คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : -07- Make It Official
-07-
MAKE IT OFFICIAL
--
มาร์คตื่นขึ้นมาเพราะอีกคนลุกขึ้นมาเล่นกับแมวอยู่ข้าง ๆ เขา
ได้ยินเสียงพูดคุยกับแมวอยู่แว่ว ๆ
แต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้มากนักเพราะสติยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง
แต่ก็ลืมตาขึ้นมาดูแจฮยอนที่กึ่งลุกกึ่งนั่ง เอนหลังพิงกับหัวเตียงและให้มูมินนอนอยู่บนขาที่เหยียดยาวของตัวเอง
เกาคางให้มูมินที่เงยหน้าจนสุดคอและหลับตาพริ้มมาทางเขา ดวงตากลมโตของมาร์คเงยหน้าขึ้นดูเจ้าของห้องและแมวที่กำลังมีโมเมนท์ด้วยกันก็อดยิ้มไม่ได้จริง
ๆ นั่นแหละ มันน่ารักออก ใช่มั้ยล่ะ
มือเล็กเอื้อมไปลูบหัวมูมินด้วยความเอ็นดู ปากก็ยิ้มออกมาจาง ๆ
ก่อนที่แจฮยอนจะเลื่อนมือมาลูบผมของมาร์คอย่างแผ่วเบา
เหมือนกับที่คนน่ารักทำให้แมวของเขา แลกกันเหรอ?
คนโดนลูบหัวแกล้งหลับตาพริ้มเลียนแบบเวลาที่โดนลูบหัวอย่างที่มูมินทำ
จนเรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าของห้องและทำให้ตัวเองหัวเราะตามได้ไม่ยากนัก “มาเป็นแมวอีกตัวให้เราเลี้ยงมั้ย”
แจฮยอนเอ่ยถาม
มาร์คคลี่ยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ยอมตอบอะไร
ปล่อยให้อีกคนลูบหัวเขาแบบนั้นอยู่สักพัก จริง ๆ มันก็สบายดีนะ
ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยกับแจฮยอนและมูมินว่า “อรุณสวัสดิ์” อย่างเป็นทางการ แจฮยอนโน้มตัวเข้ามาก่อนจะเกาคางให้มาร์คอีกครั้ง ซึ่งอีกคนก็เชิดหน้าขึ้นให้อีกคนได้เกาคางเขาได้ถนัด จนรู้สึกว่ามันเริ่มจั๊กกะจี้ เลยปัดมืออีกคนออก “จั๊กกะจี้แล้วเว้ย”
“ขอโทษ” แจฮยอนเอ่ยเสียงแผ่ว “ทีหลังจะทำเบา ๆ นะ”
“บางทีก็ไม่ใช่แมวมั้ยล่ะ” พอให้เล่นได้ก็เอาใหญ่เลยนะ “เพื่อนเล่นเหรอ”
“อ้าว ไม่ใช่เพื่อนเหรอ” เลิกคิ้ว
พลางเอียงคอถาม “งั้นเป็นแฟนก็ได้นะ ไม่ถือหรอก” พูดจบก็ยิ้มหวาน ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนมาร์คต้องใช้นิ้วจิ้มหน้าผากดันออกไป
ได้คืบแล้วเอาศอกตลอด
“ไปอาบน้ำละ”
“อาบด้วย”
“เยอะไปแล้วนะ”
“แล้วเท่าไหร่จะพอดีล่ะ”
“ไม่รู้ คิดไม่ออก” มาร์คหันกลับมาตอบคำต่อล้อต่อเถียงพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่ไปหยิบมาจากตรงระเบียงแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อแปรงฟันและล้างหน้า
“เอาเป็นว่าไม่กวนนะ”
“โอเคไม่กวน” แจฮยอนยิ้มกว้างยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้
