ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter VII
อะดีเลดที่รักฉันมาแล้ว ฉันคิดพลางรีบเข็นรถเข็นออกมาที่ข้างหน้าสนามบินอย่างเร่งรีบ และไอ้การออกมาปุบปับเนี่ยก็เล่นทำเอาขนของฉันลุก ก็อุณหภูมิของนอกสนามบินมันอยู่ที่สิบสององศาเซลเซียสน่ะสิ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนชอบอากาศหนาวสักเพียงไร ไอ้การเปลี่ยนอุณหภูมิจากยี่สิบห้าองศาเป็นสิบสององศาอย่างกะทันหันก็ทำเอาปรับตัวไม่ทันเหมือนกัน
“จะรีบไปไหนกันฟิน” เสียงอาจารย์สมชิตไล่หลังมา ก็ใครจะเหมือนอาจารย์ล่ะ มัวแต่เดินชมนกชมไม้อยู่ได้ พวกคนแก่เนี่ยทำไมชอบชักช้าอยู่เรื่อยเลยนะ ฉันล่ะสงสัยจริง
ฉันหันไปยิ้มให้อาจารย์แทนการตอบก่อนจะชะเง้อไปมาเพื่อหาดูร้านที่มีวี่แววว่าจะขายซิมการ์ด อาจารย์ก็ถามมาได้ว่าฉันจะรีบไปไหน ใจคอจะให้ฉันตอบออกไปรึไงว่าจะรีบซื้อซิมการ์ดเพื่อโทรหาผู้ชายเอ่อ ดูไม่ค่อยดีมั้ง
แล้วตอนที่ฉันตระหนักได้ว่าไม่มีวี่แววของสิ่งที่ฉันกำลังหาอยู่นั้นอาจารย์สมชิตก็ตะโกนเรียกพอดี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าอาจารย์รู้กาละเทศะ ก็รถของโรงเรียนกลีนังก้ามารับพวกเราแล้วน่ะสิ ฉันเลยต้องรีบเดินไปที่ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารขาเข้า และนั่นก็ทำให้ฉันพบว่าคนที่มารับพวกเราคือยัยอาจารย์ผู้หญิงที่ชื่อโร้คผู้แสนจะน่าเบื่อที่เคยไปโรงเรียนของฉันมาแล้วสองครั้ง หล่อนมาพร้อมกับรถมินิบัสที่มีคนขับหน้าตาไม่หล่อ นอกจากหน้าตาไม่หล่อแล้วยังมีสำเนียงออสเตรเลียสุดๆ ฉันละเซง
ฉันเดาไว้แล้วไม่มีผิดแน่ว่าอะดีเลดจะต้องให้อารมณ์เมืองกึ่งชนบทแน่ ก็ออกจะเงียบขนาดนั้น ย่านจับจ่ายใช้สอยก็มีอยู่แค่สามถึงสี่ที่ แต่มันก็ไม่ได้ชนบทจ๋าขนาดนั้นนะ ฉันแค่อยากให้เข้าใจว่ามันไม่เหมือนกรุงเทพมหานครของพวกเราแน่นอน แต่มันคล้ายกับเมืองลอนดอนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ไม่แออัดยัดเยียด ผังเมืองดูดี ถนนสะอาดสะอ้าน และอากาศน่านอน เอ้ย...น่าเดินเล่นก็แหม ยิ่งเป็นช่วงฤดูใบไม่ร่วงซะด้วย ถ้าได้มาเดินเล่นกับพ่อเทพบุตรสุดหล่อนะ คงเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์แน่ ฉันยอมตายเพื่อสิ่งนี้เลยล่ะ
และแล้วการฝันกลางวันของฉันก็ถูกขัดจังหวะโดยการสะกิดของตั้ม ฉันกำลังวาดภาพของฉันกับลุคเดินเล่นบนถนนแถบชานเมืองอยู่เลยเชียว ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงเตะโด่งกลับไทยไปนานแล้วล่ะ แต่นี่เห็นว่าเป็นตั้มนะเนี่ย ฉันเลยไม่ได้ว่าอะไร ถ้าไม่มีเครดิตว่านิสัยกับหน้าตาดีล่ะก็...ไม่อยากจะคิด
“ลงไปกันเถอะพี่ฟิน ถึงแล้ว” ตั้มคว้าเป้สะพายหลังของฉันพลางลุกออกจากที่นั่ง
ถ้าไม่ติดว่าฉันกำลังหลงเสน่ห์ของลุคอยู่ในตอนนั้น ฉันคงกรี๊ดตั้มสลบไปแล้วล่ะ คนอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แถมยังเป็นสุภาพบุรุษอีก
