ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rosamunde คำสาปกุหลาบลวง

    ลำดับตอนที่ #7 : การกลับมาของความรัก

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 53


    Warning: 18+?




    7: การกลับมาของความรัก

     

    แสงแดดยามสายส่องผ่านกระจกสูงถึงเพดานที่มีม่านโปร่งสีขาวกรองแสงให้นุ่มนวล เรือนผมสีทองอร่ามเป็นลอนของผู้ครอบครองคฤหาสน์คนปัจจุบันทิ้งตัวลงสยายระพนักเก้าอี้ หญิงสาวสวมชุดสีขาวจีบระบายสว่างตานั่งอ่านเอกสารมากมายที่กองสูงอยู่บนโต๊ะอย่างสงบ ดวงตาสีเขียวดุจมรกตทอประกายความกังวล เธอถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า หากปลายปากกาก็จำต้องจรดข้อความลงนาม ไม่เช่นนั้นแล้วเธอเองก็คงอยู่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน

    ห้องทำงานหลักของคฤหาสน์ไอน์ฟัลอยู่ที่ปีกด้านตะวันออก ภายในมีเครื่องเรือนน้อยชิ้น อันมีโต๊ะสำหรับทำงาน ชั้นวางของ ตู้เก็บเอกสารติดผนัง และชุดรับแขกขนาดย่อมเผื่อให้ผู้มาเยือนได้นั่งพักผ่อน ทั้งหมดนี้ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลเข้มดูเคร่งขรึม ขับเน้นภาพลักษณ์คหบดีผู้เป็นหัวหน้าตระกูลที่มาจากชนชั้นกลางให้ดูมีอำนาจบารมีเฉกเช่นขุนนางผู้ครอบครองผืนดินมาแต่เดิม

    ฟรีดริช ไอน์ฟัล บิดาของหญิงสาวหายตัวไปเมื่อสองปีก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาโรซาลิเอจึงต้องรับช่วงภาระนี้ต่อด้วยตนเอง ทว่าเธอไม่ได้ถูกสอนมาให้มีความสามารถในการบริหารธุรกิจของตระกูล...โรซาลิเอเติบโตมาเป็นสตรีที่งามพร้อม กิริยาอ่อนหวาน พูดจาไพเราะ มีความรู้หลายภาษา เข้ากับคนได้ทุกชนชั้น และคงจะได้แต่งงานกับคู่หมั้นที่เหมาะสมกัน...หญิงสาวถูกคาดหวังมาเช่นนั้น และเธอก็เป็นได้เพียงเท่านั้น เอกสารตรงหน้าจึงนับว่าเป็นอีกโลกหนึ่งที่โรซาลิเอจำต้องก้าวเข้ามารับผิดชอบ และในด้านนี้ หญิงสาวไม่มีความสามารถเพียงพอ

    รายได้ของตระกูลนั้นมาจากที่ดินให้เช่า ซึ่งขณะนี้กำลังเริ่มมีปัญหา โรซาลิเอไม่มีอำนาจมากพอจะจัดเก็บเงินจากที่ของตน และไม่กล้าพอจะใช้วิธีใดจัดการนอกจากการเจรจา

    เรียวปากสีชมพูสดสวยขบเม้มเมื่ออ่านข้อความในมือ คิ้วเรียวมุ่นลงอย่างไม่สบายใจ...เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ขุนนางคู่สัญญาของฟรีดริช ไอน์ฟัล ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือต่อ เขาเริ่มกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ของตนเหนือที่ดิน และไม่ยอมให้เธอมีสิทธิ์จัดการดูแลแทนตนเพื่อแลกกับเงินอีกต่อไป

    ขุนนางที่บิดาของเธอทำสัญญาด้วย ส่วนใหญ่เป็นพวกที่มีแต่ตำแหน่งกับที่ดิน แต่ยากไร้สมบัติและกำลังคน จึงต้องอาศัยฟรีดริช ไอน์ฟัล ช่วยจัดการให้...กลไกความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของตนกับเหล่าขุนนางนั้นเป็นอย่างไร วิธีที่บิดาของเธอใช้ต่อรองกับคู่สัญญาที่คิดบิดพลิ้วนั้นเป็นอย่างไร หญิงสาวไม่เคยรู้ และไม่เคยเข้าใจ มันเป็นอีกโลกหนึ่งที่เธอไม่เคยมีสิทธิ์จะได้เห็น แต่แล้วก็กลับต้องก้าวเข้ามาโดยไม่เต็มใจ

    เธอทำไม่ได้...ไม่ได้จริงๆ เธอต้องการใครสักคนที่จะมาจัดการเรื่องเหล่านี้แทน แต่นั่นมีความหมายเดียว คือเธอจะต้องแต่งงานกับเขา...

