คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : -02- The Lost Mind
Credit:
dailystrggls.tumblr.com
เหลือสอบอีกวิชาเดียว
วิชาสุดท้าย เขาก็จะจบปีสามอย่างสมบูรณ์
(ก็ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่หรอก
ถ้าสอบไม่ผ่านหน่ะนะ)
มาร์คถอนหายใจก่อนจะฟุบหน้าลงกับกองหนังสือ
ภาควิชาของเขาสอบเสร็จช้ากว่าของคนอื่น
จะโทษใครก็ไม่ได้อีกแหละ ในเมื่อพวกเขาเป็นคนเลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง
เพราะเนื้อหาในแต่ละวิชาของเทอมนี้มันเยอะมาก
การสอบติด ๆ กันทุกวันอาจจะทำให้พวกเขาอ่านหนังสือไม่ทัน
เลยต้องยอมที่จะให้หนึ่งสัปดาห์สอบแค่หนึ่งวิชา
เป็นเหตุทำให้ต้องสอบนานกว่าภาควิชาและคณะอื่น ๆ
เพราะต้องการใช้เวลาในการอ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนให้ได้มากและนานที่สุด
ความล้าจากการอ่านหนังสือและการสอบหลายวิชาที่ผ่านมากัดกินพลังกายและใจของเขาค่อนข้างมาก
สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เขามีแรงฮึดต่อก็คืออีกประมาณหนึ่งวันครึ่งนับจากนี้เขาก็จะเป็นอิสระแล้ว
มาร์คเงยหน้าขึ้น
ก่อนจะสะบัดหัวซ้ายขวาไปมาเพื่อไล่ความง่วงและความปวดเมื่อยที่มีออกไปแล้วเริ่มอ่านหนังสือต่อ
--
มาร์คยังคงนั่งอ่านหนังสือต่อไปจนพ้นวันใหม่มาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว
อ้าปากหาวอีกครั้งก่อนจะรับรู้ได้ว่าความเหนื่อยล้าและความง่วงเริ่มมีผลต่อเขามากเพียงใด
หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักเพื่อเปิดดูว่าใครทักอะไรมาบ้างไหม
ก็พบว่าไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทแจ้งเตือนระเบิดเกือบห้าร้อย
ก็ประมาณนี้แหละ พอสอบแล้วก็เครียดมากกว่าปกติ
เลยมาระบายในโลกโซเชียลไง
เขาไล่อ่านกลุ่มเพื่อนที่นินทาว่าคนที่เงียบอยู่คือคนที่ซุ่มอ่านหนังสือจนไม่ยอมมาคุยไลน์กับเพื่อนก่อนจะยิ้มให้กับโทรศัพท์เพราะสำหรับเขามันเป็นเรื่องจริง
และนอกจากสติกเกอร์ที่ส่งกันมารัว ๆ
เขาก็จับใจความได้ว่าพรุ่งนี้กลุ่มของเขาชวนกันไปติวที่หอสมุด
ตอบไลน์คนที่เหลือเล็กน้อยแล้วก็ปิดหนังสือ
จัดทุกอย่างลงในกระเป๋าสำหรับวันพรุ่งนี้
เพื่อที่จะได้ตื่นมาตอนเช้าแล้วไม่ฉุกละหุกจนลืมนั่นนี่อย่างที่เคยเป็นอยู่ประจำ
ก๊อก ๆ ๆ
ๆๆ ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นรัว
ๆ คิ้วนกนางนวลขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าใครที่มาเคาะประตูห้องเขาในช่วงเวลาตีสองแบบนี้
“มูเมนนน
เปิดประตูให้หน่อยยยย”
เจย์? มาเคาะอะไรตอนนี้วะ
แต่มูมินไม่ได้อยู่ที่ห้องเขานี่...
มาร์คมองไปรอบ ๆ
เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเจ้าเหมียวห้องข้าง ๆ ไม่ได้อยู่ในห้องของเขาจริง ๆ
แล้วเปิดประตูออกเพื่อที่จะบอกกับอีกคนว่า
“มูมิน...”
