คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1.2 องค์หญิงเซียงจื่อ
หลังอาบน้ำแต่งกายเสร็จเซียงจื่อมองตนเองที่หน้าคันฉ่อง
วันนี้ชุดที่สวมใส่งดงามอลังการยิ่งกว่าเมื่อวานมากนัก
เป็นชุดที่ไทเฮาทรงประทานมาให้โดยเฉพาะ ยังดีที่ว่าเครื่องประดับบนศีรษะไม่หนักมาก
ทำให้นางยังเดินทรงกายเป็นสง่าสมเกียรติองค์หญิงได้อยู่
เมื่อก้าวออกมาด้านหน้าตำหนักนางกำนัลซึ่งเป็นผู้ติดตามก็ตั้งแถวรออยู่ก่อนแล้ว
นอกจากนี้ยังมีขันทีอีกสี่คนคอยเฝ้ารับใช้
“เอ
ข้าไม่ได้พบหน้าเฉากงกงมาสองวันแล้วนะ เขาหายหน้าไปไหนกัน” นางถามถึงขันทีที่ช่างพูดช่างเจรจา
ซ้ำยังมีอารมณ์ขันชอบหยอกเย้ากับเหล่านางกำนัล ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายยามที่ได้สนทนาด้วย
เหล่านางกำนัลสบตากันอย่างลำบากใจ
ก่อนซิ่วเอ๋อร์จะเป็นคนตอบคำถาม “ทูลองค์หญิง
เฉากงกงรับโทษประหารไปได้สามวันแล้วเพคะ”
“ประหาร”
เซียงจื่อทวนคำอย่างตกใจ “เฉากงกงทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องรับโทษประหาร”
“เฉากงกงลอบรับสินบนจากเหล่าพระสนม
แต่ละคืนจะเรียงป้ายชื่อของพระสนมที่รับเงินมาไว้ด้านบนสุด
ฝ่าบาททรงรู้สึกผิดสังเกตจึงให้สืบเรื่องนี้และมีคำสั่งให้ประหารเฉากงกงเพคะ” ซิ่วเอ๋อร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลง
เรื่องเหล่านี้แม้จะรู้กันทั่ววัง หากก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถนำมาพูดลับหลังได้
“แล้วพระสนมที่ติดสินบนเฉากงกงเล่า
พวกนางต้องรับโทษด้วยหรือไม่”
“พระสนมทั้งหมดถูกส่งไปตำหนักเย็นแล้วเพคะ
อีกไม่นานฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกสนมใหม่เข้าวัง ตำหนักที่ว่างอยู่ก็จะไม่ไร้เจ้าของอีกต่อไป”
ซิ่วเอ๋อร์ตอบอย่างเคยชินกับเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างดี
“ความจริงโทษของเฉากงกงไม่น่าถึงขั้นประหารเลย
แค่ตัดเบี้ยหวัดเขาสักครึ่งปีก็พอแล้ว” นางรู้สึกว่าชีวิตของข้ารับใช้ในวังหลวงช่างไร้ค่านัก
ขันทียังโดนประหารง่ายดายถึงเพียงนี้ ในวังนี้แม้จะสุขสบายแต่ก็ไม่ควรอยู่นานจนเกินไปนัก
ต่อให้ต้องย้ายออกไปอยู่นอกวังด้วยฐานะองค์หญิงอย่างไรก็คงไม่ลำบาก
แต่จะออกไปได้อย่างไรนี่ต่างหากที่เป็นปัญหา
“องค์หญิงห้ามรับสั่งเช่นนี้อีกนะเพคะ
เรื่องที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้วไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์นะเพคะ
อีกอย่างในวังหลวงแห่งนี้มีเหล่าขันทีและนางกำนัลถูกลงโทษประหารอยู่บ่อยครั้ง
พระสนมที่ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดปรานและแอบลักลอบคบชู้สู่ชายก็ต้องรับโทษตายเช่นเดียวกัน
ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดในวังหลวง
ขอเพียงองค์หญิงปฏิบัติตามกฎก็จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยแน่นอนเพคะ” ซิ่วเอ๋อร์เข้าใจที่ผู้เป็นนายรู้สึกเช่นนี้
แต่การแก่งแย่งในวังหลวงเหี้ยมโหดซับซ้อน
นางยังถือว่าโชคดีที่ได้มาอยู่รับใช้องค์หญิง นอกจากจะเป็นเจ้านายที่วางองค์อย่างเรียบง่ายแล้ว
ยังทรงใจดีมีเมตตาไม่เคยสั่งลงโทษข้ารับใช้คนใดแม้แต่น้อย
“ข้าเข้าใจที่เจ้าพูด
แต่ฟังแล้วก็ยังอดสลดใจไม่ได้อยู่ดี”
“องค์หญิงเพคะวันนี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้คังอ๋อง
ฉุนอ๋อง จิ้นอ๋อง หมิงอ๋อง เดินทางไปราชการที่ต่างเมือง คาดว่าอีกหลายวันกว่าจะกลับ
แม้ไม่อาจมาด้วยตนเองแต่ท่านอ๋องก็ได้สั่งให้คนนำขนมและของขวัญมามอบให้องค์หญิง
หม่อมฉันเชื่อว่าหากองค์หญิงได้เห็นจะต้องชอบมากเป็นแน่” ซิ่วเอ๋อร์รีบหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของผู้เป็นนายไปทางอื่น
เรื่องในวังเป็นเช่นนี้มานานแล้ว ใช่ว่าองค์หญิงผู้เดียวจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้
“รอไว้กลับจากเข้าเฝ้าไทเฮาแล้วข้าจะกลับมาดู”
หญิงสาวรับรู้อย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
ท่านอ๋องเหล่านี้ก็คืออนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางได้รู้จักกับพวกเขาที่ตำหนักของไทเฮา
ท่านอ๋องทั้งสี่หล่อเหลาคมคายไปคนละแบบ ในเวลานั้นนางตัวคนเดียวยังไม่รู้จักใคร
จึงต้องรีบผูกมิตรดั่งเช่นนกน้อยหาไม้ใหญ่เป็นที่พึ่ง
ฝากเนื้อฝากตัวเป็นน้องสาวคนหนึ่งของบรรดาท่านอ๋อง
นับว่าสวรรค์ยังเมตตาให้ท่านอ๋องทั้งสี่วางตัวเรียบง่าย ไม่รังเกียจที่จะคบหากับนาง
นับแต่นั้นจึงมีขนมและของขวัญส่งมามอบให้นางบ่อยครั้ง
ส่วนบรรดาองค์หญิงกลับถือองค์ดูแคลนว่าที่มาของนางต่ำต้อย
จึงไม่เคยเฉียดใกล้มาคบหากับนางแม้แต่องค์เดียว แต่นางหรือจะสนไม่มีใครคบก็ดี นางจะได้ไม่เผลอไปล่วงเกินใครเข้า
ตอนนี้แค่ใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยให้ได้ก็พอ และยังต้องหาทางออกไปตามหาศรัณย์ที่นอกวังอีก
แต่จะใช้วิธีไหนดี ขนิษฐาถามตนเองพลางครุ่นคิดไปตลอดทาง
ขณะที่เดินนำหน้าเหล่านางกำนัลมุ่งตรงสู่ตำหนักของไทเฮา
ไทเฮาทรงรีบอนุญาตเมื่อทราบว่าพระธิดาบุญธรรมที่ทรงเอ็นดูมารอเฝ้าอยู่ด้านนอก
ไม่นานสาวน้อยผู้งดงามนางหนึ่งก็ก้าวเข้ามา นับแต่ที่นางฟื้นขึ้นมาจากความตายพระองค์ก็เฝ้าสอนสั่งเรื่องกิริยามารยาทให้นางด้วยตนเอง
ผ่านมาหลายวันนับว่านางเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
เซียงจื่อที่พระองค์พบตอนอยู่นอกวังกับเซียงจื่อตรงหน้านี้มีความแตกต่างกันบ้างก็จริง
แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือนางเป็นสาวน้อยที่มีจิตใจซื่อตรงไร้พิษภัยใดๆ แอบแฝง
“เซียงจื่อถวายบังคมเสด็จแม่” นางยิ้มให้ไทเฮาจากหัวใจ