    ครุ่นคิดเนิ่นนาน พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หญิงสาววางทุกอย่างลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย เงยหน้าขึ้นมองบานประตู

    มีอะไร

    ท่านโรซาลิเอเจ้าคะ ข้านำน้ำชากับของว่างมาให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ หญิงรับใช้วัยชราร้องบอกจากอีกฝั่งหนึ่ง

    เข้ามาวางไว้ตรงโต๊ะรับแขกเลยนะคะ เดี๋ยวข้าค่อยออกไป เธอก้มหน้าลงคร่ำเคร่งอ่านเอกสารฉบับใหม่ รอจนได้ยินเสียงถาดน้ำชาวางกระทบโต๊ะไม้ดังกริ๊ก และประตูบานใหญ่เคลื่อนปิดลง หญิงสาวจึงวางทุกสิ่งในมือลงอีกครั้ง ก่อนหยิบกุญแจสีทองเดินไปยังตู้เก็บเอกสารริมผนัง โรซาลิเอย่อตัวลงไขกุญแจลิ้นชักชั้นล่างสุด บรรจงพลิกแฟ้มหนังเล่มหนาออกทีละเล่ม จนสัมผัสถึงแผ่นไม้แข็งแรงก้นลิ้นชัก

    มือเรียวเอื้อมลงไป ปลายนิ้วค่อยจรดลงกับชิ้นไม้สีเข้มแท่งกลวงที่แตกหัก แพขนตาปิดพริ้ม...ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยความฝัน

    เพราะมันไม่มีวันเป็นจริง

    ข้ามีแต่ท่านค่ะ...มีแต่ท่านเท่านั้น...

    โรซาลิเอพึมพำ เปลือกตาของเธอปิดสนิท ทว่าในจิตใจกลับเห็นภาพอันงดงามของอดีต หญิงสาวมองเห็นแสงสว่าง มีหยดน้ำโปรยปราย มีผืนหญ้าเขียวขจีและดอกไม้สดสวยหลากสีสัน มีสายลมอุ่นพัดอ่อนโชย

    ...มีความสุข...

    ทำไมข้า...ถึงหนีไปไม่ได้หรือคะ เสียงหวานกระซิบแผ่วเบา ร่างบางนั่งพับเพียบลงกับพื้น ลำแขนกลมกลึงโอบกอดลิ้นชักไม้อย่างทะนุถนอม ราวกับว่าสำคัญเยี่ยงชีวิต ราวกับว่านั่นคือคนรัก ลำพังตัวข้า ไม่ว่าข้าจะอยากหนีไปแค่ไหน ไม่ว่าข้าจะลำบากอย่างไร อย่างน้อยข้าก็แน่ใจ ว่ายังมีท่านคอยให้กำลังใจ...แต่น้องสาวของข้า...เธอไม่มีใคร ถ้าไม่มีข้า แล้วเธอจะอยู่อย่างไร...

    โรซาลิเอลืมตาขึ้นช้าๆ หยดน้ำกลมใสรินออกมาจากขอบตา หญิงสาวเหม่อมองแท่งไม้แตกพังที่ก้นลิ้นชักอีกพักหนึ่ง...ก่อนจะปาดหลังมือเช็ดน้ำตาด้วยรอยยิ้ม แล้วเคลื่อนลิ้นชักปิดลงอย่างเดิม

    ในที่ซึ่งปราศจากการจับจ้อง บานประตูไม้ถูกแง้มไว้

    ใครคนหนึ่งกำลังแอบมองภาพของเธอจากช่องว่างนั้น ดวงตาสีเขียวมรกตงดงามพิมพ์เดียวกันปรือลงยามที่โรซาลิเอเดินกลับมานั่งอ่านเอกสารที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง พิศมองความงดงามของหญิงสาวผู้ไม่มีอะไรเข้ากับบรรยากาศเคร่งขรึมของห้องนี้ ก่อนจะบรรจงดันประตูให้ปิดลงอย่างเงียบเชียบ

    ท่านโรซา...

    โรซามุนเดหันไปด้านหลัง ยกปลายนิ้วจรดริมฝีปาก เป็นเชิงให้หญิงรับใช้ชราตรงหน้าเงียบเสียง พลันหญิงสาวก็ยิ้ม...ยิ้มอย่างงดงามเจิดจ้าดุจแสงตะวัน

    ข้าคิดว่าท่านไปแล้วเสียอีกนะคะ โรซามุนเดทักเสียงนุ่ม แต่ก็กลับยังยืนอยู่...อยู่ข้างหลังข้านี่เอง

    ข้า-ข้าไม่ได้จะทำอะไรเจ้าค่ะ แค่จะรอเก็บถาดน้ำชาคืนมาเท่านั้นเจ้าค่ะ

    เรื่องนั้นไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวข้าช่วยเก็บให้ หญิงสาวพูดยิ้มๆ ว่าแต่เมื่อตะกี้ ท่านไม่ได้เห็น ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นสินะคะ

    ข้า... หญิงรับใช้อ้ำอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ

    โรซามุนเดเอื้อมมือไปสัมผัสไหล่ที่สั่นเทิ้มของหญิงชราในชุดเครื่องแบบแม่บ้าน พลางถอนหายใจเบาๆ ดวงหน้างดงามก้มลงเล็กน้อย เหลือบตามองใบหน้าซีดเผือดของหญิงรับใช้ด้วยแววตาเย็นเยียบ ริมฝีปากสีชมพูสดระบายรอยยิ้มจางๆ

    ท่านไปได้แล้วค่ะมือบางผลักหญิงรับใช้เบาๆ ให้รีบเดินรวดเร็วห่างออกไป หญิงสาวกอดอก เบือนศีรษะหันมามองประตูไม้ตรงหน้า ทว่ายังชำเลืองจับจ้องทุกกิริยาของหญิงรับใช้ด้วยหางตา

    ...แต่ระวังตัวด้วยนะคะ เพราะถ้าเกิดมีคนอื่นรู้เรื่องนี้ ข้าก็แน่ใจค่ะ ว่านั่นเป็นเพราะใคร

     

