ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักแสนยุ่งวุ่นถึงอะดีเลด

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter I

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 50


    สวัสดี ฉันเด็กสาวที่แสนจะว่างงานผู้มีชื่ออันน่ารักว่าฟิน ตอนนี้ฉันกำลังเบื่อมาก...เบื่อแบบว่าไม่มีใครนึกถึงก็แล้วกัน งั้นเรามาเริ่มกันดีกว่า ฉันจะเล่าเรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นกับฉันเมื่อประมาณสามสี่เดือนที่แล้วให้ฟัง...ยุ่งแต่ก็สนุกอย่าบอกใครเชียวล่ะ
     
     
    ฉันตื่นขึ้นเพราะเสียงปิดตู้เสื้อผ้าอันแสนจะดังของเพื่อนร่วมห้องนอนในวันอาทิตย์ที่แสนจะสบาย แอร์ยังไม่ถูกปิด
    กี่โมงแล้วแพรว ฉันถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งอ่านนิยายอยู่ที่โต๊ะของเธออย่างขะมักเขม้นด้วยเสียงบอกบุญไม่รับ
    อ่าว...แกนอนอยู่หรอไอ้ฟิน เสียงของนกดังมาจากอีกฝากห้อง เธอกำลังค้นอะไรซักอย่างอยู่ในตู้โทษทีๆ
    สิบโมงนิดๆแล้ว แกจะตื่นกี่โมงแพรวถามโดยที่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่นิยายเกาหลีเล่มเดิมที่เธอเริ่มอ่านตอนตีหนึ่งของเมื่อคืน ฉันล่ะสงสัยจริงว่าเธอได้นอนรึยัง เพราะตอนนี้...แพรวยังไม่ได้อาบน้ำแน่
    ฉันอยู่ในโรงเรียนที่เวลาฉันพูดชื่อมันออกไปที่ไร...พวกผู้ใหญ่จะชอบพูดว่า อยู่โรงเรียนนี้ก็ต้องเก่งสิลูกหรือไม่ก็ถามฉันต่อว่า แล้วเข้ายากรึเปล่าลูกส่วนฉันก็ตอบไปด้วยประโยคเดิมทุกทีว่า อย่าเอาลูกมาเข้าดีกว่าค่ะ มันอยู่หอนะคะพร้อมทำหน้าสยอง
    ที่จริงโรงเรียนก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก ห้องเรียนก็ติดแอร์ ศูนย์กีฬาก็หรูหรา อาจารย์ที่สอนก็น่ารัก...เสียอย่างเดียว อาจารย์หอพักขี้บ่นชิบเป๋งแล้วก็...นโยบายใหม่ที่พึ่งจะเริ่มใช้สองปีที่แล้วก็คือ นักเรียนทุกคนต้องอยู่ในหอพักขอโรงเรียน พอนึกถึงประโยคนี้ทีไรฉันจะคิดไปถึงภาพของผู้อำนวยการที่กำลังยืนอยู่บนโต๊ะทำงานโดยมือขวาถือธงโรงเรียนและสีหน้าบ่งบอกถึงอุดมการณ์อันสูงส่งพร้อมหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างบ้าพลัง
    อืมฉันทำเสียงงึมงำในลำคอก่อนจะพลิกตัวเพื่อจะนอนต่อ
    เอ่อฟิน...แพรวเรียกฉัน คราวนี้เธอละสายตามาจากนิยายเกาหลีเล่นนั้น...แสดงว่าเรื่องต้องสำคัญแน่ ฉันจึงลุกขึ้นนั่ง ตอนนั้นโน้ตบุ๊คแกมันดังเป็นเพลงของเจสซี่น่ะ เราว่ามันเพราะไอ้โปรแกรมเอ็มเอสเอ็นพลัสแน่ๆเลย
