ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NCT | เพื่อน(?)ข้างห้อง JaeMark

    ลำดับตอนที่ #2 : -02- The Lost Mind

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 59


    -02- 
    The Lost Mind
    Pairing: Jaehyun x Mark
    Rate: G | AU, Fluff(?)

    --


    Credit: dailystrggls.tumblr.com

     

    เหลือสอบอีกวิชาเดียว วิชาสุดท้าย เขาก็จะจบปีสามอย่างสมบูรณ์

     

    (ก็ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่หรอก ถ้าสอบไม่ผ่านหน่ะนะ)

     

    มาร์คถอนหายใจก่อนจะฟุบหน้าลงกับกองหนังสือ

     

    ภาควิชาของเขาสอบเสร็จช้ากว่าของคนอื่น จะโทษใครก็ไม่ได้อีกแหละ ในเมื่อพวกเขาเป็นคนเลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง

     

    เพราะเนื้อหาในแต่ละวิชาของเทอมนี้มันเยอะมาก การสอบติด ๆ กันทุกวันอาจจะทำให้พวกเขาอ่านหนังสือไม่ทัน เลยต้องยอมที่จะให้หนึ่งสัปดาห์สอบแค่หนึ่งวิชา เป็นเหตุทำให้ต้องสอบนานกว่าภาควิชาและคณะอื่น ๆ เพราะต้องการใช้เวลาในการอ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนให้ได้มากและนานที่สุด

     

    ความล้าจากการอ่านหนังสือและการสอบหลายวิชาที่ผ่านมากัดกินพลังกายและใจของเขาค่อนข้างมาก สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เขามีแรงฮึดต่อก็คืออีกประมาณหนึ่งวันครึ่งนับจากนี้เขาก็จะเป็นอิสระแล้ว

     

    มาร์คเงยหน้าขึ้น ก่อนจะสะบัดหัวซ้ายขวาไปมาเพื่อไล่ความง่วงและความปวดเมื่อยที่มีออกไปแล้วเริ่มอ่านหนังสือต่อ

     

    --

     

    มาร์คยังคงนั่งอ่านหนังสือต่อไปจนพ้นวันใหม่มาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว อ้าปากหาวอีกครั้งก่อนจะรับรู้ได้ว่าความเหนื่อยล้าและความง่วงเริ่มมีผลต่อเขามากเพียงใด

     

    หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักเพื่อเปิดดูว่าใครทักอะไรมาบ้างไหม ก็พบว่าไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทแจ้งเตือนระเบิดเกือบห้าร้อย

     

    ก็ประมาณนี้แหละ พอสอบแล้วก็เครียดมากกว่าปกติ เลยมาระบายในโลกโซเชียลไง

     

    เขาไล่อ่านกลุ่มเพื่อนที่นินทาว่าคนที่เงียบอยู่คือคนที่ซุ่มอ่านหนังสือจนไม่ยอมมาคุยไลน์กับเพื่อนก่อนจะยิ้มให้กับโทรศัพท์เพราะสำหรับเขามันเป็นเรื่องจริง และนอกจากสติกเกอร์ที่ส่งกันมารัว ๆ เขาก็จับใจความได้ว่าพรุ่งนี้กลุ่มของเขาชวนกันไปติวที่หอสมุด

     

    ตอบไลน์คนที่เหลือเล็กน้อยแล้วก็ปิดหนังสือ จัดทุกอย่างลงในกระเป๋าสำหรับวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะได้ตื่นมาตอนเช้าแล้วไม่ฉุกละหุกจนลืมนั่นนี่อย่างที่เคยเป็นอยู่ประจำ

     

    ก๊อก ๆ ๆ ๆๆ ๆ ๆ

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นรัว ๆ คิ้วนกนางนวลขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าใครที่มาเคาะประตูห้องเขาในช่วงเวลาตีสองแบบนี้

     

    “มูเมนนน เปิดประตูให้หน่อยยยย”

     

    เจย์? มาเคาะอะไรตอนนี้วะ

     

    แต่มูมินไม่ได้อยู่ที่ห้องเขานี่...

