ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : THREE TIMES : เจ้าหญิงคางุยะ
THREE TIME : เจ้าหญิงคางุยะ
Kagura(神楽) POV :
เสียงฝีเท้าของคางุระดังก้องไปทั่วทางเดินของอุโมงค์เสาโทริอิ เธอวิ่งมาได้พักใหญ่แล้ว และเธอไม่ได้พักเหนื่อยหรือหยุดวิ่งไปเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงปลายทางที่เจ้าเสียงปริศนาพูดถึงสักที
ผมสีแดงอมส้มที่ถูกมวยทั้งสองข้างหลุดกระเซิงออกมาเล็กน้อย ภายใต้ใบหน้าขาวซีดอันเรียบเฉยมีความวิตกกังวลซ่อนอยู่ แม้ขาทั้งสองข้างจะวิ่งไปอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอกลัว.............
กลัวหนทางที่อยู่ข้างหน้า.......
เธอไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อเธอได้เจอกับตัวกินโทกิในอดีต ไม่รู้....ว่าจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน
อดีตอันแสนเจ็บปวดของเขาอย่างนั้นหรือ?
ต้นเหตุความบาดหมางระหว่างเขาและทากาสุงิ
กินโทกิไม่เคยเล่า และเธอก็ไม่กล้าพอที่จะถาม........
.
.
.
.
คางุระวิ่งลอดผ่านเสาโทริอิต้นแล้วต้นเล่าก็เริ่มรู้สึกว่าได้ยินเสียงลมดังเหมือนเสียงกระซิบพัดโดนที่ผิวหนัง ทำให้สัญชาตญาณของเธอบอกว่าใกล้ที่จะถึงทางออกแล้ว รวมไปถึงแสงที่เริ่มทอออกมาจากปลายทาง เห็นดังนั้นเธอจึงไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด
ในขณะนั้น สายลมก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดเสียงอื้ออึงอยู่ภายในหู ดวงตาสีน้ำทะเลลึกก็หรี่ลงเพราะเริ่มแสบตาจากลม เธอจึงหลับหูหลับตาวิ่งไปให้ถึงทางออก แม้ว่าจะมีเสียงลมรบกวนแต่เธอยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าของตนกระทบพื้นเป็นจังหวะดังกังวานไปทั่ว
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ ตึก--!!
ความรู้สึกเวลาที่ใต้เท้ามีอะไรให้เหยียบ ถูกแทนที่ด้วยความวางเปล่าเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาสีน้ำทะเลลึกเบิกโพลงด้วยความตกใจ เธอรีบหันกลับไปยังทางที่ตนจากมากลับพบแต่ความว่างเปล่าเช่นกัน!
รอบตัวของเธอเต็มไปด้วยความมืดมิดที่ถูกแต่งแต้มด้วยแสงสีขาวเล็กๆเต็มไปหมด มีม่านหมอกสีขาวขุ่นที่ติดกันเป็นแพ และมีสิ่งหนึ่งที่ให้แสงสะว่างมากที่สุดมันมีสีเหลืองนวล ทรงกลมสวย คล้ายๆพระจันทร์.......
ไม่สิ....มันคือ พระจันทร์ เลยต่างหาก!!
เธอกำลังจะร่วง!!!!!!
" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!! " เสียงกรีดร้องของคางุระดังลั่นไปทั่วบริเวณท้องฟ้าที่สูงกว่าระดับพื้นดินไม่รู้กี่เมตร
ร่างกายของเธอค่อยๆร่วงหล่น......ไม่สิ เรียกว่าพุ่งลงพื้นยังจะถูกซะกว่า!!
สายลมเสียดสีร่างกายของเธอจนรู้สึกชาไปหมด มองไปบนพื้นเบื้องล่างก็รู้สึกหวาดกลัวในใจขึ้นมาว่าเธอจะหัวใจวายตายก่อนหรือเปล่า ใบหน้าที่ขาวซีดของเธอตอนนี้ซีดยิ่งกว่าเดิมไปอีก
ไอ้เสียงบ้านั่นคิดจะฆ่าเธอหรืออย่างไง! ถึงได้ส่งเธอมาอยู่กลางอากาศแบบนี้!!
