ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [คลังเก็บประวัติ]

    ลำดับตอนที่ #5 : Profile :: มรรคา [Male / Age : 17]

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 52


    1. ชื่อ-นามสกุลของตัวละคร – มรรคา  อัครกุล

     

    2.ชื่อเล่นของตัวละคร – มัค

     

    3.อายุ  -  17

     

    4.เพศ  - ชาย

     

    5.เชื้อชาติ – ไทย

     

    6.ลักษณะของตัวละคร (สีผม สีตา เครื่องประดับ ชุดเสื้อผ้า ฯลฯ เอาละเอียดยิบ ๆ ไปเลย) –

    มรรคาเป็นเด็กหนุ่มร่างสูง (ประมาณ 181) และค่อนข้างสมส่วน จริงๆแล้วเป็นคนผิวขาวแต่เพราะชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ผิวส่วนที่โดนแดดจึงคล้ำและกร้าน ผมสีดำสั้น มรรคาไม่ได้ดูแลอะไรมันเป็นพิเศษนอกจากเล็มเองด้วยกรรไกรตัดกระดาษทุกๆสองเดือน เขามีโครงหน้าเรียวยาว ดวงตาคมสีเทาเข้ม จมูกโด่งได้รูป รวมๆแล้วก็ถือได้ว่าเด็กหนุ่มเป็นคนที่ดูดีคนหนึ่ง

    เรื่องการแต่งตัว  มักเป็นเสื้อยืดสีเข้ม กางเกงยีนรองเท้าผ้าใบกับเป้สีดำ เจ้าตัวถูกจับแต่งตัวแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเข้ามาในฟอร์จูนใหม่ๆ โดยนักบำบัดคนหนึ่งซึ่งรับหน้าที่ดูแลเขาอยู่  เพราะนักบำบัดคนนั้นค้นพบว่าเซ้นต์ทางการแต่งตัวของมรรคคานั้นย่ำแย่เป็นที่สุด ถ้าให้มรรคาเลือกชุดใส่เองล่ะก็คุณจะได้เห็นเด็กหนุ่มในชุดสีฉูดฉาด ปักเลื่อมวิวับ ลายไทยฉวัดเฉวียน (พร้อมชฎาที่ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน) เหมือนตัวละครในการแสดงโขนอย่างไรอย่างนั้น

     

    7. นิสัยตัวละคร (ละเอียดยิบ) –

                    โดยปกติแล้วจะเป็นคนที่ยิ้มแย้ม เรียกได้ว่าแทบไม่เคยโกรธใคร อย่างมากก็แค่ไม่พอใจ แปบเดียวก็หายเป็นปลิดทิ้ง ให้ความสำคัญกับคนรอบข้างอยู่เสมอแต่ไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าที่ควร ทั้งนี้เพราะเด็กหนุ่มมีมุมมองแง่ลบเกี่ยวกับตัวเอง  มักแสดงอารมณ์ทางสีหน้า โกหกไม่เก่ง รักการใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไป คือ ไปโรงเรียน เล่นกีฬา ทำงานที่ร้าน รู้จักคนเยอะ (ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่เล่นกีฬาหลังเลิกเรียนด้วยกัน) แต่ไม่สนิทเพราะ เจ้าตัวมักจะขีดเส้นระหว่างเพื่อนๆที่โรงเรียนกับตนเองไว้เสมอ หากรู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เกินไป มรรคาก็มักจะขยับออกห่างโดยไม่รู้ตัว ผลการเรียนด้านวิชาการอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี โดดเด่นด้านกีฬา แต่ติดลบ (อย่างมาก) ด้านดนตรีและศิลปะ

                    มรรคาจริงจังและพยายามเกินกว่าเหตุเสมอกับภารกิจจากฟอร์จูน เพราะมรรครู้สึกอยากตอบแทนบุญคุณขององค์กรซึ่งช่วยเหลือเขาจากวันเวลาที่เหมือนอยู่ในนรกในสถานบันวิจัย และยังช่วยบำบัดการเปลี่ยนร่างของเขาให้มีความถี่น้อยลงจนสามารถออกไปใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติคนหนึ่ง  