     

    มาร์คมองไปรอบ ๆ เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวห้องข้าง ๆ ไม่ได้อยู่ในห้องของเขาจริง ๆ แล้วเปิดประตูออกเพื่อที่จะบอกกับอีกคนว่า

     

    “มูมิน...” ไม่ได้อยู่ที่ห้องเขา...

     

    ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค แจฮยอนก็เดินตรงดิ่งเข้ามานอนตรงโซฟา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่มาร์คได้กลิ่นในตอนที่อีกคนเดินผ่าน ถ้าไม่ใช่ว่าดื่มมาหนักมาก ๆ ก็คงเทอาบมาทั้งตัวแน่ ๆ

     

    เมาเหรอ?

     

    เหมือนจะได้ยินมาว่าคณะของแจฮยอนสอบเสร็จไปแล้ว ก็คงไปฉลองสอบเสร็จแบบจัดหนักกับเพื่อนมาสินะ

     

    มาร์คมองตามแจฮยอนที่แทบจะเหมือนหลับตาเดิน...จนไปชนเข้ากับโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง

     

    “โอ๊ย ทำไมโซฟามาอยู่ตรงนี้วะ”

     

    “...”

     

    “นี่จัดห้องใหม่เหรอมูมิน”

     

    คุยกับแมวที่ไม่ได้อยู่ในห้องแล้วก็ล้มตัวลงนอน...

     

    #แบบนี้ก็ได้เหรอ

     

    ตอนนี้คำถามมีอยู่มากมายเต็มไปหมดในหัวสมองอันแสนอ่อนล้าของมาร์คลี ทั้งคำถามที่มาจากการอ่านหนังสือไม่เข้าใจ ไหนจะคำถามเกี่ยวกับคนข้างห้องที่อยู่ ๆ ก็เมาแล้วเข้ามานอนตรงโซฟาในห้องของเขาอีก

     

    “เจย์”

     

    มาร์คเดินไปสะกิดที่ไหล่ แต่เสียงกรนเบา ๆ และจังหวะการหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอก็ทำให้มาร์คต้องส่ายหัวให้กับตัวเอง คงจะหลับสนิทไปแล้ว...

     

    เขาเพิ่มแรงสะกิดให้มากขึ้นอีกพร้อมกับเสียงเรียกที่ดังขึ้ ดังจนคนแทบทั้งชั้นจะต้องออกมาดูแน่ ๆ แต่...

     

    ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก...

     

    เมาแล้วหลับหรือตายอะ หรือต้องเอาน้ำสาด?

     

    แต่ก็ไม่อยากให้โซฟาเปียกนะ...

     

    เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้รบกวนเขามาก ก็อนุญาตให้อยู่ได้ก็แล้วกัน

     

    ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปยังส่วนของห้องนอน เสียงดังแกรก ๆ ก็ดังขึ้นทำเอาเจ้าของห้องตัวแข็งทื่อ

     

    ถ้าเป็นขโมย ตัวเอาอาจจะยังพอเอาตัวรอดได้ แต่ไอ้คนตัวขาวอวบนี่ จะทำให้มันรอดได้ไงวะ!?

     

    มาร์คหันไปทางต้นเสียงอย่างช้าง ๆ ประตูระเบียงสั่นและเปิดออก ตามมาด้วยเจ้าแมวขาวอวบที่เดินเข้ามาคลอเคลียที่ขาของมาร์ค

     

    “มาหาเจย์เหรอ”

     

    มาร์คถามกลั้วหัวเราะ ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อนั่งลูบหัวให้กับมูมินที่ตาหยีรับสัมผัสของเขาแล้วเดินไปปิดประตูที่มูมินเปิดเข้ามา หันหลังกลับไปอีกที มูมินก็นอนขดเป็นก้อนกลม ๆ อยู่ตรงหน้าอกของเจ้าของและเริ่มหลับตาลง เห็นแล้วก็อดยิ้มให้กับความน่ารักนี้ไม่ได้

     

    ก็ถือว่าเป็นคืนที่แปลกดีสำหรับมาร์ค

     

    เขาหาวเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วในค่ำคืนนี้ จึงตัดสินใจได้ว่าตัวเขาเองก็ควรพักผ่อนบ้างเช่นกัน

