ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter VIII
เย็นวันนั้นหลังจากที่โรงเรียนเลิก แม่ของแอนนี่หรือโร้สก็ขับรถพาเราทั้งสองไปที่รันเดิลมอลล์เพื่อซื้อซิมการ์ดให้ฉัน แต่ซิมการ์ดบ้าอะไรก็ไม่รู้ แพงชะมัดเลย คิดดูสิราคาตั้งสามสิบเหรียญแน่ะ ค่าโทรก็นาทีละเหรียญกว่า มิน่าลุคถึงบอกฉันว่าให้ส่งข้อความไปหาเขาแทนการโทร
พอถึงบ้าน หลังจากที่แนะนำตัวกับพ่อของแอนนี่ที่ชื่อไมเคิลแล้วก็ทัวร์รอบบริเวณเสร็จ ฉันก็รีบเข้าห้องนอนแล้วส่งข้อความถึงลุคทันที ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผ่านไปไม่ทันถึงหนึ่งนาทีพ่อเทพบุตรของฉันก็ส่งข้อความยาวสองหน้าครึ่งกลับมาซะแล้ว คนอะไรก็ไม่รู้น่ารักจนทำเอาฉันแทบกรี๊ด
เขาบอกว่าเขาดีใจที่ฉันมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยแล้ว แถมยังแหย่มาอีกว่ากลีนังก้าคงน่าเบื่อเหมือนอย่างที่เขาบอก นอกจากนั้นเขายังมีน้ำใจถามถึงบัดดี้ของฉันว่าเป็นไงบ้าง และไอ้ที่ทำเอาฉันเกือบกรี๊ดก็คือเขาถามว่าฉันว่างวันไหนบ้าง เพราะถ้าวันไหนเขากับฉันว่างตรงกัน เราอาจจะออกไปเจอกันได้
ให้ตายก็ไม่มีใครทายถูกหรอกว่าฉันตอบเขาไปว่าไง เพราะขนาดฉันเองยังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองกล้าได้ยังไง ฉันบอกว่าฉันว่างตั้วแต่บ่ายวันศุกร์ถึงเช้าวันจันทร์เลยล่ะ ให้เขาตรวจตารางเวลาของตัวเองมาได้เลย โห...ถ้าท่านแม่ของฉันรู้นะว่าฉันทำตัวแบบนี้ ฉันคงไม่สามารถมีชีวิตรอดไปถึงเวลาที่จะมีใบขับขี่ได้ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วหนิ ยกเว้นฉันและเขา
ฉันน่าจะเชื่อนิคผู้เป็นพี่ชายของแอนนี่ที่บอกว่าอย่าเข้าชั้นเรียนเลย ให้ไปเดินเล่นรอบๆดีกว่า ก็ตอนนี้ฉันกำลังนั่งเซงกับตั้มสองคนอยู่ในชั้นเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของเด็กเกรดสิบเอ็ด จะอะไรอีกล่ะ พวกโง่พวกนี้ยังไม่รู้เลยว่าสมการแบบไหนจะให้กราฟออกมาเป็นยังไง มิน่าล่ะ ใครๆถึงบอกว่าเด็กไทยเรียนเยอะที่สุดแล้วล่ะ ส่วนเด็กฝรั่งน่ะเหรอ ก็เก่งคิดเก่งทำแต่โง่ทฤษฎีไง
แล้วในจังหวะที่ฉันกำลังจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์นั้น โทรศัพท์ของฉันก็สั่น
เป็นอะไรอื่นไปไม่ได้นอกจากข้อความจากพ่อเทพบุตรของฉัน ใช่แล้ว เขาส่งมาบอกว่าบ่ายวันนี้เขาก็ว่าง เพราะฉะนั้น ถ้าฉันต้องการ เขาจะขับรถมารับฉันได้
กรี๊ด ฉันกรีดร้องอยู่ในใจ รู้สึกว่าช่วงนี้ฉันจะเก็บกดยังไงก็ไม่รู้ ต้องแอบทำอะไรต่อมิอะไรในใจคนเดียว