    เขาเพิ่งเข้ามาอยู่ในองค์กรได้เพียง 3 ปีเศษ และถูกส่งมาทำงานที่สาขาปัจจุบันเป็นสาขาแรกเมื่อหนึ่งปีก่อน ในการทำภารกิจเด็กหนุ่มเป็นพวกไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น  ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเขาก็เพียงแค่ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้สุดความสามารถโดยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เขาจะต้องตัดสินใจเลือกอะไรสักอย่าง  คือเป็นพวกกลัวความผิดพลาดเสียจนไม่กล้าจะทำอะไรสักอย่าง  เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นของผิดพลาด เพราะช่วงที่เป็นหนูทดลองนั้นเขาถูกพูดกรอกหูเช่นนี้ทุกวันนั่นเอง

     

    เพิ่มเติมเรื่องความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ส่วนตัว

                    มองโลกในแง่ดี  แต่มองตนเองในแง่ลบ  ขี้เกรงใจไม่ชอบรบกวนหรือขอร้องใคร แต่เรื่องให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเนี่ยขอให้บอก พูดไม่เก่งแต่กลับไม่ชอบอยู่เงียบๆ ดังนั้นหลายครั้งหัวข้อที่มรรคาเป็นฝ่ายชวนคุยอาจจะเป็นเรื่องอะไรที่ซ้ำซากและน่าเบื่อ เช่น เรื่องของดินฟ้าอากาศ  ชอบเออ ออไปกับคนรอบข้างประมาณว่าคนอื่นว่าไงเขาก็เห็นดีด้วย เว้นแต่เรื่องบางเรื่องที่อาจจะผิดศีลธรรมหรือผิดกาลเทศะ เป็นคนพูดจาสุภาพกับทุกคน

                    มรรคาเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง ใครจะโกรธจะเกลียดจะรักจะชอบตนอย่างไร เจ้าตัวก็รู้หมด แต่ก็ไม่แสดงออก และปฏิบัติต่อทุกคนได้อย่างเท่าเทียม คือทำหน้าตาใสซื่อ ยิ้มกับเขาไปทั่ว เพราะคิดว่านี่เป็นการแสดงออกที่ดีที่สุดแล้ว แต่บางทีการกระทำนี้ก็ทำให้ถูกหมั่นไส้เอาได้ง่ายๆเหมือนกัน

                     

    8. อาวุธ (ละเอียด !) –

                    อาวุธของมรรคา คือ เพลงมวยประยุกต์ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากหรือมวยไชยา

     

    เพิ่มเติมเรื่องพาหุยุทธ์มวยไทยไชยา

                    มวยไทยไชยานี้ นอกจากมือเท้าเข่าศอกที่เห็นได้ทั่วไปในมวยไทยกระแสหลักแล้วยังมีวิชาที่ถูกลืมอย่างการ "ทุ่ม ทับ จับ หัก" ซึ่งมีความร้ายกาจไม่แพ้วิชาการ ทุ่ม การล็อคของศิลปะการต่อสู้อื่น หลักมวยอื่น ๆ ยังมีที่เป็นคำคล้องจองแต่มีความหมายลึกซึ้งทุกคำ อย่าง " ล่อ หลอก หลบ หลีก หลอกล่อ ล้อเล่น " หรือ "กอด รัด ฟัด เหวี่ยง " ซึ่งเป็นวิชาการกอดปล้ำแบบหนึ่งซึ่งหาไม่ได้แล้วในมวยไทยสมัยปัจจุบัน หรือแม้กระทั่ง “ล้ม ลุก คลุก คลาน " ซึ่งเป็นการฝึกม้วนตัว ล้มตัว

