คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่13 เติบโตขึ้น
“สวัสดียามเช้าครับดอกไม้ เป็นไงกันบ้างครับ สวยกันทุกต้นเลย”
โม่ฟินตื่นเช้าวันใหม่เขาทำกิจวัตรเดิม ฝึกต่อสู้ ออกกำลังกาย อาบน้ำ ที่ต่างก็คือวันนี้เขาสำรวจสวนและพูดคุยกับต้นไม้ดอกไม้รอบๆ บ้านไปด้วย เขาสำรวจดูว่ามีต้นไหนแปลกจากเพื่อนรึเปล่าหรือมีต้นไหนที่กำลังจะตายหรือไม่ แต่ก็ไม่มีถึงมีก็พร้อมช่วยให้กลับมาแข็งแรงได้ทันที
“รั้วเป็นยังไงบ้าง”
เขาเดินมายังรั้วบ้านที่เมื่อก่อนเป็นเพียงไม้แห้งๆ ขัดกันไว้แต่ตอนนี้เขาเอาต้นไม้ที่เป็นไม้พุ่มและไม้รั้วมาปลูกรอบๆ ตลอดรั้วบ้าน สังเกตการเจริญเติบโต ต้นไม้สามารถเลื้อยไปบนรั้วไม้อันเก่าได้ไหม เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยก็รดน้ำต้นไม้ด้วยพลังธาตุ
“อรุณสวัสดิ์คุณแม่หางลาย จุ๊บ”
เด็กชายเดินเข้าบ้านและไปทักทายยามเช้ากับสมาชิกในบ้าน เริ่มต้นด้วยคุณแม่แมวคนสวยและตามด้วยลูกแมวทุกตัว
“อรุณสวัสดิ์น้องส้ม จุ๊บ น้องนิล จุ๊บ น้องนวล จุ๊บ น้องสามสี จุ๊บๆๆ”
โม่ฟินอุ้มลูกแมวขึ้นมาทีละตัวแล้วจุ๊บลงที่หัวเป็นการทักทายแล้วก็จับให้พวกมันขึ้นมาเดินบนตัว เขาเล่นกับแมวอยู่สักพักก็พาหางลายออกไปกินข้าวเช้า กว่าจะกินข้าวล้างชามเสร็จก็เกือบแปดโมงเช้าแล้ว เขาที่ไม่มีอะไรทำจึงออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าน
เดินมาสักพักก็เห็นความแตกต่างระหว่างต้นไม้ในรั้วบ้านและข้างนอก ถึงข้างนอกจะเริ่มมีหญ้าเขียวๆ ขึ้นมากแล้ว แต่ก็มีเพียงหญ้ากับต้นไม้ไม่กี่ต้น เขาลอยออกไปข้างนอกข้ามรั้วบ้านออกไป เขาสำรวจลักษณะดินและความชื้นในดินดู ดินข้างนอกบ้านมาความชื้นมากขึ้นแล้ว คงได้รับน้ำมาจากในบ้านและจากบนภูเขาด้วย
“ปลูกต้นไม้ดีกว่า ว่างเกินไปไม่ดี”
โม่ฟินไม่รอเวลาเขาหยิบหมวกประจำกายออกมาเตรียมพร้อมทำงานทันที ใช้พลังในการขุดดินแล้วหยิบต้นไม้แบบสุ่มๆ ออกมาจากในกระเป๋าสุดที่รัก เขาขุดและปลูกไปเรื่อยๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ทำไปเพลินๆ ในที่สุดก็ปลูกต้นไม้จนทั่วบริเวณที่ว่างข้างบ้าน และตลอดที่ปลูกต้นไม้ร่างกายของเขาที่มีพลังพฤกษาไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็ปลดปล่อยพลังออกมาสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นไม้ทุกต้นและทุกที่ที่เดินไปได้รับพลังนี้ธรรมชาติกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
6 เดือนผ่านไป
“ฮึบ ย้าาา ฮึบ ย้าาา”
