ะหมายถึงผมนะครับเพราะเจ้าเอรีพุสมันบีบคอกะให้ผมตายจริงๆถ้าไม่เอาของว่างให้
“ตอนสายกับบ่ายก็อดอยู่แล้ว ต้องมาอดตอนเย็นด้วยมันไม่ยุติธรรม” เด็กหนุ่มประท้วง แต่ก็ยอมกล้ำกลืนฝืนทนของแสนเกลียด ผมพยักหน้าพอใจกับใบหน้าที่บูดเบี้ยวขณะเด็กหนุ่มกำลังเคี้ยวตุ้ย ก่อนจะไปหาอีกคน แล้วก็ต้องกลอกตาอีกหน เพราะพ่อคุณคาลอสกินข้าวทั้งๆที่หลับตา
มันหลับจริงๆนะครับ เปลือกตาปิดสนิท สองมือท้าวคาง ปากอ้ากว้างรับข้าวจากช้อนส้อมที่ลอยอยู่เหนือจานตามคำสั่งของเจ้าตัวอัตโนมัติ
“ห้ามใช้เวทมนต์ตอนกินข้าวคาลอส แล้วนายก็ต้องตื่นได้แล้ว” ผมทุบโต๊ะดังปังอย่างเหลืออด งานเลี้ยงเด็กมันทำให้เส้นขมับปูดโปน คาลอสสะดุ้ง ช้อนส้อมหยุดค้างกลางอากาศก่อนจะหล่นตุบข้าวกระจายตามแรงโน้มถ่วง
“อรุณสวัสดิ์น้องพิงค์” คาลอสทักตาปรือปัดเศษข้าวกระจายตามตัวเขาออก ก่อนจะส่งยิ้มเก๋ “เอหรือว่าพี่เต้ยครับ เอาเป็นว่าอรุณสวัสดิ์” เด็กหนุ่มชะโงกข้ามโต๊ะมาคล้ายจะจุมพิตรับอรุณ หากก็ชะงักร้องจ๊ากลืมตาตื่นเต็มที่เมื่อผมส่งมะเหงกไปแทนแก้มนวล
“โฮ่ รามเองหรอ ฉันก็นึกว่าพี่ปราย” คาลอสพึมพำคลำหัวป้อย ชื่อที่มันพูดมายังไม่ซ้ำกันซะหนเลยครับ “จะปลุกก็ปลุกดีๆก็ได้ อย่างจูบรับขวัญหรือหอมแก้มขึ้นวันใหม่ แบบรามฉันก็ไม่รังเกียจนะ” สายตาสีนิลพราวระยับ ริมฝีปากจุดรอยยิ้มเจ้าชู้ ผมถลึงตาใส่มัน มันกำลังจีบผมอยู่ เวร!!
“ไอ้ทะลึ่ง” ผมด่าเข้าให้พร้อมส่งมะเหงกให้อีกรอบ คาลอสทำหน้าม้อย แล้วเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากทางเอรีพุส
“สมน้ำหน้า” เอรีพุสสำทับพลางทำหน้าเยาะ “อย่างรามน่าจูบตรงไหน เอาสมองส่วนไหนคิด”
“ฉันเห็นอย่างไงก็พูดอย่างนั้น” คาลอสลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะยื่นมือเชยคางคนหน้าหวานแล้วแย้มรอยยิ้ม “อย่างปากนายก็น่าจูบชะมัด ให้ตายสิ เอรี่ ฉันแค่พูดอย่างที่เห็นเท่านั้นเอง”
แล้วก็เหมือนระเบิดถูกหย่อนปุตรงกลางโต๊ะ เอรีพุสขึ้นสีหน้าแดงก่ำ ขณะคาลอสหัวเราะขบขันก่อนจะสำลักไอค่อกแคกเพราะเอรีพุสมันกระโจนเข้าขย่ำคอของเจ้าคนปากมาก
“เฮ้ย!” ผมอุทานตาถลน คาลอสหน้าเขียวหายใจไม่ออก มือตะเกียดตะกายพยายามกระชากมือเอรีพุสออก แต่มือนั่น ลำคอผมยังจำสัมผัสได้เป็นอย่างดี มันหนีบแน่นปานคีมเหล็กเลยทีเดียว