     

    หลับฝันดีนะคนกับแมว

     

    --

     

    แจฮยอนที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ขยับตัวเพื่อบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วอ้าปากหาวเสียงดัง

     

    ตื่นแล้วเหรอ

     

    หาวยังไม่ทันสุดก็ได้ยินเสียงคุ้น ๆ เอ่ยทัก ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่เขาเพิ่งสำนึกได้ว่ามันไม่ใช่ห้องของตัวเอง แต่นี่คือหอพักของเขาไม่ผิดแน่ แต่ไม่ใช่ห้องของเขา

     

    แล้วกูอยู่ห้องใครวะเนี่ย กูไปหิ้วใครกลับบ้านรึเปล่าวะ

     

    พยายามหาต้นเสียงทั้งที่ปากยังคงอ้าค้างจากการหาว ไม่นานก็เจอเข้ากับมาร์คที่นั่งยอง ๆ เกาคางเล่นกับมูมินอยู่ตรงพื้นข้างโซฟาที่เขานอนอยู่

     

    มาห้องนี้ได้ไงวะ

     

    โอเค เสื้อผ้าชุดเดิม ไม่เหม็นอ้วก... โอเค...

     

    “มาร์ค? เรามานอนที่นี่ได้ไงเหรอ แล้วมูมินเข้ามาได้ไง”

     

    ถามแบบนี้น่าจะเสี่ยงน้อยสุด ปลอดภัยสุด แล้วห้องตัวเองอยู่ข้าง ๆ ทำไมไม่ไปนอนวะ จองแจฮยอน มึงเมาขนาดไหนกันวะเนี่ย

     

    “ก็เดินเข้ามาแล้วก็ตรงมานอนบนโซฟาเลยอะ เราปลุกก็ไม่ตื่น”

     

    “...”

     

    คนฟังหน้าเจื่อน เขารู้ดีว่าถ้าตัวเองเมาหนักแล้วจะหลับลึกมากและไม่มีแรงขยับไปไหน

     

    “ส่วนมูมินก็ตามเข้ามาทางระเบียง เหมือนปกติ แล้วก็มานอนกับเจย์”

     

    “...”

     

    “มีการบอกให้มูมินเปิดประตูด้วยนะ” มาร์คบอกกลั้วหัวเราะ “แถมเดินเตะโซฟาแล้วถามว่ามูมินจัดห้องใหม่รึเปล่าด้วยอะ”

     

    ใบหน้าหล่อเหลานั่นเจื่อนลงไปอีก หลังจากฟังเรื่องราวที่เจ้าของห้องพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ยิ้มกว้างพลางเกาพุงนิ่ม ๆ ของแมวเขาไปด้วย

     

    ปล่อยไก่ออกมาทั้งเล้าเลยอะ...

     

    “กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนไหม เราซื้อโจ๊กมาเผื่อด้วยแหนะ”

     

    “ก็...เอาแบบนั้นก็ได้”

     

    มาร์คหยุดเกาพุงให้กับมูมิน ก่อนจะลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วเดินไปยังส่วนของครัวเพื่อนำโจ๊กที่เขาซื้อมาเทใส่ชามแล้วไปวางไว้ที่โต๊ะทานอาหารซึ่งอยู่ถัดไปจากโซฟา

     

    แจฮยอนนั่งลงตรงเก้าอี้อีกตัวที่วางตรงข้ามกับมาร์ค นั่งมองหน้าคนตรงหน้าที่กำลังทานโจ๊กอยู่สักพัก

     

    มาร์คหยุดทานโจ๊กเพราะรู้สึกว่ากำลังถูกมอง ก่อนจะถามออกไป “มีอะไรรึเปล่า”

     

    “เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก” ก่อนจะเริ่มทานโจ๊กกันอย่างเงียบ ๆ กันจนหมด มาร์ครวบเอาชามโจ๊กที่ทานเสร็จทั้งของตัวเองและแจฮยอนไปล้าง แต่ถูกชะงักไปเพราะอีกคนเข้ามาขวางการกระทำนั้น

     

    “ให้เราล้างเองนะ”

     

    “เฮ้ย ไม่เป็นไร เราเป็นเจ้าของห้อง เราล้างเอง”

     

    “แต่เรามารบกวนมาร์คตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ”

     

    คนตัวเล็กกว่ายิ้มก่อนจะส่ายหน้า “ไม่เป็นไรเลย ไม่ได้รบกวนขนาดนั้นซะหน่อย เจย์ก็นอนโซฟาไง”

     

    “แต่...”

