ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ONE TIME : นาฬิกาเรือนนั้น
ONE TIME : นาฬิกาเรือนนั้น
Kagura(神楽) POV :
ความเงียบกลืนกินไปทั่วบริเวณสุสาน มันดูเป็นที่เงียบสงบ หากไม่มีป้ายหลุมศพตั้งอยู่หลายร้อยอันให้หลอนเล่น หากมาเยือนยามวิกาล แต่เธอไม่ได้เกิดกลัวเลยสักครั้งเวลาที่เธอมาเยี่ยมเขา........
เธอและเจ้าสุนัขสีขาวตัวใหญ่กำลังยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพที่มีชื่อของกินโทกิสลักเอาไว้ หน้าป้ายตรงแท่นวางของมีของมากมายที่ชายหนุ่มผมเงินชอบ และดอกไม้สดในแจกันที่มีคนมาเปลี่ยนให้แทบจะทุกวัน
สงสัยทุกคนคงมาเยี่ยมเขาก่อนเธอแล้วงั้นสินะ.........
มันผ่านมาได้สองอาทิตย์แล้ว....ที่เขาได้จากไป เกือบทุกคนในคาบุกิโจดูซึมเศร้า โดยเฉพาะเธอกับชินปาจิ
ตั้งแต่ที่กินโทกิจากไป เธอก็เก็บตัวเงียบไม่ยอมออกไปไหน ไม่ยอมพูดกับใคร มีเพียงซาดาฮารุเท่านั้นที่อยู่กับเธอ
เธอกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจากับใคร....แม้แต่กับชินปาจิ เธอสามารถนับคำที่เธอพูดกับเขาไปได้ทั้งสองอาทิตย์ เธอไม่ได้ไม่อยากพูดกับเขาหรือโกรธที่เขาไปช่วยกินโทกิไม่ทัน แต่เธอโกรธตัวเองที่ช่วยอะไรกินโทกิไม่ได้ เลยไม่กล้าสู้หน้าชินปาจิ......
" อากินจัง...ตอนนี้ลื้อเป็นยังไงบ้างน่อ? "
คำถามซึ่งไร้คำตอบ...เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ.......
น้ำตาที่พึ่งเหือดแห้งไปไม่กี่ชั่วโมง เริ่มเอ่อคลอรอบดวงตาอีกครั้ง เธอพยายามใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้หมดไป แต่มันก็ไม่ยอมหมดไปซักที น้ำตาน่ะ........
บ็อกๆ!
เหมือนซาดาฮารุจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ มันเห่าเสียงเบาก่อนจะเอาหัวที่มีขนสีขาวนุ่มนิ่มมาถูกับตัวเธออย่างปลอบโยน
" ขอบใจน่อ ซาดาฮารุ " เธอรูปหัวมันอย่างเอ็นดูเป็นการตอบแทน
พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา พร้อมกับกลิ่นของควันบุหรี่ ทำให้เธอต้องหันไปมองตามสัญชาตญาณ ซาดาฮารุแกว่งหางไปมาเหมือนเจอคนรู้จัก
" ไง ยัยหมวย...มาเยี่ยมเจ้าหมอนี่เหมือนกันเหรอ? "
จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากรองหัวหน้าปีศาจแห่งชินเซ็นกุมิ เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเธอ
" .................... " เธอไม่ได้ตอบอะไรเขาไป แต่กลับหันหน้ามามองทางป้ายหลุมศพแทน
" เจ้าบ้านั่น มันจะรู้ตัวหรือเปล่า? ว่าทำให้คนทั้งเมืองเป็นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะ....... "
ฮิจิคาตะเว้นวรรคไปชั่วครู่ ทำให้เธอต้องอดหันไปมองใบหน้าของเขาไม่ได้
ยิ่งเธอมองเขา ยิ่งคิดว่าเขามีใบหน้าที่คล้ายกับกินโทกิ...........
" เธอน่ะ ยัยหมวย....."
ฮิจิคาตะหันมามองเธอกลับ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มสบกับดวงตาสีน้ำทะเลลึกไปสักพักก่อนจะผละไปมองป้ายหลุมศพแทน
" อั๊วน่าจะตายไปด้วย.....ทำไมพวกนั้นถึงไม่ฆ่าอั๊วกันน่อ.... " เธอเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า แต่ก็ยังเข้าหูของเขาอยู่ดี
" มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้วหนิ....เจ้าหมอนั่นก็คงไม่อยากให้เธอตายหรอก " เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนจะยื่นบางอย่างมาให้เธอ
สาหร่ายดอง?.........