    ประตูไม้สลักเปิดออกกว้าง เสียงฝีเท้าที่ดังแว่วมาทำให้โรซาลิเอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มสดใสผุดพรายทันทีที่เธอเห็นว่าผู้ที่ก้าวเข้ามานั้นคือใคร หญิงสาวแนบฝ่ามือกับพื้นโต๊ะพลางลุกยืนขึ้น ปล่อยให้เก้าอี้เลื่อนไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจ

    โรซามุนเด! ข้ากำลังคิดถึงเจ้าอยู่พอดีเลย...ดีแล้วๆ ที่เจ้ามา งานข้าเสร็จแล้วล่ะ รอข้าเก็บของแป๊บนึงนะ เดี๋ยวเราค่อยออกไปทานข้าวกลางวันพร้อมๆกันหญิงสาวผู้เป็นพี่ทักทายเสียงใส กุลีกุจอรวบเอกสารทั้งปึกมาเรียงเป็นระเบียบอย่างเร็วรี่

    ท่านพี่คะ คือว่า... โรซามุนเดก้มหน้า พูดเสียงเบา ถ้ามีอะไรให้ข้าช่วย ก็บอกได้นะคะ ข้าไม่อยากให้ท่านพี่เหนื่อย...

    โธ่! ข้าไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว โรซาลิเอก้าวออกมาจากโต๊ะทำงานที่ใหญ่เกินตัว พลันก็รวบมือของน้องสาวมาจับไว้มั่น ม่านตาสีสวยสบกัน เจ้าเองก็รักษาตัวดีๆ ก่อนเถอะ ถ้าข้าให้เจ้ามาช่วยแล้วเจ้าเกิดล้มป่วยเข้าข้าจะทำยังไง หือ... เธอหัวเราะ พลางแนบเรือนผมกับน้องสาว เส้นผมสีทองงดงามของทั้งสองหลอมรวมราวกับจะเป็นหนึ่งเดียวกัน

    ข้า...ข้าไม่ได้ตั้งใจค่ะ โรซามุนเดหลุบตาลงมองพื้น ก่อนจะชำเลืองมองรอยยิ้มเริงร่าที่อยู่ใกล้เพียงคืบ ข้า...

    ผู้เป็นพี่สาวยิ้มกว้าง จับไหล่โรซามุนเดเขย่า เอียงศีรษะน้อยๆ ขอบคุณเจ้ามากที่อุตส่าห์มาตามที่ห้อง ข้าเองก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย...ไป! ไปทานข้าวกันเถอะ ข้าเริ่มหิวแล้ว เดี๋ยวเกิดเป็นลมล้มพับขึ้นมาให้เจ้าต้องเดือดร้อนแบกข้าไปไหนต่อไหนก็คงไม่ดีใช่ไหมล่ะ

    โรซามุนเดยิ้มตอบ มองพี่สาวที่กำลังหัวเราะร่าราวกับไม่มีเรื่องเคร่งเครียดอะไรผ่านเข้ามาในชีวิต...รู้ดีว่าโรซาลิเอแสร้งทำตัวเช่นนี้เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลาย ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอย่างที่พี่สาวกำลังเผชิญ...แต่เธอก็ใช่ว่าจะพอใจ แม้ผู้เป็นพี่จะทุ่มเทเพื่อเธอถึงเพียงนี้ หากจิตใจของพี่กลับยังคงพะวงถึงชายคนหนึ่ง...

    เธออยากให้พี่มีความสุข รวมไปถึงความสุขกับชายคนรัก ทว่าบางสิ่งบางอย่างก็เป็นไปไม่ได้ พี่สาวของเธอจะมีความสุขไปได้อย่างไร

    ในเมื่อ...

    ในวินาทีนั้นเสียงรองเท้าตอกเหล็กที่ชวนคุ้นหูก็แว่วผ่านมาในโสตประสาท นัยน์ตาสีเขียวสดเบิกเกร็งยามบานประตูถูกดันเปิดออกจนกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรง และทันใดเงาร่างสูงของผู้มาเยือนก็ทาบผ่านเข้ามา

    โรซามุนเดยืนนิ่ง...พี่สาวของเธอกำลังหันหลังให้กับคนคนนี้อย่างไม่รู้ตัว ดวงตาสีมรกตเหลือบมองร่างบางข้างตัวที่กำลังหันกลับไปทางบานประตูช้าๆ...

    โรซาลิเอ!”

    เสียงทุ้มนั้นร้องลั่น เรียกให้พี่สาวของเธอหันไปหาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มร่างสูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งแทบจะถลาตรงเข้ามา โรซามุนเดรีบปล่อยมือ ผลักพี่สาวออกห่างจากตัว ยามที่ท่อนแขนแข็งแกร่งตวัดรวบเอาร่างบอบบางในชุดสีขาวนวลตาที่ดูไม่ต่างอะไรกับนางฟ้าผู้งามสรรพ โอบกอดแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทิ้งเรือนผมสีน้ำตาลที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเคล้าเคลียกับเส้นไหมสีทองอร่ามอันเปล่งประกาย

    โรซาลิเอยืนนิ่ง ดวงตาของเธอเบิกกว้างออกด้วยความตกใจ ก่อนจะกลับสู่ปกติ หญิงสาวทิ้งแขนลงข้างตัว สีหน้านิ่งสงบ เธอปล่อยให้ชายหนุ่มกอดจนกว่าจะพอใจ หากก็ไม่คิดจะเอื้อมมือไปสัมผัสหรือกอดตอบแต่อย่างใด

