ผมชื่อ เอก ครับ เรื่องราวความรักของผมอาจจะไม่หวานซึ้งเหมือนคนอื่นๆ เพราะเธอของผมคนนี้ ออกจะห้าวๆ ไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป คงอยากจะฟังกันแล้วใช่ไหมครับ งั้นไปฟังกันเลยนะครับ
ผมเจอเธอตอนผมอายุ 26 ปีแล้วครับ ผมคิดว่าผมน่าจะเจอเธอให้เร็วกว่านี้เพราะผมจะได้มีความสุขนานๆ แต่ถึงผมจะเจอตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป  ผมเจอเธอที่ โรงเรียนดนตรีแห่งหนึ่งครับ เผอิญว่าผมเข้าผิดบ้าน ผมจะไปหาเพื่อนผมที่บ้านของมัน และมันก็บังเอิญอีกว่าบ้านเพื่อนผมติดกับบ้านเธอ (ก็ที่เธอใช้เป็นโรงเรียนดนตรีนั่นแหละ) วันนั้นผมไปบ้านเพื่อนเป็นครั้งแรก เพราะเราเพิ่งรู้จักกันที่ทำงาน อ้อลืมบอกไปครับว่า ผมเป็นสถาปนิก วันนั้นผมรีบมาก ผมกำลังโกรธเพื่อนผมอยู่เรามีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อย ผมเลยกะว่า หลังจากคุยกับเพื่อนผมทางโทรศัพท์เพื่อถามไถ่ทางไปบ้านมันแล้ว ผมไปถึงจะเข้าไปคุยกับมันให้รู้เรื่องในทันที  พอผมขับรถไปถึงปุ๊บ ผมก็ลงจากรถแล้วเข้าบ้านเธอเลยครับ ด้วยความรีบ (บางทีผมก็คิดว่าเป็นพรหมลิขิตนะ)
“นี่  กูบอกมึงแล้วใช่ไหม ว่าให้มาถามกูก่อน เรื่องนี้อ่ะ”
พอผมพูดจบ เธอก็เดินออกมาจากห้องเล็กๆด้วยท่าทางตกใจ แล้วถามผมว่า
“อุ๊ย! คุณเป็นใครมิทราบ ฉันจะแจ้งตำรวจ”
แล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเธอ  ผมก็งงสิครับ อะไรกันนี่ ไหนไอ้เต้มันบอกว่ามันอยู่คนเดียว แล้วนี่ใครละเนี่ย หรือว่า น้องสาวมัน เธอไม่รอให้ผมคิดนานครับ เธอบอกว่า
“คุณออกไปดีกว่านะ ท่าทางก็แต่งตัวดี อย่าให้เรื่องถึงตำรวจเลย”
“เอ่อ นี่ไม่ใช่บ้านไอ้เต้หรือครับ ผมขอคุยกับไอเต้หน่อยครับ”
“ไม่มีหรอก  เต้ไหนอีกอ่ะ  บ้านนี้ฉันอยู่กับพ่อแม่ของฉัน รีบๆออกไปซะสิ”
“ ผมขอโทษนะครับ ผมจำผิดบ้าน ต้องขอโทษจริงๆ”
“คุณรีบๆออกไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้  คุณทำให้นักเรียนของฉันเสียสมาธิ”
ผมคิดในใจว่า ผู้หญิงอะไรดุเป็นบ้า แต่ผมก็ต้องยอมออกไปแต่โดยดี เพราะตอนนี้เธอกำลังอารมณ์เสีย อีกอย่างผมกลัวเธอแจ้งตำรวจด้วย