     

    “กลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเราจะเข้าไปติวหนังสือกับเพื่อนในมอตอนสิบโมงน่ะ”

     

    “งั้นให้เราไปส่งนะ ห้ามปฏิเสธ เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อน ถ้าหนีไปก่อนเราโกรธนะ” พูดเร็วปรื๋อแล้วก็รีบออกจากห้องไป ขนาดที่แมวตัวเองยังมองตาม

     

    มาร์คที่อ้าปากจะพูดก็เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อคนข้างห้องดักไว้ทุกอย่างเสียขนาดนี้ ก่อนจะมองหน้ามูมินที่มองเขาอยู่ เอาชามโจ๊กไปไว้ในอ่างล้างจาน แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวบ้าง

     

    หลังจากนั้นไม่นาน มาร์คที่แต่งตัวเสร็จแล้วก็สะพายกระเป๋าแล้วอุ้มมูมินออกมาเคาะประตูห้องของแจฮยอน

     

    ไม่ถึงอึดใจ แจฮยอนก็เปิดประตูออก อีกมือหนึ่งก็กำลังพยายามใส่รองเท้าผ้าใบ

     

    “เราเอามูมินมาคืน” ว่าพลางยื่นเจ้าแมวให้แจฮยอนที่ใส่รองเท้าเรียบร้อยแล้ว

     

    “ลืมสนิทเลยอะ” ตอบพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ รับเจ้าเหมียวมาก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องแล้วก้มลงเอาวางกับพื้น มูมินที่กลับมาถึงห้องของตัวเองก็เดินตรงดิ่งไปกินอาหารทันที

     

    แจฮยอนหันมาหามาร์ค มองดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะพูดอย่างเร่งรีบ “จะสิบโมงแล้ว รีบไปกันเถอะ”

     

    “อื้อ” อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ แล้วเดินตามแจฮยอนที่ควงกุญแจรถเดินนำออกไปก่อนแล้ว

     

    ติ๊ด ๆ

     

    เสียงปลดล็อคของสัญญาณกันขโมยบนรถยนต์ของแจฮยอนดังขึ้น เขาดูประหลาดใจเล็กน้อย

     

    “เรานึกว่าจะไปมอไซค์กันซะอีก” มาร์คว่าพลางเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแบบงง ๆ

     

    เพราะแจฮยอนมีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะชอบเห็นแจฮยอนเอามอเตอร์ไซค์ออกไปเรียนมากกว่า อาจเป็นเพราะถ้าไปด้วยรถยนต์ ที่จอดรถในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างหายาก แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ ซอกแซกไปตามถนนอาจจะไปถึงได้ไวกว่า แถมที่จอดยังหาได้ง่ายกว่ามากโข

     

    “เราไม่อยากเสี่ยงหรอก มาร์คใกล้จะสอบแล้วเดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ”

     

    คำตอบที่มาร์คได้รับมานั้นทำให้ตัวเขาทำหน้าไม่ค่อยถูก คือต้องทำเป็นเฉย ๆ แต่ก็อยากยิ้มแต่ก็งง พอดึงสติตัวเองกลับมาได้ก็ตอบกลับไป

     

    “จริง ๆ เราไปเองก็ได้นะ”

     

    “เราพูดแล้วไง” แจฮยอนพูดเสียงดุ ๆ “อีกอย่าง เราไม่ค่อยได้เอารถออกมาใช้เลย เดี๋ยวจะพังเปล่า ๆ เอาออกไปส่งนายแหละดีละ”

     

    มาร์คเงียบ แต่ก็พยักหน้ารับ แอบสงสัยอยู่หน่อย ๆ ว่าเขาเพิ่งเห็นว่าอีกคนเอารถออกมาใช้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมากเพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย

     

    “ขอบคุณมากนะ”

     

    “เรารบกวนมาร์คมาทั้งคืนเลยนะ แค่นี้ไม่เป็นไรเลย” แจฮยอนยิ้มพลางส่ายหน้าปฏิเสธย้ำให้รู้ว่าไม่เป็นไรจริง ๆ “แล้วจะกลับกี่โมงเหรอ”

     

    “เราก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ อาจจะค่ำ ๆ” มาร์คตอบแบบไม่แน่ใจ “มีอะไรรึเปล่า”

     

    “เดี๋ยวเรามารับ”

     

    “เฮ้ย ไม่เป็นไร เราให้เพื่อนไปส่งก็ได้”

     

    “มีเบอร์เราแล้วใช่มั้ย โทรมานะถ้าไม่มีคนมารับ”

     

    ทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่มาร์คพูดออกมา และนั่นทำให้เขารู้ได้ว่าแจฮยอนก็เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองในระดับหนึ่งเหมือนกันแฮะ

     

    “ก็ได้ ขอบคุณนะ เราไปละ”

     

    “ไว้เจอกัน”

     

    หลังจากมาร์คลงจากรถ เขาก็ต้องตอบคำถามเพื่อนที่ถามว่าใครมาส่ง และแจฮยอนคือใครร่วมครึ่งชั่วโมงถึงจะได้เริ่มเข้าสู่การติวกันอย่างเข้มข้นและจริงจังล่วงเลยไปจนบ่ายแก่ ๆ

     

    โชคดีที่ทุกคนอ่านหนังสือและเตรียมตัวกันมาค่อนข้างดี การมานั่งอภิปรายและถกเถียงกันจึงค่อนข้างไปได้อย่างรวดเร็ว และเพราะเนื้อหาที่ต้องใช้สอบน้อยลงเพราะแบ่งสอบย่อยไปแล้วส่วนหนึ่งด้วย

     

    อีกทั้งเพราะเริ่มรู้แล้วว่าอ่านหนังสืออย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จสำหรับตัวเอง

     

    ยกตัวอย่างเช่นตัวเขา การหัดเขียนจะทำให้จดจำบทเรียนได้ดีมากขึ้น การทำชีทสรุปเนื้อหาให้เข้าใจง่ายจึงเป็นสิ่งที่ดี และเขาเป็นคนวอกแวกง่าย การอ่านหนังสือจึงต้องพักเป็นยกทีละสั้น ๆ และต้องมีขนมไว้ข้างตัวตลอด หากมีคำนวณ ก็ต้องหัดเขียนและทดลองทำแบบฝึกหัดซ้ำ ๆ จนกว่าจะคล่อง

     

    ตัวเขาเก็งข้อสอบไม่เก่งจึงต้องอาศัยเพื่อนที่เก่งด้านนี้มาติวด้วยกัน ซึ่งโชคดีที่ดงฮยอกเพื่อนของเขาดูจะมีเซนส์ทางด้านนี้มาช่วยเขาไว้ การแลกเปลี่ยนความรู้กันก่อนสอบจึงทำให้ทุกอย่างครบสมบูรณ์มากขึ้น

     

    ครืด ครืด

     

    เสียงโทรศัพท์ของมาร์คสั่น และพบว่าเป็นแจฮยอนที่โทรเข้ามา จึงเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกเพื่อกันเพื่อนแอบฟัง ขี้เกียจตอบคำถามนี่แล้ว

     

    “ฮัลโหล”

     

    (เรารออยู่ที่ร้านกาแฟคณะ ถ้าเสร็จแล้วบอกเรานะ)

     

    “เจย์อยู่ที่ม.ตลอดเลยเหรอ”

     

    (อื้ม พอดีเข้ามาคุยเรื่องโปรเจกต์กับอาจารย์น่ะ เพิ่งเสร็จเนี่ย)

     

    “อ๋อ ก็เสร็จแล้วแหละ อีกประมาณ 20 นาทีเราไปหานะ”

     