ไม่ได้อยู่ที่ห้องเขา...
ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค
แจฮยอนก็เดินตรงดิ่งเข้ามานอนตรงโซฟา
กลิ่นแอลกอฮอล์ที่มาร์คได้กลิ่นในตอนที่อีกคนเดินผ่าน ถ้าไม่ใช่ว่าดื่มมาหนักมาก ๆ
ก็คงเทอาบมาทั้งตัวแน่ ๆ
เมาเหรอ?
เหมือนจะได้ยินมาว่าคณะของแจฮยอนสอบเสร็จไปแล้ว
ก็คงไปฉลองสอบเสร็จแบบจัดหนักกับเพื่อนมาสินะ
มาร์คมองตามแจฮยอนที่แทบจะเหมือนหลับตาเดิน...จนไปชนเข้ากับโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง
“โอ๊ย
ทำไมโซฟามาอยู่ตรงนี้วะ”
“...”
“นี่จัดห้องใหม่เหรอมูมิน”
คุยกับแมวที่ไม่ได้อยู่ในห้องแล้วก็ล้มตัวลงนอน...
#แบบนี้ก็ได้เหรอ
ตอนนี้คำถามมีอยู่มากมายเต็มไปหมดในหัวสมองอันแสนอ่อนล้าของมาร์คลี
ทั้งคำถามที่มาจากการอ่านหนังสือไม่เข้าใจ ไหนจะคำถามเกี่ยวกับคนข้างห้องที่อยู่
ๆ ก็เมาแล้วเข้ามานอนตรงโซฟาในห้องของเขาอีก
“เจย์”
มาร์คเดินไปสะกิดที่ไหล่
แต่เสียงกรนเบา ๆ
และจังหวะการหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอก็ทำให้มาร์คต้องส่ายหัวให้กับตัวเอง
คงจะหลับสนิทไปแล้ว...
เขาเพิ่มแรงสะกิดให้มากขึ้นอีกพร้อมกับเสียงเรียกที่ดังขึ้น ดังจนคนแทบทั้งชั้นจะต้องออกมาดูแน่ ๆ
แต่...
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก...
เมาแล้วหลับหรือตายอะ หรือต้องเอาน้ำสาด?
แต่ก็ไม่อยากให้โซฟาเปียกนะ...
เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้รบกวนเขามาก
ก็อนุญาตให้อยู่ได้ก็แล้วกัน
ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปยังส่วนของห้องนอน
เสียงดังแกรก ๆ ก็ดังขึ้นทำเอาเจ้าของห้องตัวแข็งทื่อ
ถ้าเป็นขโมย ตัวเอาอาจจะยังพอเอาตัวรอดได้ แต่ไอ้คนตัวขาวอวบนี่
จะทำให้มันรอดได้ไงวะ!?