นั่นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่มาร์คจะเดินเข้าห้องน้ำไป ส่ายหน้ายิ้ม ๆ
ให้กับตัวเองในกระจก แล้วหยิบแปรงสีฟันขึ้นมา
ในขณะที่กำลังจะบีบยาสีฟันลงไป พลันสายตาเหลือบมองไปเห็นมูมินนั่งจ้องหน้าเขาอยู่จากในอ่างล้างมือ มาร์คไม่เคยอ่านดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสของมันออกเลยสักครั้ง
ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเจ้าแมวขาวอวบขนฟูตัวนี้ต้องการอะไรกันแน่ ไม่เหมือนกับเจ้าของที่มองทีไรก็ต้องหลบตาทุกทีเพราะความรู้สึกที่แสดงออกผ่านสายตาที่มันชัดเจนมาก
ๆ
เลยทำให้มาร์คต้องชะโงกหัวออกมาถามแจฮยอนที่นั่งดูทีวีอยู่บนเตียงข้างนอกนั่นอย่างช่วยไม่ได้
เพราะถ้ามูมินยังคงอยู่ตรงนี้อาจจะเปียกเวลาที่เขาล้างหน้าก็ได้
“เจย์ ทำไมมูมินอยู่ในห้องน้ำอะ”
“ไม่กวนสิมาร์ค” พูดย้อนอีกคนอย่างยียวน
ซึ่งมาร์คที่กำลังจะอุ้มมูมินออกมาก็ชะงัก เพราะเจออีกคนที่ลุกจากเตียงเดินเข้ามาดูในห้องน้ำ
หยิบถ้วยเล็ก ๆ
ที่คว่ำไว้อยู่ข้างแก้วใส่แปรงสีฟันขึ้นมาก่อนจะเปิดน้ำจากก๊อกตรงอ่างล้างมือจนเกือบเต็มแล้วยื่นให้มูมิน
ซึ่งกระโดดขึ้นมากินน้ำโดยทันที คนตัวสูงกว่าเลยอธิบาย “มูมินต้องกินน้ำตรงนี้ตอนเช้าน่ะ”
“แล้วที่อื่นไม่ได้เหรอ” มาร์คถาม
“เคยลองแล้ว ไม่กิน”
คนฟังหัวเราะพรืด แอบคิดอยู่นิด ๆ
ว่าเจ้าแมวนี่ก็เรื่องมากเหมือนกันแฮะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เว้นเสียแต่ว่าก็ทำธุระส่วนตัวของตัวเองต่อไป
ซึ่งอีกคนที่พิงขอบประตูยืนดูเขาอยู่ก็ขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะมาหยิบแปรงสีฟันและยืนอยู่ข้าง
ๆ เขา “แปรงด้วยสิ”
มาร์คขยับให้อีกคนเดินเข้ามาได้ พอดีกับที่มูมินก็เดินออกจากห้องน้ำไป
ทั้งสองคนแปรงฟันอยู่ด้วยกันแล้วก็เป็นมาร์คที่บ้วนปากออกไปก่อนเพราะแปรงฟันเสร็จก่อนแล้ว
และออกไปนั่งดูทีวีรออีกคนอยู่ข้างนอก
“เราเสร็จแล้ว จะอาบน้ำต่อมั้ย” แจฮยอนเดินออกมา
เช็ดหน้าที่ล้างเสร็จแล้วด้วยผ้าขนหนู “หรือจะให้เราอาบก่อน?”
มาร์คลุกขึ้น “เราขออาบก่อน”
“อาบน้ำพร้อมกันไปเลยดีมะ ประหยัดเวลา”
มาร์คไม่ตอบ ทำแค่จ้องและย่นจมูกใส่อีกคนเล็กน้อยก่อนจะปิดประตูห้องน้ำ
ไม่ทันให้แจฮยอนที่แกล้งทำเป็นวิ่งตามหลังไป ได้ยินเสียงหัวเราะร่ามาจากอีกฝั่งของประตู
อะไรจะอารมณ์ดีเบอร์นั้นวะ
ไม่ใช่ว่าพอเป็นแฟนกันนี่จะจับปล้ำเลยเหรอ
เขาทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนชุดเดิมที่ใส่เมื่อคืน
รีบมากจนเผลอลืมหยิบชุดจากวันนี้เข้ามา
