ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NCT | เพื่อน(?)ข้างห้อง JaeMark

    ลำดับตอนที่ #8 : -08- Courage

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 60


    -08-

    Courage

    --


    พอเป็นแฟนแล้วชีวิตเปลี่ยน...เปลี่ยนเลย เปลี่ยนจริง ๆ


    เปลี่ยนแบบที่ว่า จากตอนแรกคิดไว้ว่าต้องได้สนิทกัน รู้จักกันมากกว่าเดิม แต่คนน่ารักของแจฮยอนกลับหายไปจากสารบบชีวิตเขาเสียอย่างนั้น ก็พยายามทำความเข้าใจมาตลอดว่าพอเปิดเทอมแล้วมาร์คคงยุ่งกับงานมากเกินไป เครียดเกินไป


    แต่ถึงขนาดที่ว่าวันนึงได้กินข้าวด้วยกันมือเดียว บางวันก็ไม่ได้กินด้วยกันเลย มันก็เกินไปจากปกติที่กินด้วยกันแทบทุกมื้อ หรือบางที จากอยู่ด้วยกันตลอด แต่ตอนนี้แค่ไปกลับมหาลัยด้วยกันเฉย ๆ มันก็แปลกมั้ยวะ


    หรือเราจะเห่อแฟนมากไป? ใครไม่อยากใช้เวลากับแฟนมั่งอะ


    แจฮยอนเองก็พยายามแล้วที่จะเข้าใจมาร์คว่าคงต้องการสมาธิและความมุ่งมั่นที่จะทำให้งานออกมาดีที่สุด แต่อีกคนก็คร่ำเคร่งกับมันมากจนเกินไป ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมพูดคุยกับเขาหรือใครคนอื่น บางวันถึงกับอารมณ์เสียออกมาโดยไม่รู้สาเหตุเพราะตัวเองทำมันออกมาไม่ได้อย่างที่ใจคิด


    ก็นั่นแหละ บางทีหวยก็มาออกที่เขา ทะเลาะกันไปบ้างก็มี ทั้งที่ก็ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ


    แจฮยอนส่ายหัวสะบัดความคิดไร้สาระนั่นออกไป ไม่อยากให้มันมาบั่นทอนความรักของตัวเขาและมาร์ค อีกอาทิตย์กว่า ๆ มาร์คของเขาก็จะทำสัมมนาเสร็จสิ้นแล้ว และคงจะอารมณ์ดีมากขึ้นและมีเวลากับเขาเหมือนตอนปิดเทอม


    ขายาว ๆ พาตัวเองเดินฝ่าแดดแสบผิวในช่วงบ่ายที่ไม่มีเรียนไปหามาร์คที่หอสมุดซึ่งอีกฝ่ายปักหลักอยู่ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เจอเข้ากับมาร์คที่ขมวดคิ้วจ้องจอแล็ปท็อปอย่างเคร่งเครียด แจฮยอนเดินเข้าจับไหล่ของมาร์ค บีบมันเบา ๆ เพื่อให้รู้ว่าเขามาถึงแล้ว


    มาร์คเงยหน้าขึ้นมอง ยิ้มออกมาจาง ๆ พลางพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะกลับไปที่จ้องหน้าจอเหมือนเดิม แจฮยอนนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ มาร์ค แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เอียงหน้าไปถามคนข้างตัวเสียงเบา ๆ


    “คนอื่นไปไหนกัน” แจฮยอนถาม หมายถึงเพื่อนของมาร์คที่ปกติแล้วจะนั่งทำงานอยู่ด้วยกัน แต่วันนี้แฟนของเขากลับอยู่คนเดียว


    “กลับกันหมดแล้ว” มาร์คตอบ แต่ก็ไม่ได้ละสายตาไปจากจอมามองหน้าเขา


    “แล้วกินข้าวรึยัง”


    “ยัง ไม่หิวเลย เจย์ล่ะ”


    “กินกับเพื่อนมาแล้ว”


    คนน่ารักพยักหน้ารับรู้ และไม่มีการพูดคุยอะไรต่อ มาร์คยังคงนั่งทำงานต่อไป แจฮยอนเองก็นั่งดูคนน่ารักทำงานจนถึงเวลาหอสมุดปิดทำการในช่วงเย็น มาร์คถึงได้ลุกและปลุกแจฮยอนที่นั่งเฝ้าให้ตื่นเพื่อกลับหอด้วยกัน