    มาร์คเดินกลับหาเพื่อนที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเริ่มเก็บของตัวเองแล้วบอกลาเพื่อน ๆ บ้าง เขาโกหกว่าตัวเองกลับเอง แต่จริง ๆ แล้วกลับเดินไปทางร้านกาแฟของคณะวิศวะที่แจฮยอนนั่งรออยู่ ใช้เวลาไม่นานในการหาเพื่อนข้างห้องของเขา

     

    “รอนานมั้ย” มาร์คถามในขณะที่นั่งตรงเก้าอี้ว่างตรงข้ามแจฮยอน

     

    แจฮยอนส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอก กลับเลยไหม”

     

    มาร์คที่ตอนแรกกำลังจะพยักหน้าแต่พอคิดอะไรบ้างอย่างได้ก็ชะงักไป “รีบกลับมั้ย เราขออ่านหนังสือที่นี่แป๊บนึง”

     

    ถ้าพวกนั้นเห็นว่าเขากลับกับแจฮยอนมีล้อยาวแน่ ทำทีเป็นขออ่านหนังสือที่นี่ต่อก่อนแล้วกัน

     

    “ก็ไม่ได้รีบนะ เอาเลย” อีกคนตอบกลับแบบสบาย ๆ

     

    แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนแรกเขานึกว่าแจฮยอนอยากจะรีบกลับซะแล้ว เลยขอตัวไปสั่งเครื่องดื่มและนั่งลงสรุปเนื้อหาทุกอย่างอยู่หลายชั่วโมง แอบสังเกตคนตรงหน้าอยู่เป็นระยะ แต่แจฮยอนกลับนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างสนุกสนาน ไม่มีมีท่าทีเบื่อหน่ายแต่อย่างใด

     

    แอบเช็คโทรศัพท์ว่าเพื่อนถึงหอกันหมดหรือยัง และทุกคนก็รายงานตัวแล้วว่ากลับถึงหอโดยสวัสดิภาพ ยกเว้นเขา ที่โกหกว่ากลับแล้ว แต่มานั่งแช่แอร์เย็น ๆ อ่านหนังสือเรื่อย ๆ อยู่ที่ร้านกาแฟในคณะวิศวะ

     

    “กลับเลยก็ได้นะ”

     

    มาร์คเอ่ยขึ้นเมื่อคิดได้ว่ามันสมควรแก่เวลา แจฮยอนพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมอง

     

    “พอแล้วเหรอ”

     

    “อื้ม เย็นแล้ว” มอง ทะลุกระจกใสของร้านออกไปด้านนอก ที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ม ทั้งที่เวลาไม่เกินหกโมงเย็น สัญญาณบอกว่าเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว

     

    “หิวรึยัง”

     

    แจฮยอนถาม ในระหว่างที่คนตรงหน้าเก็บของเข้ากระเป๋า พอเสร็จแล้วก็นั่งนิ่งสักครู่ เหมือนกำลังพิจารณาว่าตัวเองกำลังหิวอยู่หรือเปล่า...

     

    “ก็นิดหน่อยนะ หิวเหรอ”

     

    “นิดหน่อยเหมือนกัน”

     

    เพราะ มาร์คที่พอเครียดแล้วก็เอาแต่กิน ๆ หมดแล้วก็เดินไปสั่ง แจฮยอนก็ช่วยกิน ยิ่งหมดไวเข้าไปอีก ผลัดกันเดินไปสั่งเครื่องดื่มและขนมอยู่ตลอด จะให้ไม่หิวอาหารเย็นก็ไม่แปลกอะไร

     

    “เราว่าจะกลับไปทำอะไรกินที่ห้องอะ ไปมะ”

     

    --

     

    ก็กะชวนเป็นมารยาท ไม่ได้คิดว่าอีกคนจะมาจริง แค่นี้ก็ทำตัวไม่ถูกมาก ๆ แล้วนะเฮ้ย

     

    มาร์คมองไปยังแจฮยอนที่ไปอุ้มมูมินมาจากห้องตัวเองแล้วนั่งเล่นกันอยู่ตรงโซฟา ขณะที่ตัวเองก็กำลังทำอาหารง่าย ๆ อย่างแค่แซนด์วิชด้วยวัตถุดิบที่ตัวเองมีอยู่ในห้อง

