ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่พร้อมกระเป๋าสุดวิเศษ[Yaoi](มีอีบุ๊ก)

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่7 ฟื้นฟูภูเขาหลังบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 66


     

    พรึบ ซ่า

    “อ๊าาา เกือบแล้วววว”

    ก้อนน้ำที่โม่ฟินบังคับเกิดแตกออกกลางทางก่อนจะถึงต้นไม้ เด็กชายจึงร้องออกมาด้วยความเสียดาย เขาเพ่งจิตไปที่การเคลื่อนที่มากไปจึงทำให้ก้อนน้ำแตกออก

    “เคลื่อนที่งั้นหรอ งั้นใชัลมช่วย น่าจะได้”

    เด็กชายที่สะดุดกับความคิดเรื่องการเคลื่อนที่จึงทำให้นึกออกถึงการที่เขาลอยตัวในอากาศ เขาลองทำก้อนน้ำอีกครั้ง ควบคุมก้อนน้ำจนกลายเป็นก้อนใหญ่กลมๆ ลอยขึ้นเหนือน้ำ เพ่งพลังลมไปที่มืออีกข้างแล้วควบคุมให้พลังทั้งสองทำงานประสานกันไป เมื่อสามารถบังคับให้ก้อนน้ำลอยมาเกินครึ่งทางแล้ว เด็กชายก็ยิ้มออกมาแก้มปริ แล้วก็สามารถรดน้ำต้นไม้ได้สำเร็จ จึงรดน้ำต้นไม้บริเวณพื้นที่ของเขาที่มีอยู่ห้าต้นได้สำเร็จ โดยแต่ละต้นก็รดไปสองสามรอบ

    เด็กชายไม่ปล่อยเวลาในล่วงเลยไปเปล่าๆ เขายังควบคุมน้ำรดไปทั่วพื้นที่ของเขาโดยครั้งนี้ง่ายกว่า เขาแค่บังคับให้น้ำเคลื่อนตัวไหลซึมไปในดินรอบๆ ไม่ต้องยกขึ้นเหมือนตอนทำก้อนน้ำ จนสัมผัสได้ว่าดินในพื้นที่ของเขาอุ้มไปด้วยน้ำแล้ว จึงเลิกใช้พลังแล้วเดินเข้าไปในบ้าน

    เดินเข้ามาในบ้านก็มองสำรวจบ้านที่ยังปกคลุมไปด้วยฝุ่นทุกอณู แต่ว่าบ้านนี้ไม่มีไม้กวาดหรือไม้ปัดฝุ่นเลย

    “สงสัยต้องใช้พลังอีกแล้ว”

    โม่ฟินพูดกับตัวเองอย่างปลงๆ สงสัยเขาต้องเข้าเมืองไปซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มอีกหลายอย่าง แต่ตอนนี้ใช้พลังไปก่อนละกัน เขาเลือกใช้พลังลมในการจะทำความสะอาดบ้าน เรียกพายุหมุนลูกเล็กๆ ขึ้นมาที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วปล่อยลงไปในห้องนอนกับห้องครัว ควบคุมให้มันหมุนเอาฝุ่นละอองต่างๆ ไปรวมไว้ในตัวมัน เนื่องจากบ้านนี้มีเพียงของใช้เป็นไม้ไม่กี่อย่างและหนักเกินที่พายุหมุนลูกเล็กๆ จะดูดไปได้ จึงมีเพียงฝุ่นที่ถูกดูดไป เมื่อเห็นว่าฝุ่นออกไปหมดแล้ว ก็ควบคุมให้พายุหมุนฝุ่นสองลูกลอยออกไปจากบ้านสักระยะหนึ่งแล้วคายพลังออก แล้วก็ทำแบบเดิมอีกครั้งกับห้องตรงกลาง จนบ้านทั้งหลังสะอาดปราศจากฝุ่น แต่ก็ยังมีคาบดินอยู่ที่พื้นอยู่

    เด็กชายหยิบผ้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสุดที่รัก มันเป็นผ้าที่ห่อเสื้อผ้าตอนที่เขาไปซื้อชุดที่ร้าน เขาจะใช้มันในการถูทำความสะอาดพื้นและเช็ดโต๊ะเก้าอี้ เมื่อได้ผ้าก็เดินอ้อมไปที่ตุ่มน้ำสองใบที่ยังว่างเปล่าอยู่ เขาก้มลงไปสำรวจข้างในไม่เห็นรอยรั่ว เขาหันไปมองน้ำในบ่อที่เริ่มใสแล้ว เด็กชายยื่นมือไปที่บ่อน้ำใช้พลังบังคับก้อนน้ำให้ลอยมาเข้าที่ตุ่มสองใบจนเต็ม

