NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฝ้ารักองค์หญิง (มีอีบุ๊กแล้วจร้าาาา)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1.2 องค์หญิงเซียงจื่อ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 63


    บทที่ 1.2

            หลังอาบน้ำแต่งกายเสร็จเซียงจื่อมองตนเองที่หน้าคันฉ่อง วันนี้ชุดที่สวมใส่งดงามอลังการยิ่งกว่าเมื่อวานมากนัก เป็นชุดที่ไทเฮาทรงประทานมาให้โดยเฉพาะ ยังดีที่ว่าเครื่องประดับบนศีรษะไม่หนักมาก ทำให้นางยังเดินทรงกายเป็นสง่าสมเกียรติองค์หญิงได้อยู่ เมื่อก้าวออกมาด้านหน้าตำหนักนางกำนัลซึ่งเป็นผู้ติดตามก็ตั้งแถวรออยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังมีขันทีอีกสี่คนคอยเฝ้ารับใช้

            “เอ ข้าไม่ได้พบหน้าเฉากงกงมาสองวันแล้วนะ เขาหายหน้าไปไหนกัน” นางถามถึงขันทีที่ช่างพูดช่างเจรจา ซ้ำยังมีอารมณ์ขันชอบหยอกเย้ากับเหล่านางกำนัล ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายยามที่ได้สนทนาด้วย

            เหล่านางกำนัลสบตากันอย่างลำบากใจ ก่อนซิ่วเอ๋อร์จะเป็นคนตอบคำถาม “ทูลองค์หญิง เฉากงกงรับโทษประหารไปได้สามวันแล้วเพคะ”

            “ประหาร” เซียงจื่อทวนคำอย่างตกใจ “เฉากงกงทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องรับโทษประหาร”

            “เฉากงกงลอบรับสินบนจากเหล่าพระสนม แต่ละคืนจะเรียงป้ายชื่อของพระสนมที่รับเงินมาไว้ด้านบนสุด ฝ่าบาททรงรู้สึกผิดสังเกตจึงให้สืบเรื่องนี้และมีคำสั่งให้ประหารเฉากงกงเพคะ” ซิ่วเอ๋อร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลง เรื่องเหล่านี้แม้จะรู้กันทั่ววัง หากก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถนำมาพูดลับหลังได้

            “แล้วพระสนมที่ติดสินบนเฉากงกงเล่า พวกนางต้องรับโทษด้วยหรือไม่”

            “พระสนมทั้งหมดถูกส่งไปตำหนักเย็นแล้วเพคะ อีกไม่นานฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกสนมใหม่เข้าวัง ตำหนักที่ว่างอยู่ก็จะไม่ไร้เจ้าของอีกต่อไป” ซิ่วเอ๋อร์ตอบอย่างเคยชินกับเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างดี

            “ความจริงโทษของเฉากงกงไม่น่าถึงขั้นประหารเลย แค่ตัดเบี้ยหวัดเขาสักครึ่งปีก็พอแล้ว” นางรู้สึกว่าชีวิตของข้ารับใช้ในวังหลวงช่างไร้ค่านัก ขันทียังโดนประหารง่ายดายถึงเพียงนี้ ในวังนี้แม้จะสุขสบายแต่ก็ไม่ควรอยู่นานจนเกินไปนัก ต่อให้ต้องย้ายออกไปอยู่นอกวังด้วยฐานะองค์หญิงอย่างไรก็คงไม่ลำบาก แต่จะออกไปได้อย่างไรนี่ต่างหากที่เป็นปัญหา

            “องค์หญิงห้ามรับสั่งเช่นนี้อีกนะเพคะ เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้วไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์นะเพคะ อีกอย่างในวังหลวงแห่งนี้มีเหล่าขันทีและนางกำนัลถูกลงโทษประหารอยู่บ่อยครั้ง พระสนมที่ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดปรานและแอบลักลอบคบชู้สู่ชายก็ต้องรับโทษตายเช่นเดียวกัน ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดในวังหลวง ขอเพียงองค์หญิงปฏิบัติตามกฎก็จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยแน่นอนเพคะ” ซิ่วเอ๋อร์เข้าใจที่ผู้เป็นนายรู้สึกเช่นนี้ แต่การแก่งแย่งในวังหลวงเหี้ยมโหดซับซ้อน นางยังถือว่าโชคดีที่ได้มาอยู่รับใช้องค์หญิง นอกจากจะเป็นเจ้านายที่วางองค์อย่างเรียบง่ายแล้ว ยังทรงใจดีมีเมตตาไม่เคยสั่งลงโทษข้ารับใช้คนใดแม้แต่น้อย