    ทั้งสองคนเดินมาที่จอดรถกันเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันจนกระทั่งกลับมาถึงที่หอ


    “วันนี้กินข้าวด้วยกันนะ” แจฮยอนบอกตอนที่ไขประตูเข้าห้อง


    มาร์คหันมองคนที่ถามคำถาม แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไรอะ กินก่อนเลย เราขอทำงานของวันนี้ให้เสร็จก่อน”


    “ลืมเหรอ”


    “หืม” มาร์คเลิกคิ้ว “เราลืมเหรอ ลืมอะไร”


    “วันนี้เราชวนมาร์คมากินข้าวเพราะแม่เราทำกับข้าวเอาไว้ให้”


    คนน่ารักเงียบไปขณะหนึ่ง หลุบตาลง ก่อนจะเอ่ย “ขอโทษ” ออกมาเสียงเบาหวิว


    แจฮยอนถอนหายใจ ยิ้มเหงา ๆ “เรารู้” เล่นไม่คุยกันเกือบอาทิตย์เลย ก็คงจะเครียดมากจริง ๆ นั่นแหละ


    และคนตัวสูงกว่าไม่ได้พูดเกินความจริงไปเลยแม้แต่น้อย ทุก ๆ วันมักจะเป็นแบบนี้ แจฮยอนกับมาร์คออกไปเรียนพร้อมกัน ถ้ามาร์คว่าง ๆ แจฮยอนก็สามารถหาตัวอีกคนได้ด้วยการเดินไปหาที่หอสมุด หรือไม่ก็อยู่ที่คณะเพื่อคุยกับอาจารย์ แล้วตกเย็นก็กลับมาด้วยกัน


    ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้สักอาทิตย์นึงก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด พูดคุยกันน้อยคำเหลือเกิน ถึงปกติจะพูดกันประมาณนี้อยู่แล้ว แต่ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป จากมาร์คที่เครียดจนไม่ค่อยจะหัวเราะ และความรู้สึกของแจฮยอนเองก็รู้ว่าอีกคนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในช่วงนี้ก็น่าจะบอกว่าตัวเขารอจนเฉาแล้วก็ไม่น่าจะแปลกอะไร


    “งั้นมาร์คทำสัมมนาต่อเถอะ เราคงไม่กวนแล้วแหละ ถ้าหิวก็มาเคาะห้องแล้วกัน”


    “ขอโทษนะ”


    “ไม่เป็นไร ทำงานเถอะ” แจฮยอนตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องของตัวเองไป


    มาร์คถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว มองประตูห้องของแจฮยอนที่ปิดลง หรือจะโดนงอน? ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าแล้วเปิดประตูเข้าห้องไป


    “กลับมาแล้ว” บอกตัวเองแบบนั้น ให้กับห้องที่ว่างเปล่า ในหัวมีความคิดมากมายตีกันให้วุ่นไปหมด


    มาร์ครู้สึกว่าช่วงนี้รอยยิ้มของแฟนตัวเองมันดูเหงาเกินไปหน่อย อย่างยิ้มก่อนที่จะแยกกันเมื่อกี้ก็แตกต่างจากยิ้มสดใสที่เคยทำให้เขาตกหลุมรัก จะโทษใครก็ไม่ได้อีกนั่นแหละ ก็น่าจะเป็นตัวเขาเองที่หมกมุ่นอยู่กับงานมากเกินไป เขาก็พอรู้ตัว


    สัมมนาพาเพลินที่ไม่เพลินอย่างชื่อที่ใคร ๆ พากันเรียกจากรุ่นสู่รุ่น หรืออาจจะเป็นการเรียกแก้เคล็ด เพราะต้องเอาเปเปอร์ (ที่เลือกแล้วนำไปเสนออาจารย์รอบแล้วรอบเล่ากว่าจะผ่าน) มานั่งแปลและทำสไลด์นำเสนอเป็นสัมมนาวิชาการให้กลุ่มนักศึกษาและอาจารย์ได้ฟัง มีการซักถามและตอบคำถาม (ที่โคตรหฤโหด) ซึ่งเป็นข้อบังคับของสาขาเคมีปีสุดท้ายที่ต้องทำ