จริง ๆ ล็อบบี้ข้างล่างน่าจะเปิดให้เขายืมกุญแจสำรองมาได้แล้ว
แต่ว่าเพราะตัวเขาเองล็อคกุญแจด้วยแม่กุญแจนี่แหละ เลยต้องทำให้ไม่สามารถเปิดห้องได้
และกลับไปเอาที่มหา’ลัย ถอนหายใจให้กับความไม่มีสติของตัวเองเมื่อวานนี้
เงยหน้าขึ้นมาเพราะเสียงทักของแจฮยอน
“ทำไมใส่ชุดนอนอะ”
“เราลืมหยิบชุดเข้าไป มีเสื้อให้ยืมใส่มะ”
“มี เดี๋ยวเอามาให้” แล้วก็เดินไปหยิบเสื้อยืดมาให้จากในตู้แล้วยื่นให้
มาร์คกล่าวขอบคุณก่อนที่แจฮยอนจะเดินผ่านเขาไปเข้าห้องน้ำ
คนน่ารักพูดต่อว่า “รีบอาบน้ำนะ หิวแล้ว”
แต่แจฮยอนหันกลับมาทำหน้าตาย “ก็บอกให้อาบพร้อมกันก็ไม่เชื่อ จะได้เสร็จไว ๆ”
แล้วรีบปิดประตูห้องน้ำหนี
มาร์คทำอะไรไม่ได้ จะตะโกนไล่หลังไปแต่ก็คิดคำไม่ออก
เลยได้แต่เขินหน้าแดงอยู่คนเดียวกับแมวอีกหนึ่งตัวที่นั่งจ้องเขาอยู่
พึมพำกับเจ้ามูมินที่นอนเล่นอยู่บนเตียงของแจฮยอนว่า “นี่ปกติเป็นคนชอบบังคับเหรอ”
ไม่ทันได้ฟังคำตอบก็ไปหยิบกางเกงที่ผึ่งไว้ด้านนอกมาสวมแล้วตามด้วยเสื้อที่อีกคนให้มา
เป็นเสื้อยืดสีขาว ที่มีลายกราฟฟิคเท่ ๆ อยู่ตรงกลาง
ถ้ามูมินตอบมาร์คก็คงไม่ยืนอยู่ตรงนี้หรอกถ้าจะให้พูด
มองเห็นแผ่นกระดาษโพสท์อิทที่ติดอยู่ตรงประตู
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมันไว้ ก่อนจะอมยิ้มอยู่กับตัวเอง
ตั้งค่าเป็นวอลเปเปอร์ในโทรศัพท์
หันไปหามูมินที่นั่งเล่นอยู่ตัวเดียวตรงพื้นหน้าทีวี
เลยหันไปอุ้มเจ้าเหมียวตัวนั้นมานอนบนตัวเอง ลูบหัวเกาคางไปตามประสา
(แอบขยำด้วยความมันเขี้ยวด้วยนิดนึง อย่าบอกแจฮยอนนะ)
จนเผลองีบไปเพราะอีกคนอาบน้ำแต่งตัวนานเหลือเกิน
รับรู้ได้ถึงแรงสะกิดจากอีกคนที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงข้างตัวเขา
แจฮยอนแต่งตัวเสร็จแล้ว “ออกไปเอากุญแจเลยมั้ย วันนี้วันเสาร์ตึกเปิดรึเปล่า”
มาร์คขยับมูมินที่นอนหลับอยู่บนตักให้ไว้ข้างตัว ก่อนจะดันตัวขึ้นนั่ง
พยักหน้าเบา ๆ “เปิด แต่ออกไปกินข้าวก่อนได้มะ หิวอะ”
“ไปดิ กินไรดี”
เพราะตกลงกันไม่ได้สักที
เลยมานั่งกินขนมที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อหน้าหออยู่บนรถนี่แหละ
ในระหว่างที่นั่งกันออกไปยังมหา’ลัย และด้วยความที่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
ถนนจึงโล่งและผู้คนไม่ค่อยหนาตาเท่าไรนัก
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงและหาที่จอดรถได้ด้วยความว่องไว ประหยัดเวลาไปได้มากโข
มาร์คกับแจฮยอนเดินเข้าไปในตึกที่วันนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่เลย