            “ข้าเข้าใจที่เจ้าพูด แต่ฟังแล้วก็ยังอดสลดใจไม่ได้อยู่ดี”

            “องค์หญิงเพคะวันนี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้คังอ๋อง ฉุนอ๋อง จิ้นอ๋อง หมิงอ๋อง เดินทางไปราชการที่ต่างเมือง คาดว่าอีกหลายวันกว่าจะกลับ แม้ไม่อาจมาด้วยตนเองแต่ท่านอ๋องก็ได้สั่งให้คนนำขนมและของขวัญมามอบให้องค์หญิง หม่อมฉันเชื่อว่าหากองค์หญิงได้เห็นจะต้องชอบมากเป็นแน่” ซิ่วเอ๋อร์รีบหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของผู้เป็นนายไปทางอื่น เรื่องในวังเป็นเช่นนี้มานานแล้ว ใช่ว่าองค์หญิงผู้เดียวจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้

            “รอไว้กลับจากเข้าเฝ้าไทเฮาแล้วข้าจะกลับมาดู” หญิงสาวรับรู้อย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ท่านอ๋องเหล่านี้ก็คืออนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางได้รู้จักกับพวกเขาที่ตำหนักของไทเฮา ท่านอ๋องทั้งสี่หล่อเหลาคมคายไปคนละแบบ ในเวลานั้นนางตัวคนเดียวยังไม่รู้จักใคร จึงต้องรีบผูกมิตรดั่งเช่นนกน้อยหาไม้ใหญ่เป็นที่พึ่ง ฝากเนื้อฝากตัวเป็นน้องสาวคนหนึ่งของบรรดาท่านอ๋อง นับว่าสวรรค์ยังเมตตาให้ท่านอ๋องทั้งสี่วางตัวเรียบง่าย ไม่รังเกียจที่จะคบหากับนาง นับแต่นั้นจึงมีขนมและของขวัญส่งมามอบให้นางบ่อยครั้ง ส่วนบรรดาองค์หญิงกลับถือองค์ดูแคลนว่าที่มาของนางต่ำต้อย จึงไม่เคยเฉียดใกล้มาคบหากับนางแม้แต่องค์เดียว แต่นางหรือจะสนไม่มีใครคบก็ดี นางจะได้ไม่เผลอไปล่วงเกินใครเข้า ตอนนี้แค่ใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยให้ได้ก็พอ และยังต้องหาทางออกไปตามหาศรัณย์ที่นอกวังอีก แต่จะใช้วิธีไหนดี ขนิษฐาถามตนเองพลางครุ่นคิดไปตลอดทาง ขณะที่เดินนำหน้าเหล่านางกำนัลมุ่งตรงสู่ตำหนักของไทเฮา

     *****************************

    ไทเฮาทรงรีบอนุญาตเมื่อทราบว่าพระธิดาบุญธรรมที่ทรงเอ็นดูมารอเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่นานสาวน้อยผู้งดงามนางหนึ่งก็ก้าวเข้ามา นับแต่ที่นางฟื้นขึ้นมาจากความตายพระองค์ก็เฝ้าสอนสั่งเรื่องกิริยามารยาทให้นางด้วยตนเอง ผ่านมาหลายวันนับว่านางเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เซียงจื่อที่พระองค์พบตอนอยู่นอกวังกับเซียงจื่อตรงหน้านี้มีความแตกต่างกันบ้างก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือนางเป็นสาวน้อยที่มีจิตใจซื่อตรงไร้พิษภัยใดๆ แอบแฝง