    ยากขนาดนี้ ใครพามาเรียนวะ


    เขาอยากจะทำให้มันออกมาดีที่สุด ทั้งที่พร้อมแล้ว แต่เพราะนี่คือผลงาน คือคะแนน คือเกรดของเขา อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่คิดว่าคนอื่นก็ไม่ได้ได้คะแนนแบบเขา


    เพราะมัวแต่คิดว่าตอนตัวเองเวลาพูดนำเสนอแล้วจะลืมนั่นนี่ ก็เลยเอาแต่ท่องบทพูดและจดจำเนื้อหาจนลืมเวลา เพราะมัวแต่คิดว่าเวลาที่มีคนถามคำถาม ตัวเองจะตอบไม่ได้แล้วจะโดนหักคะแนน ก็เลยหาข้อมูลเพิ่มเติมและทบทวนพื้นฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ทั้งที่ทุกคนก็บอกแล้วว่าทุกอย่างมันโอเคแล้ว แต่มาร์คเองแหละที่คิดว่ามันยังไม่พอสำหรับตัวเขา เลยยังคงแก้สไลด์สัมมนาอยู่อย่างที่เป็น อยากทำให้ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังว่าทำไมเราไม่ทำแบบนั้นแบบนี้


    แต่ก็ส่ายหัวให้กับความคิดเหล่านั้นออกไป เพื่อนและรุ่นพี่หลายคนพอเห็นความคร่ำเคร่งที่เขามีก็เตือนว่าให้พักผ่อนบ้าง เพราะมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก


    แต่ก็พูดได้หนิ ผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น คนที่ผ่านมันไปแล้วก็จะคิดว่ามันน่ากลัว แต่คนที่กำลังจะเจอน่ะ มันก็คิดไปได้ต่าง ๆ นา ๆ ไม่ใช่เหรอ


    ปิดแล็ปท็อปที่ตัวเองเปิดขึ้นปรับแก้อะไรนิดหน่อยจนพอใจ ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่องกระจก ตั้งใจมองเงาสะท้อนของตัวเองแล้วก็พบว่าเขาผอมลงมากขนาดไหน แก้มตอบลง ใต้ตาคล้ำเพราะเอาแต่อ่านหนังสือจนมันเบียดเบียนเวลานอนให้มันน้อยลงไปอีก เลยตัดสินใจวางความคิดอันหนักอึ้งทุกอย่าง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอสบายตัวแล้วก็รู้สึกว่าท้องมันร้องประท้วงด้วยความหิวเนื่องจากไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ช่วงสาย ซึ่งนั่นก็น่าจะผ่านไปเกินสิบชั่วโมงแล้ว และคว้าบทพูดของตัวเองติดมือออกไปเคาะประตูห้องแจฮยอน ผู้ซึ่งเป็น comfort zone เพียงอย่างเดียวที่จะมาร์คใจเย็นลงได้ในตอนนี้ ซึ่งรอไม่นานก็ออกมาเปิดประตูให้เขา


    “เราหิว” คิดถึงด้วย มาร์คพูดแค่นั้น และตัดสินใจไม่พูดประโยคหลังออกไป เพราะกลัวไม่ได้กินข้าว เนื่องจากอีกคนน่าจะฟัดเขาจนหนำใจเสียก่อน และกว่าจะพอใจ มาร์คก็น่าจะโดนน้ำย่อยกัดกระเพาะจนทะลุไปแล้วล่ะ


    แจฮยอนยิ้มจาง ๆ ก่อนจะถอยหลังเข้าไปเพื่อให้มาร์คเดินตามเข้ามาในห้อง มูมินที่เดินตามแจฮยอนออกมาหามาร์ค ก่อนจะเอาตัวและหางมาคลอเคลียที่ขาของคนเข้ามาใหม่ ซึ่งมาร์คที่พอปิดและล็อคประตูห้องแล้วก็นั่งยอง ๆ ลงเพื่อเล่นกับเจ้าแมวสุดหล่อเหมือนเจ้าของตรงหน้าเขา


    “ไม่เจอกันนานเลย คิดถึงมั้ย”


    เช่นเคย มูมินไม่ได้ตอบอะไร แต่ยืดคางจนสุดในตอนที่มาร์คเกาคางให้กับมันเบา ๆ และอุ้มมันขึ้นมาขย้ำพุงด้วยความมันเขี้ยว


