คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2:ขอ
บทที่ 2:ขอ
ดยุคเควนตินแห่งเลโนรา หรือที่ใครๆเรียกว่ากษัตริย์เควนตินนั้น เป็นชายที่มีอายุเกือบเข้าวัยกลาคนแล้ว แต่เรี่ยวแรงที่มีบวกกับรูปลักษณ์ภายนอกกลับไม่ได้ดูเป็นเช่นนั้นดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขากำลังจ้องมองพายุหิมะขนาดย่อมๆเบื้องหน้าผ่านทางหน้าต่างไม้ลงขอบทองที่มีกระจกใสกั้น ชายผู้มีผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับเคียอัน บุตรชายคนสุดท้องของเขา
ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว แต่ยังคงไว้ซึ่งความเมตตาของเขานั้นทำให้เหล่าพสกนิกรในดินแดนเลโนรา มีความเชื่อมั่น และจงรักภักดีต่อเขายิ่งนัก แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านพ้นไปหลายปีแล้วนับตั้งแต่การขึ้นครองราชย์เมื่อ 20 ปีก่อน รูปโฉมที่งดงามและรูปร่างสง่าผ่าเผยสมกับชาติกษัตริย์ก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
เลโนรา ดินแดนที่เป็นสมบัติของตะกูลเลโนรามานานเกือบพันปี ดินแดนนี้ถูกปกครองโดยราชวงศ์เลโนราที่สับเปลี่ยนกษัตริย์ไปเรื่อยๆตามกาลเวลา และยุคสมัย
ตระกูลเลโนราเริ่มต้นจากการที่เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เดินเรือมาเจอผืนดินแห่งนี้ การที่เลโนราเป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยอยู่แล้ว จึงมีเงินทองมาพัฒนาผืนดินแห่งนี้ให้เป็นที่ที่มีความเจริญ ทำให้เลโนราเป็นอาณาจักรที่มีการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆมากมาย และทำให้ในหลายยุคต่อมาจึงมีผู้คนที่ศรัทธาในความเสียสละและอุทิศตนของตระกูลนี้ได้สถาปนาพวกเขาเป็นราชวงศ์ซึ่งมีกษัตริย์เป็นผู้ครองอาณาจักร
กษัตริย์เลโนราทุกพระองค์จะไม่ใช้ยศ “พระราชา” เพราะบรรพบุรุษของเขาได้บอกให้ลูกหลานของพวกเขารู้จักการถ่อมตนและไม่ยกตนเหนือผู้อื่นให้มากนัก เนื่องจากต้นตระกูลของพวกเขาเดิมทีแล้วก็เป็นเพียงแค่พ่อค้าเท่านั้น
ดังนั้นกษัตริย์ทุกพระองค์จึงใช้คำนำหน้าเพียงคำว่า “ดยุค” เท่านั้น และถือว่าเป็นเป็นยศที่สูงที่สุดแล้วในอาณาจักรนี้ โดยลำดับยศของที่นี่นั้นจะเริ่มจากบารอน ตามด้วย ไวส์เค้านต์, เอิร์ล หรือ เค้านต์, มาควิส และสูงสุดคือ ดยุค
แม้ว่าที่นี่จะถือว่า “ดยุค” เป็นยศที่เทียบเท่ากับการเป็นกษัตริย์แต่กษัตริย์ในยุคก่อนๆก็ไม่ต้องการให้มีการใช้ราชาศัพท์ เพราะไม่ต้องการให้มีการแบ่งแยกความเป็นมนุษย์กันมากเกินไป ราชวงศ์เลโนราตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันจึงอนุญาตให้สามัญชนทั่วไป ใช้คำพูดสุภาพธรรมดาพูดกับคนในราชวงศ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ราชาศัพท์