เสียงเด็กผู้ชายดังขึ้นเหนือพื้นดิน ถ้ามีใครมาเห็นคงตกใจที่มีร่างกายของเด็กวัยประมาณสิบกว่าๆ กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับออกท่าทางการต่อสู้ไปด้วย ร่างกายที่พลิ้วไหวดังสายลม แม้ดูพลิ้วไหวไม่น่าส่งผลอะไรเมื่อโดนกระบวนท่านั้น แต่กลับกันเลยเพราะทุกกระบวนท่าที่เด็กชายฝึกฝนและออกลวดลายมีความร้ายกาจแฝงอยู่ เด็กชายใช้สิ่งที่เรียนรู้จากโลกนี้และความทรงจำเมื่อชาติก่อนมาผสมผสาน จนถ้ามีคนมาเห็นจะไม่รู้จักบางกระบวนท่าที่เขาใช้
พรึบ ฟี๊วววว
เพียงไม่ถึงอึดใจในมือของเด็กชายก็มีดาบไม้เล่มหนึ่งปรากฏออกมาอยู่ที่มือ เด็กชายออกกระบวนท่าวาดลวดลายตามความเคยชินที่ฝึกมาตลอดหลายเดือนทันที ท่วงท่าที่งดงามหาดูได้ยาก ยังคงความพลิ้วไหวและสวยงามแต่ก็แฝงไปด้วยความอันตราย
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง โม่ฟินก็ลงมายืนที่พื้นดิน เขาส่งดาบไม้เล่มงามเก็บใส่กระเป๋า มันเป็นดาบไม้ที่เขาทำขึ้นมาเองเมื่อต้องการที่จะฝึกศิลปะการต่อสู้ที่ต้องใช้ดาบ เขาประดิษฐ์อาวุธอื่นๆ มาใช้ในการฝึกด้วยตนเองเช่นดาบ และกระบอง เขาเดินไปที่เสาต้นหนึ่งในบ้านที่มีขีดบอกระยะอยู่ และมีร่องรอยการขีดเขียนเป็นตัวเลขวันบอกไว้ เขาเดินไปทาบหลังลงกับเสาไม้ ในมือหยิบไม้แผ่นบางๆ มาทาบลงบนผม
“โอเค 132 cm”
โม่ฟินหยิบดินสอที่เขาทำเองออกมาขีดเขียนลงบนเสาไม้ ผ่านมาหกเดือนจากความสูงประมาณ110cm เขาสูงขึ้นมากและยังไม่หยุดสูง เพราะเป้าหมายของเขานั้นยังอีกไกล อาศัยการออกกำลังและฝึกฝนอยู่เป็นประจำเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย กินอาหารให้ครบ5หมู่ บางอย่างที่ไม่มีเขาก็ต้องหาอะไรมาทดแทนจัดให้ได้5หมู่อย่างน้อยสองมื้อให้ได้
เมี๊ยวววว เมี๊ยวววว
“ไง หิวกันแล้วใช่ไหม”
โม่ฟินที่เข้าบ้านมาได้ไม่นานก็ถูกห้อมล้อมด้วยสัตว์ขนฟูถึงห้าตัวที่มาคลอเคลียที่ขาของเขาพร้อมส่งเสียงร้องทักทายทันที
“ไงน้องส้ม หิวแล้วใช่ไหม กินอะไรดีวันนี้”
เมี๊ยวววว
“ป่ะ ไปกัน”
เด็กชายก้มลงไปอุ้มแมวสีส้มที่มีลายริ้วอยู่ตามตัวขึ้นมาแนบออกพร้อมกับลูบขนไปมา เขาออกเดินไปยังห้องครัวโดยมีตัวอื่นๆ เดินตามมาด้วย เด็กชายลงมือเตรียมอาหารให้กับแมวของเขาทั้งห้าตัวที่ตอนนี้โตไล่เลี่ยกันหมดแล้วแยกไม่ออกว่าไหนแม่ไหนลูก เพราะลูกโตจะแซงคุณแม่อยู่แล้ว ตลอดเวลาที่เตรียมข้าวใส่ชามประจำของแต่ละตัวเขาก็โดนจู่โจมอยู่ที่ขาตลอดเวลา ทั้งคลอเคลีย ทั้งเดินพันไปมา แม้แต่พยายามจะปีนขึ้นมาตามเสื้อผ้า เขายิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขาเลี้ยงดูแมวน้อยทุกตัวอย่างดี และแมวน้อยก็ตอบแทนด้วยการอยู่เป็นเพื่อนเล่น บางตัวก็มักจะติดเขาชอบมาคลอเคลียบ่อยๆ ตอนที่นั่งหรือนอน บางตัวก็ร้องทักทายแล้วก็นอนอยู่ข้างๆ อย่างสบายอารมณ์ถือว่าทักทายแล้วก็พอ