มาร์คหันไปทางต้นเสียงอย่างช้าง ๆ ประตูระเบียงสั่นและเปิดออก
ตามมาด้วยเจ้าแมวขาวอวบที่เดินเข้ามาคลอเคลียที่ขาของมาร์ค
“มาหาเจย์เหรอ”
มาร์คถามกลั้วหัวเราะ
ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อนั่งลูบหัวให้กับมูมินที่ตาหยีรับสัมผัสของเขาแล้วเดินไปปิดประตูที่มูมินเปิดเข้ามา หันหลังกลับไปอีกที มูมินก็นอนขดเป็นก้อนกลม ๆ
อยู่ตรงหน้าอกของเจ้าของและเริ่มหลับตาลง
เห็นแล้วก็อดยิ้มให้กับความน่ารักนี้ไม่ได้
ก็ถือว่าเป็นคืนที่แปลกดีสำหรับมาร์ค
เขาหาวเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วในค่ำคืนนี้
จึงตัดสินใจได้ว่าตัวเขาเองก็ควรพักผ่อนบ้างเช่นกัน
หลับฝันดีนะคนกับแมว
--
แจฮยอนที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
ขยับตัวเพื่อบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วอ้าปากหาวเสียงดัง
“ตื่นแล้วเหรอ”
หาวยังไม่ทันสุดก็ได้ยินเสียงคุ้น
ๆ เอ่ยทัก ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่เขาเพิ่งสำนึกได้ว่ามันไม่ใช่ห้องของตัวเอง แต่นี่คือหอพักของเขาไม่ผิดแน่
แต่ไม่ใช่ห้องของเขา
แล้วกูอยู่ห้องใครวะเนี่ย
กูไปหิ้วใครกลับบ้านรึเปล่าวะ
พยายามหาต้นเสียงทั้งที่ปากยังคงอ้าค้างจากการหาว
ไม่นานก็เจอเข้ากับมาร์คที่นั่งยอง ๆ
เกาคางเล่นกับมูมินอยู่ตรงพื้นข้างโซฟาที่เขานอนอยู่
มาห้องนี้ได้ไงวะ
โอเค
เสื้อผ้าชุดเดิม ไม่เหม็นอ้วก... โอเค...
“มาร์ค?
เรามานอนที่นี่ได้ไงเหรอ แล้วมูมินเข้ามาได้ไง”
ถามแบบนี้น่าจะเสี่ยงน้อยสุด
ปลอดภัยสุด แล้วห้องตัวเองอยู่ข้าง ๆ ทำไมไม่ไปนอนวะ จองแจฮยอน
มึงเมาขนาดไหนกันวะเนี่ย
“ก็เดินเข้ามาแล้วก็ตรงมานอนบนโซฟาเลยอะ
เราปลุกก็ไม่ตื่น”
“...”
คนฟังหน้าเจื่อน เขารู้ดีว่าถ้าตัวเองเมาหนักแล้วจะหลับลึกมากและไม่มีแรงขยับไปไหน
“ส่วนมูมินก็ตามเข้ามาทางระเบียง
เหมือนปกติ แล้วก็มานอนกับเจย์”
“...”
“มีการบอกให้มูมินเปิดประตูด้วยนะ”
มาร์คบอกกลั้วหัวเราะ “แถมเดินเตะโซฟาแล้วถามว่ามูมินจัดห้องใหม่รึเปล่าด้วยอะ”
ใบหน้าหล่อเหลานั่นเจื่อนลงไปอีก
หลังจากฟังเรื่องราวที่เจ้าของห้องพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ยิ้มกว้างพลางเกาพุงนิ่ม
ๆ ของแมวเขาไปด้วย
ปล่อยไก่ออกมาทั้งเล้าเลยอะ...
“กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนไหม
เราซื้อโจ๊กมาเผื่อด้วยแหนะ”
“ก็...เอาแบบนั้นก็ได้”
มาร์คหยุดเกาพุงให้กับมูมิน
ก่อนจะลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วเดินไปยังส่วนของครัวเพื่อนำโจ๊กที่เขาซื้อมาเทใส่ชามแล้วไปวางไว้ที่โต๊ะทานอาหารซึ่งอยู่ถัดไปจากโซฟา
แจฮยอนนั่งลงตรงเก้าอี้อีกตัวที่วางตรงข้ามกับมาร์ค
นั่งมองหน้าคนตรงหน้าที่กำลังทานโจ๊กอยู่สักพัก
มาร์คหยุดทานโจ๊กเพราะรู้สึกว่ากำลังถูกมอง
ก่อนจะถามออกไป “มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก”
ก่อนจะเริ่มทานโจ๊กกันอย่างเงียบ ๆ กันจนหมด มาร์ครวบเอาชามโจ๊กที่ทานเสร็จทั้งของตัวเองและแจฮยอนไปล้าง
แต่ถูกชะงักไปเพราะอีกคนเข้ามาขวางการกระทำนั้น
“ให้เราล้างเองนะ”
“เฮ้ย
ไม่เป็นไร เราเป็นเจ้าของห้อง เราล้างเอง”
“แต่เรามารบกวนมาร์คตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ”
คนตัวเล็กกว่ายิ้มก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรเลย ไม่ได้รบกวนขนาดนั้นซะหน่อย เจย์ก็นอนโซฟาไง”
“แต่...”