แล้วเธอจะทำอย่างไงดีล่ะเนี่ย!!
ในขณะที่เรียกสติของตนกลับมาได้ทีละนิด คางุระพยายามทรงตัวกลางอากาศให้คงที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เธอจะเริ่มสังเกตุเห็นว่าพื้นเบื้องล่าง ไม่ใช่พื้นดิน แต่กลับเป็นผืนน้ำแทน แม้จะมืดแต่เธอก็สามารถมองเห็นได้ลางๆ
โชดดีแล้วที่เป็นน้ำ...ถ้าเธอตกไปที่พื้นดิน......เธอไม่อยากจะนึกสภาพเลย......
เมื่อใกล้ถึงผิวน้ำ เธอพยายามทำตัวให้เรียวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการเอาแขนทั้งสองข้างตั้งตรงไว้ข้างหน้าเหมือนท่ากระโจนลงน้ำ พยายามจะไม่เอาท้องลงก่อนไม่อย่างนั้นได้จุกตายแน่นอน ถ้าเป็นชาวเอโดะธรรมดาคงจะช้ำในตายไปตั้งแต่ตกลงมาไม่ถึงสิบเมตรแล้ว แต่โชคดีของเธอที่เป็นเผ่ายาโตะที่มีร่างกายแข็งแรงและพละกำลังมหาศาลจึงอาจจะไม่เป็นอะไรมากนัก
ตู้มมม!!! ซ่าา!!!
เสียงของผิวน้ำกระจายและกระเซ็นดังลั่นไปทั่วเมื่อถูกของมีน้ำหนักมากระทบ ร่างกายของคางุระกระทบกับผิวน้ำอย่างแรง ความรู้สึกปวดระบมวิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ทำให้สติเริ่มจะเลือนลาง ขณะที่ร่างของเธอจมลงไปตามแรงโน้มถ่วง ดวงตาสีน้ำทะเลลึกเริ่มหรี่ลงไปเรื่อยๆตามสติที่ใกล้จะดับไป
ตู้มมม!!!
เสียงของผิวน้ำที่ถูกของแข็งกระทบดังเข้ามาในโสตประสาทที่อื้ออึงของเธอ ดวงตาสีน้ำทะเลลึกที่ใกล้จะปิดลงได้เห็นร่างลางๆของใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่ามีมือมาจับเข้าที่แขนของเธอ นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่สติของเธอจะดับลง...........
Takasugi Shinsuke(高杉 晋助) POV :
" นายกำลังจะไปไหน? ทากาสุงิ " เสียงของคาซึระเรียกความสนใจจากเขาให้หยุดชะงักแล้วหันไปมอง ร่างสูงของเด็กหนุ่มผมยาวสีดำขลับยืนเอามือหิ้วโคมไฟส่องมาทางเขา เสื้อผ้าและชุดเกราะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดและเลือดสีแปลกประหลาดจากชาวสวรรค์ที่ได้ฆ่าฟันไปในสนามรบเมื่อไม่นานมานี้ ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววสงสัยและกังกล
" อาบน้ำ " เขาตอบกลับไปอย่างราบเรียบก่อนจะหันหลังให้คู่สนทนา แล้วก้าวเดินต่อเพื่อไปยังที่หมาย ตอนนี้เสื้อผ้าของเขาก็มีสภาพไม่ต่างไปจากเสื้อผ้าและชุดเกราะของคาซึระมากนัก กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้งเต็มตัวของเขาไปหมด โชคดีที่เขาไม่ได้ใส่ชุดเกราะเพราะไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเวลาขัดมัน.........และที่สำคัญการใส่ชุดเกราะมีแต่จะทำให้เขา ช้า ลงในสนามรบเท่านั้น
" ระวังตัวด้วยล่ะ ช่วงนี้พวกข้าศึกมันมีพวกสุ่มยิงอยู่ในป่าด้วย " คาซึระกล่าวเตือนไล่หลังเขา แต่เขาไม่ได้หยุดเดินหรือหันกลับไปมองแม้แต่น้อย ในมือข้างหนึ่งก็ถือห่อของผ้าของชุด*ยูกาตะที่จะนำไปเปลี่ยน ส่วนมืออีกข้างก็กำดาบ*คาตานะที่อยู่ในฝักและหิ้วโคมไฟเพื่อเป็นแสงสว่างในยามคำคืนให้แก่เขา
แสงจันทร์ในคืนนี้ส่องสว่างมากกว่าคืนไหนๆ เพราะเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง มันทำให้เขานึกถึงเรื่องราวของนิทานเรื่องหนึ่งที่เขามักได้ยินเมื่อเขายังเป็นเด็ก.........นิทานเรื่อง *เจ้าหญิงคางุยะ หญิงสาวผู้งดงามที่มาจากดวงจันทร์ และต้องกลับไปยังดวงจันทร์เมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวง
.
