คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : -03- Patient
-03-
Patient
--
มาร์คตื่นเพราะนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นตอนหกโมงเช้า
เป็นวันสุดท้ายของเทอมนี้ที่เขาต้องสู้กับความต้องการจะนอนซุกผ้าห่มอุ่น ๆ
ท่ามกลางอากาศหนาว ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วท้าลมหนาวด้วยการลงไปซื้ออาหารเช้าที่หน้าหอพัก
เดินไปอ่านหนังสือไปจนแทบจะสะดุด โชคดีที่ร้านโจ๊กอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
เพราะถ้าไกลกว่านี้ ความซุ่มซ่ามที่มีอยู่ในตัวคงพาเขาสะดุดอะไรสักอย่างล้มและเอาแผลถลอกไปสอบด้วยแน่
ๆ
โชคดีที่กลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัย
แต่มาร์ครู้สึกไม่ค่อยดี
เขาตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ
เพราะอากาศที่เริ่มเย็นลงและพักผ่อนน้อย ทำให้เขามีอาการปวดหัวและไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ เขาไม่เคยถูกกับอากาศหนาวมาแต่ไหนแต่ไร แล้วเพราะรู้แบบนั้น จึงพยายามดูแลตัวเองมาตลอดตั้งแต่สอบมา ดันพลาดท่าเพราะคนข้างห้องชวนไปดูหนังตอนที่จะสอบวิชาสุดท้ายเนี่ยนะ?
พยายามผลักความคิดเหล่านี้ออกไปจากหัว แต่เพราะอาหารเช้าที่ซื้อมาสองชุดเผื่ออีกคนด้วยก็ทำให้ต้องวกกลับมาคิดเรื่องนี้ใหม่อย่างช่วยไม่ได้
มาร์คลีต้องใจเย็นก่อน
ต้องสอบก่อนนะ รับผิดชอบตรงนี้ก่อน
เดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา ก่อนจะออกมานั่งสงบจิตสงบใจอ่านหนังสือทบทวนในระหว่างรออีกฝ่าย
ไม่นานนัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
พร้อมกับแจฮยอนที่เดินเข้ามาเพราะเจ้าของห้องไม่ได้ล็อคประตูเอาไว้
เขาสังเกตเห็นว่าสายตาของมาร์คยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษอย่างคร่ำเคร่ง
สีหน้าของอีกคนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่...
เมื่อคืนได้นอนรึเปล่านะ?
“เมื่อคืนได้นอนมั้ยเนี่ย”
ถามออกไปอย่างใจคิดเมื่ออีกฝ่ายเดินตามคนสูงกว่าเข้าไปในครัวเพื่อช่วยกันเตรียมอาหารเช้า
“ก็นอนไม่ค่อยหลับอะ”
มาร์คตอบในระหว่างที่นั่งรอรับชามโจ๊กอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร พยักหน้าเบา ๆ
เชิงขอบคุณก่อนจะลงมือทาน
“โอเครึเปล่า”
“ปวดหัวนิดหน่อย กินข้าวเสร็จว่าจะกินยา” มาร์คตอบอาการของตัวเองไปตามตรง
เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องโกหก
แจฮยอนพยักหน้ากับคำตอบที่ได้รับ อีกคนพูดน้อยกว่าปกติ สายตาแห่งความกังวลถูกส่งไปให้กับคนที่นั่งละเลียดโจ๊กในชามตรงหน้าของเขา
“ไม่อร่อยเหรอ” แจฮยอนถามอีกครั้ง
เมื่อเขาเห็นว่าอีกคนทานไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ลุกออกไป
มาร์คส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน สิ่งที่ติดมือออกมาคือกระปุกยาแก้ปวด