    เจ้าของห้องเดินไปยังตู้เย็นเพื่อหยิบอาหารที่เก็บไว้ออกมาให้คนน่ารักที่มีมูมินนั่งอยู่บนตัก นั่งอ่านอะไรสักอย่างรออยู่ตรงเก้าอี้ แล้วกลิ่นหอม ๆ ของอาหารก็เตะจมูกจนต้องทำให้เดินตามไปดู “หอมอะ”


    “ใช่มะ” แจฮยอนพูดอย่างภูมิใจ “แม่เราทำอาหารเก่งนะ อร่อยด้วย”


    “พอดูออก” คนน่ารักพูดกลั้วหัวเราะ “แจฮยอนก็ทำอร่อย”


    สีหน้าของเจ้าของห้องเปลี่ยนไป รอยยิ้มหายออกไปจากใบหน้า “จะหาว่าเราอ้วนเพราะแม่เรากับเราทำกับข้าวอร่อยเหรอ” ขนาดเสียงยังหาเรื่องเลยคิดดู


    มาร์คหัวเราะเสียงดังให้กับการเชื่อมโยงของอีกคน “บ้าแล้ว คิดไปเอง”


    แต่จะว่าไป ก็ไม่ได้หัวเราะสุดเสียงแบบนี้มานานแล้วเหมือนกันแฮะ


    “อะ เสร็จละ” แจฮยอนกับมาร์คช่วยกันถือกับข้าวที่อุ่นแล้วพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ประมาณสองสามอย่างมาวางไว้ตรงโต๊ะเล็ก ๆ ที่เอาไว้สำหรับกินข้าว


    มาร์คพยักหน้ารับขอบคุณ ก่อนจะเริ่มทานข้าวโดยมีแจฮยอนนั่งเฝ้าอยู่อย่างยิ้ม ๆ


    เพราะเวลามาร์คกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยมันน่ารักมากจริง ๆ


    เขาอยากให้มาร์คได้ทานอาหารอร่อย ๆ เยอะ ๆ เพราะมันน่าจะทำให้คนน่ารักของเขามีความสุขขึ้นมาได้บ้าง และเขาตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้เขาจะเคลียร์ปัญหาที่คาใจเขามาเกือบหนึ่งสัปดาห์ เขาต้องทำให้คนน่ารักของเขายิ้มและพักผ่อนบ้าง


    “เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ” เจ้าของห้องเปิดประเด็น และดูเหมือนว่าคนที่กำลังกินข้าวอยู่ก็พอจะรู้


    “เรารู้” มาร์คตอบอย่างสำนึกผิด เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ “ขอโทษ” เลยมาหานี่ไง


    “ขอโทษทำไมอีกแล้ว วันนี้พูดคำนี้เยอะไปแล้วนะ ไม่เป็นไรหรอก เราก็พอเข้าใจว่าอยากให้งานมันออกมาดี” ยิ้มละไมก่อนจะอุ้มมูมินที่เดินผ่านขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง “แต่บางทีเราว่ามาร์คอาจจะตึงเกินไปหน่อยนะ”


    หยุดเคี้ยว หยุดกินโดยทันที มองหน้าแฟนตัวเองที่เกาพุงให้กับแมวของตัวเอง “ตึง?” อยากรู้ความหมายของคำนี้ที่แจฮยอนใช้กับเขา


    “ก็...เครียดจนเกินพอดีน่ะ หมกมุ่นมากไป อะไรแบบนี้” แจฮยอนอธิบาย “มาร์คเก่งแล้วแหละ เราเห็นเวลาที่อธิบายให้เพื่อนฟัง เราก็พอเข้าใจที่มาร์คอธิบายนะ นั่นแสดงว่าคงเข้าใจสิ่งที่ต้องออกไปพูดแล้ว มาร์คน่าจะทำได้แล้วแหละ”


    “แต่...”


