คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1st insane. 100%
1
เฮอะ! ให้ตายเถอะ ฉันอุตส่าห์ดีใจหลงระเริงไปกับการที่จะได้กลับบ้านที่ไม่ได้เหยียบย่ำมาถึงสี่ปี แต่นี่ก็เหมือนกัน ฉันกำลังย้ายออกจากห้องสี่เหลี่ยมนี่!
ย้ายออกไปอยู่ในที่ๆ เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใหญ่กว่าเดิมเท่านั้นเอง
เท่านั้นเอง
“ให้ตายเถอะๆๆๆ เพราะนายคนเดียวเล๊ย!” ฉันใช้มือของฉันขยี้ไปที่หัวของตัวเอง ฉันกำลังคลั่ง -_- ถ้าไม่เป็นเพราะนายนั่นแล้วจะเป็นเพราะใครกัน !
ปึก
“ขอโทษค่ะๆ” ฉันกล่าวขอโทษผู้ชายตรงหน้าที่ใส่ชุดเหมือนเป็นหมอฝึกหัด เอ่อ
มันให้ความรู้สึกโหวงๆ ลอยๆ @_@
“อ่า
นั่นคุณศรัญญาหรือเปล่าครับ”
“คะ? ชื่อพาวค่ะ” เอ่อพาว พาวเดอร์ค่ะ >O<
“ครับ คุณศรัญญาคุณพาว คือผมต้องพาคุณไปที่ตึก E เพื่อทำการบำบัดนะครับ”
“ค่ะ!” ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังมีความหวังในการที่จะดำรงชีวิตต่อไปในโรงพยาบาลบ้าแห่งนี้ หมอฝึกหัดที่นี่ หล่อเป็นบ้าเลย =.,=
ฉันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงตึก E มันเป็นเหมือนบ้านจริงๆ นั่นแหละ แต่ถ้าเป็นบ้านคงจะเป็นบ้านที่เชยสุดๆ ไปเลย เพราะสีบ้านก็มีแค่สีเขียว ฟ้า ชมพู ขาว ก็นี่มันโรงพยาบาลนี่นะ จะให้เป็นสีฉูดฉาดคงจะไม่ได้
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะ” อ่าว
จะไปไหน หรือฉันแสดงท่าทางหื่นเกินไปจนคุณหมอรู้สึกได้ O[]o
“คุณหมอชื่ออะไรคะ”
“ชื่อฟิลด์ครับ อายุผมพอๆ กับคุณ ไม่ต้องใช้คุณนำหน้าก็ได้มั้งเนอะ ^^” เฮือก! หญิงเปลี่ยวเลือดกำเดาจะกระฉูดแล้วนะ
“คะ
ค่ะๆ อ่า
อื้ม” ฉันรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ ก็เขาบอกว่าไม่ต้องใช้ที่เป็นทางการมากนี่นา (เขาแค่บอกว่าไม่ต้องใช้คุณไม่ใช่เรอะ)
“ผู้หญิงหื่นต้องรอให้มีคนมายกของให้ใช่มั้ย ถึงจะขึ้นไปเก็บของน่ะ -_-” เสียงนกเสียงกาบินมาแต่รังแตน ให้ตาย
ผู้ชายคนนี้นี่แย่จริงๆ เลย
“นายทำให้ชีวิตฉันย่ำแย่”
“ถ้าเธอไม่พูดถึงเรื่องโจ๋เรนเจอร์สุดโปรดของฉัน ฉันกับเธอก็ไม่โดนอย่างนี้หรอก! ที่ผิดน่ะมันเธอ!”
“แต่นายหาเรื่องฉันก่อนนะ!”
