ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter V
ในที่สุดฉันก็ได้ขึ้นมานั่งบนเครื่องบินหลังจากที่ต้องต่อแถวรอเช็คอินโคตรจะนานจนทำให้อดเดินซื้อของ ไม่อยากจะบ่นเลยว่าเป็นความผิดของใคร
แต่อย่างน้อยฉันก็ยังได้นั่งติดทางเดิน ส่วนทางด้านซ้ายมือของฉันก็เป็นน้องนิ และนั่นก็ดีกว่าต้องนั่งข้างแม่ลูกอ่อนหรือไม่ก็เด็กเวรที่เอาแต่ดิ้นหยุกหยิกแน่
ฉันเกือบลืมบอกไปว่าข้างหลังของฉันน่ะเป็นเอ และข้างเอจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้น้องจากตั้ม ก็แหม...เอเล่นเกาะติดตั้มตลอดทุกสถานการณ์ขนาดนั้น ขนาดฉันยังมองออกเลยว่าเอน่ะต้องแอบชอบตั้มแน่เลย ส่วนตั้มน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะไปชอบเอ เพราะเอน่ะทั้งอ้วนทั้งป้อมและน่ารำคาญเลยล่ะ
และทันใดนั้นฉันก็นึกขึ้นมาได้ ฉันต้องส่งข้อความเพื่อบอกว่าเครื่องกำลังจะออกไปให้พ่อเทพบุตรสุดหล่อของฉัน ป่านนี้เขาคงรอมันอยู่ เอ่อ...ฉันหวังว่าเขาจะรอมันอยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันพิมพ์อีท่าไหน ไอ้ข้อความของฉันมันเลยยาวตั้งสองหน้ากว่าๆแหนะ
แล้วคราวนี้ก็ถึงเวลาแห่งการรอคอยข้อความที่เขาจะส่งกลับมา ฉันเกือบจะเป็นบ้าตายแน่ะเพราะมัวแต่กังวลว่าถ้าเขาส่งมาหลังเครื่องออกไปแล้ว ฉันก็จะไม่ได้ข้อความจนกระทั่งกลับมาประเทศไทยอีกที แต่ตอนที่ฉันกำลังหันซ้ายหันขวาเพราะประสาทเริ่มจะกินนั้น โทรศัพท์เคลื่อนที่ก็สั่น ฉันเกือบจะกรี๊ดออกไปแหละ ก็ลุคของฉันน่ะน่ารักเป็นบ้าเลย ส่งกลับมาในเวลาไม่เกินสองนาที นอกจากข้อความที่เขาส่งมาจะบอกว่าขอให้เดินทางโดยปลอดภัยแล้ว เขายังบอกอีกว่าแล้วเจอกัน อ๊ายยย ฉันอยากจะกรี๊ดจริงๆ
หลังจากนั้นไม่นานเกินรอเครื่องก็ออก แต่ฉันน่ะสิต้องรออีกตั้งนานกว่าพวกนางฟ้าแสนสวยจะเดินเสิร์ฟเครื่องดื่ม นานเท่าไหร่ไม่รู้ เอาเป็นว่านานจนฉันดูหนังเกือบจบเรื่องหนึ่งละกัน
“ต้องการดื่มอะไรคะ” เสียงสวรรค์ดังขึ้น เอาน่า...ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษสำเนียงสิงคโปร์ของแอร์โฮสเตสคนนี้จะฟังดูตลกสิ้นดีแต่มันก็ยังเป็นเสียงสวรรค์ของฉันเหมือนเดิม
“ขอจินน์แก้วนึงค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยสำเนียงอเมริกันที่ฉันภูมิใจนักหนา
“ขอโทษนะคะ คุณอายุเท่าไหร่แล้วคะ” โหย เจ้าหล่อนกะให้ไอ้พวกเด็กที่อายุไม่ถึงทั้งหลายตอบความจริงกันรึไง มีหวังคงไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลล์กันพอดีถ้าพูดความจริง ไหนๆจะผิดศีลแล้ว ผิดเพิ่มอีกข้อจะเป็นไรไป
“ยี่สิบค่ะ” ฉันส่งยิ้มหวานให้
เจ้าหล่อนยิ้มให้ฉันก่อนจะลงมือผสมจินน์
ไม่รู้ว่าทำไมฉันนอนไม่หลับเลยทั้งที่พยายามอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว อาจจะเป็นเพราะความงกของฉันเลยทำให้ซดแอลกอฮอลล์มากเกินไปจนมึนหัว หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาฉันนอนไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไหร่ ฉันก็เลยนั่งดูหนังจบไปตั้งเกือบสามเรื่อง อันที่จริงก็ดูบ้างข้ามบ้างแหละ ก็บางตอนมันน่าเบื่อจะตายนี่หน่า
แต่ฉันล่ะเซงจริงๆ หนังเรื่องที่สามของฉันกำลังจะจบอยู่แล้วเชียวตอนที่อีตากัปตันบ้านั่นประกาศว่าเครื่องกำลังจะลง หลังจากนั้นหนังก็เลยโดนตัดไปดื้อๆ แต่ยังไงก็เอาเถอะ ในที่สุดก็ถึงสิงคโปร์ ฉันล่ะอยากไปเดินเล่นในตัวเมืองจนแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
