ตอนที่ 3 : Chapter 02
Chapter 02
“กระจอกจัง แค่ห้านาทีก็เสร็จแล้ว แบบนี้คงไม่ทันได้ทำอะไร” ชุนเสี่ยวพูดเสร็จก็ลุกขึ้นสวมเสื้อที่วางกองไว้บนพื้นในตอนแรก แล้วออกจากห้องทันที ทิ้งให้โม่เส้าเฉียนที่กำลังโมโหหัวเสียกับคำพูดของเขาไว้คนเดียวในห้อง
โม่เส้าเฉียนเร่งใส่กางเกงให้เรียบร้อย แล้วพยายามอย่างที่ถึงที่สุด ที่จะไม่หักคอน้อยๆ นั่นให้แหลกคามือ มันเป็นแบบนี้ก็เพราะใครกันที่มักจะทำให้เคยตัว ใช่ว่าเขาอยากจะมีสัมพันธ์ลับกับนักร้องในสังกัดซึ่งตัวเองดูแลอยู่เสียที่ไหน แต่เพราะความอวดดีและชอบเอาชนะของชุนเสี่ยวนั่นแหละทำให้ต้องปวดหัวอยู่เสมอ ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหยาบคายก่อนจะสำรวจตัวเองแล้วตามลงไปยังลานจอดรถ
รถตู้สีดำขนาดกลางจอดอยู่ที่ลานจอดรถ ทันทีที่เขาขึ้นรถไป เสียงเยาะเย้ยและเสียงถากถางของชุนเสี่ยวตัวดีก็ดังขึ้นทันที
“สายไปสิบนาที คนเป็นผู้จัดการควรจะทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างให้ดีสำหรับไอดอลนะ”
“แน่นอนครับ” โม่เส้าเฉียนตอบกลับสั้นๆ รอดไรฟัน แล้วพยักหน้าให้คนขับรถให้ออกรถได้ ก่อนจะไล่ตารางงานให้ชุนเสี่ยวฟังในรถ ก่อนที่เสียงพร่ำบ่นจะตามมาแทบจะทันที
“นี่ไม่มีเวลาสำหรับหายใจบ้างหรือไง ถ้าต้องทำงานติดกันจนไม่ได้พักแบบนี้ นี่มันแรงงานทาสชัดๆ บ้าที่สุด” ชุนเสี่ยวอารมณ์เริ่มเสีย ราวกับตัวเองเพิ่งจะโดนเอาคืนจากการกระทำเมื่อสักครู่
“ถ้าไม่พอใจ ก็คงต้องคุยกับท่านรองประธานเอาเองครับ ผมไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจหรือสั่งให้คุณทำอะไรที่อยากทำเท่านั้น ตารางงานสุดท้ายของวันนี้ตอนเที่ยงคืนคือซ้อมเต้นเพลงในอัลบั้มใหม่ที่กำลังออก”
“เที่ยงคืน? นายคิดว่าฉันจะมีแรงทำอะไรได้ในตอนนั้น นั้นมันเวลาพักผ่อน ไม่เวลามากระโดดโลดเต้น ตัดออกซะ และไม่ต้องเอาเรื่องรองประธานมาขู่ เพราะฉันจะจัดการเรื่องนี้แน่ๆ”
“ถ้ามีปัญญาทำอะไรๆ ให้เสร็จได้ในห้านาที ก็สมควรจะทำทุกอย่างได้ในเวลาที่กำหนดนะครับ จบตารางงานเท่านี้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอรายละเอียดเรื่องการเตรียมสถานที่และช่างแต่งหน้าทำผมให้ก่อนที่คุณจะไปถึงที่นั่น” โม่เส้าเฉียนตัดบทฉับ โดยไม่สนว่าคนข้างหลังกำลังควันหูเพราะความโกรธเกลียด