“กลับไปพักผ่อนเถอะ
เดี๋ยวเราจะเข้าไปติวหนังสือกับเพื่อนในมอตอนสิบโมงน่ะ”
“งั้นให้เราไปส่งนะ
ห้ามปฏิเสธ เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อน ถ้าหนีไปก่อนเราโกรธนะ” พูดเร็วปรื๋อแล้วก็รีบออกจากห้องไป
ขนาดที่แมวตัวเองยังมองตาม
มาร์คที่อ้าปากจะพูดก็เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อคนข้างห้องดักไว้ทุกอย่างเสียขนาดนี้
ก่อนจะมองหน้ามูมินที่มองเขาอยู่ เอาชามโจ๊กไปไว้ในอ่างล้างจาน
แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวบ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน
มาร์คที่แต่งตัวเสร็จแล้วก็สะพายกระเป๋าแล้วอุ้มมูมินออกมาเคาะประตูห้องของแจฮยอน
ไม่ถึงอึดใจ
แจฮยอนก็เปิดประตูออก อีกมือหนึ่งก็กำลังพยายามใส่รองเท้าผ้าใบ
“เราเอามูมินมาคืน”
ว่าพลางยื่นเจ้าแมวให้แจฮยอนที่ใส่รองเท้าเรียบร้อยแล้ว
“ลืมสนิทเลยอะ”
ตอบพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ รับเจ้าเหมียวมาก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องแล้วก้มลงเอาวางกับพื้น
มูมินที่กลับมาถึงห้องของตัวเองก็เดินตรงดิ่งไปกินอาหารทันที
แจฮยอนหันมาหามาร์ค มองดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะพูดอย่างเร่งรีบ “จะสิบโมงแล้ว รีบไปกันเถอะ”
“อื้อ”
อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ แล้วเดินตามแจฮยอนที่ควงกุญแจรถเดินนำออกไปก่อนแล้ว
ติ๊ด ๆ
เสียงปลดล็อคของสัญญาณกันขโมยบนรถยนต์ของแจฮยอนดังขึ้น
เขาดูประหลาดใจเล็กน้อย
“เรานึกว่าจะไปมอ’ไซค์กันซะอีก” มาร์คว่าพลางเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแบบงง
ๆ
เพราะแจฮยอนมีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะชอบเห็นแจฮยอนเอามอเตอร์ไซค์ออกไปเรียนมากกว่า อาจเป็นเพราะถ้าไปด้วยรถยนต์
ที่จอดรถในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างหายาก แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์
ซอกแซกไปตามถนนอาจจะไปถึงได้ไวกว่า แถมที่จอดยังหาได้ง่ายกว่ามากโข
“เราไม่อยากเสี่ยงหรอก
มาร์คใกล้จะสอบแล้วเดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ”
คำตอบที่มาร์คได้รับมานั้นทำให้ตัวเขาทำหน้าไม่ค่อยถูก คือต้องทำเป็นเฉย ๆ แต่ก็อยากยิ้มแต่ก็งง พอดึงสติตัวเองกลับมาได้ก็ตอบกลับไป
“จริง ๆ