    ข้าคิดถึงเจ้า...โรซาลิเอ ข้าคิดถึงเจ้า

    เคลฟ...ปล่อยข้าเถอะนะคะ ข้าหายใจไม่ออกแล้ว หญิงสาวเอียงกระซิบข้างหู ข้ากับโรซามุนเดกำลังจะไปทานอาหารกลางวันกัน ท่านไปด้วยกันเถอะค่ะ

    เคลฟค่อยคลายอ้อมกอดของตนออกช้าๆ ดวงตาสีเฮเซลพิศมองใบหน้างดงามของโรซาลิเออย่างเผลอไผล สัมผัสไออุ่นของคำพูดหญิงสาวที่ข้างหูราวกับจะสะกดให้เขานิ่งงัน

    ครับ...ข้ายินดี

    ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขากุมมือเรียวของคู่หมั้นตน ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ตรงนั้นอีกคน

    โรซามุนเด ข้าได้ข่าวว่าเจ้าป่วย ตอนนี้หายดีแล้วสินะ

    ค่ะ... โรซามุนเดรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    ว่าแต่เจ้า โรซาลิเอ ช่วงนี้เจ้าสุขภาพแข็งแรงดีใช่ไหม

    เคลฟถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่นไม่ต่างจากเคย ทว่าใจความของคำถามนั้นมีสิ่งหนึ่งแฝงอยู่...จดหมายจากอาเดลที่ส่งผ่านเองเกลมาถึงเขาบอกว่าโรซาลิเอกำลังป่วยหนัก แล้วนี่อะไร...เขาไม่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นโรคอะไรไปได้เลย

    ทันทีที่โรซาลิเอตอบรับ เคลฟก็ให้สองพี่น้องเดินนำออกไปก่อน ส่วนเขาเดินตามไปช้าๆด้วยในใจกำลังครุ่นคิดกังวล...จดหมายนั้นหมายความว่าอย่างไร เขาคงต้องไปคุยกับอาเดลให้แน่ใจ

    เคลฟคะ ท่านจะไม่เดินตามมาหรอกหรือ โรซาลิเอร้องจากพื้นที่โล่งหน้าบันได สองแขนยื่นมาด้านหน้า คล้ายกับจะโอบกอดเขา มาทางนี้เถอะค่ะ อย่ามัวยืนอยู่ตรงนั้นเลย ข้าไม่ยกอาหารกลางวันมาให้ท่านหรอกนะคะ

    เสียงใสหัวเราะรื่น...รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาล้วงมือซ้ายในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะก้าวตามไปอีกครั้ง

    ปลายนิ้วสัมผัสกับความเย็นของโลหะชิ้นหนึ่ง...

    เขายิ้ม...ซุกซ่อนทุกความสับสนไว้ภายใน

    ...ยังไม่ถึงเวลา

     

    กำแพงหลังคฤหาสน์เป็นกำแพงก่ออิฐสีขาวสูงเกินสองช่วงตัว กั้นอาณาเขตของตระกูลไอน์ฟัลกับที่ดินว่างเปล่ารายล้อมเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ให้แยกจากกัน ฝั่งในกำแพงก็เป็นพื้นหญ้ากว้างเช่นเดียวกับภายนอก มีดอกไม้พุ่มไม้ขึ้นแซมสลับเป็นสวนสวยเจริญตา แต่แม้จะงดงามเพียงไร บริเวณหลังคฤหาสน์ก็เป็นเหมือนสวนที่ถูกกั้นกรอบ โดยมีกรอบหนึ่งคือกำแพงตัวอาคารที่ทอดกว้างขนานกันไปกับรั้วด้านหลัง ทำให้สวนที่อยู่กึ่งกลางได้รับแสงอาทิตย์น้อยกว่าที่ควร แม้จะเป็นยามบ่ายก็ยังดูร่มรื่นไม่ต่างจากช่วงรุ่งเช้า

    โรซามุนเดนั่งกอดเข่าอยู่ที่นั่น ม่านตาดุจมรกตน้ำงามเหม่อมองกำแพงขาวสูงตระหง่าน หญิงสาวเอี้ยวตัวไปยังพุ่มกุหลาบใกล้ๆ นิ้วมือดุจลำเทียนค่อยจรดลงกับกลีบสีชมพูอ่อนหวาน เธอเอนร่างนอนคว่ำลงกับพื้น พลางเด็ดกลีบกุหลาบนั้นอย่างแผ่วเบา...ทีละกลีบ...ก่อนโยนทิ้งลงข้างตัวอย่างไม่ไยดี

    เรียวปากสีเดียวกับกลีบกุหลาบแค่นยิ้ม ดวงตากลอกมองหน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์ที่อยู่เยื้องออกไป เบื้องหลังกระจกสูงปรากฏม่านทึบปิดบัง

    หญิงสาวหรี่ตา เหลือบมองกลีบกุหลาบที่ถูกโรยทั่วพื้นหญ้าข้างตัวอย่างมุ่งร้าย

    กุหลาบต้นน้อยเริ่มสั่นไหว ปลายยอดนั้นยืดยาวขึ้นสูงอย่างช้าๆ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ โรซามุนเดยื่นมือออกไป ปลายนิ้วจับก้านสีเขียวสดที่บิดโค้ง พลันก็กระชากจนขาดสะบั้น มือบางกำรอบดอกกุหลาบที่ถูกปลิดจากก้าน...กำแน่น...แน่นจนน้ำสีช้ำหม่นเริ่มไหลซึมชุ่มฝ่ามือ

    ...กุหลาบที่ถูกบีบจนช้ำเช่นนี้ไม่มีค่าอะไร...