ฉันนั่งประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำในจินตนาการได้สักพัก เสียงกริ่งหมดคาบก็ดังพอดี ช่างเหมาะเหม็งอะไรเช่นนี้ ก็ชั้นเรียนต่อไปที่ฉันต้องเข้าน่ะสิ มันคือจิตวิทยา ดันหลวมตัวไปสัญญากับพีทแล้วด้วยสิว่าจะไปนั่งเรียนเป็นเพื่อน ว่าแล้วฉันก็เลยต้องควักโพยห้องเรียนออกมาดูแล้วลากตั้มไปด้วย แต่จะว่าไป มันก็ดีนะ เพราะการที่จะส่งข้อความกลับไปหาเขาทันทีเนี่ย มันอาจจะดูไม่มีมาด ฉันต้องเล่นตัวนิดนึงด้วยการปล่อยให้เขารอบ้าง
ข้อความของฉันถูกส่งไปก่อนที่ชั้นเรียนจิตวิทยาจะเลิกได้ครู่เดียว แล้วทันใดนั้น ตอนฉันกำลังเก็บข้าวของลงกระเป๋า มือถือของฉันก็สั่น และด้วยท่าทางดีใจจนปิดไม่มิดของฉันมั้ง พีทก็เลยเห็นพิรุธแล้วแย่งมือถือไปต่อหน้าต่อตาตอนที่ฉันกำลังอ่านข้อความอยู่ และไอ้ข้อความนั้นก็เป็นข้อความที่ลุคส่งมาบอกว่าเขาจะมารับฉันที่หน้าโรงเรียนตอนเที่ยงครึ่ง บรรดานักเรียนชาวไทยที่มาแลกเปลี่ยนที่นี่ทั้งสิบคนเลยรู้หมดว่าบ่ายนี้ฉันจะโดดออกไปแรดข้างนอก เฮ้อ...ฉันล่ะอยากฆ่าตาบ้านี่จริง
เวลายังไม่ทันจะเดินถึงเที่ยงครึ่งฉันก็มายืนพิงประตูโรงเรียนรอลุคแล้ว ก็ฉันอดใจไม่ไหวหนิ แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวังเลยนะ เพราะหลังจากที่ฉันออกมารอได้ไม่นานก็มีบีทเทิลสีบรอนซ์มาจอดใกล้ๆกับจุดที่ฉันยืนอยู่ แล้ว อ๊ายยยย พ่อเทพบุตรของฉันก็เปิดประตูรถลงมาแล้วเดินมาหาฉันด้วยท่วงท่าที่ทำเอาฉันเข่าสั่นเลย เขาหล่อขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ แถมยังสูงขึ้นด้วย
“หวัดดี” เขาหยุดห่างจากฉันไปเมตรครึ่ง “ฟินรึเปล่าเนี่ย”
ฉันหัวเราะเบาๆ “ก็ใช่สิ จะให้สาวเอเชียที่ไหนมายืนพิงประตูโรงเรียนตอนบ่ายครึ่งล่ะ” ใจจริงฉันอยากจะกระโดดกอดเขามาก แต่ฉันก็ห้ามใจตัวเองได้ทัน
“เปล่า แค่ไม่แน่ใจ...” เหมือนเขาจะพูดไม่ทันจบประโยคแต่ดันหยุดไปดื้อๆซะงั้น
“ทำไมล่ะ” ฉันถามเบาๆ อันที่จริงฉันอยากจะร่าเริงให้มากกว่านี้หน่อย แต่ฉันเขินจนนึกไม่ค่อยออกว่าจะทำอะไร
“ก็...ฟินสวยขึ้นตั้งเยอะหนิ” เขากำลังจีบฉันอยู่รึเปล่านะ! การที่ผู้ชายชมผู้หญิงว่าสวยเนี่ยมันหมายความว่าไงได้บ้างนะ
ฉันได้แต่ยืนนิ่ง...ก็เขินจนไม่รู้จะพูดอะไรน่ะสิ
ลุคเห็นฉันยืนนิ่งเลยถามขึ้นมาว่าจะไปกันรึยังด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ เขาแอบเป็นผู้ชายขี้อายนะเนี่ย ส่วนฉันก็ได้แต่ตอบคำถามโดยการพยักหน้าเท่านั้น เพราะดันน้ำท่วมปากเฉยเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น