ผมเดินออกมาจากบ้านเธอแล้วผมก็โทรหาเพื่อนผมว่าผมไปผิดบ้าน มันหัวเราะแล้วบอกว่า บ้านมันก็อยู่ข้างๆบ้านเธอนั่นแหละ พอผมเจอเพื่อนผม ผมก็ลืมเรื่องที่ผมโกรธมันไปเลย แล้วหันมาถามเรื่องของเธอคนนั้นแทน ไอ้เต้บอกว่า เธอชื่อ กอล์ฟ ชื่อเหมือนผู้ชายเลยแฮะ ว่าแล้วทำไมห้าวขนาดนี้  ผมเลยถามข้อมูลจากไอเต้มาหมดเลย  เต้บอกว่าเธออายุน้อยกว่าผม 2 ปี  เธอเป็นครูสอนเปียโนที่บ้านของเธอ เพิ่งจะสอนได้ไม่นาน เธอนิสัยห้าวๆ แต่จริงๆแล้วใจดี หน้าตาเธอก็น่ารักดี  เต้บอกว่า กอล์ฟกับมันก็สนิทกันพอควร คุยกันบ่อยๆ แต่กอล์ฟปากร้าย ไอ้เต้เลย ไม่เคยคิดจะชอบ  ผมคิดว่าผมเริ่มสนใจในตัวเธอแล้วนะ  แปลกจัง ผมไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย 
หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมคิดว่าโชคคงไม่เข้าข้างผมเหมือนวันนั้นอีก ผมจึงไปหาเธอทุกวันที่บ้านเธอ โดยอ้างว่า ไปหาไอ้เต้ เลยแวะมาทักทาย
วันแรกที่ผมไป ผมวางแผนไว้เรียบร้อย ผมซื้อดอกลิลลี่ช่อโตครับ ผมซื้อไปให้เธอ
“สวัสดีครับ  ผมมาขอโทษเรื่องวันนั้นครับ”
“อืม ลืมไปแล้วนะเนี่ย แล้วซื้อดอกไม้มาด้วย โห นะ คนเรา เงินเหลือใช้หรือไงยะ”
“เอ่อ ปล่าวครับ แต่จะมาขอโทษจริงๆ”
ที่จริงเนี่ย ผมก็เริ่มฉุนนิดๆแล้วนะ อะไรกันอุตส่าห์มาขอโทษ ยังมาว่ากันอีก แต่ผมก็ไม่ได้เถียงกลับหรอกครับ  คุณคงคิดว่าผมกลัวเธอสินะปล่าวเลย ผมไม่ได้กลัวเธอ  ผมไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว
“อืม ขอบใจมากแล้วก็กลับไปได้แล้วไป”
“ ไม่กลับ  ผมอยากรู้จักคุณครับ  ชื่ออะไรหรือครับ  ผมชื่อเอก”
“อ้าวนึกว่ารู้ชื่อฉันจากไอเต้แล้วซะอีก ชื่อกอล์ฟยะ แล้วนี่อยากรู้จัก จะมาจีบฉันหรือ ตอนนี้ฉันไม่อยากมีแฟน”
โห ผู้หญิงอะไร หลงตัวเองชะมัดเลย ผมก็ได้แต่คิดในใจอีกนั่นแหละครับ ไม่อยากพูดออกไป (ขอย้ำผมไม่ได้กลัวเธอนะ)
“ไม่ได้มาจีบ อยากเป็นเพื่อนครับ”
“อืม  งั้นก็ได้  ชื่อเอกหรอ ทำงานอะไรล่ะ”
“เป็นสถาปนิกครับ”
“ฉันก็เป็นครูสอนเปียโนนี่แหละ สอนมาได้ปีเดียวเอง”
“เล่นเปียโนให้ฟังหน่อยสิครับ”
“นี่เอก เรียกชื่อเลยละกันนะ ไม่ต้องพูดครับหรอก ทีตอนมาหาไอเต้พูดกูมึงไม่ใช่หรอ พูดปกติก็ได้ พูดครับมากไป  มันเลี่ยน”
“ได้ครับ อ้อ ได้ๆ”
บอกตามตรงนะ ผมก็ไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆแบบนี้หรอก ปกติผมเนี่ยไม่เคยถูกด่าเลยนะ แต่นี่เพราะเธอหรือ ผมถึงได้เป็นเอาขนาดนี้  แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วสิ เพราะเธอหาเรื่องผมเก่งจริงๆ