    “เราแค่อยากให้มาร์คพักบ้าง รู้ตัวมั้ยว่าผอมลง กอดไม่อุ่นเลย”


    “แล้วจำเป็นต้องพูดแบบนี้ด้วยเหรอ”


    “ก็จริง นี่เลยให้แม่ทำกับข้าวมาให้ กลัวแฟนผอม”


    “เดี๋ยว นี่บอกแม่แล้วเหรอ”


    แจฮยอนหัวเราะหน้าตาตื่น ๆ ของมาร์ค “อื้ม”


    “เจย์!!” มาร์คร้องเสียงหลง กับข้าวที่เหลือเหมือนจะไม่อร่อยไปในทันที


     “แม่ไม่ได้ว่าอะไรนะ” บอกแบบนั้นเพื่อให้อีกคนสบายใจ เพราะฟังจากเสียงเรียกชื่อตัวเองเมื่อกี๊นั่นก็น่าจะรู้ว่าอีกคนคงจะเครียดมาก คิ้วที่เหมือนจะขมวดเป็นปมนั่นคลายออก


    เมื่อสองวันก่อนตอนที่แม่ของแจฮยอนมาเยี่ยม เขาซึ่งกลับมาจากมหาลัยพร้อมกับแจฮยอนก็เลยได้เจอกับแม่ของอีกคน ยังดูสาวอยู่เลย และแจฮยอนเองก็ปฏิบัติกับแม่ค่อนข้างดีมากด้วย และนั่นก็ทำให้เขาหลงรักในตัวผู้ชายคนนี้มากขึ้นไปอีก แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสนิทกับแม่ขนาดบอกว่าแฟนเป็นผู้ชายแบบนี้ก็ได้ด้วย มิน่าล่ะ ขากลับนี่มากอดมาหอมมาร์คใหญ่เชียว


    “แต่ทีหลังบอกเราก่อนก็น่าจะดีนะ” มาร์คบ่น “ชอบมัดมือชกกันเรื่อยเลย”


    “ครับ” แจฮยอนกลับมายิ้มสดใสเหมือนเดิมแล้ว มาร์คจึงเริ่มกินอาหารที่เหลือต่อให้หมด


    “กินเสร็จยัง”


    มาร์คพยักหน้าก่อนจะหยิบจานที่ทานจนหมดเพราะมันอร่อยอย่างที่แจฮยอนบอกจริง ๆ “เดี๋ยวเราเอาไปล้างให้” แต่อีกคนก็ดึงมันออกไปที่นอกระเบียงเพื่อล้างมันเสียเอง


    แต่คราวนี้มาร์คไม่ยอม เขาเดินไปยืนข้าง ๆ ในระหว่างที่แจฮยอนล้างจานเพื่อจะช่วย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากล้างน้ำเปล่าสุดท้ายแล้วเอาไปผึ่งไว้


    เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว แจฮยอนก็คิดว่ามาร์คคงกลับไปอยู่กับกองเอกสารเปเปอร์ต่าง ๆ อีกตามเคย แต่วันนี้เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว วันนี้สุดสัปดาห์นะเว้ย ขออ้อนแฟนหน่อยไม่ได้เหรอวะ


    “อยู่กับเราก่อนได้มั้ย”


    “ไม่เห็นต้องพูดให้น่าสงสารเลยเจย์” มาร์คบอก “จริง ๆ เราก็กะมาอยู่ด้วยอยู่แล้ว”


    แล้วสุดท้ายก็มานั่งพักกันอยู่ตรงที่เตียง เอนกายผึ่งแอร์เย็น ๆ ดูทีวีไร้สาระไปเรื่อย ๆ จนดึกดื่น พูดคุยกันนู่นนี่ หัวเราะให้กับมุกตลกแป้ก ๆ กินขนม ฟังเพลงไปเรื่อย ๆ มาร์คไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มาเกือบเดือนได้แล้วมั้ง


    คนน่ารักมองดูนาฬิกาก่อนจะลุกขึ้นยืน “เราจะไปนอนแล้วนะ ง่วงแล้ว”


    แจฮยอนลุกขึ้นตามมา คว้ามือของมาร์คเอาไว้ ออกแรงรั้งไว้เบา ๆ “เดี๋ยวก่อนได้มั้ย”


    “ทำไมเหรอ” เอียงคอนิด ๆ ตากลมจ้องหน้าแจฮยอนด้วยความอยากรู้คำตอบ


    “เรากำลังรวบรวมความกล้าที่จะขอจูบมาร์ค”