    โรซามุนเดยืนขึ้นอย่างสง่างาม ก่อนจะโยนซากกุหลาบไร้ค่าลงกับพื้นหญ้า ก้าวเหยียบซ้ำ ให้กลีบนั้นแหลกเละ หลอมรวมกับพื้นดิน

     

    บนโต๊ะไม้ทรงกลมที่ประดับกระจกแก้วใสด้านบน ฝ่ามือแกร่งกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ ถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านผิวกายกระด้าง และดวงตาสีเขียวสลับน้ำตาลที่เอ่อท้นด้วยเพลิงอารมณ์หลากหลาย สีหน้าของเคลฟแสดงความห่วงหาอาทรและความรักอันไร้สิ้นสุดโดยไม่คิดจะปิดบัง เวลาแบบนี้ หากเป็นหญิงสาวคนอื่น...หรือโรซาลิเอในอดีต...คงต้องรู้สึกเขินอายจนใบหน้าร้อนซ่านแทบหยุดหายใจ...

    ข้าไม่ได้มาหาเจ้าเสียนาน ความเงียบถูกทำลายด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มนุ่มละไม ที่ผ่านมาข้าต้องทำงานวุ่นวายไปหมด มีแต่ช่วงนี้ที่เพิ่งปลีกตัวออกมาได้...ข้าอาจจะอยู่ที่นี่สักสองสัปดาห์ หรืออาจจะหนึ่งเดือน คงต้องฝากให้เจ้าช่วยดูแลข้าด้วยแล้วกัน

    โรซาลิเอหัวเราะ ริมฝีปากสีชมพูยิ้มอ่อนโยน แฝงแววยั่วเย้า เรื่องต้อนรับแขกน่ะข้าถนัดอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเกิดท่านผู้มาเยือนจะกรุณาเล่าให้ฟังสักนิดหนึ่งว่าก่อนจะมาที่นี่ท่านทำอะไรมาบ้าง ข้าอาจจะพิจารณาดูแลอย่างสนิทสนมเป็นพิเศษก็ได้นะคะ

    อืม...จะให้ข้าเล่ายังไงดี เคลฟหลุบตา แสร้งครุ่นคิด มันก็เหมือนๆเดิม วุ่นวายเป็นปกติ มีแต่เรื่องน่าเบื่อวนเวียนเข้ามาทุกวัน

    เรื่องน่าเบื่อ...

    หญิงสาวแสร้งยิ้มแย้ม แม้จะรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทนที่เขายังคงยืนยันจะปิดบัง เรื่องน่าเบื่อเหล่านั้นอยู่ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

    แล้วเจ้าของบ้านคนนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อที่วนเวียนเข้ามาหาท่านด้วยหรือเปล่าคะนี่ เธอแกล้งกระเซ้า ก่อนจะยิ้มแห้งแล้ง งานของท่านอาจจะหนักจริงค่ะ...แต่ข้าสิคะเจอแต่เรื่องน่าเบื่อ วันหนึ่งๆ ได้แต่อยู่ในคฤหาสน์ จัดการงานของตระกูล...

    งานของตระกูล?” เคลฟขัดคำด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมา เขาปล่อยมือจากโรซาลิเอที่ชักสีหน้ากังวลทันใด เจ้าต้องจัดการงานของตระกูล? มันไม่ใช่งานที่ผู้หญิงจะทำได้เลยนะครับ...

    มีหรือที่คนอย่าง ท่านเคลฟจะไม่รู้ว่างานของเธอคืออะไร...ขณะเดียวกัน มีหรือที่คนอย่างเขาจะจัดการกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ถ้าเกิดเขามีเวลามากพอจะมาใส่ใจ

    แต่ก็นั่นล่ะ...

    ข้าทำได้ค่ะ แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่ คงต้องพยายามอีกสักพัก โรซาลิเอแบ่งรับแบ่งสู้ พลันก็ลุกจากเก้าอี้ ก้าวช้าๆไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ลำแขนกลมกลึงพาดเหนือไหล่หนา นวลแก้มเอียงทาบกับต้นคอ หญิงสาวโอบกอดจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา

    ถ้าท่านอยากจะช่วยข้า...ข้าว่าท่านพักผ่อนดีกว่าค่ะ อย่าคิดถึงเรื่องงาน ปล่อยวางมันไปบ้าง ท่านจะได้ไม่เครียด แล้วข้าก็จะได้สบายใจ

    มือซ้ายของเคลฟเอื้อมมาด้านหลัง แทรกไปในเรือนผมสีทองสุกสว่างแล้วลูบเบาๆ จนโรซาลิเออดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอกระชับอ้อมกอดนั้นแน่นขึ้น มือบางสัมผัสแผ่นอกแข็งแกร่งผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาว ยามที่ใบหน้าของเขาหันมาหาเธอ ใกล้ชิดกันจนรู้สึกถึงไรหนวดจางๆและลมหายใจอุ่นชื้นที่รินรดผิวแก้มขาว

    โรซาลิเอ เขาเรียกชื่อเธอ เบายิ่งกว่ากระซิบ ข้ารักเจ้า

    วันนี้ข้าได้ยินจนเบื่อแล้ว มีอะไรอย่างอื่นอีกไหมคะ

    เรียวปากบางขยับยิ้ม เจ้าอยากให้ข้าพูดอะไรล่ะ...