พวกเราต้องมาแวะที่สิงคโปร์ก่อนเพื่อเปลี่ยนเครื่องก่อนจะบินต่อไปที่อะดีเลด นั่นทำให้เรามีเวลาสี่ชั่วโมงในสิงคโปร์ก่อนจะต้องไปขึ้นเครื่อง ก็แหงล่ะ ฉันเป็นคนช่วยอาจารย์หมอนเลือกเที่ยวบินเองนี่หน่า เที่ยวบินที่พวกเราต้องขึ้นเลยต้องมาแวะที่สิงคโปร์ แถมมีเวลาว่างถมเถให้เข้าไปเดินเล่นได้ในตัวเมือง
“ตกลงจะมีใครเข้าไปในเมืองกับพี่รึเปล่า” ฉันหันมาถามเจ้าพวกรุ่นน้องที่เดินตามต้อยๆมาข้างหลังเป็นรอบที่สาม ก็เจ้าพวกนี้มันมัวแต่ปรึกษากันอยู่ได้ จะตัดสินใจอะไรก็ไม่ทำซะที
“เดี๋ยวไปไม่ทันนะพี่ฟิน” ตั้มที่ตอนนี้เดินอยู่ด้านขวามือของฉันหันมาบอกหลังจากเขาเช็คเวลาบนนาฬิกาฟอสซิลของเขาเป็นรอบที่ล้าน
“พี่ก็ว่างั้นแหละ แต่จะให้ทำไงล่ะ” ฉันบ่นก่อนจะลดเสียงลงนิดนึง “ก็พวกบ้านี่...” ฉันละคำอื่นๆไว้ในฐานที่เข้าใจกันสองคนพลางเบ้หน้าให้ตั้มดู
ตั้มหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะหันหลังกลับไปมองคนที่เหลือซึ่งก็มีเอ โอ๊ต แน็ต บิ้ว จ๋า และพิ้งค์ ส่วนน้องนิน่ะลากปลาเดินลิ่วไปซื้อของปลอดภาษีตั้งนานแล้ว ก็แม่ของเธอน่ะสิไม่อนุญาตให้เข้าไปในตัวเมือง
“เอ่อ...ไม่รู้อ่ะพี่ฟิน” เอตอบขึ้นมา เธอไม่ได้เดินข้างกับตั้มเพราะตั้มนั้นเกาะฉันแจ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเขารำคาญเธอ ยัยเอผู้น่าสงสารเลยโดนเด้งออกไป
“งั้น...” ฉันพูดเว้นจังหวะพลางหันมาทางตั้มเพื่อให้เขาต่อประโยคให้จบ
“เรากะพี่ฟินจะเข้าไปในเมืองก่อนนะ พวกเอก็ตามนิกะปลาไปแล้วกัน” ตั้มหันไปบอกเอหลังจากเข้าใจว่าฉันต้องการให้เขาทำอะไร และนั่นทำให้หน้าของเอเหี่ยวลงทันที ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นมองออกรึเปล่า แต่ฉันน่ะเข้าใจทันทีเลยแหละว่าทำไม
“เออๆ...ก็ได้อ่ะ” เอตอบเสียงอ่อยพลางมองตั้มด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ราวกับว่าชาตินี้เธอจะไม่ได้เจอเขาอีก ฉันพอจะเข้าใจว่าทำไมเอไม่ขอไปด้วยทั้งๆที่อยากใจจะขาด เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว เธอไม่อยากรู้สึกเป็นเหมือนส่วนเกิน เพราะเวลาฉันกับตั้มเริ่มคุยกันทีไร เราสองคนจะคุยกันอย่างเมามันส์จนลืมยัยเอที่พยายามแทรกเข้ามาในบทสนทนาอยู่เรื่อย
“ไปกันเถอะพี่ฟิน” ตั้มส่งยิ้มตาขีดให้ฉัน ฉันเดาว่าเขาคงดีใจที่จะได้ไปให้พ้นจากเพื่อนๆผู้ชักช้าและแสนจะน่าเบื่อเป็นแน่
ฉันเดินไปได้สองก้าวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องฝากพวกนี้บอกอาจารย์ว่าไม่ต้องรอฉันกับตั้มไปเช็คอินให้เมื่อยหรอก เพราะฉันกับเขาจะไปเช็คอินกันก่อนจะออกจากสนามบิน “จ๋า พี่ฝากบอกอาจารย์หน่อยดิว่าตอนไปเช็คอินไม่ต้องรอพี่กับตั้มนะ”
น้องจ๋าผู้แสนดีรีบพยักหน้า “ได้ค่ะพี่ฟิน” เธอส่งยิ้มใสซื่อให้ฉัน ฉันว่าฉันเริ่มชอบน้องจ๋าขึ้นมานิดนึงแล้วสิ เธอดูเป็นคนที่โอเครองลงมาจากน้องนิเลยนะเนี่ย เสียแต่ว่าพิ้งค์เพื่อนสนิทของเธอน่ะอืดอาดยืดยาดเป็นที่หนึ่ง
“งั้นเจอกันบนเครื่องนะ” ฉันกับตั้มโบกมือให้พวกที่เหลือก่อนจะรีบจ้ำไปเช็คอินแล้วออกไปขึ้นแท็กซี่หน้าสนามบิน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น