ยกเว้นก็แต่คนดูแลอาคารเรียนที่เข้ามาตรวจตราความเป็นระเบียบเรียบร้อยบ้างในบางที
เขาเดินตรงไปยังห้องที่คาดว่าน่าจะลืมกุญแจของตัวเองไว้
คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ากุญแจของตัวเองยังเสียบคาตู้เก็บของซึ่งเป็นตู้ของเขาอยู่ตรงนั้น
ไม่ได้หายไปไหน
เขาคงลืมไว้ตอนที่เจโน่โทรหาเมื่อวานว่าแจฮยอนรออยู่ที่หอสมุดแล้ว
เลยรีบออกไปโดยไม่ได้ตรวจว่ามีอะไรที่ตัวเองลืมไว้บ้าง
แจฮยอนที่เดินตามเข้ามาก็ลูบหัวของมาร์คพร้อมกับโยกเบา ๆ
ยิ้มให้เมื่อมาร์คหันมาหาเขา
“ปะ ได้กุญแจแล้ว อยากไปไหนต่อมั้ย”
มาร์คส่ายหน้า “อยากกลับไปนอนเล่นที่ห้องอะ”
“ไปนอนด้วยได้มะ”
“ไม่เหลือที่ให้หายใจหน่อยเหรอ เอะอะหยอดตลอดเลยเว้ย”
อีกคนหัวเราะ แล้วตอบคนน่ารักกลับไป “เผื่อได้”
มาร์คถอนหายใจ แต่ดู ๆ ไปแล้วเหมือนหัวเราะพรืดออกมาเสียมากกว่า “งั้นก็ไปนอนเล่นกัน
ดูหนัง เล่นเกม ซื้อกับข้าวไปกินด้วยกันถึงเย็นเลยมะ ขี้เกียจออกมาแล้วอะ”
ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ให้นอนค้างที่ห้องหนึ่งคืนก็แล้วกันนะ
แจฮยอนพยักหน้า “ได้ครับ” แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากตึกไป
--
ในระหว่างที่ออกไปซื้อของในร้านแถว ๆ หอพัก หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วว่าจะซื้ออะไรไว้กินเป็นมื้อเย็น
ต่างคนก็ต่างแยกกันออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวของตัวเอง
จนกระทั่งแจฮยอนซึ่งเลือกของเสร็จแล้วก็ออกเดินตามหามาร์ค และพบเข้ากับมาร์คที่ยืนอยู่กับผู้ชายอีกคน
ที่ดูยังไงก็เหมือนกับอีกคนกำลังคิดอะไรมากกว่านั้น ขยับเข้ามาชิดกันเสียขนาดนั้น
และคนน่ารักของเขาก็ถอยหลังไปจนจะชนกับชั้นวางของอยู่แล้ว
เมื่อแจฮยอนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินเข้าไปแล้วดึงแขนของมาร์คออกมาจากชายแปลกหน้าคนนั้น
“มีอะไรเหรอ” แจฮยอนถามเสียงเรียบ
“อ๋อ เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ชายคนนั้นตอบ
แต่อีกคนก็ไม่ได้วางใจ มาร์คก็เดินตามแจฮยอนที่ออกแรกดึงเขาออกไปให้ห่างจากตรงนั้น
แต่ไม่วายคนนั้นก็ตะโกนไล่หลังมา “เดี๋ยวพี่โทรหา”
มาร์คหันหลังไปมอง
แต่แจฮยอนก็จับมืออีกคนลากให้เดินตามเขาออกไปมากขึ้น
พอออกมาได้สักระยะ แจฮยอนก็ถามมาร์คในระหว่างที่เดินไปด้วย “ได้ของครบยัง”
“ครบแล้ว” มาร์คตอบเสียงอ้อมแอ้ม
เดินตามแจฮยอนที่เดินนำเขาไป
แล้วขายาว ๆ นั่นก้าวเร็วซะจนเขาเดินตามแทบไม่ทัน จะรีบไปไหนของเขาวะ
