ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Memory of Black Wing : ความทรงจำของปีสีดำ

    ลำดับตอนที่ #2 : ความทรงจำที่ 2 : พิราบดำ

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 52


     

                    เพดานสีดำ   พัดลมสีดำ   กับใยแมงมุมสีดำ...

                    เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวหลังจากตื่นนอน   แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาสว่างเสียจนแยงตาน่ารำคาญ   ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะลุกขึ้นไปปิดผ้าม่านให้สนิทดี   หรือจะนอนค้างอยู่อย่างนี้ให้ชินกับความเจ็บเสียก่อน   แต่แล้วความรำคาญก็เป็นฝ่ายชนะ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินจะไปปิดผ่านม่านให้สนิท

                     โลกภายนอกยังคงดำเนินไปอย่างไม่แสแยสิ่งใด

                    ใกล้ ๆ กับผ้าม่านนั้น เขาพบว่ามีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งถูกวางไว้อยู่    มีหัวข้อข่าวใหญ่ถึงเหตุฆาตกรรมใจกลางงานฉลอง   มีตำรวจตายไป 2 นักท่องเที่ยว 6   เขาพลิกหน้าถัดไป รายละเอียดอีกมากมายจากพยานและหลักฐานในที่เกิดเหตุ   มีการเชื่อมโยงการตายของผู้เสียชีวิตว่าอาจเกิดจากการขัดผลประโยชน์

                    ไม่นานนักเขาก็โยนหนังสือพิมพ์ลงบนเตียงแล้วปิดผ้าม่าน   เปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำออกมาดื่มอย่างกระหาย   จากนั้นจึงตรงไปยังอ่างล้างหน้าเพื่อล้างหน้าล้างตา 

                    มองดูตัวเองในกระจก   ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกเป็นชายวัยเกือบสามสิบ มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าในกระจกนั้น   แต่รอยยิ้มนั้นไม่ใช่ของเขา

                    “สวัสดี...พิราบดำ”

                   
    เขาเปิดก๊อกน้ำแล้วเริ่มต้นล้างหน้า

                    “ว่ายังไง กี่ศพแล้วล่ะ...”

                    มือทั้งสองยังคงวักน้ำล้างหน้า

                    “แล้วอีกกี่ศพที่จะตามมา...”

                    “หุปปาก...”

                    “ทำไม? งานของ...”

                    “กูบอกให้หุปปาก
    !”  

                    เสียงตะโกนดังสะท้อนก้อง   ภาพเงาสะท้อนในกระจกหยุดพูด แต่รอยยิ้มนั้ยังคงไม่หายไปจากใบหน้า   แต่ไม่นานนัก เงาในกระจกนั้นก็เริ่มพูดอีกครั้ง

                    “กูรู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่...”

                    เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดยา

                    “มึงคิดว่ากูเป็นภาพหลอน...”

                    มือที่หยิบยาออกมานั้นสั่นเทา

                    “แต่มึงก็รู้...”

                    เขาหยิบยาจากขวดนั้นยัดเข้าปาก

                    “รู้ดีกว่าใครด้วย...”

                    มือเอื้อมไปเปิดน้ำก๊อกแล้วดื่มไปพร้อมกับยา พริบตานั้นเอง เสียงจากเงาในกระจกก็หายไป เหลือแต่เงาในปัจจุบันของเขาเท่านั้น   เขาก้มหน้าลง ได้ยินแต่เสียงน้ำไหลจากก๊อกลงสู่ท่อ

                    แว่วเสียงหัวเราะของเงาในกระจก เขาเงยหน้าขึ้น   สบตากับบุคคลในกระจก

                    “ยาตัวนั้นไม่ช่วยมึงหรอก...”

