ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Our lives's diary

    ลำดับตอนที่ #2 : เตรียมเริ่มภารกิจ 1 -หวังว่าพวกเขาคงสบายดีนะ-

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 49



     เด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่?
     แล้วฆ่าผู้ชายคนนั้นทำไม?
     คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาตอนนี้ พร้อมกันความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นาน
    "เกิดอะไรขึ้น?" เสียงของพวกตำรวจที่เพิ่งมาถึง เขาอยากจะตะโกนร้องไปเลย ทำไมไม่มาตอนเขาเก็บร้านไปเลยล่ะ
    "เก็บหลักฐานให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่ขี้ของหลักฐาน" สารวัตรวางมาดสั่งลูกน้อง สารวัตรหน้าหน้าเหี้ยมโหด แต่เสียงนี้ไปเข้ากับตัวซะเท่าไร
    "ครับ สารวัตร" และลูกน้องก็แยกย้ายกันไปทำงานหาหลักฐานอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนสารวัตรหน้าโหดก็เรียกลูกน้องคนหนึ่งมา
    "เฮ้ยๆ แจ็ค มานี่ดิ" แจ็คผู้ชายรูปร่างป้อมๆ เตี้ยๆ เมื่อถูกเจ้านายเรียก เขาก็พาร่างอันป้อมๆของเขา ไปหาเจ้านาย
    "มีอะไรเหรอครับ สารวัตร?" แจ็คถามด้วยความสงสัย
    "เอาหูมาใกล้ๆ" สารวัตรสั่งเขา เจ้าตัวพยายามจะยืดตัวให้สูงเพื่อจะได้ถึงเจ้านาย
    "อย่าให้เรื่องนี้ถึงหู ฮาโรวาเรีย เป็นอันขาด" สารวัตรกระซิบบอกเขา แจ็คพยักหน้ารับ
    "ครับ เรื่องนี้จะไม่ไปถึง ฮาโรวาเรีย แน่นอนครับ" แจ็คตอบรับอย่างหนักแน่น
    "ดีมาก"
     ฮาโรวาเรีย งั้นเหรอ  
    คำนี้ทำเอารอปย้อนคิด
     
     จริงสิ!!!! วันนี้ผอ. เรียกเขาไปพบนี่นา !!!!!   นี่มันกี่โมง กี่ยาม แล้วเนี่ย ยังไม่ได้อีก!!!!
    เขาก้มลงไปมองนาฟิกาข้อมือ ถึงกลับเบิกตากว้าง

     8 โมง แล้วเหรอเนี่ย!!!!!!!!!!

     ตาย!!!!!! ตายแน่!!!!!!
    รอปรีบวิ่งออกจากร้านอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
    "ขอโทษครับ" รอปกล่าวขอโทษชายคนหนึ่งที่เขาวิ่งชนไปเมื่อกี้
    "ทีหลังหัดดูทางบางสิ"
    เขาวิ่งต่อไปอย่างเร็ว เพื่อให้ทันรถไฟเที่ยวนี้
     "ขอให้ทันทีเถอะ" เขาพึมพำ และวิ่งลงบันไดเลื่อน ทางลงสถานีรถไฟใต้ดิน เขาวิ่งเร็วสุดชีวิต
    พอถึงตู้ขายตั๋ว เขาค้นหาเศษเหรียญทั่วตัวของเขา

     กิ้ง......

     เสียงเหรียญ 1 หนึ่งกระทบลงกับพื้น รอปรีบเก็บเหรียญนั้น และหยอดไปที่ตู้ขายตั๋ว เขาจิ้มรายการให้เลือกสถานีอย่างแรง
    รายการได้แสดงบนหน้าบนให้เลือก เขากดเลือก "สถานี โรงเรียน ฮาโรวาเรีย" แต่มันก็ไม่ได้ถึงโรงเรียนเลยซะทีเดียว ต้องต่อรถประจำทางอีก 1 ต่อ
    จากนั้นต่อเดินเท้าไปอีก 1 กิโลเมตร
     บัตรถูกยื่นออกจากตู้ เขาขว้ามันอย่างเร็ว และวิ่งอย่างสุดชีวิตไปที่รถไฟ  โชคดีของเขาที่รถไฟมาจอดพอดี ไม่งั้นต้องรอไปอีกนาน