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีกเลย มาร์คเดินตามคนตัวสูงกว่าที่ถือทั้งถุงของเขาและของตัวเองเดินออกมาจากร้าน
ขึ้นรถ นั่งมาบนรถจนถึงที่หมาย ซึ่งก็คือที่พักของพวกเขา
ช่างเป็นบรรยากาศความเงียบที่น่าอึดอัด
แต่มาร์คก็ไม่คิดจะกวนอะไรเพราะอีกคนแค่อาจจะอารมณ์ไม่ดี
เพียงแค่เขาเองไม่รู้สาเหตุเท่านั้น แต่ก็ไม่กล้าแหย่เลยเพราะแจฮยอนดูน่ากลัวมาก
พอเดินมาถึงประตูหน้าห้อง มาร์คก็เอ่ยถามขึ้น “แล้วจะยังมาห้องเรามั้ย”
อีกคนไม่ตอบ แต่ถามคำถามกลับคืน “เมื่อกี๊คนนั้นมันพูดอะไรกับนายบ้าง”
มาร์คเม้มปากแน่น ใบหน้าขึ้นสี “เข้ามาก่อนแล้วกัน” ไขกุญแจห้องแล้วเดินเข้าไป
ก่อนจะให้แจฮยอนเดินตามเข้ามา และวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะในส่วนครัว
แล้วเดินตามมาร์คมานั่งอยู่ตรงโซฟา
คนน่ารักหันมาหาแจฮยอนที่ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เขา “คนนั้นเขาทำทีเหมือนจะเข้ามาถาม
ทำแบบสำรวจ อะไรทำนองนี้แหละ ขอเงินเราไปบริจาค แต่เราไม่ได้ให้ไปนะ
เพราะเราไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนดีอะไรขนาดนั้น”
“...” แจฮยอนยังคงเงียบ รอให้อีกคนพูดต่อ
“เขาก็ถามว่าเรามีแฟนรึยัง เราก็ตอบไปว่ายัง” ใบหน้าน่ารักหันมามองแจฮยอน “ก็นั่นแหละ
จะขอจีบเราด้วย”
“แล้วนายก็ให้เบอร์มันไป?” ถึงตรงนี้อีกคนเริ่มเสียงดังแล้วแฮะ
“ก็ตอนแรกเขาขออะ...แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเขาจะมาขอจีบนี่”
มาร์คเพิ่มระดับเสียงขึ้นตามแจฮยอนไปเล็กน้อย พูดกันดี ๆ ก็ได้
ไม่เห็นจำเป็นต้องเสียงดังเลย อยู่กันสองคนเอง ตะโกนทำไม
ก่อนที่คนฟังจะถอนหายใจออกมา “ทำไม...” ถึงได้ซื่อขนาดนี้นะ
“แต่เขาฟังเราผิดไปตัวนึง ก็คงโทรมาไม่ติดเราหรอก
เราเลยไม่ได้คิดอะไรมาก” มาร์คตอบอย่างร่าเริงพร้อมกับยิ้มตาหยี
เอียงหน้ามองอีกคน “นี่หึงเราอยู่เหรอ”
“มาก” แจฮยอนตอบ พยายามปั้นหน้าขึงขัง
ทั้งที่ใจในนั้นเหมือนยกโลกทั้งใบออกจากอก แต่ก็ดูเหมือนว่าความพยายามเก๊กหน้าขรึมจะไม่เป็นผลสำเร็จเพราะอีกคนทำตัวน่ารักอยู่ตรงหน้าเขานั้นชวนให้ยิ้มตามเหลือเกิน
“ปกติมีคนมาขอจีบเยอะเหรอ”
คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าไปมา “เนี่ย เพิ่งมีคนหลงผิดมาสองคนนี่แหละ” พูดเสร็จแล้วก็หัวเราะย่นจมูก ราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกมาก ๆ
จนอีกคนอดไม่ได้ที่จะหยิกปลากจมูกนั่นเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“น่ารักขนาดนี้ต้องเป็นแฟนเราแบบเป็นทางการได้แล้วนะ”
“ฮะ?”