                    เสียงกระจกแตกเพล้งดังกังวานภายในห้องน้ำ หมัดของเขากระแทกกระจกแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ   เศษกระจกจำนวนหนึ่งบาดมือของเขา อีกส่วนหนึ่งตกลงในอ่างล้างหน้า และอีกส่วนตกลงบนพื้น

                    น้ำจากก๊อกเริ่มไหลจนเอ่อท่วมอ่างล้างหน้าที่เต็มไปด้วยเศษกระจก   เขาเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำแล้วมองดูหยดเลือดที่ปะปนกับน้ำในอ่างล้างหน้า   กลุ่มเลือดสีแดงนั้นค่อย ๆ แตกกระจายจนกลืนหายไปเป็นสีแดงจาง ๆ

                    เขายังคงได้ยินเสียงหัวเราะจาง ๆ ดังมาจากเศษกระจกที่แตกไป
     
     
     


                    โลกนี้ดำเนินไปโดยไม่แยแสต่อสิ่งใด

                    แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าในช่วงหน้าร้อทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายนัก เขาเลือกที่นั่งตรงมุมหนึ่งในสวนสาธารณะเพื่อสูดอากาศ    มองผู้คนที่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอะไรผ่านไปผ่านมา   บางครั้งเขาก็คิดว่านี่เป็นการดีเหมือนกันที่ผู้คนต่างยุ่งแต่เรื่องของตัวเอง   ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวอะไรมากมายนอกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง

                    ยังเช้าอยู่พอสมควรทีเดียวสำหรับเวลานี้   ระหว่างทางเขาเลือกซื้อหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งมาเพื่อดูข่าวอย่างอื่น   แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าหนังสือพิมพ์ฉบับไหนต่างก็ลงข่าวเรื่องการตายของคนที่อยู่ในงานฉลองทั้งสิ้น    เขาตัดสินใจโยนมันทิ้งไปในชั่วไม่กี่อึดใจ   ไม่มีข่าวคราวใดดูเป็นอันตรายมากนัก

                    เกือบอาทิตย์มาแล้วที่เขาเลือกกบดานในเมืองแห่งนี้  การรอคอยให้เรื่องค่อย ๆ เงียบลงไปไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเท่าไหร่นัก   และถึงแม้จะมีปัญหาอะไรขึ้นมา อีแร้งจะส่งข่าวมาถึงเขาเอง

                    อีแร้งถือเป็นบุคคลลึกลับ   เขาคิดเอาไว้ว่าถ้าหากไม่ใช่ผู้ทรงอิทธิพลก็ต้องเป็นเศรษฐีย่อม ๆ คนหนึ่ง   การจะจ้างมือปืนไร้รากอย่างเขาไม่ใช่เรื่องง่าย   แต่กระนั้นอีแร้งก็สามารถเสาะหาตัวของเขาจนพบ และมีเงินก้อนมหึมาว่าจ้างในงานแต่ละครั้ง

                    โดยปกติเขาจะไม่รับงานแบบสุ่มสี่สุ่มห้า   แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่างานแต่ละชิ้นที่อีแร้งมอบหมายให้เขามานั้นแม้จะดูอันตราย   แต่ก็มีข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างอยู่ครบถ้วน   เขาเคยได้รับจดหมายอย่างไม่เป็นทางการมาพร้อมกับใบสั่งใบหนึ่งจากตำรวจจารจรที่โบกรถให้หยุด   เนื้อหาภายในจดหมายนั้นพูดถึงข้อเสนอให้เขาเข้าไปร่วมทำงานเป็นส่วนหนึ่ง   โดยกล่าวถึงผลประโยชน์มหาศาลที่เขาจะได้รับ

                    เขาตอบปฏิเสธไป

                    แต่กระนั้นเขาก็ยังคงทำงานให้กับอีแร้ง ทำงานตามใบสั่งที่ได้รับในแต่ละครั้ง หลบหนีไปกบดานในที่ ๆ ถูกแนะนำ   กระนั้นก็เป็นอิสระและไม่ถูกผูกมัด เขารู้ว่าตนเองถูกจับตาดูอยู่โดยคนของอีแร้ง   แต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะกังวล    เขายังมีประโยชน์ต่ออีแร้งอีกมากนัก   อย่างน้อย ๆ ก็ในช่วงเวลานี้

