ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Theory I : ว่าด้วยจุดวุ่นวายของเรื่อง
ที่เมืองยาเวมีโรงเรียนพระราชาแห่งหนึ่งตั้งอยู่ อันที่จริงโรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้ชื่อ ‘โรงเรียนพระราชา’ จริง ๆ หรอก แต่มันถูกเรียกตามประวัติของผู้ที่เข้ามาศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งเมื่อส่วนใหญ่จบไปก็ล้วนแล้วแต่ได้เป็นใหญ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะตำแหน่งขุนนาง ยอดขุนศึก ผู้ปกครองหัวเมือง หรือแม้กระทั่งพระราชา
สาเหตุอีกประการหนึ่งเป็นเพราะชื่อของสถานศึกษาแห่งนี้มีความยาวเหยียดเหลือหลายเกินกว่าที่ผู้คนจะจดจำ จึงเรียกกันอย่างง่าย ๆ และสั้น ๆ ว่า “โรงเรียนพระราชา”
ละม้ายคล้ายกับว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างไรไม่ทราบ เมื่อโรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงขจรขจายมากขึ้นเรื่อย ๆ อาณาจักรแต่ละแห่งจึงมีการส่งรัชทายาทจริง ๆ ของตนเองเข้ามาศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้เป็นการลับ และเมื่อองค์รัชทายาทต้องเดินทางห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน แต่ละอาณาจักรก็ย่อมต้องส่งผู้อารักขาติดตามมาด้วย
ผู้อารักขาที่ว่านี้ก็เหมือนกับในนิยายทั่ว ๆ ไปที่มีอยู่เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง คือต้องมีอายุไล่เลี่ยกับท่านองค์รัชทายาท มีความสามารถหรือฝีมือสูงส่งพอควร แต่โดยมากแล้วก็เทพเทียบไม่ได้กับผู้ถูกอารักขาอยู่ดี จึงไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนอกจากเอาไว้เป็นตัวล่อ
ดังนั้นเพื่อให้เป็นการรอบคอบ แต่ละอาณาจักรจึงส่งคนของตัวเองมาอาศัยอยู่ในเมืองนี้อีกเสียด้วย มีนับตั้งแต่อัศวินผู้เก่งกล้ายันบาทหลวงผู้รับใช้ทวยเทพ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนปลอมตัวเข้ามาทำอาชีพหลอก ๆ ทั้งสิ้น พอหลาย ๆ คนจากหลาย ๆ อาณาจักรต่างใช้วิธีการเดียวกันจนเป็นมหกรรมสิ้นคิด ผู้ปกครองเมืองเล็งเห็นปัญหาใหญ่ที่จะตามมาในไม่ช้า จึงแบ่งแยกที่อยู่อาศัยของชาวเมืองกับผู้ที่ปลอมปนเข้ามาในทันที
ไม่นานนัก เมืองยาเวจึงมีเรื่องเล่าแปลก ๆ เกี่ยวกับประชากรที่อยู่รอบนอกเมือง อาทิ ชาวนาผู้ปราบมังกร พ่อครัวผู้ปราบปีศาจ บลา ๆ ไปถึงเรื่องแปลกประหลาดชนิดชาวสวนผู้สวดมนต์ไล่วิญญาณออกจากหุบเขาเงา
เรื่องราวเหล่านี้เป็นที่โจกขานและเล่าลือกันจนกู่ไม่กลับในที่สุด
เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน ที่ ๆ รวมบุคคลสำคัญไว้มากถึงเพียงนี่ย่อมเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่า เป็นธรรมดาสามัญที่พวกนักฆ่าเหล่านี้จะต้องเก่งเทพทัดเทียมองค์รัชทายาทหรือเหนือกว่า จะโง่ บ้า ใจร้อน หรือติ๊งต๊องไม่ว่ากัน ความสามารถพิเศษของคนพวกนี้คือแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน จนสามารถเข้าไปอยู่ในโรงเรียนพระราชาได้อย่างไม่ผิดสังเกต และด้วยความสามารถที่ล้นเหลือ (หากความไม่แตกก่อนว่าตัวเองเป็นนักฆ่า) การจะสังหารเป้าหมายนั้นมิใช่เรื่องยากเลย
แต่น่าเสียดาย นักฆ่าเหล่านั้นมักจะตกหลุมรักกับเป้าหมายทุกทีไป...