“เดี๋ยวจะเล่นเพลงให้ฟังเพลงนึงแล้วกัน เอาเป็นเพลง  Canon in D แล้วกันรู้จักรึปล่าวล่ะ”
“ไม่รู้จักอ่ะกอล์ฟ  ผมเรียกคุณว่ากอล์ฟแล้วกันนะ”
เธอไม่ตอบผม แต่เธอลงมือเล่นเปียโนทันที  เธอเล่นได้ไพเราะมากครับ ก็เธอเป็นครูสอนนี่เนอะ  จริงๆแล้ว ผมไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าหรอก เรื่องเพลงอ่ะ แต่เพราะเธอเล่นผมเลยตั้งใจฟัง หลังจากเธอเล่นจบ ผมก็ชวนเธอคุยสารพัด เธอก็ตอบผมเท่าที่เธออยากตอบ อะไรที่เธอไม่อยากบอกผม เธอก็พูดว่า จะรู้ไปทำไม เออเนอะ ผมยิ่งชอบในตัวผู้หญิงคนนี้มากขึ้นแล้วละสิ  เราคุยกับจนเกือบเที่ยง ผมเลยชวนเธอออกไปกินข้าวด้วยกัน
“ไปกินข้าวเที่ยงกันเถอะ เที่ยงแล้ว”
“ไม่อ่ะ ฉันยังไม่หิว นายก็กลับๆไปได้แล้วไป มานานแล้วนะ”
“ผมยังไม่อยากกลับอ่ะ อยากอยู่คุยต่อ แล้วนี่พ่อแม่กอล์ฟไม่อยู่หรอ”
“เค้าไปเที่ยวภูเก็ตกัน 7 วันอ่ะ ช่วงนี้ฉันอยู่คนเดียว”
ผมนึกดีใจในใจด้วยล่ะ ก็โอกาสมันช่างเป็นใจอย่างนี้ คุณอย่านึกว่าผมจะทำอะไรเธอนะ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ผมหมายถึงว่า ผมจะได้อยู่กับเธอต่อไง
“อ้าว เป็นอะไรไป เงียบเลย เฮ้ย!  คิดอะไรอยู่  อย่าคิดว่าพ่อแม่ฉันไม่อยู่แล้วจะทำอะไรฉันได้นะ”
“นี่กอล์ฟ ทำไมคุณถึงมองผมในแง่ร้ายอยู่เรื่อย ปากร้ายกับผมตลอดเลยนะ ผู้หญิงอะไร”
“อ้าวนี่คุณ หาเรื่องกันชัดๆเลยนะ ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ แล้วคุณจะมาทำความรู้จักกับฉันเองทำไม”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าคุณปากร้ายซะขนาดนี้”
ผมไม่รู้นะ ว่าผมพูดประโยคพวกนี้ออกไปได้ยังไง ผมรู้แต่ว่า เธอเริ่มโกรธผมแล้วหล่ะ  แล้วตอนนี้ผมก็เริ่มสนุกแล้วที่ผมแกล้งเธอได้ ( คุณจะคิดว่าผมโรคจิตก็ได้นะ )
“นี่คุณออกไปจากบ้านฉันเลยนะ แล้วก็ไม่ต้องมาอีก ใช่สิ ฉันมันคนปากร้ายนี่ ไม่ต้องมารู้จักกันหรอก”
“ได้เลยครับ ผมไปก็ได้ แต่พรุ่งนี้ผมจะมาอีก จะมาดูซิ ว่าคุณจะปากร้ายอีกรึปล่าว”
ผมพูดจบ ผมก็เดินออกไป แบบยิ้มๆ ทิ้งให้เธอยืนตาเขียวใส่ผมอยู่ตรงเก้าอี้เปียโนนั่นแหละ  ตอนนี้ผมก็คิดๆอยู่นะว่าทำไมเธอถึงปากร้ายจัง ผมไม่รอช้า รีบโทรไปถามไอเต้ทันทีหลังจากถึงบ้าน
