ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter II
ในที่สุดมันก็ออกมาจนได้ ผลตอบรับของมหาลัยรอบสองน่ะ ที่ฉันต้องทำคือทำการยืนยันว่ามีความประสงค์ที่จะเรียนที่นั่นเท่านั้น เฮ้อ หลังจากกลุ้มมานานกับคะแนนSAT พาร์ทVerbal ที่ไม่ค่อยจะน่าดูมานาน พวกเขาก็ตอบรับฉัน
ฉันรู้ว่าอนาคตไม่มืดมนอีกต่อไปตอนที่นั่งอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน อันที่จริงฉันไม่ได้นั่งหรอก ฉันกำลังจะหลับอยู่บนโซฟาในมุมอับที่ไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่านตอนที่มุกเดินเอาซองจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยมาให้ฉัน ฉันรีบเปิดอ่านก่อนจะยิ้มแก้มปริอยู่คนเดียวเพราะมุกต้องรีบไปเรียนฟิสิกส์ที่ฉันไม่ค่อยจะเข้าเรียนเท่าไหร่ ก็แหม...เข้าไปก็หลับเหมือนเดิม แค่ส่งงานครบกับทำข้อสอบได้เกรดก็สี่ลอยมาแล้ว...จะเข้าเรียนให้เสียเวลาทำไม
หลังจากที่ฉันยิ้มกับตัวเองจนพอใจฉันก็ต่อโทรศัพท์หาท่านพ่อสุดที่รักเพื่อขอไปออสเตรเลียตามที่คุยกันไว้กับลุคทันที มีที่เรียนแล้วก็ต้องมีรางวัลหน่อยใช่ไหมล่ะ แล้วอีกอย่างก็คือโรงเรียนมีโปรแกรมแลกเปลี่ยนนักเรียนอย่างที่เคยพูดถึงไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่ฉันบอกพ่อกับแม่ว่าทำไมถึงอยากไปออสเตรเลียก็คือ ปีที่แล้วก็ไปเยอรมันมาแล้ว สวิสเซอร์แลนด์ก็เที่ยวจนพรุน อังกฤษก็เคยไปซัมเมอร์ ส่วนจีนกับเกาหลีก็ไม่อยากไป ญี่ปุ่นก็พูดไม่เป็น ดังนั้น...ก็ต้องออสเตรเลีย แต่ตอนที่ท่านแม่ดันมาถามว่าทำไมต้องอะดีเลด ฉันเกือบตกม้าตาย แต่ทันใดนั้นสมองอันชั่วร้ายก็เริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว ฉันรีบตอบไปทันทีว่าที่ไปอะดีเลดเพราะรุ่นพี่ที่เคยไปบอกว่ามันไปเที่ยวได้เยอะกว่าเพิร์ท ก็แหม...เวสเทิร์นออสเตรเลียมันดันไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวในทะเลทรายเองหนิ ฉันไม่ได้เอามันไปวางไว้ตรงนั้นซะหน่อย
เย็นวันนั้นฉันรีบส่งเมลล์ไปบอกลุคหลังจากที่ขึ้นหอพักเรียบร้อย ไม่กี่วันต่อมาเขาก็ตอบมาว่าเขาดีใจมากที่จะได้เจอฉันอีกทีแล้วก็อะไรเทือกนั้น แถมเขายังบอกอีกว่าตอนนี้เขาได้ใบขับขี่แล้ว ดังนั้นถ้าฉันไม่กลัวเขาพาขับตกเหวนี้ เราก็สามารถไปเที่ยวกันได้ บ้านของลุคอยู่บนเขา ซึ่งคนที่จะอยู่บนเขาในแถบนั้นได้ต้องมีแต่พวกมีกะตังค์เท่านั้น ว้าว ฉันดีใจสุดๆ แทบจะกรี๊ดออกมาให้ได้เลยตอนที่นั่งอ่านเมลล์ของเขา สงสัยหน้าของฉันจะแดงมาก เพราะแพรวที่กำลังเล่นเอมเอสเอนอย่างเมามันหันมาถามฉันว่าลุคติดกับดักอะไรล่ะคราวนี้ ยัยแพรวยังมีหน้ามาถามอีก แหม...ก็เธอกำลังคุยกับหนุ่มญี่ปุ่นที่เข้ามาหลงเสน่ห์ของเจ้าหล่อนตอนมาแลกเปลี่ยนนี่แหละ และการที่แพรวกับฉันนอนอยู่ห้องเดียวกัน แถมยังใช้เอมเอสเอนม่อเด็กต่างชาติ พวกที่นอนห้องถัดไปเลยเปลี่ยนชื่อเอมเอสเอนเป็น ‘เอมเอสเอน...สื่อรักข้ามทะเล’ อินเตอร์เน็ตเนี่ยช่วยให้โลกเรากลมขึ้นมากจริงๆ