    “เซียงจื่อถวายบังคมเสด็จแม่” นางยิ้มให้ไทเฮาจากหัวใจ เสด็จแม่ผู้นี้ดีกับนางอย่างยิ่ง กระทั่งแม่แท้ๆ ของนางยังไม่เคยอ่อนโยนต่อนางเท่านี้ แม่ในความจำของนางก็คือคนที่ปล่อยนางไว้อย่างทิ้งขว้าง ใช้กำลังทุบตีและเรียกร้องแต่เงิน หากนางหาเงินให้ตามที่ต้องการไม่ได้แม่ก็จะด่าทอแช่งชักนางอย่างเกรี้ยวกราด และยังหาว่านางยั่วยวนพ่อเลี้ยง ทั้งที่นางเป็นฝ่ายถูกลวนลามครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อได้พบกับไทเฮาหัวใจนางจึงพานพบกับคำว่าอบอุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต

    “มาหาแม่เหตุใดเจ้าต้องร้องไห้ด้วย” ไทเฮาทรงกอดพระธิดาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างปลอบโยน พระองค์ทรงรู้มาว่าเซียงจื่อนั้นเป็นเด็กกำพร้า ก่อนจะได้พบกับพระองค์นางใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาอย่างยากลำบาก

    “เซียงจื่อซาบซึ้งที่เสด็จแม่ทรงดีกับหม่อมฉันมาก ชาตินี้เซียงจื่อจะขอติดตามรับใช้เสด็จแม่จนวันตาย” ความผูกพันรักใคร่ทำให้นางลืมไปสนิทว่าตนเองคิดอยากจะย้ายออกไปอยู่นอกวัง

    “เด็กโง่ เจ้าอายุถึงวัยออกเรือนได้แล้ว อีกทั้งยังงดงามถึงเพียงนี้แม่จะเก็บเจ้าไว้ข้างกายไปตลอดได้อย่างไร เจ้าวางใจเถิดแม่จะต้องหาบุรุษที่ดีที่สุดมาช่วยดูแลเจ้าต่อจากแม่ หรือหากเจ้าเคยหมายตาชายใดไว้แล้วก็สามารถเอ่ยปากบอกกับแม่ได้” ไทเฮารับสั่งถามอย่างอ่อนโยน พระองค์มีเพียงบุตรชายสองคน แต่น้อยคนนักที่จะกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่พระองค์เคยสูญเสียพระธิดาไปหลังจากคลอดออกมาได้เพียงครึ่งชั่วยาม เมื่อได้พบเซียงจื่อพระองค์ก็รักใคร่ราวกับเป็นเลือดเนื้อของพระองค์เอง ดังนั้นในฐานะแม่จึงใส่ใจเรื่องคู่ครองของบุตรสาวเป็นอย่างยิ่ง

    “หม่อมฉันไม่แต่งงานหรอกเพคะ ให้เซียงจื่อได้แสดงความกตัญญูอยู่ปรนนิบัติเสด็จแม่ดีกว่า” เซียงจื่อแนบหน้าลงกับตักของไทเฮาอย่างออดอ้อน นางอยากมีแม่แบบนี้มานานแล้ว

    “หากเจ้าทำเช่นนั้นยังจะเหลือที่ให้ข้าได้แสดงความกตัญญูต่อเสด็จแม่อีกหรือ”

    น้ำเสียงทรงอำนาจแฝงรอยขันที่ดังแทรกขึ้นด้านหลัง ดึงความสนใจจนนางต้องหันกลับไปมอง บุรุษผู้นั้นสวมชุดสีเหลืองทองท่าทางเปี่ยมไปด้วยสง่าราศี และยังเหล่านางกำนัลที่ย่อกายลงกับพื้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้นางเดาฐานะของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก ความตกใจที่ได้พบฮ่องเต้เป็นครั้งแรก ทำให้นางลนลานถวายบังคมอย่างรวดเร็ว ในหัวมีคำราชาศัพท์ตีกันยุ่งไปหมด

    “เซียงจื่อถวายบังคมเสด็จพี่เพคะ”

    สิ้นเสียงละล่ำละลักของนางทั่วห้องก็เงียบกริบ เซียงจื่อแอบหันไปสบตากับนางกำนัลของตน แม้จะรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่นางยังนึกไม่ออกว่าเป็นตรงไหน

    ฝากติดตามด้วยน้า

    ฝากอีบุ๊กเล่มอื่นของไรท์ด้วยจร้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×