...กรณีที่นักฆ่าโดนว่าจ้างให้เป็นคนอารักขาก็ไม่ต่างเช่นกัน
กาลต่อมาเมื่อถึงจุดอิ่มตัวความหวาดระแวงของแต่ละอาณาจักร พันธะสัญญาจึงถูกร่างขึ้นอย่างคร่าว ๆ เพื่อเป็นการสงบศึกสงครามเย็นที่ดำเนินมาเนิ่นนาน โดยในสัญญาฉบับนั้นระบุให้แต่ละอาณาจักรส่งรัชทายาทของตนเข้ามาศึกษาในโรงเรียนพระราชานั้นซะ แม้ที่จริงจะไม่จำเป็นเพราะต่างก็ทำเป็นการลับกันอยู่แล้วก็ตามที แต่พันธะสัญญาฉบับนั้นก็ช่วยลดความขัดแย้งลงไปได้มาก แน่นอนว่าใคร ๆ ต่างก็แฮปปี้กันถ้วนหน้า เรื่องราวทั้งมวลจึงทำท่าจะจบลงด้วยดี
กระนั้นก็ตามเรื่องราวข้างต้นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอกของเราแม้แต่น้อย
พระเอกของเรา มีนามว่า ‘เภเรชู’ เกิด ณ อาณาจักรทูราทอร์น แต่ไม่ได้เป็นเจ้าชายรัชทายาท ไม่ได้เป็นลูกขุนนางศรีสง่ามั่งมี เป็นแต่เพียงลูกต๊อกต๋อยของกระยาจกนาม ‘เอชู’ ผู้ประกอบสัมมาอาชีพเป็นวนิพกร่อนเร่
ชีวิตของเภเรชูตอนเป็นเด็กนั้นค่อนข้างลำบากเอาการมากทีเดียว เพราะตนเองมีพ่อผู้อาศัยอยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง กระนั้นก็ตามความทรงจำในวัยเด็กของเขาก็ยังคงบริสุทธิ์สดใส สิ่งหนึ่งที่เขาพอจะจำความได้ คือทุกครั้งที่พ่อของตนจะต้องทำการโยกย้ายถิ่นฐาน จะต้องมีกองกระดาษจำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบแผ่นติดมาอยู่เรื่อยเสมอ และเมื่อเขาถามว่าแผ่นกระดาษเหล่านั้นคืออะไร บิดาของเขาก็จะตอบว่า
“จดหมายเรียกตัว”
ด้วยความที่เป็นเด็ก ประกอบมีจิตใจดี เภเรชูจึงคิดฝันไปว่าพ่อของเขาเป็นนักดนตรีที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ ออกเร่ร่อนเล่นดนตรีขับกวีเพื่อสานปณิธานของตน ความคิดฝันของเด็กน้อยล่องลอยไปไกลและภูมิใจพ่อของตนมากขึ้นอีกทวีคูณ
เมื่อเภเรชูได้เรียนหนังสือขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงสังเกตเห็นว่าในบรรดาจดหมายเรียกตัวของพ่อนั้นประกอบด้วยลายมือตัวบรรจง ลายมือหวัด ๆ และบางอันก็มีตราประทับของพระราชาเสียด้วย ครั้นเมื่อเขาสามารถอ่านออกเขียนได้โดยสมบูรณ์ เด็กชายจึงได้รับรู้ว่าในบรรดาจดหมายเรียกตัวนั้น แท้จริงแล้วประกอบด้วย
1. ใบแจ้งหนี้จากร้านเงิน
2. จดหมายขู่ฆ่า
3. หมายจับประทับตราพระราชา
ความจริงอันโหดร้ายทำให้เภเรชูต้องเปลี่ยนมุมมองพ่อของตนใหม่ หลังจากที่เขาเริ่มโตขึ้นจนพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงได้ข้อสรุปว่าพ่อของเขานั้นเป็นนักพนันตัวยง ติดเหล้า และปากดีหาเรื่องอย่างไม่มีใครเทียบ แถมด้วยอาการเจ้าชู้หัวงูด้วยอีกต่างหาก
ไม่กี่เดือนถัดมา ระหว่างอยู่ในร้านเหล้าช่วงการเดินทางจากยาเวสู่โดลกูลดาน เอชูก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ลูกโว้ย ข้าเบื่อว่ะ รีบไปให้ถึงที่กันเร็ว ๆ เถอะ” แล้วก็เร่งรีบลากเด็กชายตัดตรงไปยังกระท่อมที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากตัวเมืองยาเว
ที่แห่งนั้นเองที่เภเรชูได้พบกับ ‘เธา’ เป็นครั้งแรก
อีกไม่กี่วันถัดมา เขาก็ได้เป็นลูกศิษย์ของเธา
-----------------------------------
เฮ้อ...เป็นเรื่องที่ขุดขึ้นมาจากกรุด้วยอารมณ์ยิ้มแย้มกับเกรด - w -"
เกรดออกแล้ว แฮปปี้บานเบอะ น้องหมาผู้น่ารักของช้านนนน แข็งแรงกันดีนะ เอาปลาไปกินหน่อยดีมั้ยเนี่ย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น