หยิบออกมาหนึ่งเม็ด เข้าปากแล้วดื่มน้ำตาม ก่อนจะถามเสียงเบา
“อิ่มยัง”
แจฮยอนพยักหน้าสองสามที แล้วคนตัวเล็กกว่าก็ยกชามของเขาออกไปวางที่อ่างล้างจาน
เดินไปหยิบของใส่กระเป๋า ก่อนจะหันมาถามอีกคนที่นั่งอยู่ที่เดิม
“ไปกันเลยมั้ย”
“ด...ได้ดิ”
แล้วมาร์คก็เดินนำไปที่ประตู
แจฮยอนที่คว้ากุญแจรถที่วางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินตามหลังไป ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก
เพราะเท่าที่เห็น มาร์คดูอาการไม่ดีเท่าไหร่
บรรยากาศบนรถในวันนี้ดูอึมครึมมากกว่าปกติ เพราะคนนั่งข้าง ๆ
นั้นหลับตาพิงพนักเก้าอี้ แจฮยอนลอบดูอยู่บ่อย ๆ
ดูเหมือนจะอาการไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นัก
“หนาวเหรอ” แจฮยอนถามเมื่อสังเกตเห็นอีกคนที่ปรับให้แอร์เบี่ยงออกจากตัว
“อือ” มาร์คครางออกมาจากในลำคอ พยักหน้าเบา ๆ
“งั้นเราปิดแอร์นะ” เอื้อมมือปรับแอร์แล้วลดกระจกหน้าต่างลงเพื่อระบายอากาศ
มาร์คพึมพำขอบคุณ แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ถึงจุดหมาย
“ขอบคุณนะ” อีกคนเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว ก่อนจะเปิดประตูเพื่อลงจากรถ
“สอบเสร็จมารอหน้าตึกนะ”
แจฮยอนบอก มาร์คพยักหน้ายิ้มอ่อน ๆ ก่อนจะเดินเข้าไป คนด้านในรถมองตามอย่างเป็นกังวล
ก่อนจะวนรถออกไปจากคณะของมาร์คเพื่อไปทำธุระที่คณะของตนเองต่อ
--
สิ้นสุดการสอบของปีสามเทอมสองแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณเหลือเกินที่ประคองสติตัวเองอยู่ได้จนถึงตอนสอบเสร็จ
มาร์คออกจากห้องสอบก่อนเป็นเวลาเกือบยี่สิบนาที เพราะที่นั่งตรงที่เขานั่งนั้นแอร์ตกพอดี
แถมยังดันลืมพกเสื้อคลุมกันหนาวติดตัวมาด้วยอีก อาการเลยยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม
พัง
ทนหนาวจนมือแข็งไปหมด จนต้องยกมือขออนุญาตผู้คุมสอบเปลี่ยนที่นั่งไปเป็นที่อื่นที่แอร์ไม่ตก
เพราะมันหนาวจนแทบจะเขียนคำตอบไม่ได้
อาการปวดหัวที่ทานยาลัดไปเมื่อเช้าก็ดันมาแสดงอาการเอาก่อนหมดเวลาครึ่งชั่วโมง
แต่โชคดีที่เขาทำข้อสอบเสร็จพอดี จึงตรวจทานอีกนิดหน่อย แล้วรีบออกจากห้องสอบเพราะทนความหนาวไม่ไหว
แต่พอออกมาจากห้องสอบแล้วก็ยังหนาวอยู่ ทั้งที่แดดจ้าขนาดนี้และเวลาก็เกือบจะเที่ยงแล้ว
ปกติมันก็หนาว เพราะนี่ฤดูหนาว แต่นี่มันหนาวเข้ากระดูก เขาไม่ค่อยได้เป็นแบบนี้ จนแอบคิดว่าตัวเองอาจจะป่วยเป็นไข้หวัดเอาเสียแล้วก็ได้
มาร์คส่งข้อความบอกเพื่อนที่ยังสอบไม่เสร็จว่ากลับไปแล้ว แล้วจึงส่งข้อความหาแจฮยอนว่าขอตัวกลับก่อนเพราะรู้สึกไม่สบาย
คงไปดูหนังด้วยไม่ได้ ซึ่งปลายทางก็อ่านทันที แล้วโทรกลับมา
(กลับแล้วเหรอ) น้ำเสียงที่ส่งมาตามสายดูร้อนรน (อยู่ไหน)
“เราอยู่หน้าคณะ กำลังจะกลับ”