“ไม่ให้คนอื่นมาจีบแล้วนะ” แจฮยอนพูดเชิงเอาแต่ใจ
“แล้วนี่ก็ไม่ใช่ประโยคคำถามด้วย อันนี้คือประโยคบอกเล่า”
“ไม่อะ เราว่านี่ประโยคคำสั่ง” มาร์คเถียงยิ้ม
ๆ
ไม่คิดเลยแฮะว่าจะขอเป็นแฟนเร็วขนาดนี้
เหมือนอีกคนเพิ่งขอจีบเขาไปไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง แต่จริง ๆ เขาก็แอบคิดไว้แล้วแหละว่าอีกคนน่าจะต้องขอ
เพราะถ้านานไปแล้วยังไม่ขอ และถ้าแจฮยอนยังไม่มีคนที่สนใจ
มาร์คก็คิดว่าตัวเขาเองนี่แหละจะไปขออีกคนเป็นเอง
“ก็หึงอะ แล้วอยากเป็นมั้ยล่ะ แฟนเราเนี่ย” พยายามวกกลับเข้ามาเรื่องตัวเองเมื่อเห็นท่าทางอีกคนพยายามพาออกนอกเรื่อง
“เป็นก็ได้ แต่อย่าโกรธน่ากลัวแบบเมื่อกี๊อีกนะ”
เป็นแฟนกันแล้วอะ เออ ตลกดี
“แต่เราน่ากลัวเหรอ”
“เออสิ” มาร์คตอบออกไปแทบจะทันที “เหมือนจะระเบิดออกมาตอนไหนก็ไม่รู้อะ”
“ขอโทษ” แจฮยอนเอ่ยเสียงแผ่ว “แต่ถ้าเราพูดไปตอนนั้นเราอาจจะตะคอกใส่มาร์คเลยก็ได้
เราขี้หวงอะ เลยพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นก่อนอะ”
แต่มาร์คก็ส่ายหน้าน้อย ๆ ปากเล็ก ๆ นั่นคลี่รอยยิ้ม แล้วพึมพำเบา ๆ
ว่า “ไม่เป็นไร”
“งั้นเป็นแฟนกันแล้วขอหอมแก้มหน่อย” คนหล่อตรงหน้ามาร์คพูด
เหมือนจะพูดเล่นแต่ตัวเขาจับได้ถึงความจริงจังที่อยู่ในน้ำเสียง
และเขาก็เดาไว้ไม่มีผิดเลย พอเป็นแฟนแล้วหยอดหนักกว่าเดิมอีก
“งั้นไม่เป็นแฟนละ ขอลาออก”
“ไม่ได้ดิ แฟนไม่อนุญาต เดี๋ยวไปเอามูมินมาก่อนนะ”
พูดแค่นั้นแล้วก็รีบฉกชิงความหอมจากแก้มเนียนแล้ววิ่งออกไป
มาร์คยืนงง ยกมือขึ้นมาปิดหน้าสีแดง ๆ ที่มาจากความเขินเมื่อครู่
วันนี้เขินจนต้องปิดหน้าถี่ไปรึเปล่าวะ
พอตั้งสติได้แล้วก็เอาของที่ซื้อมาเก็บให้เข้าที่ในระหว่างรออีกคนกลับเข้ามา
ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องของเขาอีกครั้ง แจฮยอนถือแมวอุ้มเข้ามาหาเขาที่นั่งพักอยู่ตรงโซฟา
“นี่มูมิน นี่แม่นะ” ทำการแนะนำตำแหน่งใหม่ของตัวเขาให้แมวตัวเองเสร็จสรรพ
แต่มาร์คไม่เห็นด้วย “แม่บ้านเอ็งเดะ”
“เอ้า ก็เราเป็นพ่อแล้วอะ มาร์คก็ต้องเป็นแม่สิ
เป็นแม่ก็ต้องพูดเพราะ ๆ นะ” พ่อมูมินตอบกลับมาหน้าตาเฉย
“แล้วทำไมต้องเป็นแม่วะ” คนน่ารักยังคงเถียง
ก็เขาไม่ได้อยากจะเป็นแม่สักหน่อย นี่ก็จะมัดมือชกกันตลอดเลยรึไงนะ
แต่ดูจากท่าทางแล้วแจฮยอนก็มิได้นำพา “ก็เพราะน่ารักไง เลยให้เป็นแม่”
“เจย์ก็น่ารัก ก็เป็นแม่ได้เหมือนกันสิ”
มาร์คเม้มปาก ก่อนที่แจฮยอนจะหัวเราะออกมาแล้วถามอีกคนว่า “เราน่ารักเหรอ
แล้วรักเรามั้ย”
“ไม่พูดและ” เพราะรู้สึกว่ามันเริ่มเข้าตัวเองมากขึ้นทุกทีที่พวกเขาเถียงกัน
ทำไมเถียงแพ้ตลอดเลยวะ สกิลการต่อล้อต่อเถียงแจฮยอนของมาร์คอ่อนด๋อยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“พูดหน่อยดิ นะ” คนหล่อของมาร์คยังคงอ้อน
“แต่เราชอบมาร์คนะ”