การขึ้นครองราชย์ในขณะที่อายุ 20 ปีย่างเข้าปีที่ 21 นั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำตามกฎที่จารึกไว้โดยบรรพบุรุษของราชวงศ์เลโนราเมื่อเกือบพันปีก่อน กฎที่ว่านี้ถูกจารึกลงบนก้อนหินโบราณที่ถูกตัดให้เป็นแผ่นบางๆเรียบๆเหมือนกับกระดานวงกลมที่มีขนาดเท่ากับผู้ใหญ่ 1 คนโอบ โดยถูกจารึกไว้ทั้งหมด 320 กระดานหิน หรือเท่ากับ 320 บทบัญญัติ กฎทั้งหมดที่ถูกจารึกนี้เรียกว่า กฎหมายศักสิทธ์แห่งเลโนรา โดยแผ่นกระดานหินพันปีทั้งหมดจะถูกเก็บรักษาไว้ในห้องสมุดของเลโนรา ผู้ที่จะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งเลโนราทุกองค์นั้น จำเป็นที่จะต้องท่องบทบัญญัติเหล่านั้นให้ขึ้นใจเพราะนี่เป็นหนึ่งในหน้าที่หลักของกษัตริย์ที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายศักสิทธิ์แห่งเลโนรา
ความคิดของกษัตริย์แห่งเลโนราหยุดลง เมื่อภาพที่มองห็นผ่านทางกระจกกั้นของหน้าต่างในห้องทำงานนั้น นอกจากจะเป็นภาพพายุหิมะที่ยังไม่หยุดลงยังมีอีกภาพที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ คือ ภาพของลอร์ดเคียอัน บุตรชายคนสุดท้องที่เขายังไม่ได้แต่งตั้งยศใดให้ แต่คนส่วนมากมักเรียกเขาว่า “เจ้าชายเคียอัน” ผู้ซึ่งกำลังจูงมือเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาทางประตูด้านหลังของปราสาทด้วยท่าทางเร่งรีบ
ในใจของดยุคเควนตินตอนนี้นึกแต่เพียงว่า ครั้งนี้บุตรชายผู้เป็นที่รักของเขาจะนำปัญหาใดมาให้เขาต้องปวดหัวอีก
เหตุที่เรียกลอร์ดเคียอันว่า “ลอร์ด” นั้น เป็นการเรียกเพื่อให้เกียรติผู้ที่เป็นบุตรของกษัตริย์ หรือบุตรของขุนนางที่ยังไม่ได้ถูกแต่งตั้งตำแหน่งใดให้
ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในปราสาท สาวใช้ผู้หนึ่งก็วิ่งปรี่เข้ามา แล้วพูดเบาๆอย่างนอบน้อมว่า“ลอร์ดเคียอันคะ บิดาของท่านรับสั่งให้ท่านลอร์ดไปพบที่ห้องทำงาน
” เสียงของสาวใช้เงียบลงเมื่อถูกลอร์ดเคียอันตัดบทด้วยเสียงเย็นๆว่า
“เรารู้แล้ว”
“นายรู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอพึ่งจะบอกนาย” เสียงหงุดหงิดดังขึ้นข้างตัว เมื่อสาวน้อยเลอารู้สึกสงสารที่สาวใช้ทำสีหน้าสลดเมื่อถูกลอร์ดเคียอันผู้มีนัยน์ตาดุตัดบทอย่างไม่ใยดี
ผู้ที่ใครๆเรียกว่าเจ้าชายเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ ทำให้สาวน้อยเลอาบ่นงึมงัมถึงความไม่รู้จักใส่ใจผู้อื่น ความใจแคบ ความนิสัยไม่ดีต่างๆนานาของลอร์ดเคียอันที่เธอคิดขึ้นมาเอง
เสียงเจื้อยแจ้วของของสาวน้อยตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในพระราชวัง ไม่ว่าจะเป็นญาติๆทั้งหลายของลอร์ดเคียอัน, ขุนนางมหาดเล็กตำแหน่งต่างๆ รวมไปถึงสาวใช้หลายคนที่มีหน้าที่อยู่บริเวณนั้น