     

    ช่วงสอบเขาจะระมัดระวังเรื่องการใช้ชีวิตและอาหารการกินเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านั้นเขาเคยอาหารเป็นพิษจนเกือบไม่ได้ไปสอบมาแล้ว แต่ถึงแบบนั้น เวลาเครียด ๆ ก็กินดะอยู่ดี เลยต้องพยายามกินแต่อาหารที่สะอาดหรือไม่ก็ทำกินเอง

     

    เพราะทั้งเขาและแจฮยอนไม่ได้หิวมาก ก็เลยตกลงเป็นว่าแซนด์วิชก็น่าจะพออยู่ท้อง

     

    หลังจากทำเสร็จก็เรียกอีกคนมานั่งทาน นั่งมองคนตรงหน้าแล้วนึกย้อนไปก็แอบยิ้มออกมา

     

    “มีอะไรรึเปล่ามาร์ค ยิ้มไรอะ”

     

    แจฮยอนถามทั้ง ๆ ที่อาหารยังมีอยู่เต็มปาก นั่นทำให้คนที่ยิ้มอยู่แล้วยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก

     

    “ก็เรานึกได้ว่าเราอยู่กับแจฮยอนมาแทบทั้งวันเลยอะ”

     

    สีหน้าของอีกคนเปลี่ยนหลังจากได้ฟังประโยคนั้น ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “เรื่องเมื่อคืน...เราขอโทษนะที่มารบกวนช่วงสอบ”

     

    “เราไม่ได้รำคาญหรืออะไรนะ” เขารีบพูดแก้ตัว ก่อนจะเว้นช่วง “ก็ไปส่งเรามาแล้วไง ถือว่าหายกัน”

     

    “แล้วพรุ่งนี้สอบเช้าหรือบ่ายอะ”

     

    “เช้า เก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมง” ตอบคำถามพลางเคี้ยวตุ้ย ๆ

     

    น่ารัก...

     

    “สอบเสร็จมีนัดรึเปล่า”

     

    “ไม่นะ สอบเสร็จเพื่อนคนอื่นกลับบ้านอะ”

     

    “แล้วไม่กลับบ้านเหรอ”

     

    “พ่อแม่เราไปหาน้องที่อยู่อีกม.อะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะมาหาเรา”

     

    พยักหน้ากับคำตอบที่เขาหลอกถามไป แสดงว่ามาร์คจะอยู่ที่นี่คนเดียวถึงสัปดาห์หน้า

     

    “สอบเสร็จไปดูหนังกันมะ”

     

    แค่ก ๆ

     

    มาร์คสำลัก... สำลักทั้ง ๆ ที่กินหมดแล้วเนี่ยแหละ ทำให้แจฮยอนต้องรีบยื่นแก้วน้ำให้อีกคนได้จิบ แค่ไปดูหนังกันทำไมต้องตกใจขนาดนั้น

     

    “ทำไมอะ”

     

    หลังจากสงบสติอารมณ์ให้หายใจหายคอเป็นปกติได้แล้วก็ถามออกไป

     

    “เราเกรงใจมาร์คอะ นี่ทำอาหารเย็นให้เรากิน เมื่อคืนเราก็มารบกวน แถมเลี้ยงมูมินตอนเราไม่อยู่อีก แค่ไปดูหนังกันมันไม่ลำบากเลยนะ”

     

    อ้างบุญคุณอีกคนเสียยืดยาว จริง ๆ ก็แค่อยากอยู่ใกล้ ๆ แค่นั้นแหละ

     

    แต่มาร์คลีไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองขนาดนั้นหรอก...ออกตัวแรงเดี๋ยวหน้าจะคว่ำเอง

     

    “เราไม่ได้ลำบากอะไรเลยนะ ทุก ๆ เรื่องเลย”

     

    “แต่เราไม่สบายใจอะ ให้เราทำเถอะนะ พอดีเรามีหนังเรื่องนึงอยากดูมาก นะ”

     