โม่ฟินกินอาหารเช้ากับบรรดาแมวจนเสร็จ ก็พากันออกไปเล่นที่สวนหน้าบ้านที่มีร่มเงาของต้นไม้ที่เติบโตเต็มที่ แผ่กิ่งก้านสาขาที่มีใบบดบังแสงแดดให้ได้นั่งเล่นนอนเล่นกับเพื่อนตัวน้อยได้ตลอด
ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้ออกไปเจอคนภายนอกเลย มีครั้งหนึ่งไปสำรวจทางที่ยังไม่ได้สำรวจ แต่พอไปสำรวจก็ไม่เจออะไรนอกจากภูเขาต้นไม้ จึงไม่ได้อะไรนอกจากพาน้องแมวไปเที่ยวเล่น
“น้องแมววันนี้อยู่บ้านกันนะ เดี๋ยวพี่ฟินจะไปในเมืองสักหน่อย พี่ฟินอยากได้ของบางอย่าง”
เมี๊ยววววว
“เก่งมาก เด็กดี แล้วพี่ฟินจะซื้อขนมมาฝาก”
โม่ฟินพูดคุยกับแมวทั้งห้าตัว วันนี้เขาตัดสินใจจะเข้าเมืองเพื่อไปซื้อของและทำอะไรหลายๆ อย่าง และต้องกลับมาก่อนมืดไม่งั้นน้องๆ ขนฟูของเขาที่บ้านได้แหกอกเขาแน่
“บายพี่ฟินไปนะ อยู่แต่ในบ้านนะอย่าไปเล่นนอกรั้ว บาย”
โม่ฟินพูดบอกลาแมวน้อยของเขา แล้วเหาะขึ้นไปในอากาศเหนือหมู่มวลต้นไม้ เขาใช้พลังในการเดินทางและครั้งนี้เขาเหาะไปบนท้องฟ้าโดยกลมกลืนไปกับต้นไม้และใบไม้ เขาพอสังเกตได้ว่าตลอดทางเข้าเมืองจะไม่ค่อยเจอผู้คนจะเจออีกทีก็คือใกล้ประตูเข้าตัวเมือง
เมืองยี่เป็นเมืองใหญ่ติดกับเมืองหลวง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ บ้านเรือนจะกระจุกกันอยู่เป็นหมู่บ้านใหญ่ๆ แตกต่างกันไปแต่ละหมู่บ้านในเมือง และหมู่บ้านที่ไปซื้อของประจำคือหมู่บ้านที่หนึ่งที่ชื่อว่าหมู่บ้านค้ายิ่ง ที่ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบการค้าและเป็นหมู่บ้านที่เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างเมืองต่างๆ
พอใกล้ถึงหมู่บ้านค้ายิ่ง โม่ฟินก็ลงมาเดินเท้าเข้าเมือง เตรียมเงินมาพร้อมในการซื้อของ และเป้าหมายหลักในการซื้อของครั้งนี้ของเขาก็คือรถม้า
“ท่านน้าๆ ร้านขายรถม้าอยู่ตรงไหนหรือขอรับ”
“คุณชายน้อย ที่ขายรถม้าอยู่ที่ท้ายตลาด ที่นั่นมีร้านที่ขายรถม้าและม้าอยู่”
“ขอบคุณท่านน้ามากขอรับ”
โม่ฟินเมื่อได้จุดหมายที่ต้องการก็ออกเดินทางไปทันที แต่ตลอดทางถ้ามีสิ่งของอะไรน่าสนใจก็จะแวะซื้อแวะชิมด้วย และหาซื้อขนมไปฝากน้องๆ ที่บ้าน เดินมาไม่นานเขาก็เจอร้านที่ขายรถม้า และมีสัตว์ที่เป็นพาหนะขายด้วย มีทั้งวัว ม้าและลา
“ท่านลุง ข้าต้องการที่จะซื้อรถม้า ท่านขายอย่างไร”
“โอ้คุณชายน้อย รถม้าร้านข้ามีหลายขนาดและหลายราคา เจ้าสนใจตัวไหนดูก่อนได้”