ชุดกระโปรงลายดอกไม้เล็กๆ ที่ขาดเป็นทางยาวของสาวน้อยและใบหน้าที่ดูสกปรกมอมแมมเป็นสิ่งที่เพิ่มความสนใจให้กับสายตาหลายตาหลายคู่ที่จ้องมองมากขึ้น
ญาติคนหนึ่งของลอร์ดเคียอันถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆกับรสนิยมที่แปลกประหลาดในการเลือกว่าที่“เจ้าสาวในอนาคต” ของเขา
ลอร์ดเคียอันเปรยหางตาที่ดูเย็นชาไปที่ญาติผู้นั้นเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ “นี่ คนอื่นเขามองฉันแล้วก็หัวเราะเยาะ เพราะว่าฉันมันดูแตกต่างจากคนอย่างพวกนายมากใช่ไหม” เสียงข้างตัวฟังดูสลดและเบาลง เมื่อสาวน้อยเลอารู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างแตกต่างจากคนอื่นในที่นี้ซะเหลือเกิน
เสียงที่สลดปนเจ็บแค้นนี้ทำให้ชายหนุ่มหยุดเดินและหันมามองพร้อมกับจับไหล่สาวน้อยเบาๆก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในปราสาทแห่งเลโนรา
“อย่าเสียใจไปเลย เราจะให้คนมาพาเธอไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดให้ใหม่” น้ำเสียงอ่อนโยนและสายตาที่เป็นมิตรมากขึ้นทำให้สาวน้อยเลอายิ้มออกมาอย่างร่าเริงพร้อมกับพูดว่า
“ให้ฉันใส่ชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องแบบที่เจ้าหญิงใส่กันด้วยได้ไหม” เป็นคำถามที่ทำให้ลอร์ดเคียอันนึกขำขึ้นมา ก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ได้สิ ถ้าเธอชอบแบบนั้น” ยิ้มกว้างของสาวน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“เลอา” เสียงเรียกเบาๆของเขาทำให้สาวน้อยหันมามองด้วยดวงตาใสซื่อ
“หือ นายมีอะไรจะพูดหรอ” สาวน้อยเลอาตอบกลับด้วยความอยากรู้เช่นเคย
“เราจะเรียกเธอว่า เลอา ส่วนเธอจะต้องเรียกเราว่า ท่านโคล ตกลงตามนี้นะ” เสียงที่เคยอ่อโยนกลับมาเย็นชาตามปกติอีกครั้ง สาวน้อยก้มหน้างุดแล้วพึมพัมกับตัวเองว่า
“ทำไมไม่ให้ฉันเรียกนายว่าโคล ส่วนนายเรียกฉันว่าท่านเลอาผู้เลอโฉมแทนล่ะ” ชายหนุ่มข้างตัวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นเล็กๆนั่นแล้วคว้าข้อมือสาวน้อยเลอาเดินต่อไป
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มและสาวน้อยหยุดลงที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้ขอบทองถูกเปิดออกโดยเอิร์ลคริสต์ เลนน์ มหาดเล็กคนสนิทของดยุคเควนติน
“ลอร์ดเคียอันมาถึงแล้วครับ” คำรายงานชัดถ้อยชัดคำของมหาดเล็กทำให้ดยุคเควนตินผู้ที่ยืนหันหลังให้กับประตูห้องทำงานต้องหันกลับมาตามเสียงนั้น
“ท่านคริส ท่านช่วยพาคนของเราไปให้แม่นมของเราช่วยจัดการเรื่องการอาบน้ำและเปลี่ยนชุดให้ด้วย แล้วก็