                    การต่อสู้ของมวยโบราณอย่างมวยไทยไชยานั้นจึงไม่จำกัดเฉพาะการยืนต่อสู้เท่านั้น การต่อสู้เมื่อจำเป็นต้องล้มลงก็ทำได้ และด้วยพื้นฐานของมวยไทยโบราณที่ถูกสร้างให้ใช้ในการศึกสงคราม การต่อสู้กับศัตรูพร้อมกันหลายคนนั้นเป็นอีกมิติหนึ่งที่ทำให้มวยไทยไชยาเป็นมวยที่ร้ายกาจ  นอกจากนี้มวยไทยไชยายังเป็นมวยที่มีลีลางดงามและแฝงไปด้วยความเฉียบคมรวดเร็ว ในวิชาพาหุยุทธ์มวยไทยไชยานี้ไม่ได้มีแค่อวัยวุธ หมัด เท้า เข่า ศอกเท่านั้น แต่ยังจะมีวิชาที่ผสมผสานกับอวัยวุธอย่างกลมกลืนจากการ จับ ล็อค หัก ด้วยวิชา ทุ่มทับจับหัก ล้มลุกคลุกคลาน ประกบประกับจับรั้ง และอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ค่อยพบเห็นกันในปัจจุบัน

                    คำอธิบายท่าพร้อมรูป เชิญทางนี้เลยค่ะ >>  http://www.muaychaiya.com/pahu1.html

     

    9.ลักษณะพิเศษทางกายภาพของตัวละคร  -  

                    มีประสาทสัมผัส ความคล่องแคล่ว และสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนปกติทั่วไปเพราะผลจากการตัดต่อพันธุกรรม

     

    10.คำพูดติดปาก (ถ้ามี) –  -

     

    11.ชอบ –  ไปโรงเรียน  ช่วยงานที่ร้าน

     

    12. เกลียด –  ร่างกายของตน

     

    13. หวง – ไม่มี

     

    14. กลัว –  การที่บุคคลรอบข้างได้รับอันตราย

     

    15. สิ่งที่มักทำเป็นประจำ – เล่นบาส เล่นบอลไปตามเรื่อง  ช่วยงานที่ร้าน

     

    16. ความสัมพันธ์กับคนในกลุ่ม – สนิทกับใครมากที่สุด รู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร ต่อคนในกลุ่ม ตัวละครของคุณปฏิบัติตัวเช่นไรกับคนนั้นๆ เอาให้ละเอียดยิบไปเลย แจงไปทีละคน

                    16.1 ลุงเมฆ  - ออกแนวเคารพ นับถือเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง  รู้สึกว่าลุงเมฆอายุเยอะแล้ว ไม่อยากให้ทำงานหนักไปนัก  ช่วยอะไรได้ก็ช่วย (ทั้งงานที่ร้านและฟอร์จูน)

                    16.2 พี่เจน -  เจนมีบุคลิกที่เปิดเผย และดูจะรู้ทันมรรคาอยู่หน่อยๆ  เลยรู้สึกสนิทใจเวลาอยู่ด้วย  สรุปก็คือสนิทและเล่นด้วยกันได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว  

                    16.3 พี่ฟง -  เคารพในฐานะพี่สาว  และชื่นชมในฐานะหัวหน้ากลุ่ม  เพราะมรรคาคุยไม่เก่ง และบุคลิกของฟงก็ไม่ใช่คนช่างพูด  ทั้งสองจึงไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่   

                    16.4 มรรคา -   

                    16.5 ยิปซี – เพราะเป็นเด็กผู้ชายอายุใกล้ๆกัน มรรคาเลยรู้สึกว่ายิปซีเป็นเพื่อนมากกว่าน้องชาย  คุยกันง่ายแล้วก็เข้ากันได้ดีพอสมควรแม้บางทีจะคิดว่าพฤติกรรมของยิปซีมันแปลกๆ ไปบ้างก็ตาม (ฮา..)