     ประตูเปิด รอปขึ้นรถไฟเป็นคนแรก และหาที่นั่งก่อนที่จะไม่มีที่ให้นั่ง
     ประตูปิด
     รถไฟออก  รอปอยู่ไม่สุข กระวนกระวายว่าเมื่อไรจะถึงสักที
     "สถานีต่อไป โรงละครแห่งชาติ ค่ะ"  รอปถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาคิดไว้ว่า เดี๋ยวก็ถึง เดี๋ยวก็ถึง  ประชากรในรถไฟเริ่มหายไปทีละน้อย
    รถไฟก็เคลื่อนขบวนไป เขาก็ยังกระวนกระวายใจไม่หาย ก้มมองนาฟิกาข้อมือแล้วก้มมองเหล่า 
     "สถานีต่อไป โรงพยาบาลฮาโรวาเรีย ค่ะ" พอเสียงประกาศจบลง ประตูรถไฟเปิด  ผู้คนพากันทยอยออกมาจากรถเสร็จ รถไฟก็เคลื่อนขบวนต่อไป
    รอปก้มมองนาฟิกาข้อมืออีกรอบ อย่างกระวนกระวายใจ เหมือนมันจะช่วยให้ถึงเร็วๆอย่างนั้นเเหละ
     "สถานีต่อไป โรงเรียนฮาโรวาเรีย ค่ะ" คำประกาศนั้นเป็นเพียงประกาศธรรมดา แต่สำหรับเขาแล้วนั้น มันเหมือนกับเสียงที่พระเจ้าได้ประทานมา
    ให้เขาเลยทีเดียว เขารีบลุกขึ้นเป็นคนแรกๆ และไปยืนรอหน้าประตูอย่างรวดเร็ว  พอรถไฟจอดสนิท ประตูเปิด เขารีบพุ่งตัววิ่งต่ออย่างรวดเร็วเพื่อไปต่อรถ
    ประจำทางที่มีน้อยอยู่
     เขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้ง ตรงไปที่ป้ายรถประจำทาง และพระเจ้าก็เข้าข้างเขาอีกครั้ง เมื่อมีรถประจำทางมาจอดรอเขาอยู่ตรงหน้า เขาวิ่งเพื่อให้
    ทันรถเที่ยวนี้ แต่............
     พระเจ้าก็ไม่ได้เข้าข้างเขาเสมอไป รถที่จอดรออยู่นั้น ได้เคลื่อนจากเขาไปอย่างรวดเร็ว ถึงให้เขาวิ่งก็วิ่งไม่ไหวแล้ว เขายืนหอบแหกๆ อย่างอ่อนแรง
    มองรถเมล์ที่จากเขาไปอย่างอนาตตัวเอง ว่าทำไมไม่ออกมาเร็วกว่านี้ จะได้ทันรถกับเขาบ้าง
    เขานั่งรอรถคันต่อไป ซึ่งเขาได้แต่ภาวนาให้มันมาเร็วๆก็พอใจแล้ว
     ผ่านไป 5 นาที........รถไม่มีซักคัน  ตอนนี้เขาเริ่มกระวนกระวาย
     
     10 นาที ผ่านไป.............รถก็ยังไม่มีผ่านมาเลยซักคัน ตอนนี้เขายิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น