ส่วนพนักงานขับรถแอบยิ้มและกลั้นหัวเราะไว้อย่างถึงที่สุด เพราะเห็นอยู่ประจำเรื่องการมีปากเสียงระหว่างเมเนจอร์และนักร้องในสังกัด ซึ่งแม้ชุนเสี่ยวจะปากจัดกล้าแกร่งเพียงใด ก็ต้องยอมแพ้ให้กับโม่เส้าเฉียนที่ทั้งเย็นชาและเข้มงวดทุกที ส่วนเขาก็ชินแล้วที่ได้ยินอะไรแบบนี้กับนิสัยเหวี่ยงๆ ของนักร้องชื่อดัง
เพราะทันทีที่ออกสู่สายตาของประชาชน ภาพลักษณ์ของไอดอลเทวดาผู้น่ารักและเรียบร้อยใจดี ก็จะปรากฏขึ้น
โม่เส้าเฉียนเดินมาเปิดประตูให้เช่นเคย แล้วเดินนำไปหาทีมงานที่ได้เตรียมไว้ ชุนเสี่ยวที่ระหว่างเดินไปก็ก้มหัวไปอยู่ตลอด รอยยิ้มที่ยิ้มหวานละลายแต่ไปไม่ถึงดวงตา หากทุกๆ คนที่ได้เห็นก็ยังพากันละเมอและหลงรัก พวกนี้ก็แค่เห็นการแสดงเท่านั้น
“สวัสดีครับทุกทุกคน วันนี้ชุนเสี่ยวขอความกรุณาด้วยนะครับ”
เสียงเล็กๆ น่ารักนั้นดังมาตลอดทางก่อนที่จะนั่งลงเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้แล้วก็เริ่มโหมดเหวี่ยง
“ทีมงานนี้อีกแล้ว ทำงานช้า น่ารำคาญ ไม่เป็นมืออาชีพ ก็ได้แต่หวังว่าจะเสร็จก่อนเย็นล่ะนะ แต่บอกได้เลยว่ายาก วันหลังถ้าทีมงานนี้ติดต่อมา ช่วยขอยกเลิกให้ด้วย” ชุนเสี่ยวสั่งคนที่ยืนอยู่ข้างระหว่างที่กำลังเตรียมแต่งหน้า และทำผม หากแต่ชายคนนั้นกับนิ่งเฉยเพราะอำนาจการตัดสินใจนั้นไม่เคยมีอยู่จริง
“วันนี้ก็น่ารักเหมือนเคยเลยนะครับ” ตากล้องที่เดินผ่านมาทักทาย
ชุนเสี่ยวรีบยิ้มหวาน แล้วลุกขึ้นยืนอย่างทันทีด้วยท่าที่นอบน้อม
“ขอบคุณที่คอยสนับสนุนผมนะครับคุณหลี่”
และเมื่ออีกฝ่ายจากไป
“ไอ้แก่หัวล้าน นอกจากฝีมือถ่ายภาพห่วยแล้ว ยังจะชอบมาแตะเนื้อต้องตัวฉันอีก ขยะแขยงชะมัด”
โม่เส้าเฉียนได้ยืนเงียบๆ ไม่พูดอะไรอื่นใด นอกจากติดต่องานและรายงานพฤติกรรมและรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ให้รองธานได้ทราบ เขาเดินเลี่ยงมาคุยโทรศัพท์ในระหว่างที่ชุนเสี่ยวถ่ายภาพ
‘ว่าไง...วันนี้ชุนเสี่ยวทำอะไรแสบๆ บ้างหรือเปล่า’
“วันนี้ถ่ายภาพเป็นไปด้วยดีครับ แต่คุณชุนเสี่ยวบ่นนิดหน่อยเรื่องตารางงาน ซึ่งผมเองก็คิดเช่นเดียวกันนะครับว่ามันแทบไม่มีเวลาให้พัก ยังไงผมก็ขอให้รองประธานช่วยพิจารณางานที่ติดต่อเข้ามาให้พอดีด้วย อย่างน้อยก็เพื่อผลประโยชน์ที่จะยาวนาน ดีกว่าผลประโยชน์ที่มากมายตอนนี้แต่ไม่ยาวนานะครับ”