“ใครว่ากัน เธอนั่นแหละที่มาแย่งอากาศฉันหายใจ ฉันหายใจของฉันอยู่ดีๆ”
ฉันว่า
เรื่องนี้มันคงไม่จบง่ายๆหรอก (_ _)o
เป็นอีกครั้งที่คราวนี้ฉันต้องมาทำ work shop กับอีตานี่ แต่นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกแล้วนะ! ที่จะสามารถฟังได้ทุกตอนเหมือนครั้งแรกที่รับรู้น่ะ แต่ในเมื่อหมอฟิลด์สั่งมา ฉันก็ต้องทำ -3-
“คราวนี้ผมจะพูดถึงตัวผมบ้างนะ ผมชื่อฟิวด์ ผมเพิ่งจะมาเป็นหมอฝึกหัดที่นี่ได้ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ แต่กลับมางานใหญ่มารออยู่ตรงหน้าผม คือการดูแลพวกคุณ โดยเฉพาะคุณพาว”
“ทำไมต้องฉัน O-a”
“เพราะคุณพาวคือคนที่ไม่สมสติที่สุด!”
“นายโจ๋เรนเจอร์!” ฉันแทบจะตบนายเรนเจอร์นั่นแล้วนะ ถ้าหมอฟิวด์ไม่ห้ามไว้
“เพราะว่าทางบ้านของคุณให้เงินดีมากต่างหาก ^^;”
-_- จบเห่ หมอทุกคนมันหวังเงินหรือไงฟระ! ไม่เป็นไร
มีหมอหน้าตาดีมาดูแลเอาใจใส่ ปกป้องฉันจากคนชั่วร้ายอย่างขบวนการโจ๋เรนเจอร์ (?) มันก็ถือว่าคุ้ม >O<
“แต่ที่ผมต้องทำมากกว่าการดูแลพวกคุณสองคนคือการกำหนดขอบเขตและการให้พวกคุณรวมกิจกรรมกัน เพื่อให้มีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น”
“น่ารำคาญจริงๆ ช่วยพูดมาเลยได้มั้ยว่าจะให้ทำอะไรในวันพรุ่งนี้” นายเรนเจอร์พูดขึ้น ความจริงฉันก็เห็นด้วยนะ -.-
“ความจริงผมอยากจะให้พวกคุณได้ทำความคุ้นเคยกับตึกนี้ก่อน และให้พวกคุณพักผ่อนตามอัธยาศัยในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อพวกคุณต้องการวันพรุ่งนี้ ผมก็จัดให้ ^_^”
นายโจ๋เรนเจอร์นี่แย่จริงๆ -_-!
“ในวันพรุ่งนี้หรือในความเป็นจริงก่อนหน้านั้นต้องเป็นวันมะรืนนี้” จะพูดให้เซ็งทำไมเนี่ย T^T: “ผมจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้พวกคุณได้รู้จัก”
“ไหนหมอสุเถิกบอกว่ามีแค่ฉันกับยัยบ้านนอกนี่สองคน กับพวกของนายอีกไม่กี่คนไม่ใช่เรอะ” นายเรนเจอร์แย้งขึ้น ก็จริง...ไหนหมอสุเถิกบอกว่ามีแค่ฉันกับนายโจ๋เรนเจอร์และเหล่าพยาบาลอีกไม่กี่คนไม่ใช่เหรอ หรือนายฟิลด์นี่คิดจะเล่นมุก ประมาณว่า...
ก็ผมไงล่ะเพื่อนใหม่ของคุณ ~ ... ไม่มีทางเป็นไปได้ -_-
“ไว้รอพรุ่งนี้ดีกว่าครับ ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“เธอว่าหมอคนนี้มันแปลกๆ หรือเปล่าวะ จะมาก็มาซะไม่บอกไม่กล่าว จะไปก็เหาะเหินไปเชียว”
นายเรนเจอร์บ่นพึมพำ
“นี่...เรามาคิดแผนต้อนรับเพื่อนใหม่กันดีมะ >O<”
“ยัยบ้า”
“ต้องเอาที่ไม่แรงเกินไปนะ รับน้องๆ” ฉันกระดี้กระด้าเข้าไปคุยกับนายเรนเจอร์อย่างออกรสออกชาติ ถ้ามีเพื่อนใหม่มา...ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าของตึกแห่งนี้ ฉันขอให้มีการรับน้องอย่างหฤหรรษ์~
“แล้วถ้าเกิดเพื่อนใหม่อายุราวแม่ล่ะ”
“เออเนอะ...ก็ไม่เห็นเป็นไร เขาก็บ้าเหมือนพวกเราๆ ก็ต้องบ้าจี้เหมือนกันแหละ >_<”
“อืมๆ แล้วถ้าเพื่อนใหม่เป็นผู้เด็กตัวกระปิ๊ดอ่ะ -_-a”
“บ้าน่ะ เด็กคงไม่เป็นบ้าแต่วัยเยาว์หรอก หัดใช้หมองนั่งมาติ๊บ้างดิ” อิคคิวซังมาแล้วครับผม~
“งั้น แล้วถ้า...”