    “ไม่มีขันน้ำอีก ต้องจดไปในรายการของต้องซื้อแล้ว”

    เด็กชายจึงใช้มือกวักน้ำออกมาจากตุ่มที่มีน้ำเต็มแล้วมาทำให้ผ้าเปียกแทน แล้วก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อทำความสะอาดต่อ เดินเข้าเดินออกบ้านหลายรอบ จนบ้านทั้งหลังสะอาดเอี่ยมแล้ว จึงนั่งพักผ่อนที่เก้าอี้กลางบ้าน แล้วหยิบน้ำขึ้นมากินแก้เหนื่อย

    “หิวแล้ว กินซะหน่อยดีกว่า”

    เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบบะหมี่ผัดออกมากิน บะหมี่ผัดเป็นอีกเมนูที่อร่อยมาก และมันก็ยังร้อนเหมือนตอนที่เขาใส่มันลงไป

    “อ๊า เห็นแล้วหิวจริงๆ วันนี้กินบะหมี่ผัดพรุ่งนี้กินบะหมี่น้ำ สุขใจจังเอยยย”

    เด็กชายพูดอย่างมีความสุขแล้วลงมือกินบะหมี่ผัด แต่ปากก็ยังบ่นถึงของกินอย่างอื่นอยู่ ตอนที่เขาเจอร้านบะหมี่เข้าก็พุ่งตรงเข้าไปหาทันที สั่งบะหมี่น้ำกับบะหมี่ผัดใส่ห่อกระดาษมา เขาเก็บบะหมี่ผัดเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วไม่ให้ใครเห็น พอถึงคิวบะหมี่น้ำเขามองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครสนใจก็ตั้งจิตเก็บเข้าและดึงออกอย่างรวดเร็ว เพียงเสี้ยวลมหายใจ แล้วก็ลงมือกินบะหมี่น้ำแสนอร่อยอย่างมีความสุข

    เด็กชายกินบะหมี่ผัดจนเสร็จก็ถอดเสื้อผ้าออกจะไปอาบน้ำ แต่พอเดินไปที่ตุ่มก็เจอปัญหาเดิม ไม่มีที่ตักน้ำอาบ เด็กชายจึงหันไปหาตัวเลือกที่สองแทน ซึ่งก็คือบ่อน้ำที่มีน้ำเต็มแล้ว เขาแก้ผ้าจนหมดแล้วกระโดดลงไปว่ายน้ำเล่นอย่างมีความสุขทันที ไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น เพราะแถวนี้ไม่มีใคร

    เด็กน้อยใช้เวลาเล่นน้ำไม่นานก็ขึ้นมาเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ส่วนชุดเก่าเขาก็นำไปซักแล้วตากไว้ที่ต้นไม้ เข้าไปในห้องนอนสำรวจที่นอนที่อยู่บนเตียง ลองเอามือตบๆ ดูก็เห็นว่าไม่มีฝุ่นออกมาเลย ดูเหมือนพายุหมุนดูดฝุ่นจะทำงานได้ดีมากๆ เขาล้มตัวลงนอนบนที่นอน แล้วพักสายตาสักครู่

    ไม่นานเด็กชายก็หลับลึกไป ร่างกายของเด็กสิบขวบปีที่ทำงานมาอย่างหนักถึงแม้จะมีพลังช่วย แต่การใช้พลังก็ไม่ได้แปลว่าจะใช้ได้ง่ายๆ มันย่อมส่งความเหนื่อยล้าให้กับร่างกายอยู่แล้ว เด็กชายหลับยาวไป 8ชั่วโมงเต็ม ตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน

     

    ดวงตาคู่เล็กค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ก็พบกับความมืดมิด จึงรู้ว่าตัวเองนอนมาจนตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว เขาจึงปิดตาลงนอนต่อด้วยความง่วง ถึงตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว และมืดๆ แบบนั้นก็ทำอะไรลำบาก

     