    ก็อย่างเช่น...ท่านทำงานหนักไหม เครียดไหม วันหนึ่งๆท่านต้องทำอะไร...

    เจ้าบอกเองว่าไม่ให้ข้าคิดถึงเรื่องงาน ปล่อยวางมันไปบ้าง เคลฟยิ้มเจ้าเล่ห์ ข้าปล่อยวางมันไปแล้ว...ตอนนี้ข้ามีแต่เจ้า

    หญิงสาวปรือตาหลับพริ้มเมื่อริมฝีปากของเขาเคลื่อนเข้ามาหยอกเย้า มือหนาประคองใบหน้าของเธอยามประทับจุมพิตแผ่วเบา ลมหายใจของทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะผละออกขบเม้มเรียวปากอิ่มที่เริ่มขึ้นสีดุจดังกุหลาบงาม

    เขาสบตาเธอ นัยน์ตาสีสวยสื่อแทนความรู้สึกมากมาย...ความรู้สึกที่โรซาลิเอไม่อาจรับไว้ทั้งหมด แต่ในยามนี้ เธอไม่อยากจะคิดอะไร

    ท่อนแขนแกร่งโอบรั้งเอวบางให้นั่งทาบทับ อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ค่อยถูกเปลื้องทีละน้อย จุมพิตอันร้อนแรงหนักหน่วงและเรียวลิ้นอุ่นชื้นส่งผ่านไอระอุแก่หญิงสาวที่ไม่ปฏิเสธไมตรี ม่านตาสีเฮเซลพิศมองนางอัปสรแสนงาม ลากมือไล้ทั่วผิวกายเนียนละเอียดอย่างหลงใหล ก่อนจะประทับเรียวปากแห้งผากกับความอ่อนนุ่มของคนรักที่แนบชิด ไออุ่นที่แลกผ่านกลับมาทำให้ชายหนุ่มแทบหลอมละลาย

    ร่างบางสั่นระริกยามที่ร่างกายของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของเธอ ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านขึ้นมาทำให้หญิงสาวเผลอจิกปลายเล็บกับแผ่นหลังของเคลฟ ปิดตาแน่นพลางส่งเสียงครางเครือในลำคอ ริมฝีปากอุ่นร้อนปรนเปรอทุกส่วนที่อ่อนไหวให้ผิวเนื้อทั่วทั้งกายขึ้นสีเรื่อ โรซาลิเอยึดไหล่ของเขาไว้แน่น หอบหายใจ แล้วเริ่มขยับกายด้วยความคิดที่ขาวโพลน

    ข้ารักเจ้า

    เคลฟกระซิบเสียงแหบพร่า ลมหายใจหอบกระชั้น เขาแลกเปลี่ยนจุมพิตกับโรซาลิเอ ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า โรซาลิเอ...ข้ารักเจ้า กลิ่นอายและไอร้อนจากหญิงสาวผลักดันสติสัมปชัญญะให้พร่าพราย ตราบจนความสุขล้นแผ่ซ่าน หลงลืมความจริงภายนอกทั้งมวล หลงลืมทุกสิ่ง...ราวกับวิญญาณใกล้จะหลุดลอย ทว่าเขาไม่สนใจ

    เคลฟพร่ำรำพันอยู่อย่างนั้น เขากอดโรซาลิเอแน่นขณะหญิงสาวโอบกระชับกายของตนและดื่มด่ำกับความสุขอันท่วมท้น หัวใจเต้นแรงยามนึกถึงความรักที่มอบให้แก่กัน...

    นัยน์ตาสีเขียวปนน้ำตาลหลุบลงมองมือซ้ายของตนที่รั้งอยู่บนสะโพกกลมกลึง เห็นแหวนทองคำวงเก่าที่นิ้วนางนั้น มันถูกอาบด้วยหยาดน้ำใสวาววับ หยอกล้อแสงตะวันที่ลอดผ่านรอยต่อม่านทึบเข้ามา

    ชายหนุ่มหลับตาลง...เขาจะไม่คิดถึงอะไรอีก

    ข้า...รักเจ้า

    ตอนนี้เขามีโรซาลิเอ...เขามีเธอ และเธออยู่ตรงนี้ เธอคือคนรัก คือคู่หมั้นของเขา คือคนที่เขาปฏิญาณจะดูแลด้วยชีวิต และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีภยันตรายใดๆ เขาจะไม่จากเธอไป...

    เวลานั้น ทุกสิ่งภายนอกล้วนดูไร้ความหมาย

    มีแต่โลหิตสูบฉีดรุนแรงในกาย...ที่เป็นความจริง

     

                เวลาหัวค่ำ โรซาลิเอเดินมายังห้องสมุดประจำคฤหาสน์ด้วยรอยยิ้มเบิกบาน หญิงสาวชะโงกหน้าเข้าไปแล้วตะโกนว่า โรซามุนเด! เจ้าอยู่ในนั้นใช่ไหม

                ไม่มีเสียงตอบกลับ เธอจึงเดินผ่านตู้ชั้นวางไม้สูงตู้แล้วตู้เล่า จนกระทั่งดวงหน้างดงามหันมายังโซฟาไม้ที่มีเบาะบุผ้าหรูสีทองหม่น ฉากหลังนั้นเป็นม่านสูงปักทองที่ทิ้งตัวลงบดบังหน้าต่างมืดมิดตลอดแนวกำแพง