.
.
.
ตอนนี้เขาได้เดินเข้ามาในป่าเพื่อไปยังทะเลสาบที่อยู่ไม่ห่างไปจากค่ายกบดานของพวกเขามากนัก ตลอดทางที่เขาเดินผ่านมาสภาพป่าในวันนี้มันให้ความรู้สึกแปลกไปจากเดิม ในป่าไม่มีเสียงร้องของสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนชนิดไหนเลย มีแต่เสียงของสายลมที่พัดต้นไม้ใบหญ้าให้เสียดสีกันเท่านั้น........มันเงียบและวังเวงจนผิดปกติ
เดินไปได้ไม่นานสายตาก็มองเห็นทะเลสาบที่กว้างสุดลูกหูลูกตา กินพื้นที่ป่าไปหลายร้อยเมตร เขาเดินจนมาหยุดอยู่ที่ริมฝั่งของทะเลสาบวางห่อผ้าที่มีชุดยูกาตะอยู่ข้างในและดาบคาตานะไว้ที่ริมฝั่ง ก่อนจะถือโคมไฟแล้วเอาไปจ่อใกล้ๆบริเวณผิวน้ำ เพื่อสำรวจน้ำที่อยู่ตรงริมฝั่งที่ใสจนเห็นพื้นดินและก้อนกรวดเบื้องล่าง และนำมันกลับมาวางข้างๆดาบคาตะนะ
เขาก้มตัวลงไปถอดร้องเท้าออก ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อโค้ทยาวสีดำแถบทองเปื้อนเลือดที่แห้งกรังที่ใส่คลุมไว้ข้างนอกออก ตามด้วยเสื้อแขนกุดสีดำแถบทองที่อยู่ด้านใน ตอนนี้ทั้งร่างกายของเขาเหลือกางเกงสีดำเพียงแค่ตัวเดียว เขาค่อยๆเลื่อนมือไปจับที่ขอบกางเกงเตรียมที่จะเลื่อนมันลง.........แต่เขาก็ต้องชะงักไป เมื่อต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างเริ่มสั่นไหวแรงขึ้นตามแรงลมที่พัดแรงขึ้นมากะทันหันอย่างแปลกประหลาด
เขาทอดสายตามองไปรอบๆตัว การที่ใช้ชีวิตกับการสู้รบเกือบตลอดเวลาทำให้เขากลายเป็นคนตื่นตัวกับสิ่งรอบข้างอยู่น้ำกระเซ็นเข้ามาหาเขาเป็นจำนวนมาก ทำให้เขาต้องยกมือขึ้นมาบังบริเวณใบหน้าเอาไว้เพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นเข้าตา
เสียงน้ำที่กระเซ็นเริ่มเงียบลง ทำให้เขาลดมือที่ใช้บังหน้าลง ดวงตาสีเขียวมรกตมองไปยังผิวน้ำที่กระเพื่อมเป็นคลื่นแผ่ออกไปเป็นวงกว้างจากน้ำหนักของสิ่งที่ตกลงมา เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างน่าอึดอัด เพราะไม่มีสิ่งใดโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเลยแม้แต่น้อย จนน้ำที่กระเพื่อมอยู่เริ่มหยุดนิ่งไปทีละนิด
เขาควรจะทำยังไง......ถ้าเกิดสิ่งนั้นเป็นมนุษย์ขึ้นมา เขาควรจะช่วยใช่หรือเปล่า?