    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลยหลังจากนี้ กินเวลานานเหลือเกินในความรู้สึกของทั้งคู่ ช่างเป็นความเงียบที่ประหม่าและทำตัวไม่ถูกเอามาก ๆ ก่อนที่มาร์คเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ สูดหายใจเข้าลึก ๆ และรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีในชีวิต


    ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง และเป็นมาร์คที่ผละออกไปก่อน “เจย์อย่าเพิ่งเบื่อเรานะ” ก้มหน้าพูดจนคางแทบจะชิดอก เพราะโคตรอาย อายสุด ๆ เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย


    เคยแต่หอมแก้มพ่อกับแม่ แต่นั่นก็พ่อกับแม่ไง หอมกันจุ๊บกันมาแต่เด็ก


    อันนี้แฟน...แถมนานกว่าที่เคยทำกับพ่อแม่ด้วยอะ


    ฮือ ไปนอนดีกว่า


    คิดได้แบบนั้นมาร์คก็เดินหนีออกไป ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าแจฮยอนทำหน้ายังไงอยู่ แต่เท่าที่เห็นคือน่าจะยืนนิ่งไปแล้ว แต่ก็โดนคว้าตัวเอาไว้แล้วถูกรวบตัวไปกอด เสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหู “เราก็มีพ่อมีแม่นะ จะมาจูบเราแล้วหนีไปแบบนี้ได้ไง”


    “แล้วเมื่อกี๊ใครรวบรวมความกล้าวะ” พูดย้อนแจฮยอนเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายที่มีมากกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าอีกคนน่าจะรู้ทันแล้ว


    “รับผิดชอบเลยนะมาร์ค”


    ถูกว่าแบบนั้นก็เลยหน้ามุ่ย แล้วพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดเพื่อออกเป็นอิสระ คนตัวสูงกว่าถึงได้ยอมคลายอ้อมแขนออกให้หลวมนิดหน่อย เพื่อให้อีกคนได้หันหน้าเข้ามามองหน้ากัน


    “รับผิดชอบอะไร” วะ


    “นอนกับเรา”


    มาร์คตาโต ถ้านอนนี่ คืนนี้จะรอดมั้ยวะเนี่ย “ไม่เอาเว้ย”


    “เราไม่ทำอะไรหรอกน่า แค่อยากนอนกอดแฟน” ขโมยหอมแก้มเนียนอีกฟอดใหญ่ “ก็คิดถึงนี่ มัวแต่ทำสัมมนา จนเราจะหึงเปเปอร์กับคอมที่ได้อยู่กับมาร์คมากกว่าเราแล้วนะ”


    แอบไปแยกเขี้ยวให้กับความขี้หึงไม่เข้าเรื่อง ก่อนจะยืนนิ่ง ๆ ยินยอมให้อีกคนกอดหอมอยู่แบบนั้นสักพัก ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


    “อยากตื่นเช้ามาแล้วคนแรกที่เจอเป็นมาร์คอะ แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ”


    ถามย้ำแจฮยอนเพื่อความแน่ใจ “ไม่ทำอะไรแน่นะ?”


    “ครับ เอามูมินเป็นประกันเลย” หันไปดูเจ้าแมวที่ตอนนี้มายืนจ้องทั้งสองคนเขม็ง


    ดูสิ ขนาดแมวยังมัดมือชกเลย


    “โอเค ก็ได้” เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ปล่อยให้แจฮยอนหงอยมาเกือบอาทิตย์ ก่อนจะเดินนำไปที่เตียง แล้วห่มผ้าห่มของเขา


    ตอนนี้แจฮยอนซื้อผ้าห่มผืนใหม่มาด้วย เผื่อแฟนมานอนจะได้ไม่ต้องแย่งผ้าห่มกัน


    ดูเป็นคนเตรียมพร้อมดีมั้ย


    คนหล่อของมาร์คเดินตามเข้ามาสมทบบนเตียง กดดูโทรศัพท์ที่บอกเวลาว่าอีกไม่กี่นาทีจะตีหนึ่งแล้ว เอื้อมมือไปปิดไฟแล้วห่มผ้าห่มอีกผืนที่เป็นของตัวเอง


    “เจย์” มาร์คเอ่ยปากเรียกชื่อคนที่นอนข้าง ๆ ซึ่งก็หันมาหาเขาแทบจะทันที


    “ครับ?”