                โรซามุนเดในชุดกระโปรงสีชมพูที่มีจีบระบายประดับพองามนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวเอียงกายไปขีดเขียนอะไรบางอย่างในสมุดบนโต๊ะวางข้างกัน ใบหน้าสะสวยที่คล้ายคลึงกับพี่สาวฉายแววเคร่งขรึม ทำให้บรรยากาศดูเหมือนกับมีเกราะที่มองไม่เห็นกางกั้นอยู่รอบตัว ปกป้องโลกในความคิดส่วนตัวของเธอให้พ้นจากทุกสิ่งภายนอก ให้เหลือแต่ความจริงข้างใน

                เสียงฝีเท้าและชายกระโปรงเสียดสีดังแว่วผ่านโสตประสาท ทว่าโรซามุนเดยังคงไม่ขยับ ร่างอรชรเพียงแต่พลิกสมุดปกหนังสีดำปิดลงแล้วไสไปด้านข้าง ดวงตาสีเขียวมรกตเหลือบมองแวบหนึ่ง แต่หญิงสาวผู้น้องไม่ทักทาย ไม่พูดอะไร

                โรซามุนเด...ทำไมวันนี้เจ้าไม่ไปทานอาหารเย็นกับพี่หรือโรซาลิเอทิ้งตัวลงนั่งเคียงกัน ทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                ข้าไม่หิว โรซามุนเดพึมพำ หลุบตาลงมองพื้นโต๊ะว่างเปล่า

                มันเพราะว่าเคลฟมาที่นี่ใช่ไหมพี่สาวคนงามในชุดสีขาวนวลยิ้ม...อย่างเศร้าสร้อย

                ใช่ว่าเธอไม่รู้...ความรู้สึกของน้องสาวที่แทบทุกคนเห็นว่าเย็นชาและงดงามดุจแสงจันทร์ แท้จริงแล้วรุนแรงนัก เรื่องใดที่ทำให้โรซาลิเอต้องทุกข์ร้อน ไม่สบายใจ เรื่องนั้นจะทำให้อารมณ์ของโรซามุนเดต้องขุ่นมัวไปพร้อมกัน...มันอาจเป็นเพราะพวกเธอเติบโตมาด้วยกัน แม่ของเธอตายไปนานแล้ว และพ่อก็ตรากตรำทำแต่งาน จึงแทบจะมีแต่สองคนพี่น้องที่อยู่ในคฤหาสน์ใหญ่หลังนี้...แต่เพราะอะไรน้องสาวจึงรู้สึกขัดเคืองทุกครั้งที่เคลฟก้าวเข้ามา แม้เหตุการณ์นั้นจะมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย...โรซาลิเอไม่แน่ใจเหมือนกัน กระนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจเท่าใด

                มันไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเคลฟหรอกค่ะ... โรซามุนเดพูดเสียงเรียบ ท่านเคลฟก็แค่ผู้มาเยือนคนหนึ่ง ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของพี่ ข้าไม่ได้เห็นเขาเป็นอะไรมากกว่านั้น

                โรซามุนเด... ดวงตาของผู้เป็นพี่เบิกกว้างเล็กน้อย ทว่าไม่แย้งอะไร

                ครั้นแล้วโรซามุนเดก็เบือนหน้ามา ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มที่ไม่แน่ชัดว่าสื่ออารมณ์ใด ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ...ว่าพี่เองก็คิดไม่ต่างจากข้า

                เคลฟเป็นคู่หมั้นของพี่ โรซามุนเด หญิงสาวยืนยัน เขารักข้า...รักข้ามาโดยตลอด ถึงแม้เขาจะไม่เคยใส่ใจอะไรกับเธอ ถึงแม้เขาจะให้ความสำคัญกับชีวิตการงานและตำแหน่งอันรุ่งโรจน์ของตนมากกว่าคนรัก ถึงแม้เขาอาจจะลืมเลือนเธอไปบ้างเมื่อมีสิ่งอื่นสำคัญกว่าให้คิดถึง ถึงอย่างนั้น...เคลฟก็เป็นผู้ชายที่โรซาลิเอมั่นใจว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากเธอ

              ตราบใดที่สีน้ำตาลนี้ยังปรากฏในดวงตาของข้า...ข้าจะรักเจ้า จะปกป้องเจ้าด้วยชีวิต

                ...เขาเคยบอกไว้อย่างนี้...และเส้นสีน้ำตาลในดวงตาสีเฮเซลก็เกิดขึ้นเพราะคำสัญญาของเขาเช่นกัน โรซาลิเออาจไม่รู้ว่ามีสิ่งใดดลใจให้เคลฟมาหาเธอในวันนี้ แต่อ้อมกอดและคำรักของเขาล้วนมีแต่ความจริงที่ไม่อาจเคลือบแคลง

                แล้วจะให้เธอทำอย่างไร?

                ขนาดพี่ยังยืนยันว่าท่านเคลฟรักพี่...ข้าก็คงจะต้องเชื่อล่ะค่ะ โรซามุนเดย้อนคำ พลันกระตุกยิ้มเหยียด...รอยยิ้มที่ผู้เป็นพี่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นจากน้องสาว ว่าแต่พี่โรซาลิเอล่ะคะ...

                ข้ารักเขา!” โรซาลิเอหน้าซีด ปกติเธอไม่ใช่คนโกหก และบรรยากาศแปลกๆจากน้องสาวของเธอก็ทำให้ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ นอกจากยอมตามและพูดเพียงความจริง

                แล้วพี่คิดว่าข้าควรจะเชื่อไหม...