โม่ฟินพยักหน้าเข้าใจและเดินไปดูตรงโซนที่มีการขายรถม้า เขามองดูรถม้าหลากหลายขนาดและคุณภาพไม้ที่ทำ ดูท่าร้านนี้จะเป็นร้านที่คุณภาพดีเพราะไม้ที่เลือกใช้และฝีมือดีเยี่ยมมากจริงๆ เขาเดินไปหยุดอยู่ระหว่างรถม้าสองคัน ขนาดความกว้างเท่ากันแต่ความสูงไม่เท่ากัน มันเป็นรถม้าขนาดกลางที่คนสี่คนสามารถนอนได้อย่างสบายๆ ข้างใน
“สองคันนี้ต่างกันอย่างไร”
“ต่างกันที่ตรงความสูงและข้างใน คันที่หลังคาสูงกว่าข้างในจะมีที่นั่งอยู่ด้วยแต่อีกคันไม่มี”
“ข้าขอดูข้างในได้หรือไม่ขอรับ”
“ได้ๆ”
เจ้าของร้านพาโม่ฟินไปสำรวจดูรถม้าตามที่ต้องการทันที เขามองดูอยู่นานก็ตัดสินใจเลือกซื้อได้ เขาเลือกคันที่มีที่นั่ง และตกลงราคาซื้อขายอยู่ที่ราคา1เหรียญทอง ไม่รวมม้าจึงต้องไปซื้อม้าที่จะใช้ลากรถม้า เจ้าของร้านพามาเลือกม้าต่อที่คอกม้าข้างกัน
“ถูกใจตัวไหนเลือกได้เลยคุณชาย แต่ละตัวราคาไม่เท่ากัน แต่คุณภาพดีทุกตัวข้ารับรองได้”
โม่ฟินเดินสำรวจคอกม้าไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะเลือกม้า เพราะเขาคิดว่าม้าที่ดีจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่ดี ถ้าเจ้าของร้านรับประกันแปลว่าต้องมีการดูแลม้าพวกนี้อย่างดีด้วย และก็เป็นจริงตามที่คิด คอกม้าสะอาด ม้าสุขภาพดีแข็งแรงไม่มีเจ็บป่วยและมีการตัดแต่งขนสวยงาม
ปึก ปึก ปึก ฮี้… ปึก ปึก
โม่ฟินหันหน้าไปตามเสียงอะไรสักอย่างกระแทกคอกและเสียงม้าร้องเสียงดัง เขาเดินเข้าไปหาตามเสียงทันที
“คุณชาย ช้าก่อน”
“นั่นเสียงอะไรหรือ”
"นั่นเสียงม้าใหม่ พึ่งจับมาไม่นาน เป็นม้าป่า ข้าเห็นว่ามีลักษณะดีและสวยเลยจับมาขาย แต่มันยังไม่คุ้นชินจึงยังพยศนัก"
“ข้าอยากเห็น”
โม่ฟินเดินตามเสียงไปยังท้ายคอก เมื่อไปถึงเขาก็เห็นอาชาสีดำสนิททั้งตัว ตัวสูงใหญ่เกือบสองเมตร มันทำท่ากระสับกระส่ายไปมา พยายามกระแทกประตูคอกที่ขังมันไว้ เขามองดูและคิดตามการกระทำของมัน และจากที่เจ้าของร้านบอก มันเป็นม้าป่าคงไม่คุ้นชินกับการต้องมาอยู่ในคอกแคบๆ แบบนี้ และมันก็ถูกใจเขามากเป็นที่สุด
“ข้าซื้อ”
“แต่คุณชาย ข้าเกรงว่ามันจะเป็นอันตรายต่อท่านถ้าซื้อมันไป”
“ท่านเคยฝึกมันเข็นรถหรือยังขอรับ”
“เคยฝึกแล้วครั้งสองครั้งคุณชาย”
“งั้นก็แปลว่าขายได้แล้ว”
“แต่คุณชาย มันพยศนัก ข้าเกรงว่าท่านคงคุมมันไม่ได้”
“ถ้าข้าทำได้ท่านจะขายมันให้ข้าหรือไม่”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ข้าก็ขายให้ท่าน และลดราคาให้ด้วย”
โม่ฟินพยักหน้าตกลงกับเจ้าของร้านและหันไปมองม้าสีดำที่กำลังขยับตัวไปมาในคอก เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหามันช้าๆ คอยสังเกตอาการของมันไปด้วย เมื่อเข้ามาใกล้มากจนห่างเพียงไม่มาก เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของม้าที่อยู่ข้างหน้า
“หยุด!!!”