ฉันเดินลงมาเป็นคนสุดท้ายเพราะนั่งอยู่ในสุด พอลงมาถึงก็เลยพบว่าคนอื่นๆกำลังคุยกับบรรดาบัดดี้ของตนเองอยู่ และขณะที่ฉันกำลังชะเง้อหาว่าบัดดี้ของฉันอยู่ไหนนั้น อีตาปีเตอร์หรือพีทก็เดินมาตบหลังฉันดังป้าบ
พีทเป็นเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไปโรงเรียนของฉันเมื่อเดินมกราคมที่ผ่านมา ฉันค่อนข้างสนิทกับเขาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้ว เพราะฤดูร้อนที่แล้วฉันไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมันมา แล้วบัดดี้ของฉันที่ชื่อคาธี่ก็รู้จักกับพีท นอกจากนั้นโปรแกรมแลกเปลี่ยนของนักเรียนที่มาจากเยอรมันกับออสเตรเลียก็ตรงกับพอดี เวลาฉันพาคาธี่ไปไหนมาไหนพีทเลยชอบติดสอยห้อยตามไปด้วย
ถ้าไม่ติดที่นิสัยอันบ้าของพีท ป่านนี้เขาก็คงกลายเป็นคนป็อปปูล่าร์ไปแล้วล่ะ ก็สูงตั้งร้อยแปดสิบกว่า แถมยังหุ่นดีอีกด้วย หน้าตาของเขาก็ไม่แย่นะ แต่บุคคลิกน่ะไม่แน่
“โอ้ย” ฉันร้องขึ้นก่อนจะโวยวายใส่พีทเป็นภาษาอังกฤษชุดใหญ่
“อะไรกันฟิน มาถึงนี่ทั้งที่ เจอกันแทนที่จะทักทายดีๆหน่อยก็ดันด่าเราซะยกใหญ่” พีทตอบฉันด้วยท่าทียียวน
“นายก็เหมือนกันแหละพีท ทำแบบนี้กับผู้หญิงที่แสนจะน่ารักแบบนี้ได้ยังไง” ฉันแลบลิ้นใส่เขา
เขาย่นจมูกใส่ฉัน “หลงตัวเองเหมือนเดิมแฮะ” เขาหัวเราะก่อนดึงฉันเข้าไปกอดทีนึง
และการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็ทำให้แน็ตจ้องฉันด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟเลยล่ะ ฉันรู้สึกได้ พอพีทคลายอ้อมกอดฉันเลยกระซิบแกล้งเขาว่าแน็ตคงจะชอบเขาเพราะเมื่อกี้แน็ตมองเขาด้วยสายตามากอดฉันที และนั่นทำให้พีทขยี้ผมที่พึ่งเซตมาของฉันยุ่งไปหมดเลย แย่ชะมัด
“เฮ้!” เด็กผู้หญิงตัวบางผมสีน้ำตาลคนหนึ่งร้องขึ้นพลางโบกมือให้ฉันกับพีทก่อนเดินเข้ามาหา “ฟินรึเปล่าเนี่ย” หล่อนถามฉัน
ฉันยังไม่ได้ตอบพีทก็ชิงพูดก่อน “แย่ๆแบบนี้มีคนเดียวล่ะแอนนี่”
คำตอบของพีททำให้เด็กหญิงคนนั้นหัวเราะ “หวัดดีฟิน เราแอนนา บัดดี้ของเธอ” แอนนาส่งยิ้มสาวมาดเซอร์ให้ฉัน
“หวัดดีแอนนา”
“เรียกเราว่าแอนนี่ก็ได้”
“โอเค” ฉันยิ้มให้แอนนี่ ฉันไม่รู้จะบรรยายลักษณะของแอนนี่ยังไง เธอเป็นคนผอมบางและสูง หน้าตาจัดว่าดีทีเดียว แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอไม่ไว้ผมยาวเหมือนคนอื่นๆ ฉันไม่อยากจะบอกว่าผมของเธอสั้นกว่าพีทเสียอีก ก็ตอนนี้พีทกำลังบ้าทรงผมของนักร้องญี่ปุ่นอยู่ สงสัยเป็นเพราะตอนที่เขาอยู่ไทย...ยัยเพื่อนซี้ของฉันน่ะบ้าพวกเจป็อป เลยชอบอ่านนิตยสารเกี่ยวกับพวกนั้น แต่แม่คุณอ่านอย่างเดียวไม่พอ ยังเอามาถามคาธี่กับพีทและบรรดานักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นที่สนิทกับฉันว่านักร้องพวกนั้นหล่อรึป่าว
“เธอจบเกรดสิบสองแล้วใช่มั๊ย” แอนนี่ถาม
“อือ” ฉันพยักหน้าพร้อมยิ้มชั่วร้ายให้พีท “แต่เราอายุเท่าพีทนะ”