                    ผู้คนเริ่มบางตาลงเมื่อแสงอาทิตย์ทวีความร้อน   เขาตัดสินใจเปลี่ยนไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่   มันทำให้เขารู้สึกสงบได้อย่างน่าประหลาด   การเฝ้ามองดูคนที่ผ่านไปผ่านมากลายเป็นงานอดิเรกอีกงานหนึ่งที่น่าสนใจ   เขาตัดสินใจเฝ้ามองดูต่อไปอีกซักพัก

                    ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ดังขึ้น   เขาหยิบมันขึ้นมาดู   ปรากฎเป็นเบอร์โทรที่ดูคุ้นตา   เมื่อรับสายก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

                    “สวัสดีพิราบดำ”

                    “อีแร้ง?”

                    “ใช่ ผมเอง”

                    “คุณได้เบอร์นี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

                    “ตั้งแต่ที่คุณเปิดใช้การลงทะเบียน” เสียงปลายสายเจือความขบขัน “อย่างที่รู้ว่าการที่คุณไม่ตอบรับข้อเสนอที่ผมให้ไปทำให้คุณต้องถูกจับตามองเป็นพิเศษ”

                    เขานิ่งเงียบ

                    “คุณมีฝีมือ มีความสามารถพอที่จะเอาตัวรอดจากงานยาก ๆ ที่คนของเราทำไม่สำเร็จ    การแฝงตัวไปในงานเลี้ยงแบบนั้นไม่ง่ายเลยจริงไหม?   แต่คุณก็สามารถทำได้...แถมยังมีชีวิตรอดกลับมาเสียด้วย    บอกตามตรงผมประทับใจ...”

                    “คุณคงไม่ได้โทรมาเพื่อคุยสัพเพเหระ” เขาขัดขึ้น   “งานใหม่คืออะไร”

                    เสียงปลายสายหัวเราะ
    “สมกับเป็นพิราบดำจริง ๆ”
    เขาอดทนรอจนเสียงหัวเราะนั้นเงียบลง
    “สำหรับงานใหม่ของคุณ   เราส่งไปรออยู่ที่โรงแรมที่คุณพักแล้ว” น้ำเสียงของอีแร้งฟังดูเป็นงานเป็นการขึ้น “งานคราวนี้จะพิเศษกว่าทุกทีหน่อย คุณต้องทำงานร่วมกับคนของเรา”

                     “ทำไม”

                    “เพราะในโลกนี้มีสิ่งที่ไม่สามารถทำด้วยตัวคนเดียวได้” น้ำเสียงปลายสายฉายแววขบขัน  “แต่ฝีมือระดับคุณคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงมากนัก   เก็บมือถือนี้ไว้ แล้วผมจะติดต่อคุณไปวันหลัง”

                    “ผมยังไม่ได้รับปากว่าจะทำ”

                   
    อีกครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะ  “คุณไม่มีทางปฏิเสธงานชิ้นนี้หรอก”

                    น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น “อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้น”

                    “เพราะเราต่างก็มีสิ่งที่ต้องการจากกันไงคุณพิราบดำ”

                    สิ้นเสียงพูด สัญญาณมือถือนั้นก็ขาดหายไป   เขากัดฟันกรอด ความโกรธที่ไม่ได้รู้สึกมานานพุ่งพล่านอยู่ภายใน    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกบีบบังคับ   งานแต่ละครั้งของอีแร้งเต็มไปด้วยอันตรายเสมอ    แต่เขาก็ต้องจำยอมทำเพื่อแลกกับข้อมูลที่เขาเฝ้าตามหานาน