หมดแล้วแหละ ความอดทนที่สั่งสมมา เถียงอะไรก็แพ้ ลูกอ้อนก็แพ้ หมดกัน
“อือ ชอบเหมือนกัน”
“รู้สึกไม่นกแล้วอะมูมิน ดีใจ” แจฮยอนพูดกับแมวของตัวเองที่นอนอยู่ระหว่างเขาทั้งคู่
มาร์คหัวเราะทำลายความประหม่าของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วถามแจฮยอน “หิวแล้วอะ
ทำไรกินกันดี”
แจฮยอนยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นตามมาร์คไปที่ส่วนครัวแล้วทำอาหารกัน อาจจะมีขัดเขินไปบ้าง
แต่ก็มีความสุขมาก
ทำอาหารง่าย ๆ
แค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ดูจะอร่อยกว่าอาหารมื้อหรูที่ต้องออกไปควักเงินจ่ายแพง ๆ
เสียอีก การนั่งดูหนังในทีวีที่ห้อง ก็ดูเหมือนจะดีกว่าการออกไปดูในโรงภาพยนตร์
อาจจะเพราะคนที่เราใช้เวลาด้วยมันคือคนพิเศษที่แค่พอได้อยู่ข้าง ๆ ก็มีความสุขมาก
ๆ แล้วมั้ง
--
แต่พอเปลี่ยนสถานะกันแล้ว
ทั้งมาร์คและแจฮยอนก็ไม่ได้คิดว่าความรู้สึกหรืออะไรต่าง ๆ
รอบตัวเขาทั้งสองจะเปลี่ยนไปมากมายขนาดนั้น
มันก็เหมือนกับตอนที่อีกคนขอจีบเขานั่นแหละ ทั้งคู่ยังคงตัวติดกันเหมือนเดิม
คุยกันเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเป็นเพื่อนกัน เป็นพื้นที่สบาย ๆ ของกันและกัน อันไหนมีความเห็นไม่ตรงกันก็ค่อย
ๆ ปรับเปลี่ยนกันไป เพียงแค่แจฮยอนรุ่มร่ามกับเขามากกว่าเดิมเท่านั้นเอง และมาร์คที่ตอนแรกดูเหมือนจะขัดขืน
แต่ตอนนี้ก็สมยอมมากไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนทักษะการเถียงก็ยังไม่พัฒนาเหมือนเดิม แต่มาร์คไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่
เพราะถ้าจะบอกว่าชีวิตของเขาทั้งคู่มันเปลี่ยน อาจจะต้องย้อนกลับไปจนถึงตอนที่มูมินเข้ามาหามาร์คครั้งแรก
ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแหละ
--
เป็นแฟนกันแล้วค่า เย้
กราบขอโทษอีกทีที่มาช้า แต่จบแน่นอนค่ะ เรื่องนี้ต้องโทษกัปตันเลย โมเมนท์มาทีก็เขียนไม่ออกที ช่วงที่หาย ๆ ไปก็นี่แหละค่ะ อายมาก โมเมนท์ฟินกว่าฟิคที่เขียนอยู่อี๊ก 555
ฟิคเรื่องนี้เราเองตั้งใจเขียนเอาฟินเป็นการส่วนตัว สาระเลยไม่ค่อยมีเท่าไหร่นะคะ 55555 โดยเฉพาะตอนนี้ ไหลไปเรื่อย ๆ มาก ๆ เลยอะ ฮือออ ด่าได้แต่อย่าแรงนะคะ ใจเราบางมาก
แต่ถ้าอยากอ่านให้อารมณ์ดี ๆ ก็น่าจะได้อยู่ 555555555 ขอบคุณทุกคนที่ยังคงติดตามนะคะ อีกไม่กี่ตอนน่าจะจบแล้วล่ะค่ะ แฮ่ บอกไม่ได้ว่ากี่ตอน แต่อาจจะเขียนอยู่เรื่อย ๆ เพราะไม่มีอะไรที่ตายตัวเลยสักอย่าง 55555555555555555
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ทุกยอดวิว ทุกกำลังใจทั้งทางเว็บเด็กดีและทางทวิตเตอร์นะคะ
ตอนนี้ก็เช่นเคยค่ะ รบกวนคอมเมนท์บอกกันด้วยน้าว่าเป็นยังไงบ้าง ถือว่าเป็นคำติชมให้เราได้พัฒนาฝีมือกันต่อไปเน้อ
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
ความคิดเห็น