“เอรีพุส เฮ้ เอรีพุสนายปล่อยมือก่อน ไอ้คาลอสมันจะตายอยู่แล้ว” ผมกระโจนมาอีกฟากหนึ่งของโต๊ะ ตรงเข้าด้านหลังเอรีพุส ผมดึงร่างของเด็กชายผมทองออก แม้ร่างเจ้าตัวจะถูกยกลอยแต่มือขาวยังบีบแน่นไม่คลาย
“ให้มันตายๆไปซะก็ดี” เอรีพุสพูดเสียงเย็น แล้วเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีก คาลอสดิ้นพล่าน พลันปีกสีดำสนิทก็กางออกจากหลังเขา ทันใดนั้นมือคาลอสตะปปก็มือเอรีพุสแล้วแกะออกมาได้อย่างง่ายดาย แล้วไม่รอช้าเด็กหนุ่กผมดำก็สวนหมัดเข้าจังๆ
เอรีพุสหน้าหันตามแรง เลือดไหลกลบปาก เขาหันมาด้วยนัยน์ตาสีฟ้าเจิดจ้า พลันปีกสีขาวก็สยายอยู่กลางหลังพร้อมข้าวของรอบตัวลอยสูง ก่อนจะพุ่งเข้าหาคาลอสที่เบิ่งตากว้าง
“นายขี้โกงนี่หว่า” คาลอสตะโกนขณะวิ่งหลบพัลวัน เขาสะบัดปีกยกขึ้นกันสิ่งของที่เริ่มจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากช้อน เป็นจาน แล้วเปลี่ยนเป็นแจกัน ก่อนจะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่กลางห้อง!
ผมยืนนิ่งค้าง...ตะลึงงัน มองข้าวของในห้องครัวที่ระเนระนาดด้วยสายตาละห้อย ผนังเพดานเปื้อนคราบเลอะ เศษกระเบื้องจานแก้วแตกละเอียดกระจายตามพื้น โต๊ะและเก้าอี้ถูกทุ่มเละวางกองเป็นเศษไม้กับพื้น ผมเห็นแล้วแทบสะอื้น จะใครซะอีกถ้าไม่ใช่ผมที่จะต้องเก็บกวาดของเหล่านี้!
“พวกนายสองคนหยุด! ” ผมตะโกนแทรกผ่านเสียงอึกกะทึก พลันทั่วทั้งห้องก็เงียบกริบ คาลอสและเอรีพุสหันขวับมองมายังผม ร่างของสองเด็กชายอยู่คนละฟากห้องแต่สภาพนี้ยับเยินพอกับข้าวของในห้อง
“มันเริ่มก่อน” เอรีพุสฟ้องทันที ใบหน้าเชิดขึ้นดูหยิ่งทะนงไม่เข้ากับปากเจ่อเลือดซึม และหน้าบวมฉึ่งของเจ้าตัว
“ใครกันแน่” คาลอสพูดบ้างเค้าหน้าหล่อและทรงผมที่มันภูมิใจก็ไม่เหลือสภาพดี ลำคอมีรอยแดงเป็นปื้นเห็นชัด
ผมกอดอกมองเจ้าสองตัวแสบที่เริ่มฮื่อแฮ่ขู่ใส่กันอีกรอบ แล้วก่อนที่มันจะกระโดดเข้าไปฟัดนัวเนียอีกครั้งผมรีบยกมือห้ามทัพ
“หยุด!”
“แต่...” เสียงอ่อยประสานกันพร้อมใบหน้าละห้อยของทั่งคู่ ผมส่ายศีรษะแยกเขี้ยว
“ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละ พวกนาย
“คาลอส!”
“เอรีพุส!”