แม้ในใจเขาไม่อยากเลือกที่จะเสี่ยงกระโดดลงไป เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นมนุษย์จริงๆหรือเปล่า แต่ทำไมส่วนลึกในจิตใจของเขาต้องรู้สึกเป็นกังวลขนาดนี้ด้วย มันเหมือนกดดันให้เขาต้องกระโดดลงไปช่วย ทั้งที่เขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องไปช่วยนั้นมันคืออะไร..........
โธ่เว้ย!..........
ตู้มมม!!!
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะกระโดดลงทะเลสาบไป ใต้ท้องทะเลสาบทั้งมืดทั้งหนาวเย็นจนแถบไม่สามารถมองเห็นอะไรได้หากไม่มีแสงจันทร์รอดผ่านมายังใต้ทะเลสาบ เขาหยุดว่ายอยู่กับที่ ก่อนจะสอดสายตามองหาบางสิ่งที่แปลกปลอมไปจากใต้ท้องทะเลสาบ และได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่กำลังจมลงไปเรื่อยๆ
มนุษย์?..........เด็กผู้หญิง?...........ชุดสีแดง?.......
เห็นดังนั้นเขาจึงรีบว่ายเข้าไปใกล้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ภาพของเธอยิ่งเริ่มชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ......ผมสีแดงอมส้มของเธอแผ่กระจายไปตามแรงโน้มถ่วงปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้บางส่วน ผิวขาวซีดเปล่งรับกับแสงจันทร์ นั่นยิ่งทำให้เขาสังเกตเห็นเธอได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเขาว่ายไปถึงตัวเธอ เขาใช้มือจับแขนของเธอก่อนออกแรงดึงร่างของเธอให้ขึ้นไปอยู่ในระดับที่พอเหมาะ แล้วใช้มืออีกข้างโอบรอบเอวของเธอเอาไว้ เขาดึงเธอให้เข้ามาใกล้เขามากขึ้นแล้วนำแขนข้างที่เขาจับไว้ขึ้นมาพาดบ่า จากนั้นก็รีบว่ายขึ้นไปให้พ้นผิวน้ำให้เร็วที่สุด ก่อนที่อากาศหายใจจะหมดไป เขาเหลือบมองเด็กสาวผมแดงอมส้มที่อยู่ติดกับเขา........
เธอตัวเล็กและเบากว่าที่เขาคิด.........
ร่างสองร่างโผล่พ้นขึ้นมาบนผิวน้ำของทะเลสาบ เขาอ้าปากหอบหายใจเพื่อให้ได้รับอากาศให้ได้มากที่สุด ก่อนจะรีบว่ายให้ถึงริมฝั่งให้เร็วที่สุด เมื่อมาถึงริมฝั่งที่เขาวางของเอาไว้แล้ว เขาจึงยกร่างของเธอให้ขึ้นไปบนฝั่งก่อนที่เขาจะตามขึ้นไป แล้วใช้แขนทั้งสองข้างอุ้มเธอให้มานอนห่างจากชายฝั่งพอประมาณ
เขานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆเธอก่อนจะใช้มือค่อยๆเกลี่ยเส้นผมสีแดงอมส้มที่ติดใบหน้าของเธอออก เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ขาวซีด คิ้วโก่งได้รูปและขนตายาวเป็นแพสีเดียวกันกับเส้นผม จมูกโด่งเชิดรั้นบ่งบอกนิสัยของเจ้าตัว ริมฝีปากได้รูปสีแดงระเรื่อรับกับใบ้หน้า รูปลักษณ์ของเธอทำให้เธอดูราวกับตุ๊กตากระเบื้อง
" นี่!..... " เขาใช้ฝ่ามือตบแก้มของเธอเบาๆเพื่อเรียกสติ ก่อนจะเลื่อนมือไปอังบริเวณจมูกของเธอเพื่อทดสอบว่าเธอยังคงหายใจอยู่.....และโชดดีที่มันเป็นเช่นนั้น แต่ลมหายใจของเธอก็แผ่วเบามาก
" .................. " ไม่มีอะไรตอบกลับมานอกจากความเงียบ นั่นทำให้เขาประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่กลางหน้าอกของเธอค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อยบริเวณหัวใจ ก่อนจะออกแรงกดขึ้นและลงอย่างรวดเร็วและเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขาทำมาได้สักพัก แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย.....นั่นทำให้เขาต้องเลือกวิธีสุดท้าย...........