" ฉันไปซื้อบุหรี่แล้วได้แถมมาน่ะ......ถ้าเหงาก็ไปเล่นกับเจ้าโซโกะที่ชินเซ็นกุมิได้นะ ฉันไปก่อนล่ะ "
ชายหนุ่มผมซอยสั้นสีดำขลับ ยกมือขึ้นลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน ก่อนหันหลังแล้วเดินจากเธอไป
ดวงตาสีน้ำทะเลลึกของเธอเบิกกว้างกับการกระทำของฮิจิคาตะ
การกระทำของเขาช่างเหมือนกับกินโทกิเหลือเกิน..........
.
.
.
.
ตอนนี้เธอกำลังเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยตามถนนย่านคาบุกิโจ ส่วนซาดาฮารุก็ไปวิ่งเล่นที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ผู้คนมากมายทั้งชาวเอโดะและชาวสวรรค์เดินกันขวักไขว่ไปมาตามท้องถนน ร้านค้าเปิดให้บริการลูกค้าอย่างครึกครื้น ทุกคนใช้ชีวิตของตนได้อย่างปกติ
มีแต่เธอเท่านั้นแหละ ที่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.......ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนนี้เธอคงเดินบนถนนนี้กับกินโทกิและชินปาจิ
แต่มันคงไม่มีอีกแล้วล่ะ............
" หัวหน้า! " เสียงที่คุ้นเคยดึงเธอออกมาจากความคิด
" ซึระ....... " เธอเอ่ยชื่อเล่นของเขาแผ่วเบา พลางมองเลยไปข้างหลังของเขา เห็นเจ้าตุ๊กตามาสคอตคล้ายๆเป็ดถือป้ายทักทายเธอ
'สวัสดี คางุระจัง'
เมื่อกินโทกิไม่อยู่แล้ว คาซึระจึงเป็นคนดูแลเธอทางอ้อมไปโดยปริยาย เขามาหาเธอบ่อยๆ และค่อยเอาข้าวปลาอาหารหรือขนมมาให้เธอและซาดาฮารุอยู่เป็นประจำ ถึงแม้เธอจะยังมีโอโทเซะที่คอยเลี้ยงดูเธออยู่ก็เถอะ
" ช่วงนี้เห็นหัวหน้าไม่ค่อยร่าเริงเลย...มีอะไรก็บอกผมได้นะ " ชายหนุ่มผมยาวสลวยสีดำขลับเอ่ยทักเธอด้วยความเป็นห่วง
เธอรู้ว่าคาซึระรู้ดีว่าเธอเป็นอะไร......แต่เขาแค่ไม่อยากพูดเรื่องของกินโทกิขึ้นมาทำให้เธอต้องเศร้า
" เปล่าน่อ....อั๊วแค่.... "
เธอพูดแล้วหยุดเว้นวรรคไปสักพัก.....เธอไม่รู้จะสรรหาคำพูดใด มาทำให้คนตรงหน้าเลิกเป็นห่วงเธอ
" รู้แล้วล่ะ...ไม่ต้องพูดแล้วก็ได้ "
คาซึระพูดกับเธออย่างเข้าใจ เมื่อเห็นเธอทำท่าทางคิดหนัก ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมารูปหัวเธออย่างอ่อนโยน
ใบหน้าหวานของเขาดูฉงนไปเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววฉงนปนเอ็นดู คงเพราะเมื่อก่อนเธอมักจะชอบปัดมือเขาทิ้งทุกครั้งที่เขาเอามือมาลูบหัวเธอ แต่ครั้งนี้เธอกลับปล่อยให้เขาเอามือรูปหัวเธอต่อไปโดยไม่ปัดทิ้ง
" งั้นผมขอตัวก่อนนะ...หัวหน้า " เขาบอกลาเธอเสร็จก่อนจะเดินจากไป
ก่อนจากไป อาลิซาเบธก็ยกป้ายขึ้นมาบอกลาเธอเช่นกัน
' แล้วเจอกันใหม่นะ คางุระจัง '
.
.
.
.
เธอไม่รู้ตัวว่าตัวเองเดินมาถึงไหนแล้ว รู้ตัวอีกทีก็อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเสียแล้ว ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบตัว ก่อนจะสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เธอถึงกับต้องเดินตาม.........
เธอเห็นชายคนหนึ่ง สวมใส่ยูกาตะสีม่วงลายผีเสื้อสีทองที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีเข้ม เขาสวมหมวกสานไม้ไผ่ปิดบังใบหน้า และในมือของเขาถือกล้องยาสูบแบบยาว ถึงผู้คนจะมีมากมายเพียงใด แต่เธอก็สามารถมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน
ต้องเป็นเจ้านั่นแน่ๆ ทากาสุงิ!!..............
ภาพของกินโทกิที่โดนแทงทะลุหน้าอกยังคงติดตาเธอมาจนถึงทุกวันนี้
ในมือข้างขวาที่ถือร่มและข้างซ้ายที่แนบอยู่ข้างลำตัวกำหมัดเอาไว้แน่นจนเธอรู้สึกว่าเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
ร่างของเขาเริ่มจะหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอต้องวิ่งตาม......