“ไอเต้ น้องกอล์ฟทำไมปากร้ายจังว่ะ”
“ก็กูบอกมึงตั้งแต่แรกแล้วไง ถ้ามึงทนได้ก็จีบดิ ไอ้กอล์ฟเนี่ยเป็นประเภท ปากร้ายแต่ใจดีนะ”
“ใจดียังไงวะ กูไม่เห็นน้องเค้าใจดีกับกูซักนิด ด่ากูเป็นชุดๆเลย”
“เออหน่า กูเคยเห็นน้องเค้าเลี้ยงหลานอ่ะ หลานๆติดกันแจ เห็นชอบปลูกต้นไม้ด้วย แล้วก็เห็นเพื่อนน้องเค้าบอกว่า แต่งเรื่องสั้นไปแปะในเน็ตด้วย ดูท่าทางอารมณ์ศิลป์ดีนะ กูว่าน้องเค้าใจดีอ่ะ  แถมบางครั้งทำขนมมาให้บ้านกูกินอีก”
“โห มึง บรรยายสรรพคุณซะ  แล้วเวลาเค้าพูดกับผู้ใหญ่พูดเพราะไหมวะ เวลาพูดกับกูไม่เพราะเลยไม่มีค่ะขาเลย”
“ก็พูดมีหางเสียงนะ เวลาพูดกับพ่อแม่กู”
“เออ ขอบใจมึงแล้วกัน”
ผมได้ฟังแบบนี้ผมก็ดีใจว่าจริงๆแล้วเธอเป็นคนใจดี  หลังจากผมวางสายผมก็คิดว่าผมต้องเอาชนะใจเธอให้ได้  วันรุ่งขึ้นผมจีงไปหาเธอที่บ้านตามที่ได้บอกเธอไว้เมื่อวาน 
“สวัสดีครับ คุณครูกอล์ฟ”
“มาอีกทำไม ว่าฉันปากร้ายไม่ใช่หรอ ระวังฉันด่าเอานะ”
“ผมไม่กลัวหรอก  เพราะผมเตรียมตัวมา ต่อปากต่อคำกับคุณเรียบร้อยแล้ว”
“นายนี่มัน อวดดีจริงๆเลยนะ”
“ นี่กอล์ฟ ผมว่าเราอย่ามาทะเลาะกันเลยนะ  เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่าไหม”
“เพื่ออะไรยะ นายนี่นะ  แรกๆก็นึกว่าจะเรียบร้อย นายก็หาเรื่องฉันเก่งเหมือนกันแหละ”
“ก็เพื่อความรักของเรา 2 คนไง”
ผมรู้นะครับว่า คุณก็คงอ้วกกับคำพูดของผม เธอก็เช่นกันครับ ทำท่าอ้วกได้เหมือนจริงมาก
“หยุดพูดจาน่าเกลียดๆซักทีเหอะ โน่นนักเรียนของฉันมาแล้ว ฉันจะสอน นายก็กลับไปได้แล้ว”
“ไม่เอา ผมรอได้ คุณสอนไปเหอะ ผมไม่กวนหรอก”
เธอไม่หยุดฟังคำพูดผม  เธอเดินไปหานักเรียนของเธอ แล้วพาไปในห้องเปียโน เธอนี่แปลกนะ ที่กับนักเรียน ใจดี๊ใจดี พูดจาไพเราะ ทีกับผมไม่มีบ้าง
ผมมาหาเธอทุกวัน แล้วทุกวันผมก็นั่งคุยกับเธอ (หรือจะเรียกว่าทะเลาะก็ได้) พอนักเรียนเธอมา ผมก็นั่งคนเดียว คุณอาจจะคิดว่าผมไม่ต้องทำงานหรือ ทำสิครับไม่งั้นจะเอาอะไรกิน ผมมาหาเธอหลังเลิกงานครับ มาทุกวัน จนเดี๋ยวนี้ผมสนิทกับครอบครัวเธอไปซะแล้ว เพราะคุณพ่อของเธอ คุยถูกคอกับผมมากครับ
ผมไปมาบ้านเธอตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ผมรู้สึกชอบเธอมากๆเลยล่ะครับ  ผมคิดว่า คงจะได้เวลาแล้ว ที่ผมจะบอกกับเธอว่า ผมชอบเธอ และอยากคบกันในฐานะที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม  ถึงแม้ทุกวันที่ผมไปหาเธอ เราก็ยังคงเถียงกันทุกวัน 
วันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุดของผม  แต่ของเธอคงไม่ใช่วันหยุด เพราะวันนี้นักเรียนจะเยอะมาก ผมเลยหาโอกาสชวนเธอออกไปทานข้าวเย็นในร้านอาหารหรู เพื่อจะบอกความในใจ เพราะผมคิดว่าตอนเย็นๆเธอคงว่างแล้วล่ะ  แต่คุณรู้ไหมครับ กว่าเธอจะยอมไปกับผม  เธอนี่เล่นตัวชะมัดเลย ไม่รู้จะเขินอะไรนักหนา  ผมคิดว่าเธอชอบผมแล้วนะ คุณจะคิดว่าผมหลงตัวเองก็ได้  แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ สุดท้ายเธอก็ยอมไปกับผมเพราะพ่อเธอครับ พ่อเธอบอกว่า ไปกับเอกเค้าสิ เค้าอุตส่าห์พาไปทานข้าว เราก็ไม่เคยไปไหนกับพี่เค้าเลยนี่นา  ผมต้องขอบคุณคุณพ่อของเธอมากเลยครับ  เย็นวันนั้นประมาณ 6 โมงเย็น ผมไปรับเธอที่บ้าน  วันนี้ผมเลือกดอกกุหลาบสีขาวมอบให้เธอ
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
“อ้าวเอก มาถึงแล้วหรอ โน่นแหนะ เจ้ากอล์ฟสอนน้องโน้ตเสร็จพอดีเลย”
“ครับๆ กอล์ฟจริงๆบอกผมให้มารับทุ่มนึงก็ได้นะ คุณจะได้ไม่ต้องรีบ”
“ฉันก็บอกคุณแล้วนี่ คุณเองนั่นแหละบอกว่าจะมา 6 โมง โทษคนอื่นอยู่เรื่อย”
ก่อนที่เธอจะเถียงผมต่อ แม่ของเธอก็ห้ามไว้ทัน
“พอๆๆ กอล์ฟเรานะ เถียงพี่เค้าอยู่เรื่อย  เอกช่วยพาน้องโน๊ตไปส่งตรงถนนฝั่งตรงข้ามหน่อยสิจ๊ะ คุณแม่เค้ารออยู่ในรถนานแล้ว ส่วนลูกกอล์ฟ ไปแต่งตัวเถอะเรานะ รีบๆเข้านะ เดี๋ยวพี่เค้ารอ”
“นี่เอก ส่งน้องโน้ตดีๆนะ”
“คร้าบๆ คุณครูกอล์ฟ”
ผมล้อเลียนเธอ  ได้ผล เธอทำตาเขียวใส่อีกแล้วครับ  แล้วเธอก็เดินขึ้นห้องไป  ผมจูงมือน้องโน้ตไปหน้าโรงเรียนขณะที่ผมจะพาข้ามถนน คุณแม่ของน้องโน้ตก็ออกจากรถพอดี น้องโน้ตสลัดมือออกจากมือผมแล้วรีบวิ่งไปหาคุณแม่ที่อีกฝั่งของถนน  ผมหันไปเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับมา ผมตกใจมาก ผมรีบวิ่งไปแล้วผลักน้องโน้ตออกไปทันที  แล้วจากนั้นผมก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเข้ามาชนผม  ผมไม่รู้ว่าชนแรงขนาดไหน  แต่ผมเจ็บมาก ผมได้ยินเสียงคนตะโกนโหวกเหวก  ก่อนที่ผมจะหมดสติไป ผมเห็นใบหน้าเธอของผมนิดหนึ่ง ตะโกนอะไรไม่รู้ใส่หน้าผม  แล้วผมก็หมดสติไป
.............
ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร แต่ ผมได้ยินเสียงคุณหมอพูดกับพ่อแม่ของผมว่า 
“ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ รถที่มาชนไม่ได้ชนแรงมาก เพราะเห็นแล้วว่ามีคนตัดหน้าแต่เบรกไม่ทัน  อีกไม่นานก็คงจะฟื้นแล้วครับ”
ผมเปิดตาขึ้นอย่างยากลำบาก ผมรู้สึกเจ็บตรงเอวมาก เมื่อผมได้สติ ทุกคนก็กรูเข้ามาที่ผมกันใหญ่
“เอกๆๆ ตื่นแล้วหรือลูก รู้รึปล่าวแม่เป็นห่วงแทบแย่ ลูกเจ็บตรงไหนบ้าง หมอบอกว่าลูกไม่เป็นไรแล้วนะ”
“ครับๆ แม่ครับผมขอน้ำ”
ผมดูดน้ำเสร็จ ผมก็พอจะมีแรงพูดบ้าง  ผมมองหาเธอของผมทันที  แต่ไม่มีเธอ ผมเห็นแต่คุณแม่ของน้องโน้ต  เธออยู่ไหน เธอไม่สนใจไยดีผมเลยหรือ ว่าผมจะเป็นอย่างไร
“แม่ครับ ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง  ผมไม่เป็นไรแล้วครับ เจ็บตรงเอวนิดหน่อย แล้ว เอ่อ ผู้หญิงคนที่พาผมมาส่งโรงพยาบาลนะครับ”
ทุกคนทำหน้างง  เอ หรือว่า ก่อนที่ผมหมดสติ ผมตาฝาดไป
“คุณแม่น้องโน้ตครับ ผมหมายถึงผู้หญิงที่เป็นครูสอนเปียโนให้กับน้องโน้ตอ่ะครับ”
“อ๋อ”
ทุกคนส่งเสียงพร้อมกัน ยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปอีก
“ลูกหมายถึงหนูกอล์ฟหรือจ๊ะ  เค้ากลับไปอาบน้ำแล้วล่ะ เดี๋ยวสายๆคงเข้ามา  แหม ผู้หญิงที่เคยเล่าให้แม่ฟังก็คือคนนี้ใช่ไหมจ๊ะ ไม่พามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างนะ”
“คุณเอกรู้ไหมค่ะ เมื่อคืนครูกอล์ฟอยู่เฝ้าคุณเอกทั้งคืนเลย”
ผมก็ได้แต่นอนยิ้มสิครับงานนี้  เห็นไหมครับ  ผมบอกคุณแล้วว่า เธอคนนี้ก็ชอบผมเหมือนกัน
“ลูกนอนพักไปก่อนนะจ๊ะ  เดี๋ยวหนูกอล์ฟคงจะมาแล้วล่ะ”
“ครับแม่”
ผมก็ได้แต่คิดว่า  ผมจะพูดอะไรกับเธอดี  ผมอยากรู้ว่าเธอจะยังปากร้ายใส่ผมอีกหรือปล่าว  ผมคิดยังไม่ทันไร เธอก็เปิดประตูเข้ามาครับ ผมก็ไม่รอช้า รีบแกล้งหลับทันที
“อ้าว ไหนคุณแม่บอกว่าตื่นแล้วนี่นา”
เธอพึมพำออกมา  ผมจึงแกล้งเปิดตาอย่างช้าๆ
“น..น้ำ  ผม หิว น้ำ”
ผมแกล้งทำเป็นไม่มีแรงพูดครับ