ฉันแทบจะปิดปากตัวเองไม่ทันเพื่อไม่ให้กรี๊ดออกไปตอนที่อาจารย์บอกว่าไปออสเตรเลียเดือนเมษายนนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนของลุค แต่ดันต้องไปโรงเรียนนานาชาติอีกที่ในอะดีเลดเหมือนกัน...ต่างกันตรงที่โรงเรียนนั้นมีเด็กเยอะกว่า แล้วก็...โรงเรียนนั้นไม่มีลุค เทพบุตรสุดหล่อของฉัน
“ทำไมล่ะคะอาจารย์” ฉันถามอาจารย์หมอนด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ชื่อเล่นของเธอช่างเหมาะกับหุ่นจริง กลมเหมือนกัน
“โธ่...ยัยฟิน ก็ทางโรงเรียนที่เธออยากไปมันไม่มีโปรแกรมช่วงนี้ ถ้าจะไปก็ต้องตุลานู่น และเธอก็คงจบไปเรียบร้อยแล้ว” อาจารย์หมอนตอบด้วยสีหน้าสมเพชเล็กน้อย
“อาจารย์ช่วยพูดกับเขาไม่ได้เหรอคะ ถ้าหนูมีเพื่อนที่เป็นโฮสต์ให้ได้ล่ะคะ”ฉันถามขณะที่ภาวนาแทบเป็นแทบตาย ขอแค่ให้ได้ไปโรงเรียนที่ลุคอยู่ ถ้าได้ลุคเป็นโฮสต์จะยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์อีก เพราะการที่เขาเป็นโฮสต์หมายความว่าเราจะไปอยู่บ้านเดียวกับเขา ไปโรงเรียนกับเขา กินก็เขาและ...มีเขาคอยเทคแคร์ ให้ตายเถอะ แทบจะจินตนาการไม่ออกเลยตอนนั่งอยู่ในรถกับลุคสองคนโดยมีเขาเป็นคนขับจะวิเศษขนาดไหน
“มันไม่ได้ เธอไปโรงเรียนกลีนังก้านี่แหละ ที่นั่นมีเด็กต่างชาติเยอะนะ เด็กรัสเซียหล่อๆก็มีนะ” อาจารย์หมอนพยายามโน้มน้าวฉันด้วยหนุ่มรัสเซีย หล่อนเคยพยายามโน้มน้าวให้ฉันไปรัสเซียมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่สำเร็จ คราวนี้หล่อนจะให้ฉันแลกหนุ่มรัสเซียรูปงามกับลุคของฉันเรอะ...ไม่มีทาง
“มันไม่มีทางอื่นแล้วเหรอคะอาจารย์” ฉันถามเสียงอ่อย “ซักทางน่ะค่ะ”
“ไม่ได้หรอก ครูลองถามไปแล้ว”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” ฉันไหว้หล่อนทีหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยความเซงสุดขีด
ฉันพยายามเก็บอาการไว้ไม่ให้ใครเห็น เพราะมันออกจะกระโต๊กกระต๊ากเกินไปจนกระทั่งได้เข้าใกล้โน้ตบุ๊ค ฉันก็จัดการรัวแป้นพิมพ์ด้วยความแรงเกินคาดและความเร็วเหนือแสง ลุครู้เรื่องทั้งหมดในสองถัดมา ฉันส่งเมลล์ที่บ่นซะยาวเหยียดไปบอกเขา...แถมคำสบถอีกเล็กน้อยเพื่อบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ฉันรู้สึกตอนนั้น ฉันไม่สงสัยเลยทำไมเขาถึงรีบตอบเมลล์มานัก ก็ปกติเขาจะเว้นระยะในการตอบเมลล์ของฉันไว้สักวันอาทิตย์ตอนเย็น...หรืออาจจะเป็นเช้าวันจันทร์ก่อนไปโรงเรียน แต่คราวนี้...ฉันได้เมลล์จากเขาตอนเที่ยงคืนของวันศุกร์ เขาช่างเป็นคนที่น่ารักอะไรอย่างนี้