โม่ฟินพูดออกมาเพียงคำเดียวม้าในคอกที่ขยับตัวไปมาก็หยุดลงและยืนนิ่งจ้องมองมาทางเด็กชายตรงหน้า
“ชู่….. เจ้าม้า ใจเย็นๆ นะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้า”
โม่ฟินเอื้อมมือออกไปข้างหน้าหมายจะจับตัวของม้าสีนิลข้างหน้า เขาเพียงเอื้อมมือไปช้าและสังเกตอาการของเจ้าม้าไปด้วย เมื่อมือของเขาวางลงบนหัวของมันได้สำเร็จ จากม้าที่เคยพยศก็กลายเป็นม้าที่แสนเชื่อง เขาขยับไปลูบหัวและคอของมันอย่างนุ่มนวล ท่ามกลางสายตาของเจ้าของร้านที่มองเขาตาแทบถลนออกมา
“ท่านทำได้อย่างไร”
“ข้าแค่ถูกชะตากับม้าตัวนี้ ท่านขายให้ข้าได้แล้วใช่ไหมขอรับ”
“ได้ๆ ข้าขาย”
โม่ฟินพยักหน้ารับแล้วหันไปพูดคุยกับม้าต่อ โดยให้เจ้าของร้านไปทำสัญญาซื้อขาย
“พี่ม้า ท่านไปอยู่กับข้านะ รับรองว่าข้าจะไม่ขังท่านในกรงแคบๆ แน่นอน”
โม่ฟินฟังเสียงม้าที่ตอบรับเข้าอย่างเข้าใจก็ยิ้มออกมา ไม่นานเจ้าของร้านก็มาพร้อมลูกน้อง
“คุณชายท่านต้องการให้ต่อรถกับม้าเลยหรือไม่”
“ต่อเลย และข้าอยากให้ท่านนำไปส่งที่ประตูเข้าเมืองขอรับ”
“ได้ๆ เชิญคุณชายทางนี้”
โม่ฟินเดินตามเจ้าของร้านไป
“ม้าหนึ่งตัวขาย1เหรียญทอง แต่ที่สัญญากันไว้คือลดลงให้ด้วย ข้าลดเหลือ800เหรียญเงิน รวมราคารถม้ากับม้าเป็น1เหรียญทอง800เหรียญเงิน”
“ข้าอยากได้อานม้าด้วย”
“ท่านจะขี่มันเร๊อะ”
“ใช่ ในอนาคตข้างหน้า ทำไมรึ”
“ไม่มีๆ ข้าเพียงขอให้คุณชายโชคดี อานม้าราคา5เหรียญเงิน รวมเป็น 1เหรียญทอง805เหรียญเงิน”
โม่ฟินพยักหน้าเข้าใจและหยิบเงินเหรียญทองสองเหรียญออกมาจ่าย เจ้าของร้านให้เขารอเงินทอนสักครู่ เขาจึงนั่งรอจิบน้ำชารับรองที่ร้านจัดให้ลูกค้า ไม่นานเจ้าของร้านก็ออกมาพร้อมกับถุงเหรียญเงิน
“ข้าจะไปเดินหาซื้อของต่อขอรับ ท่านให้คนของท่านนำไปส่งที่ประตูเมืองรอจนกว่าข้าจะไปรับ”
“ได้ๆ”