(ไม่ต้องนะ รอเราก่อน กำลังจะไปรับ อย่าออกมายืนตากแดดนะ
รอเราหน้าตึก จะวนรถเข้าไปรับ)
พูดรัว ๆ แล้วก็กดตัดสายไปเลยตามสไตล์เจ้าตัว ฟังดูก็รู้ว่ารีบวิ่งออกมาขนาดไหน
อะไรจะขนาดนั้น
ไม่เกินห้านาทีมาร์คก็สังเกตเห็นรถของแจฮยอนที่มาจอดอยู่ตรงหน้าอาคารเรียน
เข้าไปนั่งในรถ แจฮยอนทำหน้าตาเครียด ๆ
บนรถมีแต่ความเงียบ แจฮยอนทำหน้าจริงจังมาตลอดทาง แต่ก็ยังจำได้ว่าเขาหนาวและไม่เปิดแอร์แต่เปิดกระจกแทน
แม้จะเป็นแค่ระยะทางสั้น ๆ จากคณะของมาร์คกลับมาที่หอของเขา แต่มันก็ทำให้เขาอึดอัดจนต้องพูดออกมาในช่วงที่อีกคนจอดรถเมื่อถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษนะ” เอ่ยเสียงแผ่ว ก้มหน้าหลบสายตาแจฮยอนด้วยความรู้สึกผิด
ไม่รู้ว่าผิดอะไรแต่ขอโทษไปก่อนแล้วกัน
“ขอโทษทำไม” อีกคนถามเสียงเรียบ ยิ่งทำให้มาร์คหงอเข้าไปอีก
“ก็แจฮยอนไม่ได้ไปดูหนังเลยอะ”
ว่าเสียงอ่อย ๆ เกิดความเงียบอยู่หนึ่งอึดใจ แล้วอีกคนหลุดหัวเราะออกมา
มาร์คมองตาปริบ ๆ
“เราไม่ได้โกรธเลย ขอโทษทำไม” แจฮยอนหัวเราะ
“ก็เห็นหน้าบึ้ง…”
“เราแค่คิดเรื่องโปรเจ็กต์เยอะไปหน่อยแค่นั้นเอง ไม่ได้เป็นอะไรเลย
คิดมากหน่า”
อ้าวเหรอ…
ตอนนี้มาร์คหน้าแดงมาก คือแดงทั้งเพราะพิษไข้ และเพราะความเขินอายด้วย
ถ้ามีเสียง จะดังว่า ‘ฉ่าาาา’
แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง แต่สิ่งที่มาร์คเห็นคือเจ้ามูมินที่นอนเล่นอยู่ตรงโซฟากลางห้องเขา
ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะอุ้มแมวเจ้าปัญหาไปหาที่ห้องแจฮยอน
แต่เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ทำให้คิดว่าอีกคนคงรู้แล้วว่าแมวหาย เปิดประตูออกมาพลางยื่นแมวมาให้พร้อมกับส่งยิ้มเนือย
ๆ
“ไหวมั้ยเนี่ย” รับมูมินมาถือไว้ด้วยมือเดียว
อีกมือก็ลูบหัวพลางโยกไปมาเบา ๆ ทำให้มาร์ครู้สึกมึน ๆ เล็กน้อยเพราะอาการปวดหัวตุบ
ๆ ที่ไม่ได้หายไปไหน แล้วแจฮยอนเลื่อนมือมาจับที่หน้าผากคนตรงหน้า “ตัวร้อนนะ”
“แต่หนาวอะ” เอามือลูบต้นแขนตัวเองเพื่อแสดงออก “จะนอนแล้วเนี่ย”
“กินข้าวกินยาก่อนมั้ย มีอะไรกินรึเปล่า”
“ก็...ว่าจะกินยาแล้วนอนเลย” เพราะขี้เกียจกินแล้ว อยากนอนแล้วตอนนี้
“เฮ้ย กินข้าวก่อนดิ”
“ขี้เกียจอะ”
“มา เดี๋ยวเราทำให้กิน ในห้องมีไรมั่ง”
เดินแทรกมาร์คเข้ามาในห้องหน้าตาเฉย เจ้าของห้องมองตามไป เปิดตู้เย็นดู
เหลือข้าว กับของสดเล็กน้อย
แจฮยอนบอกให้มาร์คเข้าไปเปลี่ยนเสื้อแล้วจะจัดการทางนี้เอง
พยักหน้างง ๆ ก่อนจะทำตามที่บอก เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่อุ่นสบายมากขึ้นแล้วมานั่งรอแจฮยอนทำอาหารให้เขาทาน
กลิ่นหอม ๆ นั่นกระตุ้นความอยากอาหารของเขาได้เป็นอย่างดี
เป็นครั้งแรกที่จะได้ทานอาหารฝีมือของคนที่เราแอบชอบ ตื่นเต้นอะ
จะแอบคิดไปเองว่าอีกคนก็เป็นห่วงเราจะได้มั้ยนะ...