     15 นาที ผ่านไป ............ รถก็ไม่มีเหมือนเดิม ตอนนี้ เขาเริ่มประสาทแล้ว และแล้ว พระเจ้าก็เข้าข้างเขาอีกครั้ง(หรือเปล่า?) เมื่อรถเมล์ตรงเข้ามาที่ป้าย
    เมื่อจอดสนิทที่ป้าย เขารีบขึ้นเป็นคนแรกๆ และหาที่นั่งเหมาะๆนั่ง  รถเมล์ก็เคลื่อนรถอย่างช้าๆ สบายๆ เค้าก็ยังก้มมองนาฟิกาอย่างกระวนกระวาย ว่าเมื่อไรจะ
    ถึงสักที และแล้วก็ถึงสักที โรงเรียน ฮาโรวาเรีย รถเมล์จอดสนิท เขาลงจากรถ และสูดหายใจลึกๆ และผ่อนออกมาช้าๆ และ
    วิ่งต่อด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ถึงโรงเรียนเร็วที่สุด

     ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวาง ถูกตกแต่งด้วยหินสวยงานและปูพื้นด้วยหินอ่อนสวยงาม มีชั้นหนังสือมากมายที่มีหนังสือเต็มไปหมด พวกมันถูกจัดวาง
    อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  มันบ่งบอกถึงนิสัยของเจ้าของห้อง ชุดโซฟาสีน้ำตาลสุดหรู โต๊ะทำงานตั้งเด่นอยู่กลางห้อง โน็ตบุ๊ค และเอกสารต่างๆถูกวางไว้เป็น
    ระเบียบ และมีป้ายชื่อ สีทอง เขียนว่า "แอนดริว ฟิโลซ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน" หลังโต๊ะทำงาน มีธงผืนใหญ่ รูปโล่ ภายในโล่มีสีแดง น้ำเงิน เขียว ดำ และมีตัวอักษร
    โบราณที่สีทอง WH อยู่กลางโล่ มีชายวัยใกล้ 30 ผมสีเทา สวมแว่นตา ภายใต้กรอบแว่นนั้น มีนัยน์ตาสีน้ำเงิน แสดงถึงความอบอุ่น และเป็นกันเองอยู่ เขานั่งอ่าน
    เอกสารอย่างเคร่งเครียด และใจจดใจจ่อ

    ก๊อกๆๆๆ

    "เชิญ ครับ"
    ผู้หญิงผมทอง ถูกรวบให้เรียบร้อย นัยน์ตาสีฟ้า สดใส ถูกจัดว่าสวยคนหนึ่งของโรงเรียน เธอค่อยๆเปิดประตูเข้ามา
    "ทางเราได้ติดต่อทาง ตระกูล คิวดิซ แล้ว ทางนั้นขอเก็บเงินเป็นจำนวน 15000 เฟอร์ ค่ะ" เธอบอกเขา และวางเอกสารไว้ตรงหน้า
    "ตั้ง 15000 เฟอร์ เชียวเหรอ?"
    "ใช่ค่ะ ห-นึ่-ง-ห-มื่-น-ห้-า-พั-น เฟอร์ -ค่ะ" เธอพูดเน้นทุกๆพยางค์
    "จะเก็บแพงไปหรือเปล่า ซิลเนี่ยไม่ไหว เพื่อนกันก็ไม่ลดให้บ้างเลย" เขาพูดอย่างเซงๆ
    "ทางนั้นฝากบอกว่า เขาลดให้แล้ว จาก 20000 เฟอร์ เหลือ 15000 เฟอร์" เธอบอกตามที่จำมาได้ นั้นยิ่งทำให้ฟิโลซ์ถึงกับทำหน้าเหวอ
    "นั้นเขาเรียกว่า ลด แล้วเหรอ" เธอพยักหน้างึกๆ 
     
     ถ้าซิลเวอร์ลดให้คงจะลดให้มากกว่านี้สิ สงสัยโซเฟียคงลดให้ล่ะสิไม่ว่า แม่นั้นเค็มกว่ามหาสมุทรหลายเท่าตัว