                    อีแร้งวางเงื่อนไขไว้ว่างานหนึ่งชิ้นต่อข้อมูลหนึ่งส่วน เขาไม่รู้ว่าอีแร้งเก็บงำข้อมูลนั้นไว้มากเท่าไหร่  ความกังวลใจที่รู้สึกเหมือนกับอีแร้งกำลังหลอกใช้กัดกร่อนจิตใจของเขา
    ดูเหมือนจะนานมากแล้วนับตั้งแต่เขาผันตัวมาเป็นมือปืนรับจ้างแบบนี้   ครั้งสุดท้ายที่เขาไม่ได้จับปืนเพื่อฆ่าคนคงจะราว ๆ ซัก 6 ปีแล้วกระมัง
                    6 ปีที่ดูเหมือนอีแร้งจะจับตาดูเขามาตลอด

                    เขาปิดมือถือแล้วเหม่อมองไปยังถังขยะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลออกไป   ใจหนึ่งเขานึกอยากจะปามือถือนี่ทิ้งไปเสีย แต่อีกใจหนึ่งก็ยังลังเลที่จะทำเช่นนั้น เขามาไกลเหลือเกิน... ไกลจนไม่แน่ใจว่าตอนนี้ควรจะหันหลังกลับหรือเดินหน้าต่อ

                    ท้ายที่สุดเขาก็เก็บมือถือนั้นลงกระเป๋า   แล้วเดินออกไปจากสวนสาธารณะ
     


     
                    กลับถึงโรงแรมหลังจากผ่านไปอีก 1 วัน เห็นชุดเอกสารวางไว้อยู่บนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมาดู   เป็นงานที่ส่งมาจากอีแร้ง

                    ภายในนั้นเป็นเนื้อหารายละเอียด  เป้าหมาย สถานที่ และเวลาที่เหมาะสมต่อการลงมือ    ที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากปกติคือจดหมายเกี่ยวกับผู้ร่วมงานอีกคนหนึ่ง

                    รายละเอียดมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย รหัสที่ใช้เรียกคือ “เขี้ยว”   ทำหน้าที่ระบุพิกัดของเป้าหมาย   ให้ใช้วิทยุสื่อสารโดยใช้ช่องสัญญาณที่ถูกเตรียมไว้ให้

                    เขาโยนเอกสารทั้งหมดลงบนเตียงแล้วหยิบปืนออกมา

                    ทำความสะอาดและตรวจสอบ    ปืนคู่ใจสีดำ   เพดานสีดำ   พัดลมสีดำ...

                    ใยแมงมุมสีดำนั้นหายไปแล้ว

                    เขาหยุดทำงานตรงหน้า   เดินเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำ    กระจกบานใหม่ถูกนำมาแขวนไว้ในที่เดิม

                    สบสายตากับบุคคลในกระจก   ไม่มีรอยยิ้ม   ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีแววตาเย้ยหยัน   เขาถอนหายใจแล้วเปิดน้ำล้างมือ   วักล้างหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปหยิบผ้าเช็ด

                    กลับมานั่งทำงานที่ค้างไว้ต่อ

                    ระหว่างทำงานไม่มีเสียงกวนจากบุคคลที่เขารอ   สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า

                    ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าผ่านไป   สั้นราวกับกระพริบนัยน์ตา   ปืนสีดำทั้งสองกระบอกวางอยู่ตรงหน้าในสภาพสมบูรณ์   หยิบกระสุนขึ้นมาส่องดูแล้วบรรจงใส่ลงไปแม็กกาซีน

                    เสียงของผิวโลหะกระทบกันเป็นจังหวะ

                    เมื่อเสร็จจากงานก็หยิบเอกสารบนเตียงมาดูต่อ    ประวัติและรายละเอียดของเป้าหมายคราวนี้สะดุดตากว่าทุกครั้ง   เป็นมาเฟียจากต่างประเทศ   เขาขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ   งานที่ผ่านมาไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับคนโลกมืดเต็มตัวเช่นนี้

                    ไล่สายตาไปตามบรรทัด   มองเห็นชื่อของชายชุดขาว   มองผ่านตาไป   ไม่มีอะไรสลักสำคัญน่าจดจำนัก

                    แว่วเสียงของบุคคลที่เขารอคอย

                    “สวัสดีพิราบดำ...”




    .........................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×