‘กลัวอะไร ยังไงก็มีเหล่าไอดอลที่เติบโตขึ้นมาใหม่อยู่ทุกวัน สักวันชุนเสี่ยวเองก็ต้องหมดความนิยม ฉันไม่มีทางใช้ได้นานอย่างที่ว่า สู้เร่งงานในตอนที่กำลังโด่งดังเสียดีกว่า’
“นั้นก็แล้วแต่ท่านครับ” โม่เส้าเฉียนกัดฟันตอบอย่างสุภาพก่อนจะวางสาย ในใจเริ่มรู้สึกไม่พอใจต้นสังกัดที่หน้าเลือดและไม่คำนึงถึงความเป็นคน
งานถ่ายแบบเสร็จในตอนหากโมงเย็น ก่อนที่ชุนเสี่ยวจะต้องไปออกรายการวิทยุต่อทันที เพราะเวลาที่เฉียดฉิว ข้าวกลางวันและอาหารเย็น จึงไม่ได้ตกถึงท้องของนักร้องผู้มีตารางงานแน่น ทำให้ต้องพึ่งอาหารเสริมและยาที่ช่วยเพิ่มพลังงานแทนอาหารมือหลัก เพื่อให้พอมีแรงยืนและยิ้มต่อไปได้และโชคดีที่ชุนเสี่ยวเหนื่อยเกินกว่าจะเหวี่ยงหรือวีน หลังจากขึ้นรถในตอนห้าทุ่มเขาจึงหลับเป็นตาย
ในระหว่างที่รถขับไปยังออฟฟิศ ทันทีทีมาถึงหน้าบริษัทโม่เส้าเฉียนก้มมองนาฬิกาข้อมือที่มีพรายน้ำ จึงเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกครึ่งชั่วโมง จึงบอกให้คนขับรถไปพักแล้วปล่อยให้ชุนเสี่ยวนอนต่อไป
ชุนเสี่ยวสะดุ้งตื่นก่อนจะเที่ยงคืน แล้วมองหาคนอื่นๆ ในรถ ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกเสียจากผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ
“ทำไมไม่ปลุก...”
“คุณก็ตื่นเองได้ ผมจึงไม่จำเป็นต้องปลุก”
“ก็ถ้าถึงแล้วก็ควรจะปลุกฉันสิ ไม่ใช่รอให้ฉันตื่นเอง เรื่องง่ายๆ แค่นี้นายก็ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ”
“รู้ แต่คงจะดีกว่าถ้าคุณได้พักก่อนจะไปกระโดดโลดเต้นในตอนเที่ยงคืน”
ชุนเสี่ยวตั้งใจจะพูดต่อ แต่พอได้ยินแบบนี้ก็ทำให้คำพูดทุกอย่างที่กำลังจะออกมากลืนกลับลงไปในลำคอ จริงอยู่ว่าเขาไม่ชอบการถูกบังคับ และขู่เข็ญของบริษัทและผู้จัดการส่วนตัว แต่ก็ยอมรับว่า ถ้าไม่ใช่โม่เส้าเฉียน เขาก็คงจะไม่โด่งดังและมีชื่อเสียงในวงการว่าเป็นคนที่ตรงต่อเวลาและมีความเป็นมืออาชีพมากขนาดนี้
อีกทั้งบางครั้งหุ่นยนต์ที่ชื่อ โม่เส้าเฉียน บางครั้งก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก แม้จะไม่มีรอยยิ้ม เย็นชา เข็มงวด และปากร้าย หากยังมีบางมุมที่เห็นอกเห็นใจ แม้จะบางครั้งชายหนุ่มจะได้ทุกอย่างที่ต้องการมาไว้ในมืออย่างง่ายดาย แต่กลับไม่ใช่กับคนคนนี้
แต่นั่นแหละ ที่ชุนเสี่ยวต้องการอยากจะเอาชนะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