    เขาคิดอย่างปลงอนิจากับเพื่อนรักทั้งสอง เขาหันไปหาเลขาของเขา
    "แล้ว ทางนั้นจะมาถึงเมื่อไรล่ะ?"
    "ประมาณ เก้า โมงค่ะ ตอนนี้ เพิ่ง แปด โมงเองค่ะ คงยังไม่มีใครมา" เธอรายงาน
    "แล้วคนอื่นๆล่ะ?" เขาถามต่อ
    " คาร์เพ็นเตอร์และคาร์เพ็นเตอร์ เห็นติดต่อมาว่า เครื่องจากฟูตันโนมาถึงเมื่อวานตอนเย็นค่ะ คงจะมาถึงก็ประมาณ 9 โมง ส่วน
    พีล็อค ด็อก และ สองพี่น้อง โทมัส จะมาประมาณ 9 โมง ตามที่ท่านกำหนดไว้ค่ะ" เธอรายงานอย่างละเอียด เขาพยักงานรับ
    "งั้นตอนนี้เพิ่งจะ 8 โมงเอง งั้นฉันขอตัวไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะ" ฟิโลซ์บอก และเดินจากไป เลขาของเขามองเขาจากด้าน
    หลัง จะยิ้มให้



     ฟิโลซ์เดินตามระเบียงทางเดิน ที่ปูด้วยหินอ่อน เดินชมบรรยากาศรอบโรงเรียน เขาเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงข้าง
    ปราสาท มีแม่น้ำไหลเรื่อยๆเอื่อยๆ ตามทาง ต้นไม้ริมแม่น้ำ น้อยใหญ่ เรียงรายอยู่มากมาย แต่มีต้นไม้ต้นใหญ่เด่นอยู่ริมสายน้ำ
    เขามองต้นไม้ต้นนั้น แล้วมันทำให้เขาคิดถึงวันเก่าๆ

     "ส่งมา ส่งมาทางนี้ ซิลเวอร์!!!" เสียงเรียกของเด็กหนุ่มผมน้ำตาล นัยน์ตาสีเขียวบอกถึงความขี้เล่นของเจ้าของ
    เด็กหนุ่มโบกมือไปมา เป็นสัญญาณให้เด็กหนุ่มผมเงิน ตาสีฟ้าดุดน้ำเเข็ง ส่งกระเป๋าสีดำมาให้เขา
     "นายเตรียมรับให้ดีๆแล้วกัน มาติน" เด็กหนุ่มผมเงินตะโกนบอกเด็กหนุ่มผมน้ำตาล
     "โอเค ฉันพร้อมเสมอ"
    และกระเป๋าใบนั้นก็ถูกโยน ข้ามหัวเด็กหนุ่มผมเทาที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆต้นไม้ ไปเฉยเลย
    มาตินกระโดดรับมันอย่างสวยงาม
     "พวกนายสองตัว ว่างมากหรือไง ถึงเอากระเป๋าคนอื่นมาโยนเล่นอย่างนี้!!!" เสียงจากเด็กหนุ่มหัวแดง เจ้าของ
    กระเป๋า ตะโกนด่า มาตินและเด็กหนุ่มผมเงิน
     "ก็ว่างอ่ะดิ ถ้าไม่ว่างจะมาโยนลูกบอลเล่นอย่างนี้เหรอ" มาตินบอก พร้อมขว้างกระเป๋าไปให้เด็กหนุ่มผมเงิน
    ข้ามหัวเด็กหนุ่มที่อ่านหนังสืออย่างเงียบๆอีกรอบ
     "ถ้าพวกแกว่างมากล่ะก็ หัดอ่านหนังสือเงียบๆเหมือนแอนดริวบ้างก็ได้"  เจ้าของกระเป๋าว่าพร้อมชี้ไปที่เด็ก
    หนุ่มที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
     "ขอโทษนะขอครับ(พร้อมทำน้ำเสียงใสซื่อ) กระผมเห็นว่า ท่านเซโอ กำลังเครียดเรื่องที่หอคอยลีโอ ถูก
    บุกรุก พวกกระผมสองคนก็เลยอยากจะให้ผ่อนคลายจากความเครียด ก็เลย....." ยังไม่ทันจะพูดเสร็จ กระเป๋าก็ถูก
    ขว้างไปให้เด็กหนุ่มผมเงิน แต่