    เด็กชายตื่นขึ้นมาอีกที ท้องฟ้าก็ยังมืดอยู่ แต่มีเสียงนกที่ร้องขึ้นมาให้ได้ยินบ้าง ก็ทำให้เขารู้ว่าอีกไม่นานคงเช้า เขานั่งปรับสายตาให้ชินกับความมืดก่อน ถึงจะลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก พอเดินออกมาข้างนอก ท้องฟ้าที่มืดแต่ไม่ถึงกับสนิทจนมองอะไรไม่เห็น ยังพอมีแสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เขานั่งขัดสมาธิลงในที่โล่งหลังบ้าน นั่งทำสมาธิเพื่อตรวจดูพลังที่อยู่ในร่างกาย

    ไม่นานโม่ฟินก็สัมผัสได้ถึงพลังสองอย่างในร่างกายที่อยู่บริเวณท้อง เขาสัมผัสได้ว่าก้อนพลังสีขาวมีการขยายตัวขึ้น จากเมื่อวานที่มีขนาดเท่าลูกแก้วลูกเล็กๆ แต่ตอนนี้ใหญ่ขึ้นเท่าลูกปิงปองแล้ว ส่วนก้อนพลังสีเขียวยังขนาดเท่าลูกแก้วเช่นเดิม คงเป็นเพราะเขายังไม่ได้ใช้พลังนั้นเลย โม่ฟินจึงลองใช้พลังพฤกษาที่เขามีทันที

    ขั้นแรกเขาก็กำหนดสมาธิดึงพลังพฤกษาให้ขยายออกไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ให้ขยายขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายในจิตสัมผัสปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียวทั้งร่าง เขาควบคุมให้พลังแทรกซึมไปทั้งอณูของร่างกายที่เซลล์ทุกเนื้อเยื่อ ที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะเปลี่ยนให้ร่างกายของเขาเป็นเหมือนยาวิเศษเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ และทำสิ่งอื่นๆ ได้โดยแค่สัมผัสแต่ก็ต้องหาดูว่าพลังพฤกษาทำอะไรได้บ้าง

    ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ร่างกายของเด็กชายก็คุ้นชินกับพลังพฤกษาที่ไหลเวียนในตัว เขาลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าแสงอาทิตย์กำลังสาดส่องมาจากข้างหลังภูเขาที่อยู่ตรงหน้าเขา ตั้งสมาธิแล้ววางมือลงสัมผัสผิวดินที่เขานั่งอยู่ ตั้งจิตแล้วแผ่พลังลงไปที่ผิวดินแล้วคิดให้มันขยายครอบคลุมไปทั้งเขตพื้นที่ของเขา

     

    โม่ฟินนั่งส่งพลังไปเรื่อยๆ จนแสงอาทิตย์กระทบที่ใบหน้า เขาลืมตาขึ้นมาดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงทักทายยามเช้าจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ที่ขึ้นสูงกว่าภูเขาหลังบ้านแล้ว ก็คงจะประมาณแปดโมงเช้าแล้ว

    เด็กชายปรับสายตารับแสงยามเช้า หยุดส่งพลังแล้วลุกขึ้นยืนเดินสำรวจพื้นที่ดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โม่ฟินสังเกตเห็นว่าต้นไม้ในที่ของเขามีการเปลี่ยนแปลง มันเริ่มมีสีเขียวๆ เล็กให้เห็น จึงเดินเข้าไปดูใกล้ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็รู้สึกถึงความสูงของต้นไม้

    “ทำไมร่างกายนี้ถึงได้เตี้ยจังนะ”

    เด็กชายวัยสิบขวบบ่นร่างกายตัวเอง แล้วค่อยๆ ควบคุมพลังให้ตัวเองลอยขึ้นไปบนอากาศ จนถึงความสูงที่ต้องการ เขาก็ยื่นหน้าเขาไปดูบริเวณกิ่งของต้นไม้ที่มีสีเขียวๆ เกิดขึ้น มองเห็นตาไม้อ่อนๆ กำลังแทงตัวออกมาจากกิ่งไม้ที่ไม่ได้แห้งเหมือนเมื่อวาน ต้นไม้เริ่มดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เปลือกไม้ที่แห้งเมื่อวานกับชุ่มชื่นขึ้น โม่ฟินคิดว่าอีกไม่นานต้นไม้จะผลิใบออกดอกแน่นอน

    เด็กชายสำรวจดูต้นไม้ทุกต้น ต้นไหนที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงก็ส่งพลังเขาไปเพิ่มณตอนนั้นเลย เขาทำการรดน้ำต้นไม้และพื้นที่ว่างอีกครั้ง กินเวลาไปเกือบครึ่งวันแล้ว