“พอเหอะ กรุณาช่วยฉันคิดด้วยว่าจะรับน้องยังไงดี >.<”
ในหัวฉันตอนนี้มีแผนแล้วล่ะ แผนการที่ 1 คือต้องพาเพื่อนใหม่เดินเที่ยวรอบๆ บ้าน แผนการที่ 2 คือให้เพื่อนใหม่แต่งตัวในสไตล์ของฉัน และต้องเต้นท่าสวยๆ ให้ฉันดูด้วย! ฉันไม่โหดเลยใช่มั้ยล่ะ หึหึ
“ไหนเธอลองว่าแผนการของเธอมาดิ๊” แล้วฉันก็ต้องเล่าแผนการสุดเจ๊ดให้นายโจ๋เรนเจอร์ฟัง ถึงแม้นายนั่นจะทำหน้าไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ฉันเชื่อว่า...ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องสนุก!!
เช้าวันใหม่พร้อมกับใบหน้าฉันที่เซ็งจิตอย่างรุนแรง ก็ใครมันจะไปรู้ว่าไอ้เพื่อนใหม่มันจะเป็นสัตว์ชนิดสัตว์ปีก มีปีกแต่บินไม่ได้ เป็นสัตว์ที่เล่าขานกันว่ามีลำตัวสีเหลืองแต่ในความจริงแล้วมันเป็นสีออกขาวๆ Y_Y
เป็ดนั่นเอง!
ให้ตายสิ อย่างนี้แผนการรับน้องของฉันก็ล่มจมเพราะได้เพื่อนใหม่อย่างนี้น่ะเหรอ
ไม่ได้หรอกๆ ฉันต้องยึดมั่นในการทำสิ่งที่มุ่งหมายให้การเป็นเรื่องจริง!
“เพื่อนใหม่ของพวกคุณน่ารักดีใช่มั้ยล่ะ ^^” อีตาหมอฟิลด์ (เปลี่ยนสรรพนามเพราะไม่ได้ดั่งใจ) ถามขึ้น ฮื่อ...ฮื่อออ ขันติๆ
“แล้วเธอจะทำยังไงกับเผนการของเธอ แผนเธอจะเป็นหมันแล้วเรอะ ว่ะฮ่าๆ” เรนเจอร์พูดแทงใจดำข้างหูฉันแล้วหัวเราะออกมาดังๆ T^T
“ไม่! มันจะต้องเป็นแผนการที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุด!”
“เธอจะทำอะไร =O=^” เรนเจอร์ถามอย่างขาดไม่ถึงเมื่อฉันทำหน้าเครียดอย่างสุดๆ แล้วจะรู้กันว่ามันจะเป็นยังไง ฮึ่ม!