เธอตามเขามาจนถึงส่วนของย่านร้านค้าที่ไม่ค่อยจะมีผู้คนมากมายนัก มันดูโล่งเกินไปสำหรับย่านคาบุกิโจเสียด้วยซ้ำ
รู้สึกเหมือนเธอจะคลาดสายตาจากเขาและได้แต่หันไปมาเพื่อหาเขา จนกระทั่งได้ยินเสียงกระดิ่งประตูของร้านค้าร้านหนึ่งเข้า........
กริ๋ง~
ไม่รอช้า เธอรีบเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปในร้านทันที........ดูเหมือนว่าจะเป็นร้านนาฬิกา เธอเดินสำรวจดูภายในร้าน พร้อมกับมองหาเจ้าของร้าน แต่ดูเหมือนว่าทั้งร้านจะมีแค่เธอ
ร้านนาฬิการ้านนี้มันดูไม่ได้ใหญ่โตมากนัก มีนาฬิกาที่วางขายภายในร้านหลายเรือนดูเหมือนนาฬิกาทั่วไป แต่มีนาฬิกาเรือนหนึ่งที่ทำให้เธอต้องสะดุดตา......
มันเป็นนาฬิกาเก่าตั้งโต๊ะขนาดใหญ่ตามแบบตะวันตกดูเรียบหรู ตัวของมันถูกแกะสลักให้เป็นลายดอกไม้และใบไม้ต่างๆนานาดูสวยงาม
แปลกมาก.....มันดูแพงเกินกว่าที่จะอยู่ในร้านนี้.............
สิ่งที่หน้าแปลกอีกอย่างคือ เวลาที่เธอมองเข้าไปตรงหน้าปัดนาฬิกา มันรู้สึกเหมือนกำลังโดนดูดเข้าไปอย่างไงอย่างนั้น............
เธอจ้องหน้าปัดนาฬิกาอยู่สักพัก ก่อนจะรู้สึกเหมือนว่านาฬิกามันหมุนทวนเข็ม..........ไม่ใช่แค่เรือนนี้....แต่เป็นไปทั้งร้าน! และดูเหมือนว่ามันจะหมุนทวนเข็มเร็วขึ้นเรื่อยๆด้วย
" นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันน่อ?! " คางุระพูดกับตัวเองอย่างงุนงง
ก่อนที่เธอจะเอามือไปแตะเข้ากับหน้าปัดของนาฬิกา.....
วูบ!
.
.
.
.
เธอรู้สึกว่ารอบตัวของเธอนั้นเป็นสีขาวโพลน ทุกอย่างมันดูว่างเปล่าและมีแต่พื้นที่สีขาวเต็มไปหมด.....แล้วจู่ๆทางข้างหลังของเธอที่เคยเป็นสีขาวโพลนมาก่อน กลับกลายเป็นสีดำอันมืดมิดที่ค่อยๆกลืนกินพื้นที่สีขาวเข้ามาเรื่อยๆ.......
" ทางนี้ "
เหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงใครสักคนเรียกให้เธอไปหา น้ำเสียงมันช่างคุ้นเคย แต่เธอกลับจำไม่ได้
" มาทางนี้....เร็วเข้า "
เธอหันไปมองพื้นที่สีดำที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา ก่อนจะวิ่งตามเสียงนั้นไป....จนเจอเข้ากับเสา*โทริอิที่ชาวเอโดะมักจะสร้างตั้งไว้ก่อนถึงศาลเจ้า
เธอมองไปที่ต้นเสาที่ตั้งเป็นซุ่มประตูสูงตะหง่านนั่น....
" วิ่งรอดผ่านมันเข้ามาสิ " เสียงนั่นยังคงกระซิบบอกกับเธอ
เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งผ่านเสาโทริอิไปทันที..........ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำอันมืดมิด
*โทริอิ (ญี่ปุ่น: 鳥居 Torii , ความหมาย: ที่ของปักษา) คือซุ้มประตูแบบญี่ปุ่น ตั้งไว้เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ว่า อาณาเขตเบื้องหลังเสาโทะริอินี้เป็นอาณาเขตของเทพเจ้า เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่เผลอกระทำการอันจะเป็นการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โทะริอิสามารถพบได้ตามศาลเจ้าชินโตตลอดจนวัดพุทธบางแห่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในแผนที่ของญี่ปุ่น จะใช้สัญลักษณ์โทะริอิ เป็นเครื่องหมายบอกตำแหน่งศาลเจ้าต่างๆ นอกจากนี้ อาจพบโทะริอิได้ถามทางเดินและท้องถนนทั่วไปที่แถวนั้นอาจมีเจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ หรือแม้แต่ในป่าหรือภูเขาลึกบางแห่ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น