เด็กชายสองคนบอกพร้อมกัน มือตวัดชี้ไปอีกฝ่ายทันที
ผมถลึงตา มือเรียวงามทั้งคู่หดไปก่อนจะหันกลับมาชี้ใส่ตัวเองด้วยสีหน้าจำใจสุดๆ
“แล้วทำอย่างไงต่อ” ผมถามเสียงเคร่ง
เอรีพุสปั้นยิ้มเอาใจ “เดี๋ยวพวกฉันทำความสะอาดห้องให้” คาลอสได้ยินแล้วรีบพยักหน้าสมทบแล้วเอ่ยสนับสนุน “รับรองนิ๊งเหมือนเดิม สวยกว่าเก่าด้วย”
ผมฟังแล้วหัวเราะเครียด ห้องมันจะได้ยิ่งรกกว่าเดิมน่ะสิ “ไม่ต้องขอบคุณในความหวังดี แต่ฉันสอนอย่างไงเมื่อทำผิด”
เด็กชายมองหน้ากันก่อนมาก้มหัวให้ผม แล้วเอ่ยพร้อมกัน “ขอโทษครับ”
ผมพยักหน้ารับวางหน้าเข้ม ไม่ได้ครับ ไอ้เด็กพวกนี้มันถูกตามใจจะเหลิงเสียเปล่า แค่นี้ก็กู่แทบไม่กลับ “แล้วอย่างไงต่อ”
เอรีพุสตีสีหน้าบูดบึ้ง ส่วนคาลอสขมวดคิ้วไม่ชอบใจ หากทั้งคู่ก่อนหันมาเผชิญหน้ากันแล้วก้มหัวให้กัน
“ขอโทษ”
ผมยิ้มอย่างพอใจ แม้เสียงมันจะห้วนไปนิดและฟังดูกัดฟันพูดพอควร
“ดีมาก แล้วโทษฐานทะเลาะกันฉันจะงดของว่าง” ผมประกาศิต เอรีพุสเอ่ยปากจะค้าน หากก็หุบปากฉับเมื่อผมปราดตาไปมอง
“แล้วโทษฐานใช้เวทมนต์โดยผิดๆ ฉันจะไม่อนุญาตให้ไปไหนนอกเหนือจากโรงเรียนตลอดอาทิตย์นี้” คราวนี้คนทองไม่รู้ร้อนอย่างคาลอสถึงกับหน้าคะมำประท้วงทันที
“แต่ฉันมีนัดกับฟ้าวันนี้นะราม ไหนจะน้องเตยและพี่ผิงอีกล่ะ ฉันนัดไว้แล้วนะ”
“ไม่รู้ไม่สน” ผมบอก หนอยทีผมต้องมานั่งปัดกวาดเช็ดถูวีรกรรมที่มันทำ ส่วนมันกระดี๊กระด๊าไปหาสาว ฝันไปเหอะ
“เพราะนายแท้ๆ” คาอลสเปิดศึกหันไปต่อว่าเอรีพุส
เด็กชายผมทองทำจมูกย่น “ฉันก็ต้องอดของว่างเพราะนาย”
แล้วทำท่าวีรกรรมศึกจะปะทุอีกรอบ ผมเลยตวาดไล่ “แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนกันใช่ไหม ถ้าอยากจะทะเลาะก็ออกไปทะเลาะข้างนอก ไปทะเลาะที่โรงเรียนก็ได้ แต่ไม่ใช่ที่นี่”
เอรีพุสและคาลอสคอหดฉับแล้ววิ่งตื๋อออกไปจากห้อง โดยไม่ลืมเก็บปีกเรียบร้อย พวกเขาวิ่งกันไปคว้ากระเป๋าก่อนโดดผลุบออกจากบ้าน และทันทีที่พ้นประตูรั้วเสียงทะเลาะดังโหวกเหวกลั่น พวกมันออกไปทะเลาะข้างนอกตามคำสั่งผมจริงๆ ให้ตายสิ ผมควรดีใจไหมเนี่ย!
+..+..+..+..+..+..+..
สวัสดีทุกๆท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน
ทั้งคนเคยอ่านแล้วและเพิ่งเข้ามาครั้งแรก
เรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซีแบบบ้าๆบวมๆที่ข้าพเจ้าพิมพ์เก็บไว้นานแล้ว
และช่วงนี้มีอัตตราการอัพต่ำเหลือแสน จึงโยกย้ายเอาเรื่องนี้มาลงให้ทุกๆท่านได้อ่านเล่น
แต่ถ้าชื่นชอบกันก็จะดีใจอย่างมากเลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ
ความคิดเห็น