ในเมลล์นั้นก็ไม่มีอะไรมากยกเว้นคำปลอบใจที่ยาวยืด แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่ฉันต้องการจากเขาก็ไม่ใช่อะไรอื่น คำปลอบของเขาเนี่ยทำเอาฉันยิ้มแทบไม่หุบเลยล่ะ แถมคืนนั้นฉันยังฝันถึงเขาอีกต่างหาก ฉันสงสัยว่าต่อไปฉันคงต้องหาเรื่องร้ายๆให้มาเกิดกับตัวเองทุกอาทิตย์เพื่อแลกกับคำปลอบใจยาวหนึ่งหน้ากระดาษที่จะได้จากเขามั้ง และยิ่งกว่านั้นเมลล์ที่เขาส่งมาคราวนี้มันดันมีป.ล. น่ะสิ ก็เล่นเคาะบรรทัดเพิ่มซะเกือบครึ่งหน้า ฉันคงจะมองเห็นตั้งแต่ตอนแรกล่ะ แต่ก็อีกนั่นแหละ เจ้าป.ล.นั่นทำเอาแพรวที่นั่งคุยกับหนุ่มญี่ปุ่นผ่านเวบแคมอยู่หันมาถามฉัน
“เป็นไรวะแก”แพรวหันมาในตอนแรกก็จริง แต่ตอนนี้เธอหันกลับไปหาหนุ่มญี่ปุ่นของเธอแล้ว แต่ก็ขอบใจนะแพรว...ยังอุตส่าห์ถาม
“ก็...ที่บ่นให้ฟังว่าไปโรงเรียนลุคไม่ได้น่ะ พอเล่าให้ลุคฟังลุคก็บอกว่าจะไปคุยกับอาจารย์ให้”
“ดีใจด้วยนะเว้ย อิจฉาแกว่ะ”คราวนี้สายตาแพรวก็ยังคงจับจ้องที่เวบแคมอยู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้มือของหล่อนกำลังรัวที่แป้นพิมพ์ด้วยความเร็วเหนือแสง
“ทำไมวะ แกก็คุยกับหนุ่มเซิร์ฟผมดำของแกแทบจะทุกคืน ไม่เหมือนเราที่ได้คุยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ แถมไม่ได้ผ่านเวบแคมด้วย” หนุ่มญี่ปุ่นของแพรวรวยมาก เขามีบ้านพักตากอากาศติดกับหาด แถมยังมีครูสอนเซิร์ฟส่วนตัว ถ้าฉันเป็นแพรวล่ะก็...จับไม่ปล่อยแน่ แต่ยังไงฉันก็มีลุคอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รวยขนาดสามารถซื้อบ้านที่มีสวนขนาดย่อมในโตเกียวได้ หรือมีบ้านพักตากอากาศบนหน้าผาที่เดินลงไปนิดนึงก็ถึงชายหาดชื่อดังก็ตาม
“ก็เราไม่ได้จะไปญี่ปุ่นหนิ อนาคตเรายังมืดมนอยู่ แล้วเราก็ไม่ได้จะเจอเรียวเร็วๆนี้ซะหน่อย ยังไงมันก็ไม่ดีเท่าแกหรอก” พวกเราทุกคนให้ความหมายของคำว่าอนาคตมืดมนว่า...ยังไม่มีที่เรียน ก็แพรวมันอยากเรียนหมอเองหนิ อยากเรียนหมอก็ต้องรออีกตั้งนานกว่ามันจะประกาศผล
“ไม่หรอก...”ฉันตอบไปอย่างไม่มั่นใจ ก็ลุคไม่ได้ดูแคร์ฉันเท่าที่เรียวแคร์แพรวหนิ ตาเรียวนั่นน่ะส่งจดหมายที่เขาพยายามเขียนเป็นภาษาไทยมาแทบจะทุกอาทิตย์ แถมยังส่งนู่นส่งนี่มาเป็นประจำ แต่ลุคนี่สิ...ส่งเมลล์ยาวๆมาสักฉบับก็ดีมากแล้ว
“ฟิน แกเก็บของรึยัง”แพรวถามฉันขณะที่เธอกำลังปิดโน้ตบุ๊คพลางม้วนหูฟัง
ฉันละสายตามามองเธอด้วยความตกใจ นานทีปีหนถึงจะเห็นเจ้าหล่อนเก็บโน้ตบุ๊คให้พ้นจากบริเวณโต๊ะที่สิงสถิตอยู่ประจำ “ทำไม”
“แก...อีกไม่กี่วันก็ปิดเทอมแล้วนะ แกไม่เก็บตอนนี้แล้วจะเก็บตอนไหน หนังสือสอบก็ยังไม่ได้อ่าน”