    ช่วงบ่ายโม่ฟินนำตำราหลายๆ เล่มที่ซื้อมาจากในเมืองออกมาอ่านทั้งหมด แล้วลองฝึกเขียนตัวอักษรจากตำราที่อ่านมา ไม่นานเขาก็สามารถเขียนได้คล่อง จะติดก็ตรงที่มือเล็กๆ ของเขาตอนนี้

    เด็กชายใช้เวลาของช่วงบ่ายก็หมดไปกับการศึกษาตำราอ่านหนังสือจนล่วงเลยมาถึงเย็น เขากินมื้อเย็นเสร็จก็เดินไปรอบๆ พื้นที่ เขาสำรวจรั้วบ้านที่เป็นเพียงไม้ขัดกันไว้ คิดจะสร้างรั้วบ้านใหม่ที่แข็งแรงขึ้นโดยใช้ธาตุดิน โม่ฟินยืนคิดคำนวณเกี่ยวกับความสูงและขนาดของกำแพงดินที่จะสร้าง จนได้ขอสรุปว่าเขาจะสร้างกำแพงที่หน้าบ้านก่อน สูงสัก2เมตร เพื่อกันคนภายนอกไม่ให้มองเห็นข้างในได้ ส่วนๆ รอบๆ จะใช้เป็นพืชที่สามารถเติบโตเป็นรั้วได้ และเขาก็มีพืชในใจหลายอย่างที่อ่านเจอมาในตำรา ในอนาคตเขาจะซื้อพื้นที่รอบๆ บ้านเขาให้หมด เพราะที่มองดูรอบๆ แล้ว บ้านก็ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาที่ล้อมรอบไว้ทั้งซ้ายขวาและหลัง เขายังคิดอยู่ว่าคนที่มาซื้อที่แล้วสร้างบ้านที่นี่คิดอะไร พื้นที่อับขนาดนี้ไม่แปลกใจที่ไม่มีใครจะอยู่ได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นข้อยกเว้น

    คืนนั้นก่อนนอนเด็กชายก็มานั่งสมาธิปล่อยพลังพฤกษาเยียวยาพื้นที่โดยรอบอีกครั้ง คิดว่าถ้าเขาสามารถฟื้นฟูภูเขาและป่าแห้งแล้งรอบบ้านได้ สิ่งแวดล้อมรอบบ้านจะเปลี่ยนไปเยอะ สัตว์ป่าจากที่ห่างไกลอาจจะเดินทางมายังที่ของเขาแต่คงใช้เวลาหลายปี

    โม่ฟินเข้านอนเมื่อปล่อยพลังเสร็จแล้ว พรุ่งนี้แผนของเขาก็คือจะไปสำรวจป่าที่แห้งแล้งหลังบ้าน เขาคิดจะไปหากล้าไม้เล็กๆ มาปลูกรอบบ้าน เพียงขอแค่มีไม่ว่าจะใกล้ตายแค่ไหนเขาก็ช่วยเยียวยาได้อยู่แล้ว

     

     

    เช้าวันต่อมาเด็กชายกินมื้อเช้ามากกว่าเดิมนิดหน่อยเพื่อเพิ่มแรงในการเดินทางและแรงในการใช้พลังด้วย มีเพียงกระเป๋าสุดที่รักติดตัวในการเดินเข้าป่า ตลอดทางที่เดินไปเขาก็ปลดปล่อยพลังพฤกษาเยียวยาบริเวณรอบๆ ที่เดินผ่าน แต่เขาพึ่งฝึกพลังได้แค่วันเดียวพลังของเขาจึงแผ่ออกไปแค่ระยะห่างหนึ่งเมตรจากตัวเท่านั้น แต่ก็ดีมากแล้ว แค่ต้องเดินให้ทั่วหน่อยเท่านั้น

    เด็กชายเดินสำรวจป่าไม้แห่งนี้ไปได้ระยะหนึ่งก็ยังไม่เจอกล้าไม้ต้นเล็กๆ เลย ดูเหมือนบริเวณรอบนอกจะแห้งแล้งมากกว่าส่วนลึกของป่า ตลอดทางจึงเพิ่มพลังเข้าไปมากหน่อย จนสุดพื้นที่ป่าช่วงตีนเขา เด็กชายเดินขึ้นไปตามทางลาดของเชิงเขา พร้อมกับสำรวจหาสิ่งที่ต้องการและน่าสนใจไปด้วย