แล้วเจ้าของร้านก็เรียกลูกน้องมาหนึ่งคนแนะนำเขาให้ลูกน้องรู้จักและจดจำไว้ว่าคนมารับรถม้าคือเขาเท่านั้น เมื่อจบการซื้อขายแล้ว เด็กชายก็เดินหาซื้อของในตลาดต่อ ทั้งเสื้อผ้าของใช้ โม่ฟินหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่มหลายขนาด เพราะเขานั้นสูงขึ้นจากเดิมมาเยอะจนกางเกงเริ่มขาลอยแล้วถึงแม้จะไม่มีใครเห็นเพราะอยู่ใต้ชุดก็ตาม แต่เขายังไม่หยุดสูงเพียงเท่านี้ เขาจึงเลือกซื้อชุดเพิ่มอีกสามขนาดและต่างสีกันเผื่ออนาคตข้างหน้า
เมื่อเลือกซื้อของจนเสร็จเขาก็เดินไปรับรถม้าของเขายังจุดนัดพบ
“สวัสดีพี่ม้า รอข้านานไหม”
เมื่อไปถึงเขาก็เดินเข้าไปลูบม้าสีนิลพร้อมกล่าวคำทักทายอีกครั้ง
“คุณชาย”
“นี่เงินของท่าน ค่าเฝ้ารถให้ข้าขอรับ”
“ขอบคุณคุณชาย”
“เอ่อ พี่ชาย ก่อนท่านจะไปช่วยสอนการบังคับรถม้าให้ข้าได้หรือไม่”
“ห้ะ ท่านบังคับรถม้าไม่เป็นหรือ”
“ใช่ ท่านสอนข้าได้หรือไม่”
“เอ่อ ได้ขอรับ”
โม่ฟินเรียนรู้วิธีการบังคับรถม้าอย่างเร่งรัดจากคนเฝ้ารถม้าเพียงไม่นานก็เข้าใจ ตอนที่รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าโม่ฟินตื่นเต้นมากๆ คนที่พึ่งสอนให้เขาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ดีดี ดีมาก ไปเรื่อยๆ”
โม่ฟินบังคับรถม้าไปก็ส่งเสียงพูดคุยกับม้าข้างหน้าเป็นระยะด้วย จนเขาแน่ใจว่าตนเองบังคับรถม้าได้คล่องแล้ว เขาก็หยุดรถลง
“นิ่ง นิ่งไว้ แป็ปนะพี่ม้า ข้าถอดไอนี่ออกให้”
โม่ฟินลงมาจากรถม้าแล้วเข้ามาดูม้าของเขา เขาถอดสายที่รัดม้ากับรถม้าออกจากกัน แล้วดึงให้ม้าเดินห่างออกมานิดหน่อย
“รอแป็ปนะพี่ม้า”
เขาสั่งให้ม้ายืนรอเขาแล้วเดินไปหยิบอานม้ามาจากท้ายรถ เขายืนอยู่ข้างๆ รถม้าแล้วโบกมือไปกลางอากาศรถม้าคันใหญ่ก็หายไปในพริบตา
“เป็นไงข้าเก่งใช่ไหมล้าา”
โม่ฟินเดินกลับมาหาม้าของเขาอีกครั้งแล้วเริ่มใส่อานม้าลงบนหลังของม้า ใช้เวลาในการใส่และเรียนรู้การใส่อานม้าไม่นานก็ทำสำเร็จ
“สูงแห่ะ ขึ้นไม่ได้แน่นอน งั้นใช้ลมช่วยหน่อยละกัน”
โม่ฟินบังคับลมให้พยุงตัวเขาให้ลอยขึ้นแล้วขึ้นไปนั่งบนหลังม้าได้สำเร็จ ยื่นมือไปจับเชือกขึ้นมาถือเอาไว้
“หวังว่าพี่จะไม่ทำข้าหล่นหรอกนะ”
เขาลูบไปที่คอของม้าแล้วพูดบอก
********************************
ความคิดเห็น