    เสียงติดอ้อน ๆ ของอีกคนนั้นทำให้มาร์คใจอ่อน...เขาแพ้แจฮยอนมุมนี้

     

    เขาแพ้แจฮยอนทุกมุมนั่นแหละ

     

    “ก็ได้”

     

    “เยส งั้นเดี๋ยวเราเอาจานไปล้างให้นะ, นายเอาอาหารให้มูมินหน่อยสิ”

     

    พูดทุกอย่างตกลงด้วยตัวเอง ยกจานไปล้างเองด้วยเสร็จสรรพ มาร์คที่พยักหน้าอย่างงง ๆ ก่อนจะลุกตามอีกคนไปส่วนครัวเพื่อเทอาหารให้มูมินได้ทานตามที่บอก

     

    เจ้าเหมียวเหมือนจะรู้งานเพราะไปนั่งรอส่วนของชามข้าวมาสักพักแล้ว พออาหารลงตรงหน้าก็เริ่มทานในทันที

     

    มาร์คที่เริ่มเอาของออกจากกระเป๋าเพื่อจัดการพื้นที่อ่านสรุปเนื้อหาเป็นครั้งสุดท้ายบนโซฟา แจฮยอนที่ทำภารกิจเสร็จแล้วก็อุ้มมูมินที่ทานอาหารเสร็จพร้อมกันออกมาจากส่วนครัว

     

    “เราล้างจานข้าวของมูมินด้วยแล้วนะ”

     

    มาร์คละสายตาจากชีทสรุปเงยหน้าขึ้นมองแจฮยอน รอยยิ้มของอีกคนยังคงส่องประกายเจิดจ้าจนดวงตาของเขาแทบพร่าบอดเช่นเคย

     

    “อื้อ ขอบคุณนะ”

     

    “งั้นพรุ่งนี้แปดโมงครึ่งเรามารอนะ ไปกินข้าวกันก่อนสอบ”

     

    “ดีเลย พรุ่งนี้เราไปซื้อโจ๊กมารอแล้วกัน”

     

    “ครับผม ตั้งใจอ่านหนังสือนะ รีบนอนล่ะ”

     

    แจฮยอนพูดพร้อมกับใช้ฝ่ามืออุ่นลูบหัวอีกคนเบา ๆ มาร์คที่นิ่งไป พยักหน้าให้อีกคนอย่างเหม่อลอย

     

    หลังจากเสียงล็อคกลอนประตู ก็ทำให้รู้ว่าแจฮยอนออกไปแล้ว และเขารู้สึกว่าตัวเองจะระเบิดได้ตลอดเวลา

     

    มาร์คเคยบอกใช่มั้ยว่าเขาแพ้แจฮยอนทุกมุม

     

    แต่จุดอ่อนที่สุดของมาร์คคือเขาแพ้ความอ่อนโยนทุกรูปแบบ พอแจฮยอนทำแบบนี้...

     

    แล้วคืนนี้เขาจะอ่านหนังสือรู้เรื่องมั้ยเนี่ย!?


    --


    สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วว

    แจมาร์คกับสติที่หายไป พิเจย์กินเหล้าสติหาย น้องมาร์คก็โดนพิเจย์ร่างนุ่มฟูแอทแทคจนสติหายเช่นกันค่ะ 555555555555

    มันอาจจะเรื่อย ๆ ไปหน่อย แต่ก็เป็นความตั้งใจของเราที่อยากให้มันออกมาแบบนี้ แต่จะพยายามทำให้ตื่นเต้นขึ้นในตอนหน้านะคะ

    แฮะ ใครอินกับช่วงสอบไฟนอลบ้าง ขอให้สู้ ๆ อ่านหนังสือกันเยอะ ๆ ตั้งใจอ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้ ขอให้ทุกคนขยันอดทนและมีสมาธิ แต่อย่าลืมว่าต้องทานอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ ไม่งั้นตอนสอบสมองจะตื้อนะเออ

    ด้วยรักและห่วงใยค่า


    อ่านแล้วเม้นด้วยน้า เราต้องการฟีดแบ็ค สนุกไม่สนุกยังไงรบกวนติชมด้วยน้อ

    ขอบคุณค่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×