    เด็กชายหยุดพักบริเวณต้นไม้ต้นหนึ่งเขาหยิบกระบอกน้ำออกมากิน เมื่อกระดกกิน เขาไม่ระวังจึงทำให้น้ำหกลงพื้นรดโดนเสื้อผ้าบางส่วน เขามองตามน้ำที่หกลงพื้นและเห็นว่าน้ำถูกดูดซึมลงไปในดินอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีมาก่อน จึงคิดขึ้นมาได้ต่อให้ใช้พลังพฤกษาเยอะเท่าไร แต่พื้นที่แห้งแล้งขาดน้ำแบบนี้ปล่อยพลังให้ตายต้นไม้ก็ไม่มีวันรอด เขาเงยหน้ามองฟ้า มีเพียงแสงแดดที่สาดส่องลงมา ไม่มีแม้ก้อนเมฆสักก่อน พื้นที่แทบนี้ถูกแสงแดดสาดส่องทุกวันจนน้ำที่มีเหือดแห้งไปหมด

    เด็กชายออกเดินขึ้นไปภูเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาใช้พลังธาตุน้ำสัมผัสหาน้ำที่อยู่ใต้ดินไปรอบๆ เดินขึ้นเขาลงเขาเพื่อหาน้ำเป็นเวลานานก็ไม่เจอ จนเดินไปยังภูเขาที่อยู่แทบทางซ้ายของบ้านบ้าง ลงไปที่ป่าตีนเขา เดินหาน้ำจนในที่สุดก็เจอ

    เด็กชายมองดูร่องรอยของทางน้ำเก่าที่เหือดแห้งไปแล้ว เขาเดินขึ้นไปตามแนวของทางน้ำและตามสัมผัสที่รู้สึกถึงน้ำ เดินมาสักพักก็เจอกับสิ้นสุดของร่องน้ำที่ดูเหมือนเป็นแอ่งน้ำวงกลมลึกไม่มากแต่ไม่มีน้ำอยู่เลย แต่สัมผัสได้ว่ามีน้ำรวมตัวอยู่เป็นจำนวนมากใต้ดิน เขานั่งข้างแอ่งน้ำเก่าแล้วยื่นมือไปข้างหน้า ส่งพลังเรียกน้ำที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาทันที

    เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจมวลน้ำจำนวนมากก็พุ่งขึ้นมาดังน้ำพุทันที โม่ฟินยิ้มดีใจเมื่อสามารถทำได้ เขาใช้พลังธาตุดินขุดขยายแอ่งน้ำให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับมวลน้ำที่กำลังขึ้นมาไม่หยุด ตั้งสมาธิตรวจสอบน้ำที่ไหลออกมา ส่งพลังเข้าไปสัมผัสลึกไปยังที่อยู่ของน้ำ จนได้เรื่องว่ามันเหมือนเป็นแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ดินต่อมาจากอีกแห่งที่อยู่ห่างไปหลายกิโลเมตร แต่ป่าตรงนั้นกับที่โม่ฟินอยู่เหมือนถูกตัดขาดออกจากกันด้วยเหตุบางอย่าง

    “ถ้าขึ้นถึงยอดเขาอาจจะมองเห็นเขตแนวป่าได้”

    โม่ฟินลืมตาขึ้น พูดกับตัวเอง อยากเห็นว่าพื้นที่รอบๆ นี่มันเป็นยังไงสิ้นสุดแค่ไหน เพราะเขาเห็นเพียงภูเขาสามลูก รอบบ้านเท่านั้นแต่ไม่เห็นเขตป่าทั้งหมด เขามองน้ำที่ไหลไปตามร่องน้ำ ไม่ได้หยุดการไหลของน้ำ ยังปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ให้มากที่สุด เขาเดินกลับไปตามทางเดิมที่เดินตามร่องน้ำมา ตลอดทางที่เดิน ก็ใช้พลังขยายร่องน้ำให้ใหญ่และลึกขึ้นไปด้วย

    “จะเป็นไปได้ไหมนะ”

    โม่ฟินพูดกับตัวเองตอนนี้เขายืนอยู่ตรงสุดทางน้ำ แต่ทางน้ำไปไม่ถึงภูเขาอีกสองลูกข้างๆ จึงคิดจะทำทางน้ำไหลต่อไปจนถึงภูเขาอีกสองลูก มันคงเป็นงานที่หนักมากๆ และอาจใช้เวลานาน แต่ถ้าทำสำเร็จภูเขาสามลูกก็จะไม่แห้งแล้งเหมือนเมื่อก่อนที่ผ่านมา

    “เอาวะถึงไงก็ว่างอยู่แล้ว”

     

     

    **************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×