เราไปเองก็ได้นะ”
“เราพูดแล้วไง”
แจฮยอนพูดเสียงดุ ๆ “อีกอย่าง เราไม่ค่อยได้เอารถออกมาใช้เลย เดี๋ยวจะพังเปล่า ๆ
เอาออกไปส่งนายแหละดีละ”
มาร์คเงียบ
แต่ก็พยักหน้ารับ แอบสงสัยอยู่หน่อย ๆ ว่าเขาเพิ่งเห็นว่าอีกคนเอารถออกมาใช้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง
แต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมากเพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย
“ขอบคุณมากนะ”
“เรารบกวนมาร์คมาทั้งคืนเลยนะ
แค่นี้ไม่เป็นไรเลย” แจฮยอนยิ้มพลางส่ายหน้าปฏิเสธย้ำให้รู้ว่าไม่เป็นไรจริง ๆ
“แล้วจะกลับกี่โมงเหรอ”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ
อาจจะค่ำ ๆ” มาร์คตอบแบบไม่แน่ใจ “มีอะไรรึเปล่า”
“เดี๋ยวเรามารับ”
“เฮ้ย
ไม่เป็นไร เราให้เพื่อนไปส่งก็ได้”
“มีเบอร์เราแล้วใช่มั้ย
โทรมานะถ้าไม่มีคนมารับ”
ทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่มาร์คพูดออกมา
และนั่นทำให้เขารู้ได้ว่าแจฮยอนก็เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองในระดับหนึ่งเหมือนกันแฮะ
“ก็ได้ ขอบคุณนะ
เราไปละ”
“ไว้เจอกัน”
หลังจากมาร์คลงจากรถ
เขาก็ต้องตอบคำถามเพื่อนที่ถามว่าใครมาส่ง และแจฮยอนคือใครร่วมครึ่งชั่วโมงถึงจะได้เริ่มเข้าสู่การติวกันอย่างเข้มข้นและจริงจังล่วงเลยไปจนบ่ายแก่
ๆ
โชคดีที่ทุกคนอ่านหนังสือและเตรียมตัวกันมาค่อนข้างดี
การมานั่งอภิปรายและถกเถียงกันจึงค่อนข้างไปได้อย่างรวดเร็ว
และเพราะเนื้อหาที่ต้องใช้สอบน้อยลงเพราะแบ่งสอบย่อยไปแล้วส่วนหนึ่งด้วย
อีกทั้งเพราะเริ่มรู้แล้วว่าอ่านหนังสืออย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จสำหรับตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่นตัวเขา
การหัดเขียนจะทำให้จดจำบทเรียนได้ดีมากขึ้น การทำชีทสรุปเนื้อหาให้เข้าใจง่ายจึงเป็นสิ่งที่ดี
และเขาเป็นคนวอกแวกง่าย การอ่านหนังสือจึงต้องพักเป็นยกทีละสั้น ๆ และต้องมีขนมไว้ข้างตัวตลอด
หากมีคำนวณ ก็ต้องหัดเขียนและทดลองทำแบบฝึกหัดซ้ำ ๆ จนกว่าจะคล่อง
ตัวเขาเก็งข้อสอบไม่เก่งจึงต้องอาศัยเพื่อนที่เก่งด้านนี้มาติวด้วยกัน
ซึ่งโชคดีที่ดงฮยอกเพื่อนของเขาดูจะมีเซนส์ทางด้านนี้มาช่วยเขาไว้
การแลกเปลี่ยนความรู้กันก่อนสอบจึงทำให้ทุกอย่างครบสมบูรณ์มากขึ้น
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ของมาร์คสั่น