    หา!?!” ฉันร้องขึ้น ก็ใช่น่ะสิ...ที่ฉันร้องขึ้นอย่างตกใจเพราะฉันเซตให้ไอ้เจ้าเพลงนั้นมันดังตอนที่ลุค หนุ่มชาวออสซี่ผู้ที่แสนจะน่ารักไซน์อินเข้ามา
    ฉันเจอลุคตอนปลายพฤศจิกายนปีที่แล้ว เขาเป็นหนุ่มออสซี่ที่แสนจะน่ารักน่ากอดที่มาโรงเรียนเราเป็นระยะเวลาสั้นๆเพราะท่านผู้อำนวยการที่แสนจะดีไปทำสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์สคูลกับโรงเรียนต่างๆทั่วโลกให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อให้นักเรียนได้ไปหาประสบการณ์...ซึ่งฉันเรียกว่าไปเที่ยว แล้วช่วงปลายพฤศจิกายนก็เป็นช่วงที่โรงเรียนจากออสเตรเลียสามโรงเรียนจะมาอยู่ที่โรงเรียนของเรา
    จากการที่ฉันไปวิ่งเต้นมาด้วยความมานะอดทนเพื่อที่จัดได้เป็นหนึ่งในบัดดี้ซึ่งก็คือคนที่จะคอยดูแลเอาใจใส่เด็กที่มาเยือน หรือที่พวกเพื่อนบางคนของฉันบอกว่าจุดประสงค์หลักคือการได้กุ๊กกิ๊กกับหนุ่มหล่อที่อาจเล็ดลอดมา ในที่สุดฉันก็ได้เป็นบัดดี้ของกลุ่มที่นักเรียนสี่คนซึ่งมาจากเพิร์ธ เมืองหลวงของเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งประกอบไปด้วยหญิงหนึ่งชายสาม
    ฉันไม่อยากจะบ่นเท่าไหร่เลย แต่ก็นะ...ตอนแรกฉันหวังอย่างมากไว้ว่าอย่างน้อยบัดดี้สักคนของฉันจะหล่อกระชากใจ หรือไม่ก็เท่สุดๆ แต่พอพวกเขาก้าวเท้าลงจากรถที่โรงเรียนส่งไปรับ ฉันก็แทบจะร้องไห้ เอาเป็นว่าที่จริงผู้ชายสองคนที่ชื่อเบนกับแอนดรูว์ก็หน้าตาดีนะ แต่เบนน่ะเหมาะที่จะเป็นน้องชายเพราะน่ารักแบบเด็ก ซึ่งเหมาะกับพวกโชตาคอนไม่ใช่ฉัน ส่วนแอนดรูว์ถ้าดูแต่หน้าก็น่าจูบสุดๆ แต่ความสูงน้อยไปหน่อยฉันเลยไม่ประทับใจ เขาสูงกว่าฉันแค่นิ้วเดียวเอง แต่ถ้าฉันเกิดมีความสูงเหมือนผู้หญิงไทยธรรมดาทั่วไปฉันก็คงเฟลิร์ทใส่เขาไปนานแล้วล่ะ เสียแต่ว่าฉันสูงร้อยเจ็ดสิบเท่านั้นเอง
                    คราวนี้ก็มาถึงคิวของผู้ชายอีกคนที่เหลือ ชื่อเจมส์ อืมมม ไม่อยากจะพูดเลยว่าชาตินี้เขาคงหาแฟนไม่ได้ ส่วนผู้หญิงคนเดียวมีชื่อทาร่า เธอเป็นคนน่ารักนะ แต่...ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยน มันก็เลยไม่ลงล็อก บทสรุปง่ายๆก็คือฉันคงได้แต่เทคแคร์พวกเขาด้วยใจจริงไร้ซึ่งเจตนาแอบแฝง อย่างเช่นการตีสนิทเพื่อกะพัฒนาความสัมพันธ์อะไรประมาณเนี้ย
    นอกเรื่องมานาน ถึงคิวของลุค เทพบุตรสุดจะน่ากอดของฉันซะที เพื่อนของฉันที่ชื่อบีมเป็นคนเทคแคร์กลุ่มของลุคซึ่งประกอบไปด้วยชายสองหญิงหนึ่ง แน่นอน...หนึ่งในนั้นมีลุค ส่วนเพื่อนสนิทของเขาคือชื่อแซมซึ่ง...หล่อมาก เสียอยากเดียวล่ำไป ฉันก็เลยไม่สนใจเพราะคนล่ำไม่ใช่สเปค บอนนี่เป็นชื่อของผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนี้ เจ้าหล่อนเป็นบุคคลที่ฉันอยากฆ่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนที่แล้ว ฉันจะพูดถึงเรื่องนั้นในคราวหลัง
    มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้วที่เราจะสามารถสังเกตเห็นคนที่หน้าตาดีในบริเวณที่เรายืนหรือนั่งอยู่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว และอีกอย่างก็เพราะว่าโรงเรียนฉันก็ไม่ได้มีนักเรียนมากขนาดนั้น ยิ่งเมื่อมีคนใส่ยูนิฟอร์มที่ต่างออกไปยิ่งพบได้ง่าย นั่นเป็นเหตุให้ฉันเจอลุคตั้งแต่ในวันแรกที่เขามาถึงโรงเรียน
    การทำความรู้จักกับลุคตั้งแต่วันแรกที่เขามาถึงโดยการเดินเข้าไปทักเลยมักก็ออกจะโจ่งแจ้งไปหน่อย ฉันก็เลยกลั้นใจรอจนถึงวันถัดมา และที่โรงอาหารนั่นเอง แผนของฉันก็ประสบความสำเร็จ ฉันแกล้งหาเรื่องเข้าไปคุยกับบีมก่อนจะหันไปทักลุคกับแซมด้วยสีหน้าใสซื่อไร้เจตนาแอบแฝง แต่ฉันไม่ยักกะเห็นบอนนี่ มารู้ทีหลังว่าเธอน่ะป่วย ป่วยหนักจนต้องนอนซมที่ห้องพยาบาลแทบจะตลอดเวลาที่เธอมาไทยเลยล่ะ ตอนแรกฉันก็รู้สึกสงสารนะ บินมาตั้งใกล้จากอะดีเลด เมืองหลวงของเซาท์ออสเตรเลียเพื่อ...มานอนที่ห้องพยาบาลในโรงเรียนของฉัน ช่างเป็นประสบการณ์น่าประทับใจเสียนี่กระไร แต่มาช่วงหลังเนี่ย ฉันก็รู้สึกสมน้ำหน้าบอนนี่ซะมากมาย
    แต่ก็ดีแล้วล่ะที่บอนนี่ป่วย เพราะฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะ การจะเข้าไปคุยกับกลุ่มผู้ชายที่เรายังไม่สนิทดีเนี่ย ไอ้การที่เป็นผู้หญิงคนเดียว สามารถช่วยให้ตีซี้กับพวกเขาได้เร็วขึ้นมากเลยแหละ เชื่อสิ ใครๆก็พูดแบบนั้น
    หลังจากที่ลุคกลับไป ฉันก็ใช้เอมเอสเอนเนี่ยแหละเป็นเครื่องช่วยเพื่อดำเนินความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าไปอย่างไม่ติดขัด เวลาผ่านไปสองอาทิตย์ฉันก็พบว่าลุคจะออนไลน์เฉพาะเสาร์กับอาทิตย์ในช่วงสายของวันเท่านั้น โดยไอ้ช่วงสายนั่นพอมาลบเวลาออกสามชั่วโมงครึ่งเพราะต่างไทม์โซนไปแล้วมันก็กลายเป็นเช้าตรู่ของฉัน...ก็ช่วงนั้นยังต้องบวกอีกหนึ่งชั่วโมงเพราะมันเป็นฤดูใบไม้ผลิที่นั่น ดวงอาทิตย์มันขึ้นช้า แต่ถ้าเกิดวันไหนดวงดีหน่อย คือฉันตื่นสายแล้วลุคตื่นสายกว่าเนี่ย...เราก็จะไม่คลาดกัน แต่ที่แน่ๆไม่ใช่วันนี้ ให้ตายเหอะ ฉันคงต้องรอถึงช่วงเที่ยงเผื่อเขาจะออนไลน์หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จอีกทีหนึ่ง
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×