เสด็จแม่ผู้นี้ดีกับนางอย่างยิ่ง กระทั่งแม่แท้ๆ ของนางยังไม่เคยอ่อนโยนต่อนางเท่านี้
แม่ในความจำของนางก็คือคนที่ปล่อยนางไว้อย่างทิ้งขว้าง ใช้กำลังทุบตีและเรียกร้องแต่เงิน
หากนางหาเงินให้ตามที่ต้องการไม่ได้แม่ก็จะด่าทอแช่งชักนางอย่างเกรี้ยวกราด
และยังหาว่านางยั่วยวนพ่อเลี้ยง ทั้งที่นางเป็นฝ่ายถูกลวนลามครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อได้พบกับไทเฮาหัวใจนางจึงพานพบกับคำว่าอบอุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต
“มาหาแม่เหตุใดเจ้าต้องร้องไห้ด้วย”
ไทเฮาทรงกอดพระธิดาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างปลอบโยน
พระองค์ทรงรู้มาว่าเซียงจื่อนั้นเป็นเด็กกำพร้า
ก่อนจะได้พบกับพระองค์นางใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาอย่างยากลำบาก
“เซียงจื่อซาบซึ้งที่เสด็จแม่ทรงดีกับหม่อมฉันมาก
ชาตินี้เซียงจื่อจะขอติดตามรับใช้เสด็จแม่จนวันตาย” ความผูกพันรักใคร่ทำให้นางลืมไปสนิทว่าตนเองคิดอยากจะย้ายออกไปอยู่นอกวัง
“เด็กโง่
เจ้าอายุถึงวัยออกเรือนได้แล้ว
อีกทั้งยังงดงามถึงเพียงนี้แม่จะเก็บเจ้าไว้ข้างกายไปตลอดได้อย่างไร เจ้าวางใจเถิดแม่จะต้องหาบุรุษที่ดีที่สุดมาช่วยดูแลเจ้าต่อจากแม่
หรือหากเจ้าเคยหมายตาชายใดไว้แล้วก็สามารถเอ่ยปากบอกกับแม่ได้”
ไทเฮารับสั่งถามอย่างอ่อนโยน พระองค์มีเพียงบุตรชายสองคน
แต่น้อยคนนักที่จะกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่พระองค์เคยสูญเสียพระธิดาไปหลังจากคลอดออกมาได้เพียงครึ่งชั่วยาม
เมื่อได้พบเซียงจื่อพระองค์ก็รักใคร่ราวกับเป็นเลือดเนื้อของพระองค์เอง
ดังนั้นในฐานะแม่จึงใส่ใจเรื่องคู่ครองของบุตรสาวเป็นอย่างยิ่ง
“หม่อมฉันไม่แต่งงานหรอกเพคะ
ให้เซียงจื่อได้แสดงความกตัญญูอยู่ปรนนิบัติเสด็จแม่ดีกว่า” เซียงจื่อแนบหน้าลงกับตักของไทเฮาอย่างออดอ้อน
นางอยากมีแม่แบบนี้มานานแล้ว
“หากเจ้าทำเช่นนั้นยังจะเหลือที่ให้ข้าได้แสดงความกตัญญูต่อเสด็จแม่อีกหรือ”
น้ำเสียงทรงอำนาจแฝงรอยขันที่ดังแทรกขึ้นด้านหลัง
ดึงความสนใจจนนางต้องหันกลับไปมอง
บุรุษผู้นั้นสวมชุดสีเหลืองทองท่าทางเปี่ยมไปด้วยสง่าราศี
และยังเหล่านางกำนัลที่ย่อกายลงกับพื้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้นางเดาฐานะของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก
ความตกใจที่ได้พบฮ่องเต้เป็นครั้งแรก ทำให้นางลนลานถวายบังคมอย่างรวดเร็ว
ในหัวมีคำราชาศัพท์ตีกันยุ่งไปหมด
“เซียงจื่อถวายบังคมเสด็จพี่เพคะ”
สิ้นเสียงละล่ำละลักของนางทั่วห้องก็เงียบกริบ เซียงจื่อแอบหันไปสบตากับนางกำนัลของตน แม้จะรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่นางยังนึกไม่ออกว่าเป็นตรงไหน
ความคิดเห็น