    ร่างอรชรตรงหน้าขยับมาคุกเข่า ก่อนจะคลานอย่างเชื่องช้าราวกับสัตว์ร้ายในป่าลึกจนคร่อมเหนือร่างพี่สาวที่เผลอทิ้งตัวลงนอนกับเบาะผ้าด้วยความตกใจ ชายผ้าสีชมพูจีบระบายทิ้งตัวลงเคลียกับผ้าขาวสะอาดโปร่งเบา เส้นผมสีทองสว่างตาที่ตรงเรียบดุจเส้นไหมร่วงลงปรกข้างขอบหน้า บดบังสีหน้าของโรซามุนเดที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน เหยียดหยาม มุ่งร้าย โกรธขึ้ง...ทว่าเปี่ยมไปด้วยความรักสุดหัวใจที่ไม่อาจปิดบังจากดวงตาสีมรกตคู่งาม

    แขนเรียวเท้ากับพื้นเบาะยึดไว้ไม่ให้โรซาลิเอได้ขยับ ครั้นแล้วร่างบอบบางก็เคลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนสัมผัสถึงไอร้อนจากลมหายใจ ดวงตาที่เหมือนกันจ้องลึกเข้าไปในจิตใจของอีกฝ่าย โรซาลิเอเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง นึกเกรงว่าน้องสาวจะทำสิ่งใดเกินเลย ทว่าโรซามุนเดไม่ได้ขยับใกล้เข้ามาอีก หญิงสาวจับจ้องอยู่อย่างนั้นพักใหญ่...ก่อนจะพูดว่า

    ข้าก็แค่อยากให้พี่มีความสุข...พี่จะรักใคร จะแต่งงาน จะใช้ชีวิตร่วมกับใคร ข้าขอแค่ให้พี่ได้มีความสุขจากใจจริง...ข้าขอแค่นั้น

    โรซามุนเดยิ้มอย่างอ่อนแรง

    แค่นั้น...พี่ให้ข้าได้ไหม

    ความเงียบทิ้งตัวครอบคลุมทั่วทั้งห้องสมุดคฤหาสน์ เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนแน่ใจว่าจะไม่มีคำตอบ โรซามุนเดก็ผละออกนั่งแล้วหยิบหนังสือสมุดมาถือไว้ก่อนจะเดินจากไป ดวงตาคู่งามจับจ้องผู้เป็นพี่จนกระทั่งร่างของหญิงสาวเคลื่อนลับจากขอบตู้ชั้นวางใหญ่หายไปจากสายตา

    โรซาลิเอยังคงนอนนิ่ง เส้นผมสีทองเป็นลอนคลื่นแผ่สยายเหนือเบาะผ้า ม่านตาดุจมรกตน้ำงามเหม่อมองเบื้องบน มีแต่เพดานขาวประดับเหลี่ยมมุมด้วยทองคำ และโคมระย้าที่ส่องประกายอยู่สูงสุดสายตา หากภาพที่เธอเห็นกลับมีมากกว่านั้น...

    พี่ให้ข้าได้ไหม... คำของน้องสาวยังคงดังก้องในโสตประสาท ภาพดวงหน้านวลกระจ่างดุจจันทราที่สื่ออารมณ์หลากหลายยังคงจารึกอยู่ตรงหน้า แม้บัดนี้โรซาลิเอจะอยู่คนเดียวในห้องสมุดอันกว้างใหญ่ แต่สัมผัสเมื่อครู่ยังคงค้างอยู่ในห้วงภวังค์

    ลำแขนผุดผาดขยับรั้งพนักโซฟาดันร่างขึ้นนั่ง โรซาลิเอจ้องมองไปเบื้องหน้า หอบหายใจแผ่วเบา ทุกประสาทสัมผัสปิดกั้นจากโลกภายนอก เหลือแต่ภาพภายในที่ยังคงติดพันอยู่ในใจ

    เมื่อน้องขอมาเช่นนั้น เธอจะให้น้องได้ไหม...เธอจะมีความสุขได้ไหม ตอนนี้ชีวิตของเธอก็เหลือแต่โรซามุนเดกับเคลฟ เธอจะต้องทำให้คนทั้งสองมีความสุข และเธอจะต้องมีความสุข...จะมีทางนั้นไหม

    มือข้างซ้ายยกชูขึ้นต่อหน้าดวงตาสีเขียวสด เห็นนิ้วนางอันว่างเปล่า

    นิ้วเรียวค่อยขยับกำแน่น โรซาลิเอหลับตา ใบหน้างดงามเปื้อนรอยยิ้มอันเต็มเปี่ยมด้วยความฝัน โลดแล่นอย่างสงบไปในห้วงความคิดอันไกลแสนไกล...

    เธอจะพยายาม...เธอจะมีความสุข เธอจะต้องเก่งยิ่งขึ้น...เธอจะต้องรักเคลฟ และจะแต่งงานกับเขา...เธอจะมีความสุข จะยืนหยัดอย่างสง่างาม และไม่ทำให้น้องสาวของเธอต้องเสียใจ...

    ภายในจิตใจของหญิงสาวเหลือจุดหมายแต่เพียงเท่านี้ โรซาลิเอคิดวนเวียน เพียรพร่ำบอกตนเองให้เชื่อเช่นนั้น จนกระทั่งสติสัมปชัญญะหลุดลอยสู่ห้วงนิทรา

    ...เธอจะต้องทำ เธอจะต้องเชื่อ...

    หากจิตใจที่ขัดแย้งกลับกระซิบบอกว่า เธออาจจะไม่มีวันนั้น

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×