     ปึก!!!!
    เสียงกระเป๋ากระแทกกับหัวของแอนดริวอย่างแรง
     "อะย๋า!!! ซวยแล้ว" มาตินอุทาน ซิลเวอร์และเซโอ หันไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงกับกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
     "ซวย บรม" เซโอพึมพำ
     "พวกเราตายแน่ พ่อไม่เปลื้อมแล้ว" ซิลเวอร์พึมพำกับเพื่อนๆอีกสองคน
     "มาติน...." เสียงเรียกชื่อเขา ฟังดูเผินๆเหมือนเสียงเรียกที่ดูน่าฟัง ใจดี แต่สำหรับมาตินแล้วมันเหมือนเรียกนรกชัดๆ
     "จ้า....." มาตินรีบขานรับเสียงสั่นๆ
     "ซิลเวอร์ เซโอ!!!!" ผู้ถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง เหมือนได้ยินเสียงเรียกจากนรก
     "จ้า....จ้ะ" เสียงประสานของสองหนุ่มผู้ถูกเรียกชื่อ ตีหน้าใสซื่อ บริสุทธิ์
     "สนุกไหม กับการที่โยนกระเป๋าข้ามหัวคนอื่นน่ะ" แอนดริวถาม ทั้งสามเริ่มรู้สึกขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก
     "เอ่อ......"
     "ฉันถามว่า สนุกไหม?" เขาถามอีกครั้ง สีหน้าตอนนี้แอนดริวโกรธมากๆ
     "............" ทั้งสามได้แต่ก้มหน้ามองดูพื้นดิน เขามองดูเพื่อนๆทั้งสามตอนนี้แล้ว เหมือนเด็กที่รอพ่อลงโทษ
    ยังไงยังงั้นเลย แอนดริวตีหน้าเครียด และเดินตรงเข้าไปยังมาติน
     มาตินเริ่มเหงื่อไหล (ใช่ เขาไม่เคยกลัวใคร แต่คนตรงหน้านี้ต้องยกเว้น)
     แอนดริวนำมือของตนมาวางที่บ่าของเขา หัวใจของเขาเต้นระรัว ด้วยความกลัว
     "คิกๆ ฮาๆๆ" ทั้งสามมองแอนดริวที่กำลังหัวเราะอย่างขาดใจอย่างฉงน
     "มันเป็นอะไรของมันเนี่ย?" เซโอถามซิลเวอร์ที่อยู่ข้างๆ ซิลเวอร์ยกไหล่ทั้งสองข้างเมื่อบอกว่า"ไม่รู้เหมือนกัน"
     "พวกนายตลกดีเหมือนกันนะเนี่ย" แอนดริวพูดปนเสียงหัวเราะอย่างบ้า ทั้งสามเริ่มรู้ตัวว่าพวกเขาถูกแกล้ง
    ก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า
     อากาศจากที่สงบ และเย็นสบาย ตอนนี้ความเร็วของลมเริ่มเร็วขึ้น ก่อตัวเป็นพายุ แอนดริว เซโอ และ มาติน
    รับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น และรีบหันไปมองต้นเหตุของพลังนั้น
     "สนุกมากใช่ไหม แอนดริว" คำถามด้วยเสียงอันเย็นยะเยือก
     "ฉันแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง อย่าว่ากันเลยนะซิลเวอร์" แอนดริวบอก
     "ล้อเล่น งั้นเหรอ? มากไปมั้ง" ซิลเวอร์พูดพร้อมเรียกพายุนั้นทันที

    โครม!!!!