“เฮอะ” แอนนี่พ่นลมออกมาพลางทำท่าเหมือนหัวเราะในลำคอ ฉันว่าวิธีการหัวเราะของเธอเนี่ยช่างเป็นเอกลักษณ์จริงๆ อันที่จริงมันก็ไม่ค่อยเหมือนกับการหัวเราะเท่าไหร่หรอก แต่ฉันดูออกว่าเธอกำลังหัวเราะ เอ๊ะ...ยังไงๆอยู่นะเนี่ย แต่เอาเป็นว่าเธอหัวเราะก็แล้วกัน “แกโง่หรือว่าหล่อนฉลาดกันแน่”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างแหละ” พีทส่ายหัว รอยยิ้มกระชากใจสาวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาในจังหวะเดียวกันกับที่แน็ตหันมามอง ถ้าฉันไม่รู้ว่าเขาประสาทขนาดไหน ฉันอาจจะตกหลุมรักตาพีทคนนี้แทนที่จะเป็นลุคไปแล้วก็ได้นะเนี่ย แต่โชคดีที่มันเป็นอย่างหลังแฮะ
“เฮ้พีท บัดดี้แกคนไหนอ่ะ” แอนนี่ถามขึ้นเมื่อเธอหันไปสบตาแน็ตพอดี ฉันเดาว่าเธอคงคิดว่าพีทเป็นบัดดี้ของแน็ตกระมัง แน็ตถึงได้เอาแต่จ้องตาบ้าหื่นกามคนนี้
“ซวยละ ลืมสนิทเลยว่ะ”พีทเกาหัวแกรกๆ “เด็กผู้ชายอ่ะ” เขาเริ่มมองไปรอบๆ “ชื่ออะไรว้า...ดั้ม หรือต้ามหรืออะไรซักอย่างเนี่ยแหละ เราออกเสียงไม่ถูก”
“ไอ้ปลาทองพีทเอ๊ย” ฉันหัวเราะขึ้นก่อนจะหันไปตะโกนเรียกตั้มซึ่งป่านนี้คงยืนน้อยใจที่บัดดี้ไม่เดินมาหาซักที “ตั้ม...บัดดี้ของตั้มคือคนบ้ากามที่หน้าตาแย่สุดในโรงเรียนนี้แหละ เสีย...”
พีทรีบคว้าตัวฉันไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเอามือปิดปาก ฉันยังไม่ทันจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ
“อะไรของนาย” ฉันรีบดิ้นให้หลุดก่อนจะหันมาโวยวาย
“อย่าพูดเสียงดังสิ อายคนอื่นเป็นป่ะ” หน้าตาจริงจังของพีททำเอาแอนนี่หัวเราะก๊าก
ฉันหน้ามุ่ยก่อนจะเริ่มบ่นตามประสา “เออๆ ทีหลังถ้าจะด่านาย เราจะพูดเป็นภาษาไทย”
ก่อนที่พีทจะได้ต่อปากต่อคำตั้มก็เดินมาถึง “หวัดดี เราตั้ม” เขาพูดภาษาอังกฤษด้วยท่าทีประหม่าและค่อนข้างติดขัด
“หวัดดี เราพีท เป็นบัดดี้ของแก” เขาแนะนำตัวเองจบก็หันไปทางแอนนี่ “และนี่ก็แอนนี่จอมยี้บัดดี้ของยัยฟิน”
ฉันและแอนนี่มุ่ยหน้าใส่พีทแทบจะในทันที แต่เขายังไม่หยุดแค่นั้น
“ดูสิฟิน” เขาหันมาทางฉัน “คนไทยคนอื่นเงียบๆเรียบร้อยกันทั้งนั้น...แล้วดูเธอสิ ยังพูดไม่หยุดเลย”
แล้วตาบ้าพีทก็เอาสโคนยัดปากของฉันทันทีที่ฉันอ้าปากจะเถียง
พีทหัวเราะในลำคอขณะที่ตั้มยืนจ้องด้วยสีหน้าอึ้งกิมกี่กับความซาดิสม์ของบัดดี้ตัวเอง “นั่นน่าจะช่วยให้ฟินเงียบได้พักหนึ่ง” เขาพูดกับแอนนี่และตั้ม
แอนนี่พ่นลมออกมาทางจมูก “แกบ้าจริงๆนะไอ้พีท เลิกแกล้งคนอื่นได้แล้ว”
และแล้วโอกาสของฉันก็มาถึงเมื่อพีทกำลังจะอ้าปากเถียงแอนนี่ ฉันรีบเอาสโคนส่วนที่เหลือยัดเข้าไปในปากเขาทันที แต่แย่สำหรับพีทนิดนึงที่ฉันยัดเร็วและแรงเกินไป บริเวณรอบปากของเขาเลิกเลอะเทอะเปรอะเปื้อน
ฉันพยายามกลั้นหัวเราะเพราะยังกินสโคนในปากไม่หมด ขณะที่ตั้มกับแอนนี่หันมาจ้องหน้ากันโดยไม่ได้พูดอะไร
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น