และพบว่าเป็นแจฮยอนที่โทรเข้ามา
จึงเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกเพื่อกันเพื่อนแอบฟัง ขี้เกียจตอบคำถามนี่แล้ว
“ฮัลโหล”
(เรารออยู่ที่ร้านกาแฟคณะ
ถ้าเสร็จแล้วบอกเรานะ)
“เจย์อยู่ที่ม.ตลอดเลยเหรอ”
(อื้ม
พอดีเข้ามาคุยเรื่องโปรเจกต์กับอาจารย์น่ะ เพิ่งเสร็จเนี่ย)
“อ๋อ ก็เสร็จแล้วแหละ
อีกประมาณ 20 นาทีเราไปหานะ”
มาร์คเดินกลับหาเพื่อนที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย
ก่อนจะเริ่มเก็บของตัวเองแล้วบอกลาเพื่อน ๆ บ้าง เขาโกหกว่าตัวเองกลับเอง แต่จริง
ๆ แล้วกลับเดินไปทางร้านกาแฟของคณะวิศวะที่แจฮยอนนั่งรออยู่ ใช้เวลาไม่นานในการหาเพื่อนข้างห้องของเขา
“รอนานมั้ย”
มาร์คถามในขณะที่นั่งตรงเก้าอี้ว่างตรงข้ามแจฮยอน
แจฮยอนส่ายหน้ายิ้ม
ๆ “ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอก กลับเลยไหม”
มาร์คที่ตอนแรกกำลังจะพยักหน้าแต่พอคิดอะไรบ้างอย่างได้ก็ชะงักไป
“รีบกลับมั้ย เราขออ่านหนังสือที่นี่แป๊บนึง”
ถ้าพวกนั้นเห็นว่าเขากลับกับแจฮยอนมีล้อยาวแน่
ทำทีเป็นขออ่านหนังสือที่นี่ต่อก่อนแล้วกัน
“ก็ไม่ได้รีบนะ
เอาเลย” อีกคนตอบกลับแบบสบาย ๆ
แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตอนแรกเขานึกว่าแจฮยอนอยากจะรีบกลับซะแล้ว เลยขอตัวไปสั่งเครื่องดื่มและนั่งลงสรุปเนื้อหาทุกอย่างอยู่หลายชั่วโมง
แอบสังเกตคนตรงหน้าอยู่เป็นระยะ แต่แจฮยอนกลับนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างสนุกสนาน
ไม่มีมีท่าทีเบื่อหน่ายแต่อย่างใด
แอบเช็คโทรศัพท์ว่าเพื่อนถึงหอกันหมดหรือยัง
และทุกคนก็รายงานตัวแล้วว่ากลับถึงหอโดยสวัสดิภาพ ยกเว้นเขา ที่โกหกว่ากลับแล้ว
แต่มานั่งแช่แอร์เย็น ๆ อ่านหนังสือเรื่อย ๆ อยู่ที่ร้านกาแฟในคณะวิศวะ
“กลับเลยก็ได้นะ”
มาร์คเอ่ยขึ้นเมื่อคิดได้ว่ามันสมควรแก่เวลา
แจฮยอนพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“พอแล้วเหรอ”
“อื้ม เย็นแล้ว”
มอง ทะลุกระจกใสของร้านออกไปด้านนอก ที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ม
ทั้งที่เวลาไม่เกินหกโมงเย็น สัญญาณบอกว่าเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว
“หิวรึยัง”
แจฮยอนถาม
ในระหว่างที่คนตรงหน้าเก็บของเข้ากระเป๋า พอเสร็จแล้วก็นั่งนิ่งสักครู่
เหมือนกำลังพิจารณาว่าตัวเองกำลังหิวอยู่หรือเปล่า...