“ค่ะๆๆ แป๊บนึงนะค่ะ”
โอ้ว แปลกใจมากครับ ได้ยินเธอพูดค่ะกับผมเป็นครั้งแรก เธอรีบหยิบแก้วน้ำแล้วรินน้ำมาให้ผม  เธอยื่นแก้วให้ผม แต่ผมไม่รับแก้วครับ  ผมจับมือเธอ  หยิบแก้วน้ำจากมือเธอวางลง
“นี่คุณ ทำอะไรของคุณนะ”
“ก็จับมือคุณไง”
“รู้แล้วย่ะ คุณไม่สบายอยู่นะ แล้วนี่อะไร เมื่อกี๊ยังไม่มีแรงอยู่เลย”
“ก็ผมแกล้งคุณนะสิ คุณเลิกทำเป็นไม่ชอบผมต่อหน้าผมทีเถอะนะ เรามารักกันเถอะ นะๆๆๆ”
“คุณจะบ้าหรอ หลงตัวเองชะมัดเลย ใครเค้าจะรักกับคุณ”
เธออ่อนลงนิดหนึ่ง  เธอไม่พยายามดึงมือเธออกจากมือผมแล้ว
“ทีคุณยังหลงตัวเองได้เลยตอนที่ผมไปหาคุณครั้งแรก”
เธอเริ่มหน้าแดง
“คุณอย่ามาพูดเลย  คุณว่าฉันปากร้ายสารพัด  แล้วจะมาชอบฉันรักฉันทำไมกัน”
“โอ๋ นี่น้อยใจหรือครับ ผมก็รักกอล์ฟที่กอล์ฟเป็นแบบนี้นี่แหละ มารักกันเถอะนะ ผมชอบคุณมากนะครับ  ผมรู้ด้วยว่าคุณก็ชอบผมเหมือนกัน คนเราถ้าไม่ลองคบกันก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าจะไปด้วยกันได้หรือปล่าว”
คุณก็รู้นะว่าเธอของผมเป็นคนตรงๆ พูดจาฉะฉานอยู่แล้ว เธอก็พูดตรงๆออกมาเลยครับ
“ก็ได้ ฉันยอมคบกันคุณก็ได้ ถึงคุณจะไม่หล่อถูกใจฉัน แต่ก็พอคบกันได้”
“โห คุณนะ จะชมผมซักคำก็ไม่มี ตอนนี้ถึงเวลาซึ้งแล้วล่ะนะ ฟังดีๆนะครับ” 
ผมยกตัวขึ้นไปกระซิบข้างหูเธอ
“เอกชอบกอล์ฟมากที่สุดเลยครับ”
ใบหน้าเธอแดงก่ำ เหมือนลูกตำลึงสุก  ผมจึงคะยั้นคะยอให้เธอบอกผมบ้าง  แต่เธอเงียบครับ ไม่ตอบอะไรผมเลย
“โธ่ กอล์ฟ  พูดตอบผมบ้างสิครับ”
“ไม่เอาเรื่องอะไรฉันจะพูด รอให้คุณหายดีก่อนแล้วกันค่อยบอกนะ”
คำพูดของเธอทำให้ผมยิ้มได้  แล้วมีหรือครับที่ผมจะไม่ยอมกินยาตามที่คุณหมอสั่ง  ผมก็ต้องกินสิครับ เพราะผมอยากหายไวๆ ไปฟังคำพูดของเธอ สุดที่รักของผม
เรื่องความรักของผมก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ เห็นไหมผมบอกคุณแล้ว ว่าไม่หวานแหววเลยซักนิด  ยังไงผมก็ขอให้ ทุกคนสมหวังในความรักนะครับ  สวัสดีครับ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น