    เสียงน้ำสาดใส่ซิลเวอร์เต็มๆ โดยฝีมือของมาตินเพียวๆ
     "แก เป็นบ้าอะไรของแก!!! คนเค้ากลัวนะเฟ้ย" มาตินว่าเข้าให้ ตัวซิลเวอร์เปียกโชกไปด้วยน้ำเย็นที่ถูกตักมา
    จากแม่น้ำ โดยฝีมือของเพื่อนรัก มาติน

     โป๊ก!!!!
     "เจ็บ นะเฟ้ย ทำอะไรของแก เซโอ!!!!" มาตินว่าพร้อมครำหัวตัวเอง เนื่องจากโดนกำปั้นของเซโอเข้าเต็มเปา
     "แกสาดน้ำก็หัดดูสถานที่บ้างดิฟะ มันถูกกระเป๋าฉันเปียกหมด ใครจะชดใช้ฮะ" เซโอว่าพร้อมหยิบกระเป๋า
    ที่เปียกน้ำขึ้นมาให้ดู
     "โทษที ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่เพื่อความปลอดภัย ของหัวหน้าหอลีโอ และประธานนักเรียน ฉันก็ต้องทำไว้ก่อน"
    ข้อแก้ตัวที่ฟังยังไงมันก็ไม่ขึ้นของมาติน
     "มาติน นายบังอาจทำฉันเปียก" ซิลเวอร์พูด พร้อมเตรียมเรียกพายุพร้อมกระหน่ำ เป็นการใหญ่
     "ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ซิลเวอร์ เพื่อนรัก..." มาตินรีบหาเหตุผลเป็นการใหญ่
     "มาติน ฉันยังไม่คิดบัญชีเรื่องที่นายเขวี่ยงกระเป๋าใส่ฉันเลยนะ" แอนดริวบอกพร้อมกางนิ้วทั้งห้า พร้อมลงมือ
     "โถ...เรื่องบังเอิญน่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ"  มาตินเริ่มทำน่าใสซื่อ บริสุทธิ์ เขาคงคิดว่า มันคงช่วยให้เขาพ้นผิดได้
    (มั้ง?) และจะพยายามหนี แต่คงไม่พ้นสายตาเสือของเซโอไปได้
     "เพื่อนๆที่รักทั้งหลายจ้า... มาตินผู้นี้ติดธุระ ติดเดทกะเจนนี่ แห่ง หอคอยวู้ดวิน งั้นฉันไปก่อนนะ" เขาบอกและ
    พยายามหนี แต่มือของเซโอรั้งเขาเอาไว้ก่อน
     "นัดเดท งั้นเหรอ? กับสาวแห่งหอคอยวู้ดวิน ที่ขึ้นชื่อเรื่อง สาวงาม แบบนี้ต้องให้หล่อก่อนไม่ใช่เหรอ เพื่อน."
    เซโอพูด พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ และดีดนิ้วให้สัญญาณ
     โครม!!!
     ทันใดนั้น น้ำเย็นๆก็สาดเข้าใส่ โดยฝีมือเพื่อนสุดที่รัก ซิลเวอร์ ตัวมาตินเปียกโชกไปด้วยน้ำเย็นๆ
     โครม!!!
     แป้งผสมสีทั้งถังถูกสาดโครม โดยแอนดริว ทั้งตัวของมาตินเต็มไปด้วยแป้งและแป้ง
     "พวกแก!!!!" มาตินตะโกนว่าใส่เพื่อน(เหรอ?)ทั้งสาม แต่เพื่อนๆทั้งหลายเพ่นไปไม่รอให้เขาว่า
     "พวกแก สาม ตัว ตาย!!!!" และวิ่งไล่เพื่อนรักทั้งสาม
     "โชคดีนะเพื่อน เดทกะเจนนี่ นะ เพื่อนเลิฟ" เซโอตะโกนบอก

    ฟิโลซ์มองไปที่ต้นไม้ที่พวกเขาเคยเล่นกับเพื่อนอย่างมีความสุข
     หวังว่าพวกเขาคงสบายดีนะ
    เขาคิดและมองทอดออกไปตามกระแสน้ำ อะไรบ้างกำลังตรงเข้ามาหาเข้า
     ตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว.......
     เร็วขึ้น!!!
     เร็วขึ้น!!!
     เร็วขึ้นอีก!!!!
     มันกำลังตรงมาทางนี้
     ตรงมาที่เขา!!!!

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×