“ก็นิดหน่อยนะ
หิวเหรอ”
“นิดหน่อยเหมือนกัน”
เพราะ
มาร์คที่พอเครียดแล้วก็เอาแต่กิน ๆ หมดแล้วก็เดินไปสั่ง แจฮยอนก็ช่วยกิน
ยิ่งหมดไวเข้าไปอีก ผลัดกันเดินไปสั่งเครื่องดื่มและขนมอยู่ตลอด
จะให้ไม่หิวอาหารเย็นก็ไม่แปลกอะไร
“เราว่าจะกลับไปทำอะไรกินที่ห้องอะ
ไปมะ”
--
ก็กะชวนเป็นมารยาท
ไม่ได้คิดว่าอีกคนจะมาจริง แค่นี้ก็ทำตัวไม่ถูกมาก ๆ แล้วนะเฮ้ย
มาร์คมองไปยังแจฮยอนที่ไปอุ้มมูมินมาจากห้องตัวเองแล้วนั่งเล่นกันอยู่ตรงโซฟา
ขณะที่ตัวเองก็กำลังทำอาหารง่าย ๆ อย่างแค่แซนด์วิชด้วยวัตถุดิบที่ตัวเองมีอยู่ในห้อง
ช่วงสอบเขาจะระมัดระวังเรื่องการใช้ชีวิตและอาหารการกินเป็นพิเศษ
เพราะก่อนหน้านั้นเขาเคยอาหารเป็นพิษจนเกือบไม่ได้ไปสอบมาแล้ว แต่ถึงแบบนั้น
เวลาเครียด ๆ ก็กินดะอยู่ดี เลยต้องพยายามกินแต่อาหารที่สะอาดหรือไม่ก็ทำกินเอง
เพราะทั้งเขาและแจฮยอนไม่ได้หิวมาก
ก็เลยตกลงเป็นว่าแซนด์วิชก็น่าจะพออยู่ท้อง
หลังจากทำเสร็จก็เรียกอีกคนมานั่งทาน
นั่งมองคนตรงหน้าแล้วนึกย้อนไปก็แอบยิ้มออกมา
“มีอะไรรึเปล่ามาร์ค
ยิ้มไรอะ”
แจฮยอนถามทั้ง
ๆ ที่อาหารยังมีอยู่เต็มปาก นั่นทำให้คนที่ยิ้มอยู่แล้วยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก
“ก็เรานึกได้ว่าเราอยู่กับแจฮยอนมาแทบทั้งวันเลยอะ”
สีหน้าของอีกคนเปลี่ยนหลังจากได้ฟังประโยคนั้น
ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “เรื่องเมื่อคืน...เราขอโทษนะที่มารบกวนช่วงสอบ”
“เราไม่ได้รำคาญหรืออะไรนะ”
เขารีบพูดแก้ตัว ก่อนจะเว้นช่วง “ก็ไปส่งเรามาแล้วไง ถือว่าหายกัน”
“แล้วพรุ่งนี้สอบเช้าหรือบ่ายอะ”
“เช้า
เก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมง” ตอบคำถามพลางเคี้ยวตุ้ย ๆ
น่ารัก...
“สอบเสร็จมีนัดรึเปล่า”
“ไม่นะ สอบเสร็จเพื่อนคนอื่นกลับบ้านอะ”
“แล้วไม่กลับบ้านเหรอ”
“พ่อแม่เราไปหาน้องที่อยู่อีกม.อะ
เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะมาหาเรา”
พยักหน้ากับคำตอบที่เขาหลอกถามไป
แสดงว่ามาร์คจะอยู่ที่นี่คนเดียวถึงสัปดาห์หน้า
“สอบเสร็จไปดูหนังกันมะ”
แค่ก ๆ
มาร์คสำลัก...
สำลักทั้ง ๆ ที่กินหมดแล้วเนี่ยแหละ ทำให้แจฮยอนต้องรีบยื่นแก้วน้ำให้อีกคนได้จิบ
แค่ไปดูหนังกันทำไมต้องตกใจขนาดนั้น
“ทำไมอะ”
หลังจากสงบสติอารมณ์ให้หายใจหายคอเป็นปกติได้แล้วก็ถามออกไป
“เราเกรงใจมาร์คอะ
นี่ทำอาหารเย็นให้เรากิน เมื่อคืนเราก็มารบกวน แถมเลี้ยงมูมินตอนเราไม่อยู่อีก แค่ไปดูหนังกันมันไม่ลำบากเลยนะ”
อ้างบุญคุณอีกคนเสียยืดยาว
จริง ๆ ก็แค่อยากอยู่ใกล้ ๆ แค่นั้นแหละ