“เสร็จแล้ว”
แจฮยอนถือจานอาหารมาสองใบ สีหน้าของมาร์คดูดีขึ้นมากเมื่อได้เห็น
“ข้าวผัด?”
“อื้ม” พยักหน้ายิ้มเพื่อจะตอบว่าใช่
แล้วยื่นจานหนึ่งใบมาให้ตรงหน้าของมาร์ค
เจ้าของห้องหยิบช้อนส้อมขึ้นมาก่อนจะตักเข้าปากเพื่อชิมหนึ่งคำ
“อร่อยอะ”
“ดีแล้ว กินเยอะ ๆ จะได้กินยานอน” แจฮยอนนั่งตรงกันข้าม
เท้าคางมองมาร์คที่ทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย ๆ แก้มใสที่เป็นสีชมพูเพราะพิษไข้
เคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างน่ารัก ก่อนที่รอยยิ้มจะเกิดขึ้นบนใบหน้าของทั้งสอง
รอยยิ้มของมาร์คเกิดขึ้นเพราะข้าวผัดของแจฮยอนอร่อย
รอยยิ้มของแจฮยอนเกิดขึ้นเพราะมาร์ค
รอยยิ้มของทั้งคู่เกิดขึ้นเพราะกันและกัน
และทั้ง ๆ ที่มีคนบอกว่าขี้เกียจกิน แต่ก็ทานไปจนเกือบหมด ทำหน้างอ
จนพ่อครัวต้องถามคนป่วย
“เป็นอะไร หืม”
“เรากินไม่หมดอะ ขอโทษ”
แจฮยอนหัวเราะคนป่วยที่ทำหน้าเป็นหมาหงอย “ก็กินไปเยอะแล้ว
ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่มันอร่อยนะ ขนาดลิ้นมันขม ๆ ยังอร่อยเลย”
พ่อครัวจำเป็นยิ้มจาง ๆ ยื่นแก้วน้ำให้คนป่วย “แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”
“นี่” แจฮยอนเรียก ทำให้มาร์คที่กำลังดื่มน้ำหันมามอง
เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม “หายแล้วค่อยไปเดทกันนะ”
ห...หือ?
แค่ก ๆ
คราวนี้สำลักน้ำ
ไอ้คนชวนนี่ก็ชอบชวนตอนกินจังเลยวะ
“ด...เดทเลยเหรอ” ถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ
คนชวนพยักหน้า ยิ้มจนตาปิด
“ไปเนอะ?”
“ก็...ได้”
อยากจะหันหน้าหากล้องสองแล้วถามกับคนอ่านจังว่าไอ้ที่ว่าเดทเนี่ย
มันหมายความว่ายังไงวะ
“กินยาแล้วก็นอนนะ เดี๋ยวตอนเย็นไปกินข้าวกัน”
ถ้าเป็นคนอื่นมัดมือชกเขาบ่อย ๆ แบบนี้คงมีด่ากันบ้างแหละ
แต่พอเป็นแจฮยอน เขาก็ไม่เคยว่าอะไร ออกจะตามใจกันด้วยซ้ำ
ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจพอสมควร
แต่อันนี้ไม่ได้รู้เองนะว่าเอาแต่ใจ คนอื่นบอกมา
หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะป่วยจนไม่มีแรงจะเถียง หรือไม่ก็อยากจะตามใจแจฮยอน
มีอยู่สองอย่างนี่แหละ
มาร์คพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหาเตียงที่เขาโหยหามาตั้งแต่เช้าที่ลุกออกมา
แจฮยอนไปอุ้มมูมินที่เล่นของเล่นอยู่ตัวคนเดียว แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ
มาร์คที่ล้มตัวลงนอน
“หลับสนิทไม่ฝันนะ”
มาร์คยิ้มรับ หลับตาลงก่อนจะพึมพำบอกให้อีกคนล็อคห้องให้ด้วย
ซึ่งแจฮยอนก็ทำตาม เพียงไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไป
--
ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัว
คงเพราะยาที่ออกฤทธิ์ขับเหงื่อออกมา เขารู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว
แต่ความหนาวยังพอมีอยู่บ้าง มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากขึ้น
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
18.48 น.