“นายฟิลด์จะพักหรือเปล่า!” ฉันเอ่ยปากถามหมอฟิลด์ ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ฉันก็เริ่มแผนสุดกู่ของฉันไม่ได้น่ะสิ
“ทำไมต้องตะโกนด้วยครับคุณพาว”
“เปล่าซักหน่อย! ไปพักผ่อนในห้องของนายเสี๊ยยย~” ฉันลากเสียงยาวพร้อมกับอ้อมไปทางด้านหลังของนายหมอฝึกหัดนี่แล้วยืดมือไปดันตัวเขาไปที่บันไดให้ขึ้นไปพักผ่อน เพื่อที่ฉันจะได้เริ่มแผนของฉันเสียที =w=
“เอาล่ะ ไอ้เป็ด...ไม่เพราะเลยแฮะ ฉันจะเรียกแกว่า ‘ก๊าบก๊าบ’ ก็แล้วกัน” ฉันนั่งลงคุยกับก๊าบก๊าบที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กระดุกกระดิกไปไหน
“ชื่อทุเรศจริง ก๊าบก๊าบ ฉันว่าชื่อ ‘โฮ่งโฮ่ง’ ยังเพราะเสียกว่า -_-”
“ประสาทแล้ว ใครจะตั้งชื่อเป็ดเหมือนหมากัน เอาล่ะ...ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าของบ้านนี้ฉันจะเริ่มทำการรับน้องแก โดยฉันจะพาแกไปทัวร์รอบบ้าน”
“เธอนั่นแหละที่ประสาท” เรนเจอร์พึมพำก่อนจะเดินตามหลังฉันมา
...ก็ประสาทกันหมดล่ะ (วะ)
“อย่างแรกคือให้แกออกกำลังกายเพื่อที่จะเดินทัวร์รอบบ้านได้ เพราะบ้านของฉันน่ะมันใหญ่!” ฉันวางก๊าบก๊าบไว้ที่บันไดขั้นแรกสุด
“แกขึ้นบันไดเองเป็นมั้ย ขึ้นไม่เป็นฉันจะสอนแกขึ้น อย่างแรกแกต้องก้าวเท้าข้างใดข้างหนึ่ง...”
เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที
“นี่! ไอ้ก๊าบก๊าบฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ อย่าต้องให้ฉันพูดภาษาเป็ดนะยะ TOT” ตอนนี้ฉันแทบหมดความพยายามในการสอนเจ้าก๊าบก๊าบนี่ขึ้นบันไดแล้วล่ะ ก็ฉันสอนมันก้าวบันไดขั้นแรกมาเป็นสิบๆ รอบแล้วมันยังจำไม่ได้เลย
“แคว๊กแควก”
แล้วจู่ๆ ไอ้ก๊าบก๊าบก็ร้องออกมาแล้วก็วิ่งขึ้นบันไดไป
...
...
มันวิ่งขึ้นบันไดไปได้ยังไง =[]=!!!
“เธอโดนเป็ดหลอกแล้วยัยโง่”
ไม่เป็นไรยังมีอีกชิ้น เอ้ย! ไม่เป็นไรยังมีอีกแผน
“นายเรนเจอร์! มีอะไรแต่งตัวให้ก๊าบก๊าบได้มั่ง” ฉันตะโกนถามเรนเจอร์ซึ่งอยู่อีกห้องถัดจากห้องของฉัน ตอนนี้ฉันกำลังวุ่นกับการหาเครื่องแต่งกายให้กับเจ้าก๊าบก๊าบแสนอเมซิ่งนั่น แผนของฉันคือจับเพื่อนใหม่แต่งตัว
“ฉันจำได้ว่าตอนเข้าโรงพยาบาลบ้านี่มาใหม่ๆ ฉันได้ปลอกคอ -_-” นายเรนเจอร์เดินเข้ามาแล้วยื่นปลอกคอให้ฉัน มันดูเหมือนปลอกคอจูงสุนัขมากกว่านะ -.,-
“นายจะให้ก๊าบก๊าบฉันใส่ปลอกคอหมาของนายเนี่ยนะ?”
“คิดซะว่ามันเป็นหมาสิ แต่
นั่นมันไม่ใช่ปลอกคอหมา มันคือของฉัน -_-+”
“’โทษที มันเหมือนมากเลย J”
“ยัยบ้า เอาก๊าบก๊าบมานี่ ฉันจะใส่ให้” เรนเจอร์ทำท่าจะเข้าไปจับก๊าบก๊าบแต่มันก็ทำท่าจะบินหนี
บินไม่ได้ยังจะอุตส่าห์พยายาม =_=’
“ยัยบ้านนอก ช่วยฉันจับหน่อยไม่ได้เลยรึไง อย่างนี้แผนจะได้เรื่องเรอะ” เรนเจอร์หันมาบ่นใส่ฉันก่อนจะวิ่งตามเป็ดนั่นไป
“ฉันเห็นแก่แผนของฉันหรอกนะ” ฉันวิ่งไปดักอีกทางส่วนนายเรนเจอร์ก็ตามตูดเป็ดไป ฉันว่าฉันควรจะวิ่งไปดักหน้ามันให้เร็วที่สุด และเมื่อฉันวิ่งเร็วที่สุด
“แอร๊ก!”