ผายปอด..........
เหลือแค่วิธีนี้สินะ........
เขาสูดลมหายใจก่อนจะก้มลงประกบปากกับคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ.......มันให้ความรู้สึกที่แปลก อย่างที่เขาไม่เคยพบมาก่อน......นั่นก็เพราะว่า เขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ทำไมเขาต้องยอมทำอะไรแบบนี้ด้วย มันไม่ใช่ตัวเขาเลย......
เขาเป่าอากาศเข้าไปในปากของเธอสลับกับใช่มือทั้งสองข้างกดขึ้นและลงตรงบริเวณหัวใจ เขาทำสลับกันแบบนั้นไปหลายรอบ ทั้งผายปอดทั้งนวดหัวใจ จนกระทั้งเธอเริ่มสำลักน้ำออกมา
เขาจ้องมองเธอที่กำลังฟื้นขึ้นมา เปลือกตาที่ปกปิดดวงตาสีน้ำทะเลลึกเปิดขึ้นมาอย่างยากลำบาก เหมือนเธอกำลังพยามยามปรับสายตาให้เข้ากับแสง ก่อนที่ดวงตาสีน้ำทะเลลึกของเธอจะจ้องมองมาที่เขาและเบิกโพลงด้วยความตกใจ
เป็นอะไรของเธอ........
" แก......... " เสียงของเธอแม้จะอ่อนแรงแต่ก็แข็งกระด้าง ดวงตาสีน้ำทะเลลึกจ้องมาทางเขาอย่างมุ่งร้าย
เขานึกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ เขาจะได้เจอกับเจ้าหญิงคางุยะเสียอีก......
แต่ดูเหมือนว่าเขาคงได้เจอกับเจ้าหญิงม้าดีดกระโหลกแทน..........
*ยูกาตะ นั้นถือเป็น ชุดกิโมโนสำหรับฤดูร้อน โดยจะเป็นผ้าที่มีเนื้อผ้าเบาบาง และนิยมใส่ชั้นเดียว
*คาตานะ (ญี่ปุ่น: 刀 かたな katana, นิยมทับศัพท์เป็น "คาตานะ") เป็นดาบญี่ปุ่น มีลักษณะคมด้านเดียว เพื่อฟันหรือตัด ไม่หัก ไม่งอ และคม มีวิธีการผลิตเฉพาะในญี่ปุ่นคือ เอาโลหะมาเผาและตีแผ่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนได้ดาบที่มีความแข็งแรง คม คะตะนะถือโดยชนชั้นซามูไรในญี่ปุ่นสมัยศักดินา จึงได้ชื่อว่า "ดาบซามูไร"
*ตำนานเจ้าหญิงคะงุยะ (ญี่ปุ่น: 竹取物語 หรือ かぐや姫, อังกฤษ: The Tale of the Bamboo Cutter หรือ The Tale of Princess Kaguya) เป็นตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 ที่ถือกันว่าเป็นวรรณกรรมญี่ปุ่นชิ้นที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นตัวอย่างของที่มาของนวนิยายเชิงวิทยาศาสตร์
เรื่องดำเนินไปโดยมีศูนย์กลางคือเด็กหญิงที่ไม่ทราบที่มา ชื่อ คะงุยะฮิมะ (Kaguya-hime) ที่คนตัดไผ่ไปพบเมื่อยังเป็นทารกภายในปล้องไผ่ที่เรืองแสง กล่าวกันว่าคะงุยะมาจากจันทรประเทศ (月の都) และมีผมที่ “เงาวาวเหมือนทอง”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น