พร้อมกับสายไม่ได้รับ 5 สาย และข้อความอีกเกือบสิบจากแจฮยอน
เขาปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ตั้งแต่สอบและลืมเปิดเสียงคืน
แถมยังหลับสนิทจนไม่ได้ยินอะไรเลย กดโทรศัพท์เพื่อโทรออกหาคนที่อยู่ข้าง ๆ ห้อง
ซึ่งกดรับแทบจะทันที
(เป็นไรรึเปล่า)
“เราเพิ่งตื่นอะ” เสียงงัวเงียยืนยันได้เป็นอย่างดี มาร์คได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากปลายทาง
(งั้นรอเปิดประตูให้เราเลย เดี๋ยวไปหา)
มาร์คตอบตกลงก่อนจะกดวางสาย
และไม่ถึงสิบวินาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นแทบจะพอดีกับตอนที่เขาเปิดประตูให้คนข้างห้องพร้อมกับแมวของเขาเดินเข้ามา
“เป็นไงมั่ง ดีขึ้นมั้ย”
ถามอาการของอีกคนเป็นอย่างแรก ก่อนจะเอามืออังหน้าผาก
ไรผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แก้มที่ยังคงเป็นสีชมพูจากความร้อนในตัว
ปากสีแดงขยับตอบคำถาม
“ก็ดีขึ้นนะ”
คนตัวสูงกว่าพยักหน้า
ยิ้มตาปิดพลางชูถุงที่ภายในบรรจุไปด้วยวัตถุดิบทำอาหาร
“เราซื้อของมาทำกับข้าวให้กินแหละ”
มื้อนี้เป็นพาสต้าผัดแห้งแบบง่าย ๆ และแน่นอนว่าอร่อยเหมือนเดิม
เป็นอีกครั้งที่มาร์คทานจนเกือบหมด
และเป็นอีกครั้งเช่นกันที่พ่อครัวจำเป็นต้องยิ้มจนหน้าบานอีกครั้งเพราะเห็นอีกคนยิ้มเพราะอาหารของเขา
ในตอนที่ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น
แต่กลายเป็นว่าอาการไข้มันกลับมาอีกครั้ง
อยู่ ๆ อาการหนาว ๆ ร้อน ๆ พร้อมกับอุณหภูมิภายในร่างกายที่ระอุขึ้นก็ทำให้มาร์คต้องรีบทานยาอีกครั้งแล้วไปคว้าเสื้อคลุมมาคลุมตัวไว้อีกชั้น
“ปวดตัวด้วยรึเปล่าเนี่ย”
แจฮยอนถามในระหว่างที่นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันหลังจากทานอาหารเย็นด้วยกันเสร็จ
ก่อนจะเอามืออังหน้าผากของอีกคนเพื่อวัดอุณหภูมิ
และเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในครั้งนี้มาร์คตัวร้อนขึ้นกว่าตอนก่อนหน้าที่เขาเคยวัดไปเมื่อตอนเย็น
“ไม่นะ”
มาร์คส่ายหัวยืนยันด้วยอีกทาง แล้วเอนไหลไปกับโซฟาเหมือนคนไม่มีกระดูก
หมดแรงอะ
เพราะโซฟาค่อนข้างตัวเล็กไปสำหรับผู้ชายที่สูงประมาณ 175 ซม.ขึ้นไปทั้งคู่ ทำให้การไหลตัวลงนอนของมาร์คนั้นค่อนข้างจะเป็นไปในทางที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ ไปเสียหน่อย คือตัวเอนแล้วแต่ขายังห้อยอยู่ และนั่นทำให้แจฮยอนหัวเราะ ก่อนจะจับขาของมาร์คให้ขึ้นมาวางไว้บนตักของตัวเอง
“นอนดี ๆ สิ”
จัดหมอนไว้ที่เหมาะสมแล้วดันตัวมาร์คให้นอนลงไป
แต่คนป่วยดื้อแล้วขืนตัวเองไว้ พยายามจะเอาขาลงจากตักของคนข้างห้อง
“จะเอาขาลงอะ”
“ขาลงแล้วจะนอนได้ยังไงล่ะ อย่าดื้อดิ ง่วงก็นอนไป”
พูดเสียงดุ แต่พยายามกลั้นยิ้ม จัดการจิ้มหน้าผากอุ่นไปหนึ่งที แล้วโยนผ้าห่มที่มาร์คถือติดมือมาด้วยห่มเข้าให้
คนป่วยทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจเบา ๆ แล้วปล่อยเลยตามเลยไป แรงก็ไม่มี
ลำพังแค่จะเถียงแจฮยอนยังไม่ได้เลย จะเดินไปหาเตียงยังไงไหว
มาร์คมองแจฮยอน พึมพำบอกฝันดีกับอีกคน ก่อนที่จะคิดอะไรได้อีกก็ผล็อยหลับไปทั้งแบบนั้น...