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์นับจากวันที่ฉันโต้เถียงกับอาจารย์หมอนผู้กลมดิก ฉันก็เริ่มแน่ใจว่าฉันต้องไปไอ้โรงเรียนกลีนังก้าบ้าๆนั่นแน่ ลุคพยายามคุยกับอาจารย์ของเขาแล้วแต่อาจารย์ของเขาก็บอกว่าไม่ได้เหมือนกัน เขาบอกว่าฉันว่าเขาจะลองพยายามไปคุยกับผู้อำนวยการของเขาดูแต่...ฉันเกรงใจเขา ฉันไม่อยากทำให้เขายุ่งหนิ แล้วพระเจ้าอาจจะไม่อยากให้ฉันไปโรงเรียนนั้นด้วย มันอาจจะไม่มีอะไรดีอย่างที่ฉันคิด ฉันเลยบอกเขาไปว่าไม่เป็นไรหรอก ฉันไปอีกโรงเรียนอีกแห่งก็ได้ เขาบ่นเกี่ยวกับความแย่กลีนังก้าให้ฉันฟังพักใหญ่ ก่อนจะถามว่าเรายังนัดออกไปเจอกันได้ใช่ไหม นั่นแหละ เจ้าประโยคนั้นที่เขาพิมพ์ส่งมาทำเอาขี้หูของแพรวเต้นแร๊บได้เลย...ไม่ใช่แค่จังหวะวอลท์
“ใครตายวะไอ้ฟิน” นกถามฉันขึ้นมา คราวนี้เธอกำลังค้นอะไรสักอย่างอยู่ในตู้อีกแล้ว เหมือนนกจะแยกจากตู้เสื้อผ้าของเธอได้ไม่นานเท่าไหร่
“แกไปทำอะไรกับตู้แกอีกแล้ว” ฉันถามออกไป ก็คราวนี้มันมีเสียงขยุ้มถุงพลาสติกมาเป็นระยะด้วยหนิ ฉันก็เลยสงสัยมากกว่าปกติ
“อ่อ...กำลังซ่อนขนมอยู่น่ะแก แกรู้มั๊ยว่าเดี๋ยวนี้ติ๋มน่ะบ้าไปแล้ว บางทีมาค้นดูตามโต๊ะด้วยว่าแอบซ่อนขนมไว้รึเปล่า”
“เหอะๆ เดี๋ยวติ๋มก็เดินมาหรอก ยิ่งตายยากๆอยู่” อาจารย์หอพักคนใหม่ของเราชื่อติ๋ม ขี้บ่นเป็นที่หนึ่ง จุกจิกก็ไม่แพ้ใคร แถมยังชอบปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดฝันอีกด้วย
“ตกลงแกเป็นไรวะ”
“ไม่มีอะไรหรอก...ก็ลุคอ่ะ” ฉันไม่พูดอะไรมาก ก็นกไม่ได้ชอบฝรั่งเหมือนฉัน แล้วก็ไม่มีใครมาหลงเสน่ห์ของนกแบบแพรว คุณเธอก็เลยดูจะไม่สนใจสิ่งที่ฉันกับแพรวกำลังคลั่งไคล้เท่าไหร่
“ว่าแล้ว...”นกพูดจบก็เลิกสนใจฉันไปเลย เชื่อเธอเลย เธอสนใจเจ้าช็อกโกแลตกล่องมากกว่าเพื่อนที่รู้จักกันมาเกือบสามปี
แพรวปิดจอโน้ตบุ๊คของเธอลงก่อนจะหันมาจ้องที่ฉัน “อย่าลืม จูบลุคให้ได้นะแก แกยังไม่ลืมใช่มั๊ยที่พวกเราเคยตั้งสัตย์ปฏิญาณกันไว้ว่าจูบแรกของเราสองคนจะให้กับชายที่ไม่ได้เกิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงอินเดียและตะวันออกกลางได้เท่านั้นน่ะ” เธอพูดเสียจริงจังจนฉันนึกเสียวอยู่นิด
“เออ...”ฉันงึมงำในคอตอบไป
“ดีแล้ว...เพราะถ้าแกจำไม่ได้เราก็ต้องเตือนแกหน่อยว่าผลที่ตามขึ้นมาจะเป็นยังไงถ้าแกผิดคำสาบาน” ฉันกลืนน้ำลายอยากยากเย็น ก็ตอนนั้นฉันนึกว่าแค่ขำๆเท่านั้นเลยพูดไอ้คำปฏิญาณบ้านี่ออกไป แต่...ดูเหมือนยัยแพรวจะจริงจังมาก แถมก็ยังคอยตอกย้ำฉันอยู่เรื่อยเลย นี่ที่กล่าวมาไม่ได้จะเข้าข้างตัวเองนะที่ยังไม่มีใครมาจูบน่ะ แค่...ฉันไม่อยากแต่งงานกับนิโกรผิวดำที่มีหัวหยิกยิ่งกว่าฝอยขัดหม้อเท่านั้นเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น