ฉัน
ฉันจับมันได้แล้ว!
“เรนเจอร์! ฉันจับมันได้แล้วววว >O<” ฉันตะโกนบอกเรนเจอร์ทั้งๆ ที่ฉันยังคงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าเป็ดนั่น
รู้สึกก๊าบก๊าบวันนี้จะตัวใหญ่ผิดปกตินะ ฉันจับมันได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากเลย
ฉันค่อยๆ มองกลับมาที่ไอ้เป็ดนั่น
แต่แล้วสิ่งที่ฉันเห็นคือมันไม่ใช่เป็ดแต่มันคือคนที่มีเนื้อนังมังสาเหมือนฉัน แต่มีอะไรที่ไม่เหมือนฉันเยอะๆ ถ้าเป็นเป็ดจริง คงได้ชื่อว่าเป็นเป็ดที่หล่อที่สุดในโลกล่ะมั้ง ก็ไหนจะผมสีน้ำตาลโค้ก (ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี) กับตาที่สีเดียวกับเส้นผม ดวงตาของมันสวยอย่าบอกใครเลยล่ะ ริมฝีปากก็ได้รูป เป็นเป็ดทีดูดีที่สุดในโลกจริงๆ
“ก๊าบก๊าบ
แกดูดี้ขึ้นเยอะเลยจริงๆ ขนาดฉันยังไม่ได้สวมปลอกคอให้แกนะ -//-”
“ยัยบ้านี่ ปล่อยมือที่กอด
ที่จับฉันเลยนะ =//O//=!”
อ่า
ฉันคง ฉันคงเข้าใจผิดว่านายเรนเจอร์นี่เป็นเป็ด ตอนนี้ฉันอยู่ในท่าที่พิลึกที่สุดเลยก็ว่าได้ ก็เพราะว่าฉันอยู่ในท่าตะครุบเป็ด (?) โดยเป็ดนั่นคือนายเรนเจอร์ซึ่งก็โชคร้ายไปหน่อยที่หน้าของเขาเกือบติดหน้าฉัน!
ว่าอะไรนะ
ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหน้าของเขาอยู่ใกล้หน้าฉันขนาดนี้
“เพราะเธอก๊าบก๊าบถึงหายไปไหนก็ไม่รู้!” ทันทีที่ฉันทรงตัวลุกขึ้นได้ นายเรนเจอร์ก็กระเถิดออกห่างฉันในทันที
“ฉันผิด?”
“ผิดที่สุดเลย ให้ตาย
อย่าให้ฉันต้องเรียกขบวนการโจ๋เรนเจอร์มาเพื่อจับเป็ดนะ ไร้สาระจริงๆ”
โจ๋เรนเจอร์จับเป็ด
น่าสนุกนะ -..-
ถ้าฉันบอกว่าวันนี้ฉันจับเป็ดแล้วหัวใจเต้นเร็ว จะมีใครเชื่อไหมนะ?