     

    17. คุณเข้าองค์กรมาได้อย่างไร - ช่วยระบุประวัติมาแบบละเอียด ตั้งแต่พ่อ แม่คุณเป็นใคร (ในกรณีที่ต้องการปิดเป็นความลับ และ หรือมันไม่ปรากฏในเนื้อเรื่องแน่นอนไม่ต้องละเอียดครับ ไม่เขียนก็ได้ ถ้าสำหรับตัวละคร และเนื้อเรื่องมันไม่จำเป็น)

                    เดิมทีแล้วมรรคาเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสุราษฏร์ธานี บ้านเปิดสำนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงมาก  จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนจากองค์กรลึกลับ เข้ามาเจรจาอะไรบางอย่างกับพ่อแม่ของเขา  แต่ทั้งสองไม่ตกลงร่วมมือด้วย ต่อมาสำนักจึงถูกโจมตีโดยคนขององค์กรนั้น พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตลงในเหตุการณ์ครั้งนี้และ มรรคาถูกขายให้กับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ที่นำตัวเขาไปเป็นหนูทดลองในการทดลองเกี่ยวกับการตัดต่อพันธุกรรมของคนและสัตว์  

    มรรคาถูกตัดต่อพันธุกรรมเข้ากับหมาป่า เขาเป็นหนึ่งในล้านของตัวทดลองที่สามารถทำได้สำเร็จ แต่ยังไม่สมบูรณ์  เพราะบางช่วงร่างกายของมรรคามีการเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์ไปเป็นอมนุษย์  อีกทั้งยังมีอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและความทรงจำตอนยังเป็นมนุษย์  เขาใช้ชีวิตอยู่ในนั้นด้วยความกดดันและหวาดกลัวถึง 2 ปี ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรฟอร์จูน  ทางฟอร์จูนเล็งเห็นความสามารถทางกายภาพที่เพิ่มขึ้นจากการถูกตัดต่อพันธุกรรมของมรรคา จึงรับตัวมรรคามาดูแลและช่วยบำบัดการกลายร่างให้มีความถี่น้อยลงเท่าที่จะทำได้

     

    เพิ่มเติมเรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย

                    มรรคาในร่างของอมนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนหมาป่า แต่ยืนสองขาเหมือนมนุษย์  ใบหน้าจะยาวยื่นออกมา มีขนสีดำสนิทปกคลุมตัว มีเขี้ยวและเล็บยาว ดวงตาแดงก่ำ  ประโยชน์อย่างเดียวที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงร่างกายคือ ความสามารถทางด้านกายภาพจะเพิ่มขึ้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าจะไวขึ้นกว่าเดิมมาก โทษที่เกิดขึ้นคือ มรรคาอาจสูญเสียการควบคุมของตัวเองไป ทำให้เป็นอันตรายกับคนรอบข้าง และขณะเปลี่ยนร่างมรรคาจะได้รับความเจ็บปวดมาก

                    ปัจจัยในการเปลี่ยนร่างของมรรคา คือ อารมณ์ด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นโกรธ เกลียด กลัว ฯลฯ เมื่อก่อนเขาเคยมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ให้คงที่ แต่เมื่อได้รับการบำบัด อารมณ์ด้านลบของมรรคาก็น้อยลงมาก (จนแทบจะไม่เหลือให้เห็นเลย)  ปัจจุบันนี้ถ้าไม่ใช่เหตุการณ์ร้ายแรงจริงๆหนูมัคจะยิ้มสู้อย่างเดียวฮ่ะ

                    ปัจฉิมลิขิต  ปัจจัยในการเปลี่ยนร่างของมรรคาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับดวงจันทร์นะคะ (ฮา...)