    “เราหมายความแบบนั้นจริง ๆ นะ ที่บอกว่าอย่าเพิ่งเบื่อเราน่ะ” คนตากลมเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เราขอโทษที่ช่วงนี้เครียดมากไปหน่อย แต่...”


    “ไม่เป็นไรเลย อย่าคิดมากนะ”


    “แต่...”


    “ไม่แต่แล้ว ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอก อยากซ้อมพูดนำเสนอให้เราฟังก็ได้ ไม่ต้องคิดมากเลยจริง ๆ นะ เราพร้อมช่วยเสมอ”


    “ทำไมใจดี”


    “เพราะเรารัก”


    แล้วมาร์คก็มุดหัวลงไปในผ้าห่มแทบจะทันทีหลังจากได้ยินคำสารภาพ จนแจฮยอนต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง การทำให้แฟนตัวเองเขิน มันน่ารักดีนะ เขาชอบทำให้มาร์คเขินมากจริง ๆ ทั้งได้บอกความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ ออกไป แล้วยังได้เห็นอีกคนเขินเพราะเขาอีก โคตรดี


    “ได้ยินบ่อยแต่ก็เขินตลอดเลย” เสียงอู้อี้ดังมาจากในกองผ้าห่ม “ทำไงถึงจะไม่เขิน”


    “ไม่เขินน่ะ น่ากลัวออก” เพราะว่าความรู้สึกของอีกคนคงจะเปลี่ยนไป


    มือของแจฮยอนพยายามดึงผ้าห่มออก แล้วดึงคนที่ซ่อนอยู่ในนั้นให้ออกมา “ออกมาเถอะ เดี๋ยวจะหายใจไม่ออกเอานะ”


    “ปล่อยเราเถอะ” ได้ยินแค่นั้นก็เหมือนหายใจไม่ออกแล้ว “กล้าพูดมาได้ยังไง”


    “เอ้า ก็รักแฟน” พูดกลั้วหัวเราะ แล้วผ้าห่มที่อุตส่าห์ดึงออกมาได้ก็ถูกคนน่ารักเอาไปปิดหน้าตัวเองอีกครั้ง ซึ่งก็ตอบกลับคำพูดตรง ๆ ของแจฮยอนเสียงดัง


    “พอเลย เขินเว้ย!” พอเถอะ หยุดพูดได้แล้ว ก่อนที่จะหัวใจวายไปจริง ๆ “เชื่อแล้วน่าว่ารักจริง ๆ”


    “ก็ทำให้เขินไง นอนเถอะ ออกมาได้แล้ว ไม่แกล้งแล้ว” พูดเสียงอบอุ่น กระตุกผ้าห่มนิด ๆ เพื่อให้มาร์คได้โผล่ใบหน้าออกมา “จริง ๆ นะ ออกมาเถอะ ไม่ร้อนรึไง”


    คนน่ารักยอมโผล่หน้าออกมาแต่โดยดี แต่ยังคงไม่กล้าสบตาอีกคนที่มองมาอย่างมีความหมาย และยังไงก็ยังไม่เคยชินที่จะจ้องมันกลับเสียที


    “นอนเถอะ” แจฮยอนบอก กระชับผ้าห่มให้มาร์คแน่นขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าอีกคนจะอบอุ่น แต่ก็เท่านั้นแหละ เพราะเดี๋ยวตกดึกมา ก็ถีบผ้าห่มตัวเองออกจนหมดแล้วมาซุกกับผ้าห่มของแจฮยอนแทน เหมือนที่เคยทำอยู่แทบทุกคืนนั่นแหละ


    “อือ” มาร์คพยักหน้า ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงด้วยความง่วง ให้ภาพสุดท้ายสำหรับค่ำคืนนี้คือแจฮยอนที่ตอนนี้กำลังจุมพิตหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา


    “ฝันดีนะ”

     

    ก็คงฝันดีแหละ คนส่งเข้านอนดีขนาดนี้


    --


    หวัดดีค่า มาต่อแล้วว

    คิดอะไรรู้สึกยังไงก็เม้นบอกนะคะ ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกก สำหรับกำลังใจจากทุกคน


    ขอให้หลับฝันดีค่ะ แจฮยอนส่งเข้านอนกันทุกคนเลยนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×