แต่มาร์คลีไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองขนาดนั้นหรอก...ออกตัวแรงเดี๋ยวหน้าจะคว่ำเอง
“เราไม่ได้ลำบากอะไรเลยนะ
ทุก ๆ เรื่องเลย”
“แต่เราไม่สบายใจอะ
ให้เราทำเถอะนะ พอดีเรามีหนังเรื่องนึงอยากดูมาก นะ”
เสียงติดอ้อน
ๆ ของอีกคนนั้นทำให้มาร์คใจอ่อน...เขาแพ้แจฮยอนมุมนี้
เขาแพ้แจฮยอนทุกมุมนั่นแหละ
“ก็ได้”
“เยส
งั้นเดี๋ยวเราเอาจานไปล้างให้นะ, นายเอาอาหารให้มูมินหน่อยสิ”
พูดทุกอย่างตกลงด้วยตัวเอง
ยกจานไปล้างเองด้วยเสร็จสรรพ มาร์คที่พยักหน้าอย่างงง ๆ
ก่อนจะลุกตามอีกคนไปส่วนครัวเพื่อเทอาหารให้มูมินได้ทานตามที่บอก
เจ้าเหมียวเหมือนจะรู้งานเพราะไปนั่งรอส่วนของชามข้าวมาสักพักแล้ว
พออาหารลงตรงหน้าก็เริ่มทานในทันที
มาร์คที่เริ่มเอาของออกจากกระเป๋าเพื่อจัดการพื้นที่อ่านสรุปเนื้อหาเป็นครั้งสุดท้ายบนโซฟา
แจฮยอนที่ทำภารกิจเสร็จแล้วก็อุ้มมูมินที่ทานอาหารเสร็จพร้อมกันออกมาจากส่วนครัว
“เราล้างจานข้าวของมูมินด้วยแล้วนะ”
มาร์คละสายตาจากชีทสรุปเงยหน้าขึ้นมองแจฮยอน
รอยยิ้มของอีกคนยังคงส่องประกายเจิดจ้าจนดวงตาของเขาแทบพร่าบอดเช่นเคย
“อื้อ
ขอบคุณนะ”
“งั้นพรุ่งนี้แปดโมงครึ่งเรามารอนะ
ไปกินข้าวกันก่อนสอบ”
“ดีเลย
พรุ่งนี้เราไปซื้อโจ๊กมารอแล้วกัน”
“ครับผม
ตั้งใจอ่านหนังสือนะ รีบนอนล่ะ”
แจฮยอนพูดพร้อมกับใช้ฝ่ามืออุ่นลูบหัวอีกคนเบา
ๆ มาร์คที่นิ่งไป พยักหน้าให้อีกคนอย่างเหม่อลอย
หลังจากเสียงล็อคกลอนประตู
ก็ทำให้รู้ว่าแจฮยอนออกไปแล้ว และเขารู้สึกว่าตัวเองจะระเบิดได้ตลอดเวลา
มาร์คเคยบอกใช่มั้ยว่าเขาแพ้แจฮยอนทุกมุม
แต่จุดอ่อนที่สุดของมาร์คคือเขาแพ้ความอ่อนโยนทุกรูปแบบ
พอแจฮยอนทำแบบนี้...
แล้วคืนนี้เขาจะอ่านหนังสือรู้เรื่องมั้ยเนี่ย!?
--
สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วว
แจมาร์คกับสติที่หายไป พิเจย์กินเหล้าสติหาย น้องมาร์คก็โดนพิเจย์ร่างนุ่มฟูแอทแทคจนสติหายเช่นกันค่ะ 555555555555
มันอาจจะเรื่อย ๆ ไปหน่อย แต่ก็เป็นความตั้งใจของเราที่อยากให้มันออกมาแบบนี้ แต่จะพยายามทำให้ตื่นเต้นขึ้นในตอนหน้านะคะ
แฮะ ใครอินกับช่วงสอบไฟนอลบ้าง ขอให้สู้ ๆ อ่านหนังสือกันเยอะ ๆ ตั้งใจอ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้ ขอให้ทุกคนขยันอดทนและมีสมาธิ แต่อย่าลืมว่าต้องทานอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ ไม่งั้นตอนสอบสมองจะตื้อนะเออ
ด้วยรักและห่วงใยค่า
อ่านแล้วเม้นด้วยน้า เราต้องการฟีดแบ็ค สนุกไม่สนุกยังไงรบกวนติชมด้วยน้อ
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น