และแล้วฉันกับนายเรนเจอร์ก็ช่วยกันจับเจ้าก๊าบก๊าบใส่ปลอกคอได้สำเร็จ >O<! ก๊าบก๊าบจึงเป็นสัตว์ที่น่าพิศวงที่สุดในตอนนี้ มันมักจะมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา ฉันรู้สึกได้ -.,- แต่เวลาฉันจูงมันไปไหนมันก็ตามต้อยๆ แบบไม่ขัด นั่นก็ถือว่าดี
หมอฟิลด์บอกว่าจะมาอยู่ค้างที่ตึกนี้ ซึ่งเขาบอกว่าจะทำอาหารเย็นให้กับฉันและเรนเจอร์ด้วย แต่นี่ก็เย็นแล้วฉันยังไม่เห็นเขาของตาหมอฟิลด์นั่นเลย ฉันเริ่มหิวแล้วนะ! เดี๋ยวแม่จับยุงมากินเป็นอาหารซะหรอก T^T
“กลับมาแล้วครับผม ^^” ตายยาก
“แล้วนั่นถืออะไรมาด้วยอ่ะฟิลด์” ความจริงฉันไม่น่าถามหรอก เพราะที่ฉันเห็นอยู่นี่มันก็คือกล่องข้าวสามกล่องพร้อมกับน้ำอัดลมอีกสามกระป๋อง ก็ไหนบอกว่าจะทำอาหารเย็นไง -_-a
“นายบอกว่าจะทำอาหารเย็นให้ไม่ใช่เรอะ”
ขอบใจเรนเจอร์ที่ทำให้ฉันดูไม่น่าเกลียดที่คิดจะถามแบบนั้น -.,-
“พอดีรู้สึกขึ้นมาว่าขี้เกียจ รีบๆ กินแล้วรีบๆ นอนเถอะ” หมอฟิลด์พูดแล้วหยิบข้าวและน้ำออกจากถุงที่หิ้วมา แล้วเดินไปหยิบช้อนส้อมมานั่งกินโดยไม่เรียกใคร แต่แล้วเรนเจอร์ก็เดินออกไปจากห้องทานอาหารแล้วเดินออกไปที่ห้องรับแขก ฉันไม่ได้สนใจอะไรแล้วหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแทน
“นายซื้ออะไรมาให้ก๊าบก๊าบกินหรือเปล่า” ฉันถามฟิลด์ ก๊าบก๊าบฉันยังไม่ได้ยินอะไรตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ ฉันทำอะไรกินไม่เป็นด้วย แง
สงสารเป็ด TOT
“อ่าว งั้นคุณก็แบ่งอาหารของคุณให้มันบ้างสิ”
“-_-;” เอ่อ
นี่สินะ ที่เขาบอกว่าผู้ที่เป็นหมอส่วนใหญ่มักจะสุภาพบุรุษ
“อ้อ แล้วพรุ่งนี้
” ฟิลด์ทำท่าจะพูดต่อ แต่ถูกขัดด้วยเสียงของเรนเจอร์ที่อยู่อีกห้องหนึ่ง
“บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ไอ้เต้อ!! ผมชื่อเรนเจอร์เข้าใจไหม แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะ!” แล้วเรนเจอร์ก็ทำหน้าเครียดออกมาจากห้องรับแขก เมื่อกี้ที่เดินออกไปนี่คงไปรับโทรศัพท์สินะ
“มีอะไรหรือเปล่านาย” ฉันถามออกไปก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ จะกินแล้วนะ >_<
“เปล่าหรอก”
“เชื่อน่าดูเลย” ฉันจ้องหน้าเขาแป๊ปนึงแล้วหันมาจ้องหน้าอาหารต่อ
“ก็แค่คนโทรผิดบ่อยๆ จนฉันรำคาญเท่านั้นแหละ อุตส่าห์หนี
” ตรงประโยคสุดท้ายเรนเจอร์เสียงเบาลง และเบาจนไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ฉันได้ยินแว่วๆ นะ
ฉันได้ยินตรงหนีๆ แต่
หนีอะไรหว่า? ฉันจะไม่ถามต่อเพราะอาจจะเป็นการเสียมารยาทและอีกอย่างฉันก็กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ดังนั้นอย่าพูดอะไรดีกว่า (บ้าแต่ก็มีมารยาทนะ >O<)
“ผมพอจะรู้นะเรนเจอร์ ^^;” ฟิลด์เงยหน้าจากกล่องข้าวขึ้นมาจ้องหน้าเรนเจอร์ ทำเอาฉันถึงกับงง เขามีความลับอะไรกัน -_-?
“
” แล้วทั้งเรนเจอร์และฟิลด์ก็เงียบไป
คงจะมีบางอย่างที่ฉันไม่ควรรู้สินะ
%3
ความคิดเห็น