    พูดกันจริงๆแล้วมรรคาขยะแขยงร่างกายของตนเองและไม่คิดว่าตนเองเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดจะดูแลตนเองเลย  เวลาปฏิบัติภารกิจมักจะอาสาขอรับหน้าที่เสี่ยงอันตรายไว้เอง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่สนใจความเป็นความตายของตนและอีกส่วนก็เพราะไม่อยากให้คนรอบข้างได้รับอันตรายใดใดทั้งสิ้น

                    มรรคาไม่เคยออกปากพูดเรื่องอีกร่างของตนกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นใครในฟอร์จูนก็ตาม มันเป็นความลับที่เขาไม่อยากให้ใครรู้มากที่สุดในชีวิต ทางฟอร์จูนเองก็เข้าใจความรู้สึกของเขาและไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้ใครรับรู้นอกจากทีมแพทย์ที่เป็นผู้บำบัดมรรคาและสมาชิกฟอร์จูนบางคนเท่านั้น เขามักจะหายไปเดือนละ 2 – 3 วันเพื่อเข้ารับการบำบัดที่องค์กรเสมอ โดยจะบอกทุกคนในสาขาไปตามตรงว่า เขาจำเป็นต้องไปทำธุระที่นั่นแต่ไม่ได้บอกว่าไปทำอะไร  

                                   

    18. ใน 4 คน คุณทำหน้าที่อะไร –

     

    19.เข้ามาในสาขากี่ปี่แล้ว –  1 ปี

     

    20.ตัวละครคุณมีความลับอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า!! – ความลับเรื่องอีกร่างของตน (เขียนไว้แล้วในย่อหน้าสุดท้ายของ เพิ่มเติมเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย)

     

    เพิ่มเติมเรื่องศาสตร์ในการใช้บำบัดจิตใจของมรรคา

    มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ประกอบด้วย กายและจิตซึ่งมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง  ตอนที่มรรคาถูกดัดแปลงพันธุกรรมนั้น เขายังเป็นแค่เด็กอายุ 12 ปี  และยังต้องทนรับเรื่องที่หนักหนามาก คือ การเห็นพ่อแม่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา ทำให้ ‘จิต’ ของมรรคาเว้าแหว่งและบิดเบี้ยวไป เมื่อจิตมีปัญหาแล้ว ร่างกายเองก็ไม่มีความสมบูรณ์ดั่งเดิม ทำให้ภูมิคุ้มกันของเขาไม่เกิดการต่อต้านพันธุกรรมแปลกปลอมจากหมาป่า และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การตัดต่อพันธุกรรมของมรรคาประสบความสำเร็จ

    พันธุกรรมของหมาป่าในตัวมรรคาก็เป็นเหมือนโรคร้ายที่จะถูกกระตุ้นให้ตื่นได้โดยอารมณ์ด้านลบทั้งหลาย  (เช่น เครียด กังวล กลัว โกรธ เกลียด สับสน ตระหนก ฯลฯ) นักจิตบำบัดจึงได้พยายามที่จะฝึกมรรคาให้สามารถควบคุมอารมณ์เหล่านั้นให้ได้ โดยใช้หลายๆวิธีปนกันทั้งควบคุมการหายใจ นั่งสมาธิ คิดเชิงบวก  ออกกำลังกาย  รวมถึงการใช้สัมผัสบำบัด

     

    จิตประสาทภูมิคุ้มกันวิทยา

    ในปัจจุบันวงการแพทย์ยอมรับว่า จิตใจเชื่อมโยงกับระบบประสาทและสมอง ซึ่งส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงมีศาสตร์ใหม่อยู่แขนงหนึ่ง เรียกว่า “จิตประสาทอิมมูโนวิทยา” (Psycho-neuro-immunology) การทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน การทำสมาธิ การออกกำลังกาย (คลายเครียด) การมองโลกในแง่ดีหรือความคิดเชิงบวก (positive thinking) รวมทั้งการทำความดีโดยไม่เห็นแก่ตัว จึงถือเป็นหนทางสู่สุขภาพ เพราะการกระทำเหล่านี้มีผลต่อการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    อ้างอิงจาก http://www.doctor.or.th/node/3498

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×