--
มาร์คตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพราะมูมินที่เข้ามาปลุก
ปลุกแบบที่ว่านั่งทับบนหัวจนหายใจไม่ออกอะ
ลุกขึ้นมาเพราะล่าสุดที่เขาจำได้คือตัวเองนอนดูทีวีอยู่ที่โซฟา...กับแจฮยอน...?
แล้วมูมินมาได้ไง?
คือยังไม่ได้กลับห้องทั้งคนทั้งแมวเหรอ?
ก้มลงไปดูก็เห็นแจฮยอนที่นั่งหลับบนโซฟา ท่าเดียวกันกับตอนที่เขาเห็นก่อนจะหลับไป
มาร์คลุกขึ้น
เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้วหลังจากได้นอนเต็มอิ่มมาทั้งคืน
ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดแจฮยอนที่ยังนอนอยู่
“เจย์”
ดูท่าจะเป็นคนขี้เซาอยู่พอสมควร เขย่าตัวขนาดนี้ยังไม่ตื่นเลย
แต่ครั้งนี้ยังไม่เมา ความพยายามในการปลุกของมาร์คเลยไม่ต้องมากเหมือนครั้งก่อนเท่าไหร่
“อ้าว” สีหน้าแปลกใจยังเหมือนเดิม มองรอบ ๆ ห้องเหมือนเดิม
แล้วหันมาทางเขาเหมือนเดิม “โทษที เราเผลอหลับไปเลยอะ”
“ไม่เป็นไรหรอก กลับไปนอนต่อที่ห้องมั้ย”
“ไม่เป็นไรล่ะ เราตื่นแล้ว” ว่าพลางบิดขี้เกียจ
แล้วเกาคางให้กับแมวของตัวเองที่ตอนนี้นอนอ้อนเจ้าของอยู่บนตัก “แล้วดีขึ้นแล้วใช่มะ”
มาร์คที่กำลังยิ้มให้กับความน่ารักของมูมินกับเจ้าของก็เลิกคิ้วขึ้น
ก่อนจะพยักหน้า “ก็ดีขึ้นแล้วนะ ไม่ปวดหัวแล้ว”
เอามือจับหน้าผากตัวเอง “ตัวก็น่าจะไม่ร้อนแล้วล่ะ”
แต่แจฮยอนก็จับเอามือเขาออก แล้วใช้มืออังหน้าผากอีกคนแทน “อื้ม
ก็ยังรุม ๆ อยู่นะ แต่ก็ดีกว่าเมื่อวานมากแล้วล่ะ”
“ก็นอนทั้งวันเลยนี่นา”
“เพราะอาหารที่เราทำมันอร่อยมากต่างหากล่ะ”
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา
“เจย์ ขอบคุณนะที่ดูแลเรา”
“จริง ๆ ให้ดูแลต่อไปเรื่อย ๆ ก็ได้นะ”
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปเหมือนถูกกดปิดเสียง มีเพียงแค่ตาของมนุษย์สองคู่ที่จ้องกันปริบ
ๆ
แจฮยอนจ้องหน้ามาร์คด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น “เราหมายความแบบนั้นจริง
ๆ นะ”
ริมฝีปากเล็กของคนป่วยค่อย ๆ คลี่รอยยิ้มออกมา ก่อนจะพูดว่า
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไปอาบน้ำแล้วหาอะไรกินกันเถอะ”
--
แล้วก็ตัดภาพไปที่ตาเจย์ประคบประหงมคนป่วยเหมือนไข่ในหินจนกว่าน้องจะหาย
5555555555555555 มาแล้วค่ะมาแล้ววว
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ของทุก ๆ คน ยอดวิวของทุกคนเช่นกันค่ะ
ตอนนี้ก็เช่นเคยนะคะ สนุกไม่สนุกหรือรู้สึกยังไงหลังจากอ่านตอนนี้แล้วรบกวนบอกเราด้วยนะคะ จะได้พัฒนากันต่อไป ถือว่าช่วย ๆ กันเนอะ
ขอบคุณมากนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
ความคิดเห็น