หาชุดสีชมพูฟูฟ่องอย่างที่เธอต้องการมาให้เธอใส่ เท่านั้นแหละ แล้วเชิญท่านออกไปก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกับท่านพ่อ” ลอร์ดเคียอันตรัสสั่งอย่างเอาแต่ใจนิดๆก่อนจะรอให้มหาดเล็กคนสนิทผู้นั้นโค้งรับคำสั่งพร้อมกับส่งต่อสาวน้อยเลอาให้กับมหาดเล็กผู้นั้น แล้วมหาดเล็กก็โค้งลาบุคคลทั้งสองในห้องแล้วจึงออกจากห้องไป
ดยุคเควนตินหันมาสบตาพระโอรสอยู่เกือบนาทีก่อนจะพูดขึ้นว่า
“อธิบายมาสิ เคียอัน พ่อรอฟังอยู่” ผู้เป็นบิดาพูดด้วยท่าท่างนิ่งๆ แม้น้ำเสียงนั้นจะฟังดูเย็นชาอยู่บ้างแต่ก็ยังคงแฝงไว้ซึ่งความเมตตาที่เขามักจะมีให้กับบุตรชายของเขาเสมอ
“ท่านพ่อ ลูกพบคู่หมั้นของลูกแล้ว ต่อไปนี้ท่านพ่อไม่จำเป็นจะต้องยัดเยียดเจ้าหญิงจากอาณาจักอื่นหรือเลดี้ที่ไหนให้ลูกอีก ถ้าท่านพ่ออนุญาตให้ลูกได้หมั้นกับเลอา ลูกสาบานด้วยเกียรติของลูกเองว่าลูกจะไม่สร้างปัญหาใดๆให้แก่ท่านพ่ออีก” น้ำเสียงที่จริงจังแน่วแน่แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจอยู่นั้น ทำให้กษัตริย์เควนตินหัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมกับพูดว่า
“เคียอัน ลูกรัก ปัญหามันก็คงจะเริ่มตั้งแต่ที่พ่อตามใจลูกมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตแล้วพ่อเชื่อว่ามันก็คงจะยังไม่จบสิ้นไปหรอก ลูกเคยอยากได้ม้าสีขาวตัวใหญ่ตอนห้าขวบ พ่อก็หามาให้ ตอนที่ลูกตกม้าขาหักนั่นก็เป็นปัญหา พออายุสิบสองลูกก็อยากจะออกไปเที่ยวนอกวังคนเดียว พ่อก็อนุญาต พอลูกถูกแกล้งกลับมาเพราะมีคนไม่รู้ว่าลูกเป็นเจ้าชาย ลูกก็กลับมาฟ้องพ่อให้พ่อสั่งลงโทษคนที่แกล้งลูก นั่นก็เป็นอีกปัญหา และมีมากมายที่พ่อลืมไปแล้วบ้างก็มี ที่ยังไม่ลืมก็มี แล้วมาตอนนี้อีก”
กษัตริย์แห่งเควนตินพูดตอบบุตรชายผู้ที่มักสร้างปัญหามาให้เขาเสมออย่างนุ่มนวล ลอร์ดเคียอันก้มหน้าลงมองที่พื้นและคิดว่าการขอครั้งนี้คงเป็นอะไรที่มากเกินไปและท่านพ่อก็คงจะไม่เห็นดีด้วยเท่าไรนัก
“แต่เอาเถอะ ให้พ่อได้พบหน้าคู่หมั้นของลูกตรงๆก่อน แล้วพ่อจะตัดสินใจอีกครั้ง ลูกเห็นว่ายังไงล่ะ” ดยุคเควนตินมองบุตรชายผู้กำลังเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วยดวงตาที่อ่อนโยน
“ท่านพ่อว่าอย่างไร ลูกก็เห็นดีตามนั้น” ชายหนุ่มพยายามปิดความดีใจด้วยสีหน้านิ่งเรียบเฉย
“ดี พ่อจะรอลูกกับคู่หมั้นที่โต๊ะอาหารกลางวัน มาให้ตรงเวลา เข้าใจไหม เคียอัน” ดยุคเควนตินถามบุตรชายเพื่อความแน่ใจด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
________________________________________________________________
จบไปอีกตอนแล้ว
ติชมกันด้วยนะคะ
^ ^
17/05/51
ANABELLE
ความคิดเห็น